Baan Jompra

ชื่อกระทู้: เป็นพระที่ดีและพลังแรงมากๆ สายพุทธคุณล้วน [สั่งพิมพ์]

โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-19 17:43
ชื่อกระทู้: เป็นพระที่ดีและพลังแรงมากๆ สายพุทธคุณล้วน
พระที่มีพุทธคุณดังกล่าวของหลวงปู่ มีหลายองค์ แต่เหมือนจะไม่ค่อยมีใครพยายามเก็บกันซักเท่าใด ทั้งที่ดีมากๆ และใส่ได้ทุกสถานการณ์เพียงแต่จะไม่ได้เด่นในเรื่องเมตตาและเสน่ห์ก็เท่านั้นเอง แต่ถ้าในเรื่องความมั่นคงของชีวิตในระยะยาว ผมอยากที่จะแนะนำ พระบางชุดที่หลวงปู่ทั้งสร้างไว้ครับ

1. พระยอดขุนพล
     เป็นพระที่พลังค่อนข้างแรงและรวดเร็วมาก หนักแน่นและมีกำลัง เหมาะเวลาเ กำลังใจตก หดหู่ ท้อถอย
    เพราะเป็นยอดขุนพล พระนี้จึงสามารถโน้มนำคุณสมบัติของยอดขุนพลให้เกิดขึ้นในตัวเราได้ ตามตำราพิชัยสงครามของซุนวู กล่าวว่า อันผู้บังคับบัญชานั้นเป็นเครื่องหมายของสติปัญญา ความเป็นธรรม ความเมตตา ความกล้าหาญ และเคร่งครัด ผู้ใดมีพระยอดขุนพล มีความศรัทธาในพุทธศาสนาเป็นที่ตั้ง ประกอบความดี ละความชั่ว มีจิตใจเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่น ย่อมได้รับอานิสงค์แก่ตัวเอง ได้แก่คุณสมบัติของยอดขุนพลดังกล่่าว
        ส่วนประสบการณ์ ต้องรู้ด้วยตนเองดีที่สุด แต่หลวงปู่ปลุกเสกกว่าห้าปี แน่นอนถือว่านานมาก พร้อมยังมีพุทธคุณทำน้ำมนต์ และเท่าที่ได้ฟังมาหลวงปู่ท่านตั้งใจบรรจุใต้ฐานพระด้วย แปลว่า พระนี้หลวงปู่ท่านต้องการสร้างไว้สืบทอดพระศาสนา ดังนั้นพระยอดขุนพลจึงเป็นของสูง เหมาะแก่การบูชาอย่างมิต้องสงสัย

By MorPie



โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-19 17:45
2. พระนาคปรกห้าพลัง ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ามีพลังหลักอยู่ห้าอย่างอันได้แก่
1. พลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์ มีอำนาจบารมี
2. พลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์ มีโชคลาภมีความสำเร็จแห่งชีวิต
3. พลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์ มีเมตตามหานิยม ลาภผลพูนทวี
4. พลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์ ปกป้อง แคล้วคลาด ปลอดภัย
5. พลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์ คุ้มครองป้องกันมนต์ดำ เดรัจฉานวิชา วิญญาณชั่วร้าย

  พระนี้พลังดีและหนักแน่นมาก มีคุณสมบัติครบถ้วนและมีความหมายที่ดีมากๆ องค์ประกอบกสร้างก็ดีมาก ทำไมจึงบอกอย่างนั้น อันนี้ตอบได้จากการวิเคราะห์อย่างละเอียด

ประวัติและความสำคัญ ครั้นพระพุทธองค์เสด็จประทับเสวยวิมุตติสุข ณ ร่มไม้อชปาลนิโครธสิ้น ๗ วัน แล้วพระองค์ก็เสด็จไปประทับนั่งเสวยวิมุตติสุขยังร่มไม้จิก อันมีชื่อว่า มุจจลินท์ ซึ่งตั้งอยู่ด้านทิศอาคเนย์ของต้นพระศรีมหาโพธิ์ วันนั้นเกิดฝนตกพรำอยู่ไม่ขาดสายตลอด ๗ วัน พญานาคมุจจลินท์ ผู้เป็นราชาแห่งนาค ได้ออกจากนาคพิภพ ทำขนดล้อมพระวรกาย ๗ ชั้น แล้วแผ่พังพานใหญ่ปกคลุมเบื้องบน เหมือนกั้นเศวตฉัตรถวายพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยความประสงค์มิให้ฝนและลมหนาวสาดต้องพระวรกาย ทั้งป้องกันเหลือบ ยุง บุ้ง ร่าน ริ้น และสัตว์เลื้อยคลานทั้งมวลด้วย ครั้งฝนหายแล้ว พญามุจจลินท์นาคราช จึงคลายขนดจากที่ล้อมพระวรกาย พระพุทธเจ้า จำแลงเพศเป็นมาณพน้อยยืนทำอัญชลีถวายนมัสการพระพุทธองค์ ในที่เฉพาะพระพักตร์ ลำดับนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงเปล่งอุทานว่า สุโข วิเวโก ตุฏฺฐัสสะ สุตะธัมมัสสะ ปัสสะโต อัพยาปัชชัง สุขัง โลเก ปาณะภูเตสู สัญญะโม สุขา วิราคะตา โลเก กามานัง สะมะติกฺกะโม อัสมิมานัสสะ วินะโย เอตัง เว ปะระมัง สุขัง ฯ ความว่า ความสงัดเป็นสุขของบุคคลผู้มีธรรมอันได้สดับแล้ว รู้เห็นสังขารทั้งปวงตามเป็นจริงอย่างไร ความเป็นคนไม่เบียดเบียน คือความสำรวมในสัตว์ทั้งหลาย และความเป็นคนปราศจากความกำหนัด คือความก้าวล่วงกามทั้งปวงเสียได้ เป็นสุขในโลกความนำออกเสียซึ่งอัสมินมานะ คือความถือตัวตนให้หมดได้นี้เป็นสุขอย่างยิ่ง พระพุทธจริยาที่เสด็จประทับนั่งเสวยวิมุตติสุข ภายในวงขนดของพญานาคมุจจลินท์นาคราชที่ขดแวดล้อมพระกายอยู่นี้
ดังนั้น คุณสมบัติสำคัญคือ ความปกป้องปลอดภัยจากเหตุอันไม่สะดวกต่างๆ ป้องกันการเบียดเบียนและสิ่งไม่ดีงามทั้งหลาย อีกทั้งยังเข้าถึงคุณธรรมของความสงัด การไม่เบียดเบียน และปราศจากกิเลสอีกด้วย นำพาความสุขยิ่งแก่ชีวิต
นอกจากนี้ยังต้องวิเคราะห์แผ่นยันต์ที่นำมาหลอมสร้างด้วย อันได้แก่
แผ่นยันต์พระเจ้า 5 พระองค์ แผ่นยันต์นวหรคุณ  แผ่นยันต์พระเจ้าสิบชาติ แผ่นยันต์พระสิวลี แผ่นยันต์นะชาลิติ แผ่นยันต์ชินบัญชร  

“พระเจ้าห้าพระองค์” คำนี้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายต่างรู้จักกันดีในนามคาถาพระเจ้าห้าพระองค์
ซึ่งมีใจความสั้นๆว่า “นะ โม พุท ธา ยะ” เป็นคาถาที่เชื่อกันว่าเมื่อบริกรรมแล้วจะมีพระเจ้าห้าพระองค์มาสถิตที่ร่างกายทั้งห้าจุด นั้นคือแขนทั้งสอง ขาทั้งสองและกระหม่อม หากบริกรรมขณะต่อสู้ก็จะเกิดพลัง ไม่เหนื่อยง่าย บ้างก็เชื่อว่าถึงขั้นคงกระพันหนังเหนียว ตามตำนานพระเจ้าห้าพระองค์นั้นกล่าวว่า กาเผือกได้ตกไข่ 5 ฟองที่ภูลังกา วันหนึ่งเกิดลมพายุใหญ่หอบเอาไข่ปลิวไปตามลม ไข่นั้นได้ตกกระจัดกระจายไปในสถานที่หลายแห่ง ต่อมาไข่นั้นได้ฟักออกมาเป็นพระเจ้ากกุสันโธ พระเจ้าโกนาคโม พระเจ้ากัสสโป พระเจ้าโคตโม และองค์ต่อไปได้แก่ พระศรีอาริยเมตรัยโย ที่จะมาตรัสรู้ในอนาคตอีกประมาณ 750 ล้านปี เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ที่ 5 ในภัทรกัปนี้ ดังนั้นจึงเท่ากับการบูชาพระพุทธองค์พร้อมกันถึง 5 พระองค์

โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-19 17:46
ส่วนคาถาหัวใจพระนวหรคุณ หรือ พระคาถา อิติปิโส เก้าห้อง ซึ่งก็คือ หัวใจพระพุทธคุณ นั่นเอง เป็นพระคาถาที่ถอดใจความสำคัญออกมาจากพระพุทธคุณทั้ง 56 พระคาถา คาถาบทนี้ยังใช้ต่อสายสิญจน์ที่ขาด ใช้ปลุกสิ่งของต่างๆ ทั้งใช้ภาวนา เป็นเมตตามหานิยม และแคล้วคลาดได้ คาถาบทนี้ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท ใช้บริกรรมภาวนาขณะปลุกเสกวัตถุมงคล ไล่เรียงตั้งแต่ห้องที่ 1 ถึง ห้องที่ 9 ดังนี้
1.อะระหัง หมายถึง เป็นผู้ดับเพลิงทุกข์ เพลิงกิเลสโดยสิ้นเชิง สำหรับป้องกันไฟทั้งปวง
2.สัมมาสัมพุทโธ หมายถึง เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้ด้วยตัวพระองค์เอง สำหรับ เป็นตบะเดชะเสริมสร้างสง่าราศี
3. วิชาจะระณะสัมปันโน หมายถึง เป็นผู้พร้อมด้วยวิชาและจรณะ สำหรับเสริมโภคทรัพย์โชคลาภ
4. สุคะโต หมายถึงเป็นผู้ดำเนินไปได้ด้วยดี สำหรับใช้ในด้านการเดินทาง ทั้งทางบก น้ำ อากาศ
5.โลกะวิทู หมายถึง เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้งสำหรับภาวะนาเมื่อเข้าป่าหรือที่มืด
6. อนุตตโร ปุริสะทัมมะสาิถิ หมายถึง เป็นผู้ฝึกบุรุษผู้ควรฝึกได้ อย่างไม่มีใครยิ่งกว่าสำหรับใช้ทางมหาอำนาจ ตวาดผี
7. สัตถาเทวะมนุษานัง หมายถึง เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย  เป็นเสน่ห์เมตามหานิยม สมณะ ขุนนางเอ็นดู
8. พุทโธ หมายถึง ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน สำหรับใช้ภาวนาอารมณ์ ทำให้ไม่ตกต่ำอับจน
9. ภะคะวา ติ หมายถึง เป็นผู้จำเริญ จำแนก ธรรมและสั่งสอนสัตว์สำหรับใช้ในทางป้องกันภยันอันตรายจากมนุษย์,อมนุษย์,อสูรกาย,สัตว์เดรัจฉาน,ป้องกันการประทุษร้ายเหล่านั้นได้ ทั้งสิ้นแล
แค่ปางที่สร้าง และแผ่นยันต์ที่นำมาหลอมแค่สองชุดก็มีพุทธคุณล้นมากนานาประการแล้ว
ต่อไปจะมาวิเคราะห์เพิ่มเติมถึง แผ่นยันต์พระเจ้าสิบชาติ แผ่นยันต์พระสิวลี แผ่นยันต์นะชาลิติ แผ่นยันต์ชินบัญชร

โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-19 17:46
พระเจ้าสิบชาติ
หมายถึง ทศชาติชาดก ประกอบด้วย ๑. เตมียชาดก : บำเพ็ญเนกขัมมบารมี, ๒. มหาชนกชาดก : บำเพ็ญวิริยบารมี, ๓. สุวรรณสามชาดก : บำเพ็ญเมตตาบารมี, ๔. เนมิราชชาดก : บำเพ็ญอธิษฐานบารมี, ๕. มโหสถชาดก : บำเพ็ญปัญญาบารมี, ๖. ภูริทัตชาดก : บำเพ็ญศีลบารมี, ๗. จันทกุมารชาดก : บำเพ็ญขันติบารมี, ๘. นารทชาดก : บำเพ็ญอุเบกขาบารมี, ๙. วิทูรชาดก : บำเพ็ญสัจจบารมี และ ๑๐. เวสสันดรชาดก : บำเพ็ญทานบารมี
นำนามหน้าของแต่ละชาติมาเรียงรวมกันเป็น คาถาพระเจ้าสิบชาติ "เต ชะ สุ เน จา นา มะ ภู วิ เวฯ" คาถาพระเจ้าสิบชาติ เสกข้าวกินทุกวัน ปัญญาดีเลิศกว่าคนทั้งหลาย ทำน้ำมนต์ให้หญิงมีครรภ์กิน ลูกเกิดมาปัญญาเฉลียวฉลาดดีนัก ปราศจากโรคาพยาธิ และมีอนุภาพอื่นๆอีก

โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-19 17:53
พระสีวลี ท่านเลิศทางมีลาภมาก จากผลบุญในอดีตชาติ

จนแม้กระทั้งองค์สมเด็จพระสัมมาพระพุทธเจ้าทรงยกย่องพระสิวลี ว่า

"ภิกษุทั้งหลาย ผู้บริโภคด้วยลาภ ยกเว้นแต่พระตถาคตเจ้าแล้ว ไม่มีผู้ใดจะเลิศด้วยลาภเหมือนพระสิวลีเถรเจ้า”

บทเดิมจะว่า "นะ ชา ลิ ติ" หรือ "นะ ชา ลี ติ"

คาถาหัวใจพระสีวลีทั้ง ๔ ตัวนั้นถอดมาจากคาถา "ธรณีปริตร" ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทานให้พระอานนท์

"ชาโล มหาชาโล ชาลัง มหาชาลัง ชาลิเต มหาชาลิเต ชาลิตัง มหาชาลิตัง

มุตเต มุตเต มุตตัง มุตตัง สัมปัตตัง สุตัง คะมิติ สุตังคะมิติ มัคคะยีติ ทิฏฐิลา ทัณฑะลา มัณฑะลา

โรคิลากะระลา ทุพพะลา ริตติ ริตติ กิตติ กิตติ มิตติ มิตติ จิตติ จิตติ มุตติ มุตติ จุตติ จุตติ

ธาระณี ธาระณีติ อิทังธา ระณะ ปะริตตัง"

สมัยโบราณ ถ้าหากจะลงอักขระให้ครบทุกตัวนั้น ก็คงจะยาวเกินไป จึงมีการย่อคาถาบทต่างๆให้สั้นลง

ซึ่งเรียกว่า "หัวใจ" และคาถา "ธรณีปริตร" ดังกล่าวนี้

ก็ได้ย่อให้เหลืออักขระที่เป็นหัวใจเพียงสี่ตัว คือ "นะ ชา ลิ ติ"

อานุภาพทางโชคลาภ เมตตามหานิยม ป้องกันภัยจากไฟอีกด้วยครับ

โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-19 17:53
ประวัติพระสีวลีเถระ
พระสีวลีเถระ เป็นพระมหาเถระที่มีประวัติค่อนข้างแปลกไปกว่าพระมหาเถระองค์อื่น ๆ ท่านต้องอยู่ในครรภ์พระมารดาอยู่ถึง ๗ ปี กับอีก ๗ วัน ด้วยอำนาจบุรพกรรมตามมาส่งผล และพระพุทธองค์ทรงยกย่องให้เป็นตำแหน่งเอตทัคคะในบรรดาภิกษุผู้เลิศด้วยลาภ และเลิศด้วยยศทั้งหลาย ในศาสนาของพระองค์ แม้พระมารดาคือ พระนางสุปฺปวาสา ผู้เป็นราชบุตรีของเจ้าโกลิยะ.ก็ทรงเป็นเอตทัคคะผู้กว่าพระสาวิกาทั้งหลายผู้ถวายสิ่งของอันประณีต การที่พระพุทธองค์ได้ทรงยกย่องท่านในตำแหน่งเอตทัคคะดังกล่าวก็เป็นไปตามความปรารถนาของท่านมาแต่ในอดีต

โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-19 17:53
ความปรารถนาในอดีต
ในกัปที่แสน แต่กัปนี้ ในกาลของพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า ปทุมุตตระ ในครั้งนั้น ท่านได้เกิดเป็นกษัตริย์ในพระนครหงสวดี ได้ยินพระพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตั้งสาวกของพระองค์ชื่อสุทัสสนะ ไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะผู้มีลาภมาก ดังนั้น ทรงปรารถนาในตำแหน่งนั้นบ้าง จึงได้นิมนต์ พระชินสีห์พร้อมทั้งพระสาวก ให้เสวยและฉันถึง ๗ วัน ครั้น ถวายมหาทานแล้วก็ได้ตั้งความปรารถนาว่า ขอให้ท่านเป็นเอตทัคคะผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้มีลาภในอนาคตกาล.พระปทุมุตตระบรมศาสดา จึงทรงพยากรณ์ว่าความปรารถนาของท่านนี้จะสำเร็จในกัปที่แสนแต่กัปนี้ไป ท่านจะบังเกิดในนาม สีวลี ได้บวชในสำนักของพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่าโคตมะ ซึ่งสมภพในวงศ์ของพระโอกกากราช ดังนี้แล้ว เสด็จหลีกไป

ต่อจากนั้น ท่านก็กระทำกุศลจนตลอดชีวิต ครั้นสิ้นชีวิตแล้วก็ท่องเที่ยวไปกำเนิดในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ครั้นในกัปที่ ๙๑ แต่ภัทรกัปนี้ ในกาลของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า วิปัสสี ท่านได้ถือปฏิสนธิในหมู่บ้านแห่งหนึ่งไม่ไกลพระนครพันธุมดี ในสมัยนั้น ท่านเป็นคนโปรดปรานของสกุลหนึ่งในพระนคร และเป็นคนที่หมั่นขยันขวนขวายในกิจการงาน

โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-19 17:54
สมัยหนึ่งหลังจากที่พระบรมศาสดาเสด็จเที่ยวจาริกไปในชนบท กลับมาสู่พระนครพันธุมดี ครั้งนั้น พระเจ้าพันธุมะซึ่งเป็นพุทธบิดา ได้ทรงเตรียมอาคันตุกทาน เพื่อภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ทรงปรารถนาจะทำมหาทานแข่งกับชาวเมือง ในวันใดที่พระราชาเป็นผู้ถวายทาน เหล่ามหาชนก็จะสังเกตดู และในวันรุ่งขึ้นก็จะเตรียมทานให้ยิ่งกว่านั้น และในวันถัดไป พระราชาก็จะถวายให้ยิ่งขึ้นไปอีก จนกระทั่งถึงวันที่ ๖ ซึ่งเป็นวันของชาวเมือง ชาวเมืองเหล่านั้นทั้งหมดได้จัดเตรียมสิ่งของไว้ทุกสิ่ง โดยตั้งใจจะไม่ให้มีสิ่งใดที่ขาดแม้สักสิ่งเดียว จึงได้ตรวจดูทานที่ตนได้เตรียมไว้ก็ไม่เห็นน้ำผึ้งสด มีเพียงน้ำผึ้งที่เคี่ยวแล้ว ชนเหล่านั้นจึงให้คนถือเอาทรัพย์คนละ ๑ พันกหาปนะแล้วส่งไปเฝ้ายังประตูพระนครทั้ง ๔ เพื่อขอซื้อจากผู้ที่มาจากชนบทนอกพระนคร

ในวันนั้นเอง ท่านเดินทางเข้ายังพระนครด้วยปรารถนาจะเยี่ยมนายบ้าน ในระหว่างทางท่านเห็นรวงผึ้งที่ปราศจากตัวอ่อน ขนาดเท่างอนไถ จึงไล่ตัวผึ้งให้หนีไป แล้วตัดกิ่งไม้ถือรวงผึ้ง ด้วยตั้งใจว่าจะนำไปให้แก่นายบ้าน ฝ่ายผู้ที่ชาวเมืองมอบเงินไปเพื่อหาซื้อน้ำผึ้ง พบท่านถือรวงผึ้งสดเข้ามาจึงขอซื้อในราคาหนึ่งกหาปนะ

ท่านเกิดความคิดว่า ธรรมดารวงผึ้งนี้ย่อมไม่ถึงค่าน้อยกว่าหนึ่งกหาปนะมาก แต่บุรุษนี้ให้ทรัพย์กหาปณะหนึ่ง เห็นจะมีเหตุเบื้องหลังอยู่ จึงตอบปฏิเสธไป บุรุษนั้นจึงขึ้นราคาให้เป็นสองกหาปนะ ท่านก็ยังปฏิเสธอีก บุรุษนั้นก็ขึ้นราคาไปเรื่อย ๆ จนถึงพันกหาปนะ

ท่านได้พิจารณาเห็นเป็นเรื่องผิดปกติมากที่ขอซื้อรวงผึ้งสดด้วยราคาถึงพันกหาปนะ จึงได้สอบถามถึงเหตุผล บุรุษผู้นั้นจึงให้เหตุผลว่า พวกชาวพระนครได้ตระเตรียมมหาทาน เพื่อถวายพระวิปัสสีสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีสมณะ ๖ ล้าน ๘ แสนเป็นบริวาร ในมหาทานนั้นยัง ไม่มีน้ำผึ้งดิบอย่างเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้น เขาจึงขอซื้อ ในราคาเช่นนั้น.

ท่านเห็นเป็นโอกาสที่จะได้ทำบุญอันยิ่งใหญ่ จึงขอมีส่วนร่วมในมหาทานนั้น บุรุษนั้นไปบอกเนื้อความแก่ชาวเมือง. ชาวเมืองทราบในศรัทธาของเขาจึงอนุโมทนา ท่านจึงได้เอากหาปณะที่ตนเก็บไว้เพื่อเสบียงเดินทางจากบ้านไปซื้อเครื่องเทศ ๕ อย่างแล้ว ทำให้ป่น นำเอาน้ำส้มมาจากนมส้มแล้ว คั้นรังผึ้งลงในนั้น ปรุงด้วยจุณเครื่องเทศ ๕ อย่างแล้ว ใส่ลงในบัวตระเตรียมสิ่งนั้นเรียบร้อยแล้ว ถือไปนั่งในที่ไม่ไกลพระทศพล เมื่อมหาชนเป็นอันมากนำเอาสักการะไป เขามองดูวาระที่จะถึงแก่ตนในลำดับ รู้ช่องทางแล้วจึงเข้าเฝ้าพระศาสดา กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สักการะอันยากไร้นี้เป็นของข้าพระองค์ ขอพระองค์โปรดอาศัยความอนุเคราะห์ข้าพระองค์ รับสักการะนี้เถิด พระศาสดาทรงอนุเคราะห์เขา ทรงรับสักการะนั้นด้วยบาตรศิลา อันท้าวมหาราชทั้ง ๔ ถวายแล้ว ได้ทรงอธิษฐานให้ไทยธรรมที่ถวายเพียงพอแก่ภิกษุ ๖,๘๐๐,๐๐๐ รูป ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้า.น้ำผึ้งนั้นก็มีเพียงพอแก่พระสาวกทั้งสิ้น

ครั้นแล้วท่านถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้กระทำภัตกิจ เสร็จแล้วยืนอยู่ ณ ส่วนข้างหนึ่ง กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ ด้วยผลแห่งกรรมนี้ ขอข้าพระองค์ พึงเป็นผู้ถึงความเป็นผู้เลิศด้วยความเป็นผู้มีลาภ ในภพที่เกิดแล้ว ๆ ดังนี้ พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนกุลบุตร ความปรารถนาของท่านจงสำเร็จอย่างนั้น ดังนี้แล้ว ทรงกระทำภัตตานุโมทนาแก่เขาและชาวเมืองแล้วเสด็จหลีกไป.

โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-19 17:54
ประวัติพระคาถาชินบัญชร
  คราวที่สมเด็จโตได้เดินทางไปกําแพงเพชรเพื่อเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ของท่านท่านไปที่วัดเก่าแห่งหนึ่งชื่อวัดเสด็จ
มี เจดีนิโบราญบรรจุพระบรมธาตุอยู่บนฝั่งแม่นํปิงพบคัมภีร์โบรายผูกหนึ่งเป็น ภาษาสิงหลฝังอยู่ในเจดียืนั้นท่าน่ข้าระคุรสมเด้จโตหยอบใส่ย้ามมา และเก้บไว้ที่กุฏิแดงวัดระฆังฯ ตี3เจ้า พระคุรสมเด็โตได้นิมิตเห็นหนุ่มรูปร่างสสูงโปร่งตาคมขําอาภรณ์ชุดขาวยืนอยู่ ที่หัวนอนท่านเจ้าพระคุรสมเด้จกําหนดจิตสมัผัสรู้ว่าผูที่ปรากฏในมิตไม่ใช่ มนุษยืแน่จึงถามในสมาธิจิตว่า"ท่านผู้เจริญการที่อาตมาภาพนี้มีตาได้ชมบารมี ท่านเป้นขวัยตาเหลือเกินท่านมาในมี่นี้ใสงใดที่อาตมาภาพปฏิบัติผิดพลาดใน หลักของพระพุทธศาสนาเล่าชอให้ท่านจงประสาทประทานการสอนให้กับอาตทาภาพนี้ แจ่มแจ้งในพระธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเถิด อาคันตุกระใน นิมิตได้กล้วขึ้นว่า"ท่านโตวิธีดําเนินงานของท่านนี้คล้ายองค์สมณโคดมอยู่ แต่การที่จะคิดสร้างพระให้เป็นสิ่งที่ระลึกกับมนุย์นั้นสร้างสิ่งนั้นจะต้อง ดีท่านโตก็เชื่อในเรื่องจิตวิยญาณเพราะฉนั้นควรปฏิบัติตามกฏของโลกวิญยาณคือ วิธีวิธีตั้งให้ถูกหลักการในการปลุกเสกท่านเจ้าพระคุณสมเด็จกัหนดจิตออกไป ว่า" ท่านผู้เจริญขรัวโตนี้ได้รับฟังความเห็นของทุกๆคนถ้าแม้ท่านจะโปรดข้านี้ขอ ได้โปรดบอกมาเถิดจะด่าว่าตักเตือนก็ไมว่า

ท่านผู้มาเยื่อนได้แนะนํา วิธีการต่างๆในเรื่องทิสทางว่าทิศเป็นมงคลทิสไหนไม่เป็นมงคลในการวางธูป เทียน ดอกไม้เทียนชัยให้ตรงหลักระเบียบของโลกวิยญาณเรียกว่าเทวบัญญัติหรือพรมหบัญญัติโดยเฉเพราะเรื่องปลุกเสกพระ เครื่องรางของขลัง ท่านเจ้าพระคุณสมเด็ดได้จดจําคำแนะนําต่างไว้จดหมดสิ้นและกําหนดจิตถามต่อไปว่า ท่านเป็นใครก็ได้คําตอบว่าเป็นเท้ามหาพรมชินนะบัญชรเป็นลูกศิษย์ของพระโมลคัลลานะสําเร็จญาณชั้นสูง พอออกจากสมาธิท่านเจ้าพระคุณสมเด็จ ได้นำคัมภีร์ผูกนั้นออกมาศึกษาได้ความว่าปัญจระสูตรอัญเชิญพระบารมีพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์มาปกป้องคุ้มครองท่านเจ้าพระคุณสมเด็จโตจึงรจนาตัดทิน บางส่วนออกบางคําที่แปลไม่ได้ก็คงไว้แล้วตั้งชื่อพระคาถาบทนี้ว่าชินบัญชร เพื่อถวายกุสลแด่ท้าวมหาพรหมชินะปัญจะระตามบทสวดที่อสุถัทรโพสพระคาถาไว้ให้แล้ว

โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-19 17:55
คำแปล
พระคาถาชินบัญชร


      ๑. พระพุทธเจ้าและพระนราสภาทั้งหลายผู้ประทับนั่งแล้วบนชัยบัลลังก์ ทรงพิชิตพระยามาราธิราชผู้พรั่งพร้อมด้วยเสนาราชพาหนะแล้ว เสวยอมตรส คืออริยะสัจธรรมทั้งสี่ประการ เป็นผู้นำสรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นจากกิเลสและกองทุกข์
      ๒. มี ๒๘ พระองค์ คือพระผู้ทรงพระนามว่า ตัณหังกรเป็นอาทิ พระพุทธเจ้าผู้จอมมุนีทั้งหมดนั้น
      ๓. ข้าพระพุทธเจ้า ขออัญเชิญมาประดิษฐานเหนือเศียรเกล้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่บนศีรษะพระธรรมอยู่ที่ดวงตาทั้งสอง พระสงฆ์ผู้เป็นอากรบ่อเกิดแห่งสรรพคุณอยู่ที่อก
      ๔. พระอนุรุทธะอยู่ที่ใจ พระสารีบุตรอยู่เบื้องขวา พระโมคคัลลาน์อยู่เบื้องซ้าย พระอัญญาโกณฑัญญะอยู่เบื้องหลัง
      ๕ พระอานนท์กับพระราหุลอยู่หูขวา พระกัสสะปะกับพระมหานามะอยู่ที่หูซ้าย
      ๖. มุนีผู้ประเสริฐ คือพระโสภิตะผู้สมบูรณ์ด้วยสิริ ดังพระอาทิตย์ส่องแสงอยู่ที่ทุกเส้นขน ตลอดร่างทั้งข้างหน้าและข้างหลัง
      ๗. พระเถระกุมาระกัสสะปะผู้แสวงบุญทรงคุณอันวิเศษ มีวาทะอันวิจิตรไพเราะอยู่ปากเป็นประจำ
      ๘. พระปุณณะ พระอังคุลิมาล พระอุบาลี พระนันทะ และพระสิวลี พระเถระทั้ง 5 นี้ จงปรากฎเกิดเป็นกระแจจุณเจิมที่หน้าผาก
      ๙. ส่วนพระอสีติมหาเถระที่เหลือ ผู้มีชัยและเป็นพระโอรสเป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าผู้ทรงชัย แต่ละองค์ล้วนรุ่งเรืองไพโรจน์ด้วยเดชแห่งศีลให้ดำรงอยู่ทั่วอวัยวะน้อยใหญ่
      ๑๐. พระรัตนสูตรอยู่เบื้องหน้า พระเมตตาสูตรอยู่เบื้องขวาพระอังคุลิมาลปริตรอยู่เบื้องซ้าย พระธชัคคะสูตรอยู่เบื้องหลัง
      ๑๑. พระขันธปริตร พระโมรปริตร และพระอาฎานาฎิยสูตร เป็นเครื่องกางกั้นดุจหลังคาอยู่บนนภากาศ
      ๑๒. อนึ่งพระชินพุทธเจ้าทั้งหลายนอกที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ผู้ประกอบพร้อมด้วยกำลังนานาชนิดมีศิลาทิธคุณอันมั่นคง คือสัตตะปราการเป็นอาภรณ์มาตั้งล้อมเป็นกำแพงคุ้มครองเจ็ดชั้น
      ๑๓. ด้วยเดชานุภาพแห่งพระอนันตชินเจ้า ไม่ว่าจะทำกิจการใดๆ เมื่อข้าพระพุทธเจ้าเข้าอาศัยอยู่ในพระบัญชรแวดวงกรงล้อมแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอโรคอุปัทวะทุกข์ทั้งภายนอกและภายในอันเกิดแต่โรคร้าย คือโรคลมและโรคดีเป็นต้น เป็นสมุฏฐานจงกำจัดให้พินาศไปอย่าได้เหลือ
      ๑๔. ขอพระมหานบุรุษผู้ทรงพระคุณอันล้ำเลิศทั้งปวงนั้น จงอภิบาลข้าพระพุทธเจ้า ผู้อยู่ในภาคพื้นท่ามกลางพระชินบัญชรข้าพระพุทธเจ้าได้รับการคุ้มครองปกปักรักษาภายในเป็นอันดีฉะนี้แล
      ๑๕. ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการอภิบาลด้วยคุณานุภาพแห่งสัทธรรม จึงชนะเสียได้ซึ่งอุปัทวอันตรายใดๆ ด้วยอานุภาพแห่งพระชินพุทธเจ้า ชนะข้าศึกศัตรูค้วยอานุภาพแห่งพระธรรม ชนะอันตรายทั้งปวงด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ ขอข้าพระพุทธเจ้าจงได้ปฏิบัติและรักษาดำเนินไปโดยสวัสดีเป็นนิจนิรันดรเทอญฯ

โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-19 18:00
อานิสงส์ชินบัญชร

      พระคาถาชินบัญชรนี้ เป็นคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ตกทอดมาจากลังกา เจ้าประคุณสมเด็จค้นพบในคัมภีร์โบราณ ได้ดัดแปลงแก้ไขแต่งเติมให้ดีขึ้นเป็นเอกลักษณ์พิเศษ ได้เนื้อถ้อยกระทงความสมบูรณ์ แปลออกมาแล้วมีแต่สิ่งสิริมงคลแก่ผู้สวดภาวนาทุกประการ
      พระคาถานี้ เป็นการอัญเชิญพระพุทธานุภาพแห่งพระบรมศาสดา สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระพุทธเจ้าที่ได้เคยตรัสรู้มาก่อนหน้านั้น จากนั้นเป็นการอัญเชิญพระอรหันต์ขีณาสพอันสำเร็จคุณธรรมวิเศษแต่ละองค์ไม่เหมือนกัน นอกนั้นยังอัญเชิญพระสูตรต่างๆอันโบราณจารย์เจ้าถือว่า เป็นพระพุทธมนต์อันวิเศษแต่ละสูตรมารวมกันสอดคล้องเป็นกำแพงคุ้มกันตั้งแต่กระหม่อมจอมขวัญของผู้ภาวนาพระคาถาลงมาจนล้อมรอบตัว จนกระทั่งหาช่องโหว่ให้อันตรายสอดแทรกเข้ามามิได้

อานุภาพแห่งพระคาถาชินบัญชร

      ผู้ใดได้สวดภาวนาพระคาถาชินบัญชรนี้ เป็นประจำอยู่สม่ำเสมอ จะทำให้เกิดความสิริมงคลสมบูรณ์พูนผล ศัตรูหมู่พาลไม่กล้ากล้ำกราย ไปทางใดย่อมเกิดเมตตามหานิยม เกิดลาภผลพูลทวี ขจัดภัยจากภูตผีปีศาจ ตลอดจนคุณไสยต่างๆ ทำน้ำมนต์รดแก้วิกลจริต แก้สรรพโรคภัยหายสิ้น เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต มีคุณานุภาพตามแต่จะปรารภนา ดังคำโบราณว่า “ฝอยท่วมหลังช้าง”จะเดินทางไปที่ใดๆ สวด ๙ จบ แล้วอธิฐานจะสำเร็จสมดังใจ

โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-19 18:01
ขอปิดท้ายด้วยเรื่องคาถา นะ ชา ลิ ติ ซึ่งเป็นพระคาถาที่มีปรัชญาในการงานที่ดีเยี่ยมคือ
นะ หมายถึง นอบน้อม มีสัมมาคาราวะ
ชา หมายถึง ขวนขวายเรื่องการงาน
ลี หมายถึง ไม่นอนมาก ไม่นอนดึก ไม่ตื่นสาย
ติ หมายถึง ว่าโดยทั้งหมด
ดังนั้นพระนาคปรกห้าพลังจึงมีอะไรมากกว่าที่หลายคนคิดไว้มากนัก

โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-19 18:02
3. พระปิดตาหลวงปู่ชื่น จะกล่าวถึงเฉพาะองค์ที่เคยได้สัมผัสมานะครับ

พระปิดตาของหลวงปู่ชื่นที่ผมเคยได้สัมผัสมามีสี่แบบด้วยกันคือ
1.ปิดตาลอยองค์
2.ปิดตาใบเสมา
3.ปิดตารุ่นรับทรัพย์
4.ปิดตาผสมผงหลวงพ่อแก้ววัดเครือวัลย์

ก่อนจะลงรายละเอียดแต่ละรุ่น ต้องกล่าวถึงที่มาของพระปิดตาเสียก่อน

โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-19 18:03
พระประวัติของปิดตา
พระภควัมบดี เป็นคติการสร้างรูปจำลองแห่งพุทธสาวก คำว่า "ภควัมบดี" หรือ "ภควัมปติ" แปลว่า "ผู้มีความงามละม้ายเหมือนพระผู้มีพระภาคเจ้า" อันเป็นอีกนามหนึ่งของ พระมหาสังกัจจายนะ หนึ่งในพระสาวกผู้ทรงเอตทัคคะ (เป็นเลิศ) ๘๐ รูป ของพระพุทธองค์
พระมหาสังกัจจายนะ เกิดในวรรณพราหมณ์ ณ กรุงอุเชนี มีผิวกายประหนึ่งทองคำมาตั้งแต่เกิด จึงได้นามว่า "กาญจนะ" และได้อุปสมบทโดยเป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา (พระพุทธเจ้าทำการบวชให้)  พระมหาสังกัจจายนะ มีความเป็นเลิศทางการย่อพระธรรมคัมภีร์ให้สั้นลง และอธิบายความหมายให้ผู้ฟังเข้าใจได้อย่างละเอียดแจ่มแจ้ง พระมหาสังกัจจายนะมีรูปร่างและผิวกายงดงามมาก และด้วยความงดงามแห่งรูปกายนี้เอง ก่อให้เกิดความหลงใหลคลั่งไคล้จากฝูงชนทั้งชายหญิง จนเกิดเรื่องพิพาทกันไม่รู้จักหมดสิ้น ทำให้พระมหาสังกัจจายนะเกิดสลดสังเวชในใจ พิเคราะห์ดูว่า การมีรูปกายงดงาม ก่อให้เกิดทุกข์มากมาย ท่านจึงตั้งสมาธิอธิษฐานเปลี่ยนสรีระรูปร่างกายเป็นต่ำเตี้ย พระอุทรพลุ้ย ศีรษะใหญ่ ขาสั้น อันเป็นลักษณะของ "พระสังกัจจายน์" ที่เห็นในปัจจุบัน  แม้จะอธิษฐานเปลี่ยนสรีระแล้ว ผลแห่งกุศลในอดีตชาติยังส่งผลให้ "พระสังกัจจายน์" เป็นที่รักใคร่นิยมยินดี มีแต่ผู้ให้ลาภสักการะสรรเสริญ

โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-19 18:03
ครั้งหนึ่ง พระศาสดาพร้อมด้วยพระสาวก ๕๐๐ รูป เดินทางธุดงค์เรื่อยมาจนถึงทางสามแพร่งแห่งหนึ่ง ก็เป็นเวลาพลบค่ำพอดี ทางสามแพร่งแห่งนี้มีอยู่ ๒ เส้นทางสำคัญที่จะไปยังจุดหมาย
เส้นทางแรก เป็นระยะทางอันสั้น จัดเป็นเส้นทางลัดที่ใช้เวลาเพียงน้อยนิด ไปสู่จุดหมายได้รวดเร็ว
เส้นทางที่สอง เป็นเส้นทางที่ต้องใช้เวลาในการเดินทางมากกว่าเส้นทางแรกหลายเท่า กว่าจะไปถึงจุดหมาย
เส้นทางแรก เป็นเส้นทางลัดก็จริง แต่ในระหว่างทางแทบจะไม่มีผู้คนอาศัยอยู่เลย จัดเป็นเส้นทางที่แห้งแล้งทุรกันดาร ถ้าเดินทางธุดงค์ผ่านไปก็จะเดือดร้อนเรื่องของขบฉัน ครั้นพอตกกลางคืน สมเด็จพระบรมศาสดาได้แสดงพระธรรมเทศนาตามกิจวัตรของพระธุดงค์ ซึ่งเมื่อตกกลางคืนก็จะมาสนทนากัน และในเวลานี้ก็มีพรหมเทพเทวดาทั้งหลายได้พากันมาสดับพระธรรมเทศนาของพระองค์ด้วย
ณ ที่ประชุม พระศาสดาทรงมีพุทธดำรัสตรัสถามในที่ประชุมสงฆ์ว่า จะใช้เส้นทางใดในการเดินทางธุดงค์ไปยังจุดหมาย ในที่ประชุมสงฆ์นั้นก็ยังหาข้อยุติไม่ได้ว่าจะใช้เส้นทางใด
พระศาสดาจึงมีรับสั่งถามว่า "ในที่ประชุมนี้พระสีวลี (หรือพระฉิมพลี-ผู้เป็นเลิศทางลาภสักการะ) เดินทางมาด้วยหรือไม่" พระสาวกทั้งหลายกราบทูลตอบว่า "พระสีวลีมิได้เดินทางมาด้วย"
พระศาสดาจึงตรัสถามต่อไปว่า "หากว่าพระสีวลีไม่มาแล้วพระสังกัจจายน์มาด้วยหรือไม่" พระสาวกทั้งหลายกราบทูลตอบว่า "มาด้วย"
พระศาสดาจึงทรงมีพุทธบัญชาให้ใช้เส้นทางลัด อันเป็นเส้นทางทุรกันดาร เป็นเส้นทางในการเดินทางไปสู่จุดหมาย
หลังจากเลือกใช้เส้นทางลัดดังกล่าวเป็นข้อยุติแล้ว พระศาสดาจึงมีพุทธบัญชาปิดประชุม พระศาสดาและพระสาวกทั้งหลาย ต่างแยกย้ายกันไปจำวัดยังกลดของตน

โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-19 18:04
การประชุมสงฆ์ดังกล่าว ทำให้พระสังกัจจายนะบังเกิดความพิศวงเป็นยิ่งนักว่า ทำไม? พระศาสดาจึงต้องเลือกเสด็จไปทางลัดอันทุรกันดาร โดยให้มีท่านเดินทางไปด้วย? ท่านนั้นมีดีอะไรหรือ?
คิดดังนั้นแล้ว จึงตั้งจิตอธิษฐาน ยกมือทั้งสองปิดหน้า เรียกว่า เข้านิโรธสมาบัติปิดตาอธิษฐานลาภ เพื่อจะตรวจดูตัวท่านเองว่า มีความโดดเด่นอะไรหรือ? และท่านก็ได้ประจักษ์กับความจริงว่า ท่านเคยเป็นหมอยา (ในอดีตชาติ) รักษาโรค ได้บำเพ็ญทานบารมีด้วยการแจกยารักษาโรคให้ผู้คนทั่วไป โดยมิได้คิดค่ารักษา ด้วยอานิสงส์ผลบุญจากทานบารมีดังกล่าว ทำให้ท่านเป็นผู้มีความบริบูรณ์ในโภคทรัพย์ และลาภสักการะ

โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-19 18:05
ครั้นพอรุ่งเช้า พระศาสดาพร้อมด้วยพระสาวกทั้งหลาย จึงออกเดินทางธุดงค์ไปยังจุดหมาย โดยใช้ทางลัดที่ทุรกันดาร ซึ่งปรากฏว่า ด้วยบารมีธรรมของพระสังกัจจายนะ ทำให้มีทั้งมนุษย์และอมนุษย์ (เทพยดาพรหมทั้งหลาย) พากันมาใส่บาตรถวายแด่พระศาสดา และพระสาวกกันมากมาย ทำให้พระศาสดาและพระสาวกทั้งหลายไม่เดือดร้อนเรื่องภัตตาหาร ของขบฉันต่างๆ จนสามารถเดินทางถึงยังจุดหมายโดยสวัสดิภาพ

โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-19 18:05
ด้วยเหตุนี้เอง จึงมีคติความเชื่อว่า พระสังกัจจายนะมีความโดดเด่นทางด้านโภคทรัพย์และลาภสักการะ จึงมีการสร้างรูปจำลองของพระมหากัจจายนะในปาง "เข้านิโรธสมาบัติปิดตาอธิษฐานลาภ" ซึ่งมีลักษณะเป็นพระอ้วนพุงพลุ้ย มือทั้งสองปิดอยู่ที่หน้า (ตา)
ปางที่เป็นรูปของพระสังกัจจายนะนั่งสมาธิแบมือบ้าง มือทั้งสองกุมอยู่ที่ท้องบ้าง ขึ้นมาบูชาเป็นสัญลักษณ์ของพระแห่งโชคลาภ จนแพร่หลายอยู่กระทั่งทุกวันนี้ โบราณาจารย์ได้จำลองลักษณะแห่งพระภควัมบดี ในรูปพระเครื่องศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น โดยแสดงความหมายที่สำคัญของพระภควัมปติ อันเป็นผู้มีความละม้ายเหมือนพระผู้มีพระภาคเจ้า
- พระสังกัจจายน์ อันเป็นที่รักใคร่นิยมยินดี เต็มไปด้วยลาภสักการะสรรเสริญ
- พระปิดทวารทั้ง ๙ อันเป็นการปิดกั้นอาสวะกิเลสแห่งทวารเข้าออกทั้ง ๙ ของร่างกาย - พระปิดตามหาอุตม์ อันเป็นการป้องกันสรรพภยันตรายทั้งหลายทั้งปวง ในกระบวนพระปิดตาของพระเกจิอาจารย์แต่โบราณนั้น มีขึ้นชื่อลือเลื่องหลายสำนักด้วยกัน วัตถุมวลสารที่นำมาประกอบเป็นองค์พระ มีทั้งเนื้อชินตะกั่ว เนื้อผงคลุกรัก เนื้อผงใบลาน เนื้อผงมวลสาร เนื้อสัมฤทธิ์ เนื้อเมฆพัด เนื้อเมฆสิทธิ์ เป็นต้น

โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-19 18:06
เชื่อกันว่าร่างกายของมนุษย์ (หรือสัตว์) มี "ทวาร" หมายถึง ประตูแห่งการเข้าออก ๙ ทาง ได้แก่ ตา ๒ จมูก ๒ หู ๒ ปาก ๑ รวมทั้ง ช่องทางขับถ่ายด้านหน้าและ ด้านหลังอีก ๒ รวมเป็น ทวารทั้ง ๙ การปิดกั้นทวารทั้ง ๙ เป็นปริศนาธรรมที่กั้นกิเลสจากภายนอกไม่ให้เข้ามาสู่ภายใน เพื่อจุดหมายแห่งการปฏิบัติกรรมฐาน

ดังนั้น ถ้านำข้อมูลทุกชุดมารวมกัน ก็จะเห็นได้ว่า พระปิดตาไม่มีดีแค่เสน่ห์เมตตา และโชคลาภ เพียงเท่านั้นอย่างที่ทราบกันโดยทั่วไป แต่ยังมีความหมายอื่นๆที่ลึกซึ้ง ที่วิเคราะห์ได้จากประวิติและเรื่องราวทั้งหมด


โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-19 18:07
1.ท่านสามารถอธิบายธรรมะให้ย่อสั้นลงและเข้าใจได้ง่าย ดังนั้นการมีพระปิดตาอยู่กับตัว หากระลึกได้อย่างถูกต้อง บุคคลผู้บูชาก็จะเข้าใจธรรมะได้ง่ายและชัดเจนมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถอธิบายให้แก่ผู้อื่นได้อีกด้วย ซึ่งการเผยแผ่ธรรมะของรพระพุทธองค์ อันได้รับฟัง อ่าน ธรรมะก็ดี หรือกล่าวธรรมะแก่ผู้อื่นก็ดี ย่อมเป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ ดังที่ว่า การให้ธรรมชนะการให้ทั้งปวง ใครทีมีพระปิดตาไม่ว่าของสำนักไหน เก่าหรือใหม่ หรือรุ่นไหนของหลวงปู่ชื่นก็ตาม อย่าหวังเพียงเสน่ห์โชคลาภ คุณค่าที่แท้จริงของพระปิดตาอยู่ที่การเข้าใจและเผยแผ่ธรรมะ เพื่อสร้างบุญกุศลให้กับสรรพสัตว์ และสืบทอดพระพุทธศาสนาต่างหากเล่า

2.การที่ท่านปิดตาและเข้าเข้านิโรธสมาบัติปิดตาอธิษฐานลาภนั้น แสดงให้เห็นว่าท่านต้องเข้าสมาธิให้เป็นหนึ่งเสียก่อน ผู้ที่มีพระปิดตาอยู่กับตัว หากใช้ให้ถูกต้อง บุคคลผู้นั้นก็สามารถรวบรวมสมาธิ เพื่อตั้งจิตอธิฐานได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วยการระลึกถึงองค์พระท่าน การทำสมาธิเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่จะทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นในทุกๆทาง ซึ่งเรื่องนี้ไม่ต้องพุทธศาสนาหรอก ทางตะวันตกก็ทราบเรื่องนี้ดี ประโยชน์ของสมาธิที่ผมจะนำมากล่าวถึงมี 7 ข้อด้วยกัน




โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-19 18:08
๑. ประโยชน์ทางด้านสุขภาพจิต คือ ทำให้จิตใจผ่องใส สะอาด บริสุทธิ์ สงบ เยือกเย็น ปลอดโปร่ง สติปัญญาดีขึ้นส่งเสริมสมรรถภาพทางใจ คิดอะไรได้รวดเร็ว ถูกต้อง และเลือกคิดแต่สิ่งที่ดีเท่านั้น ถ้าเป็นนักเรียนก็จะทำให้มีความจำดีส่งผลให้การเรียน หนังสือดีขึ้น

๒. ประโยชน์ทางด้านพัฒนาบุคลิกภาพ คือ ทำให้เป็นผู้มีบุคลิกภาพดี กระฉับกระเฉง กระปรี้กระเปร่า มีความสง่าผ่าเผย มีความมั่นคงทางอารมณ์ หนักแน่นและเชื่อมั่นในตนเอง มีมนุษยสัมพันธ์ดี วางตัวได้เหมาะสมกับกาลเทศะ เป็นผู้มีเสน่ห์ เพราะมักไม่โกรธเมื่อมีสิ่งเร้าจากภายนอกหรือวาจาที่ไม่ดีจากบุคคลอื่นมากระทบจิตใจ ก็จะสามารถควบคุมอารมณ์และปล่อยวางได้ ก่อให้ เกิดความเมตตากรุณาต่อบุคคลทั่วไป

๓. ประโยชน์ทางด้านชีวิตประจำวัน คือ ช่วยให้คลายเครียด เป็นเครื่องมือเสริมประสิทธิภาพในการทำงานและการศึกษาเล่าเรียน ช่วยเสริมให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เพราะร่างกายกับจิตใจสมดุลกัน ถ้าจิตใจเข้มแข็ง ย่อมเป็นภูมิต้านทานโรคไปในตัว

๔. ประโยชน์ทางด้านศีลธรรมจรรยา คือ เป็นผู้มีสัมมาทิฏฐิ เชื่อในกฎแห่งกรรม สามารถคุ้มครองตนให้พ้นจากความชั่วทั้งหลายได้ มีความประพฤติดี เนื่องจากจิตใจดี ทำให้ความประพฤติทางกายและวาจาดีตามไปด้วย ย่อมเป็นผู้มีความมักน้อยสันโดษ รักสงบและมีขันติเป็นเลิศ และเป็นผู้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว มีสัมมาคารวะและมีความอ่อนน้อมถ่อมตน

๕. ประโยชน์ทางด้านครอบครัว คือ ทำให้ครอบครัวมีความสงบสุข เมื่อสมาชิกในครอบครัวเห็นประโยชน์ของการปฎิบัติธรรมทุกคนตั้งมั่นอยู่ในศีล ปกครองกันด้วยธรรม เด็กเคารพผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เมตตาเด็ก ทุกคนมีความรักใคร่สามัคคี ความสัมพันธ์ครอบครัวแน่นแฟ้นมากขึ้น เพราะสมาชิกต่างก็ทำหน้าที่ของตนโดยไม่บกพร่อง เมื่อมีปัญหาครอบครัวหรือมีอุปสรรคอันใด ย่อมร่วมใจกันแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี

๖. ประโยชน์ทางด้านสังคมและประเทศชาติ คือ ทำให้สังคมสงบสุข ปราศจากปัญหาอาชญากรรม และปัญหาสังคมอื่นๆ เพราะปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้นในสังคม ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการฆ่า การข่มขืน โจรผู้ร้าย การทุจริตคอรัปชั่น ล้วนเกิดขึ้นมาจากคนที่ขาดคุณธรรม ผู้ที่มีจิตใจอ่อนแอ หวั่นไหวต่ออำนาจสิ่งยั่วยวน หรือกิเลสได้ง่าย ผู้ที่ฝึกสมาธิย่อมมีจิตใจเข้มแข็ง มีคุณธรรมในใจสูง ถ้าแต่ละคนในสังคมต่างฝึกฝนอบรมใจของตนให้หนักแน่น มั่นคง สังคมก็จะสงบสุขได้ ทำให้เกิดความมีระเบียบวินัย เคารพกฎหมายบ้านเมือง ดังนั้นปัญหาที่เกิดจากความไม่มีระเบียบวินัยของประชาชนก็จะไม่เกิดขึ้น ทำให้สังคมเจริญก้าวหน้า เมื่อสมาชิกในสังคมมีสุขภาพจิตดี รักความเจริญก้าวหน้า มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง ย่อมส่งผลให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้าตามไปด้วย สละความสุขส่วนตน ให้ความร่วมมือกับส่วนรวมอย่างเต็มที่ และถ้ามีผู้ไม่ประสงค์ดีต่อสังคม มายุแหย่ให้เกิดความแตกแยกก็จะไม่เป็นผลสำเร็จเพราะสมาชิกในสังคมเป็นผู้มีจิตใจหนักแน่น มีเหตุผล และเป็นผู้รักสงบ

๗. ประโยชน์ทางด้านศาสนา คือ ทำให้เข้าใจพระพุทธศาสนาได้อย่างถูกต้อง และรู้ซึ้งถึงคุณค่าของพระพุทธศาสนา เกิดศรัทธาตั้งมั่นในพระรัตนตรัย และพร้อมที่จะเป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่การปฏิบัติธรรม และการฝึกสมาธิที่ถูกต้องให้แพร่หลายไปอย่างกว้างขวาง เป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป



โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-19 18:09
ใน คัมภีร์ชั้นอรรถกถา ท่านก็ได้สรุปอานิสงส์ คือผลได้ต่าง ๆ ของสมาธิภาวนา หรือการฝึกสมาธิไว้เหมือนกันดังที่แสดงไว้ในวิสุทธิมัคค์ มี 5 ประการ คือ

1. เป็นวิธีการพักผ่อนอย่างสุขสบายในปัจจุบัน(ทิฏฐธรรมสุขวิหาร) ข้อนี้เป็นอานิสงส์ของสมาธิขั้นอัปปนา (คือระดับฌาน)สำหรับพระอรหันต์ ซึ่งเป็นผู้ทำกิจเพื่อความหลุดพ้นเสร็จสิ้นแล้ว ไม่ต้องใช้ฌานเพื่อบรรลุภูมิธรรมใด ๆ ต่อไปอีก อ้างพุทธพจน์ว่า "ฌานเหล่านี้เรียกว่าเป็นทิฏฐธรรมสุขวิหาร ในวินัย(ระบอบหรือแบบแผน) ของพระอริยะ"

2. เป็นบาทหรือเป็นปทัฏฐานแห่งวิปัสสนา ข้อนี้เป็นอานิสงส์ของสมาธิขั้นอัปปนาก็ได้ หรือขั้นอุปจาระก็พอได้ แต่ไม่โปร่งนัก ประโยชน์ข้อนี้ใช้สำหรับพระเสขะและปุถุชน อ้างพุทธพจน์ว่า  “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเจริญสมาธิเถิด ภิกษุผู้มีจิตเป็นสมาธิแล้ว ย่อมรู้ตามความเป็นจริง รู้อะไรตามความเป็นจริง รู้ตามความเป็นจริงว่า ตา... หู... จมูก... ลิ้น... กาย... ใจ...ไม่เที่ยง รูป... เสียง... กลิ่น... รส... โผฏฐัพพะ...ธรรมารมณ์ ไม่เที่ยง จักขุวิญญาณ... โสตวิญญาณ... ฆานวิญญาณ.... ชิวหาวิญญาณ... กายวิญญาณ... มโนวิญญาณ.. จักขุสัมผัส... โสตสัมผัส...ฆานสัมผัส... ชิวหาสัมผัส... กายสัมผัส... มโนสัมผัส... สุขเวทนา.... ทุกขเวทนา.... อทุกขมสุขเวทนาที่เกิดเพราะสัมผัสเหล่านั้นเป็นปัจจัย เป็นของไม่เที่ยง....”

3. เป็นบาทหรือเป็นปทัฏฐานแห่งอภิญญา ข้อนี้เป็นอานิสงส์ของสมาธิขั้นอัปปนาสำหรับผู้ได้สมาบัติ 8 แล้ว เมื่อต้องการอภิญญาก็อาจทำให้เกิดขึ้นได้ อ้างพุทธพจน์ว่า "จิตนุ่มนวลควรแก่งาน... จะน้อมจิตไปเพื่อประจักษ์แจ้งด้วยอภิญญา ซึ่งธรรมที่พึงประจักษ์แจ้งด้วยอภิญญาอย่างใด ๆ ก็ถึงความเป็นพยานในธรรมนั้น ๆ ได้ในเมื่อเหตุมีอยู่"

4. ทำให้ได้ภพวิเศษ คือ เกิดในภพที่ดีที่สูง ข้อนี้ เป็นอานิสงส์ของสมาธิขั้นอัปปนา สำหรับปุถุชนผู้ได้ฌานแล้ว และฌานมิได้เสื่อมไปเสีย ทำให้ได้เกิดในพรหมโลก อ้างพุทธพจน์ว่า "เจริญปฐมฌานขั้นปริตตกุศลแล้ว เกิดที่ไหน? ย่อมเข้าร่วมพวกเทพพรหมปาริสัชชา" อย่างไรก็ดี แม้สมาธิขั้นอุปจารก็สามารถให้ภพวิเศษ คือ กามาวจรสวรรค์ 6 ได้

5. ทำให้เข้านิโรธสมาบัติได้ ข้อนี้เป็นอานิสงส์ของสมาธิขั้นอัปปนา สำหรับ (พระอรหันต์หรือพระอนาคามี) ผู้ได้สมาบัติ 8 แล้ว ทำให้เสวยความสุขอยู่ได้โดยไม่มีจิตตลอดเวลา 7 วัน อ้างญาณในนิโรธสมาบัติ ในปฏิสัมภิทามัคค์

โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-19 18:10
ดังนั้น การบูชาพระปิดตา อย่าหวังพึ่งอภินิหารด้านเสน่ห์เมตตา โชคลาภ หากท่านใดมีพระปิดตาอยู่กับตัว จงระลึกถึงการทำสมาธิ การทำสมาธิที่ดีจะทำให้ชีวิตท่านดีสมประสงค์ทุกอย่าง อภินิหารที่มาจากภายนอกอาจจะไม่ยั่งยืนเท่าอภินิหารจะภายในซึ่งท่านสร้างขึ้นเอง นี่คืออีกข้อที่สนับสนุนว่าพระปิดตามีไว้สักการะบูชาอย่างเดียวคงได้อานิสงค์ไม่เต็มที่ ท่านต้องปฏิบัติให้สอดคล้องด้วย

สุดท้ายอย่างที่เราทราบกันว่าพระปิดตามีพุทธคุณด้านโชคลาภ อย่างไรก็ตามทุกอย่างต้องมีทีมาที่ไป ใส่พระแล้วจะรวยล้นฟ้า หรือถูกหวยทุกงวดมันเป็นไปไม่ได้ ประวิติของท่านเอง ท่านเคยเป็นหมอยา บำเพ็ญทานบารมีด้วยการแจกยารักษาโรคโดยมิได้คิดค่ารักษา ด้วยอานิสงส์ผลบุญจากทานบารมีดังกล่าวต่างหาก ทำให้ท่านเป็นผู้มีความบริบูรณ์ในโภคทรัพย์ และลาภสักการะ  ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีที่มาที่ไปอย่างสมเหตุสมผลกัน หากท่านจะใส่พระเพื่อหวังโชคลาภสักการะ จงระลึกไว้ว่า ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นมาลอยๆ ท่านต้องสร้างทานบารมีขึ้นมา โดยระลึกถึงสมัยที่องค์พระท่านเคยเป็นหมอยารักษาโรคโดยไม่คิดค่ารักษา ท่านเองก็ต้องทำทานโดยไม่หวังผลตอบแทน ไม่หวังว่าบุญที่ได้จะใหญ่น้อยเท่าไหร่ก็ตาม การได้ทำบุญกุศลในขอบเขตของพุทธศาสนานั้นแหละคือ โชคลาภที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงของชีวิต ท่านที่มีพระปิดตา หากท่านทำทานการกุศลแล้ว เป็นการประกันถึงสิ่งดีๆที่ท่านจะได้รับอย่างแน่นอน ไม่ชาตินี้ก็ชาติต่อๆไป อย่าหวังพึ่งลาภลอยอีกเลย พระมหาสังกัจจายนะท่านต้องสั่งสมบารมีมาก่อน ท่านถึงมีลาภสักการะดังนี้


โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-19 18:10
"ลูกเอ๋ย ก่อนจะเที่ยวไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเองคือบารมีลงทุนไปก่อน เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอจึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะหนี้สิน ในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมมาจนพ้นตัว... เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีมา ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด ไม่มีอะไรเหลือติดตัว..แล้วเจ้าจะเอาอะไรไว้ในภพหน้าหมั่นสร้างบารมีไว้..แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง..."  

"จงจำไว้นะ...เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้...ครั้นถึงเวลา...
ทั่วฟ้าจบดิน ก็ต้านเจ้าไม่อยู่...จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย
จะมีใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า..."


นี่คือคำเทศนา ของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต)พรหมรังษีที่ได้โปรดชี้ธรรมไว้นิมิต

โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-19 18:10
โดยสรุป หากท่านใดมีพระปิดตา อย่าหวังแค่โชคลาภลอยๆ เสน่ห์คนรักใคร่ จำไว้ทุกอย่างมีที่มาที่ไป คณาจารย์ท่านสร้างพระปิดตามาเพื่อให้เราระลึกในธรรมะ และปรับปรุงชีวิตของเราเองให้ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมต่างหากเล่า เพื่อให้พุทธศาสนาดำรงสืบทอดต่อไป

จบเบื้องต้นเกี่ยวกับประวัติพื้นฐานของพระปิดตา ต่อไปจะเป็นการกล่าวถึงพระแต่ละรุ่นที่หลวงปู่ชื่น ท่านได้บรรจงสร้างเอาไว้


โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-19 18:11
พระปิดตาลอยองค์
     จริงๆแล้วองค์นี้สร้างประมาณ 2,000 องค์ พร้อมขุนแผนนาคเกี้ยว มีประสบการณ์กล่าวขวัญด้านลาภลอยและเสน่ห์ตามเวปค่อนข้างมาก ราคาไม่สูง และเป็นของที่ดีจริง ในแง่ของกระแสที่สัมผัส จะเป็นกระแสถี่ ละเอียด ดูเหมือนกระแสจะออกไปทางปลอดโปร่งผ่องใส อันที่จริงผมว่าเสน่ห์มาจากความเบาสบายและความปลอดโปร่งที่ได้รับจากการใส่นั้นแหละ พระองค์นี้มีอะไรๆคล้ายพระขุนแผนชมตลาดอยู่บ้างโดยเฉพาะการเสริมราศี ส่วนเรื่องโชคลาภเป็นลักษณะกระแสดึงดูดเข้าหา ประกอบกับความปลอดโปร่งของคนใส่ทำให้รู้สึกว่าได้โชคลาภมาอย่างง่ายๆกระมัง อย่างไรก็ตามองค์นี้เป็นองค์ที่ต้องใช้สมาธิจับพลังค่อนข้างลำบากและนาน บางที่เพราะความละเอียดของกระแสกระมัง ซึ่งอย่าเข้าใจผิดว่าพระองค์นี้ไม่ดีแต่พระองค์นี้มีบางอย่างที่เข้าถึงยาก อันนี้คงต้องลองไปถามอาจารย์ดูเอง ผมมีข้อจำกัดในการเข้าถึงรุ่นนี้ ว่ากันง่ายๆว่าผมสัมผัสได้ไม่ชัดเจน และองค์นี้ผมก็ไม่ได้พกบ่อยครั้ง

โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-19 18:11
พระปิดตาใบเสมา
สร้างในยุคต้นๆของท่านประมาณปี พ.ศ.2543 เป็นพิมพ์พระปิดตาที่ออกแบบได้สวยงาม ด้านหลังเป็นยันต์นกทึดทือ พุทธสูงทางด้านโภคทรัพย์ โชคลาภ ทำมาหากินคล่อง เงินทองไม่ขัดสน
อาจารย์เคยกล่าวไว้ว่า
พระปิดตาใบเสมาเป็นพระที่ดีมากๆ ที่อยากแนะนำให้นำมาลองคล้องคอบูชาท่านสร้างจากว่านยามวลสารต่างๆมากมาย
ด้านหลังจะเป็นยันต์สาริกามหาเอิ้กเคล็บลับการใช้ในทางเจรจามหานิยมคือเสียงหัวเราะ หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่า..
การหัวเราะเสียงหัวเราะก็เป็นเสน่ห์บันเทิงอีกแบบรีบหามาบูชาก่อนที่จะแพงไปกว่านี้

โดยส่วนตัวพระองค์นี้ผมจับกระแสได้ไวและชัดเจนกว่าปิดตาลอยองค์มาก ซึ่งก็ไม่ทราบว่าทำไมเหมือนกัน พระองค์นี้มีจุดเด่นที่ว่าใส่แล้วคล้ายกับว่ามี Positive Thinking สูงขึ้น และมีความตื่นตัวทางอารมณ์มากขึ้น พลังเมตตาแฟงด้วยพลังป้องกันค่อนข้างชัด และพลังดูดทรัพย์ค่อนข้างสูง องค์นี้ยิ้มได้เป็นเสน่ห์ดีครับ
1. มีเสน่ห์
หลายคนที่ไม่ได้หล่อไม่ได้สวย แต่ทุกครั้งที่ยิ้ม ก็เหมือนกับว่าโลกทั้งโลกสว่างไสวไปกับรอยยิ้มของเขา หลายคนไม่รู้ตัวหรอกว่า ตัวเองยิ้มสวยแค่ไหน ต้องลองยิ้มกับกระจกและสำรวจดูบ้าง
2. มีมิตรมากกว่าศัตรู
รอยยิ้มที่จริงใจและถูกกาลเทศะ จะสร้างมิตรมากกว่าสร้างศัตรู ว่ากันว่า รอยยิ้มคือเครื่องมือกะเทาะกำแพงน้ำแข็ง หรือความเย็นชาแปลกหน้าที่ผู้คนมีต่อกันได้เป็นอย่างดี ใครจะรู้ รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ส่งให้กันในวันนี้ อาจนำพาเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตมาให้เราก็ได้
3. มีความสดชื่น
รอยยิ้มเป็นสัญลักษณ์ของอารมณ์ที่สดชื่น เหมือนกับความสดชื่นนั้นคือต้นไม้ และรอยยิ้มก็คือดอกไม้ อารมณ์และสภาพจิตของคนเรา ปลูกต้นอะไรไว้ก็ย่อมจะออกดอกเป็นสิ่งนั้น
4. มีกำลัง
หลายคนบอกว่า เมื่อเผชิญกับปัญหา ความทุกข์ หรือความยากลำบาก ให้ยิ้มเข้าไว้ จะทำให้มีเรี่ยวแรงกำลังที่จะฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น เพราะว่ารอยยิ้ม คือกำลังของชีวิตอย่างหนึ่ง
5. มีมุมมองที่ดี
คนที่มีอุปนิสัยยิ้มแย้ม จะเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี แม้ในเวลาที่มีปัญหา ก็จะยิ้มสู้ และพลิกปัญหาหรืออุปสรรคเหล่านั้นให้กลายเป็นโอกาสขึ้นมาได้

ส่วนประโยชน์การหัวเราะได้แก่
   ความดันโลหิตลดลง ฮอร์โมนเกี่ยวกับความเครียดลดลง ขณะเดียวกันการทำงานของฮอร์โมนต่าง ๆ ก็เป็นปกติ
กระตุ้นระบบภูมิชีวิต (Immune system) ทำให้ T-celll ซึ่งเป็นทหารประจำตัว คอยกำจัดเชื้อโรคเพิ่มจำนวนขึ้น รวมถึงแอนตี้บอดี้อื่นๆ ในร่างกายด้วย คลายความเจ็บปวด อารมณ์ขันทำให้ผู้ป่วยลืมความเจ็บปวด และยังกระตุ้นการสร้างเอ็นดอร์ฟินในร่างกาย ซึ่งเป็นฮอร์โมนระงับปวดโดยธรรมชาติอยู่แล้ว กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลาย ขณะที่หัวเราะ กล้ามเนื้ออื่นๆ ที่ไม่ได้สัมพันธ์กับการหัวเราะ จะผ่อนคลาย และเมื่อหยุดหัวเราะ กล้ามเนื้อที่สัมพันธ์กับการหัวเราะ ก็จะผ่อนคลาย เป็นการทำงานสองขั้นตอน หายใจดีขึ้น การหัวเราะบ่อยๆ ทำให้ปอดโล่ง หายใจได้ลึกขึ้นดีมากๆ สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการหายใจ

ส่วนตัวผมชอบองค์นี้ ลองหามาใส่ดูอะไรๆก็น่าจะดีขึ้นทั้งสุขภาพและอารมณ์ แต่เท่าที่ดูจากการโพสต์เหมือนว่าประสบการณ์จะไม่มากมายเหมือนปิดตาลอยองค์เท่าไหร่

โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-19 18:13
พระปิดตา รุ่นรับทรัพย์
อันที่จริงเป็นพระปิดตาองค์แรกๆที่ได้มา ตอนนี้ไม่อยู่กับตัวแล้ว ยกให้คนอื่นไปใช้ เรื่องแปลกๆก็คือว่า มีหลายคนบอกว่าพระรุ่นนี้ไม่ดี มีการทำเสริม มวลสารไม่ได้อะไรต่างๆนา แต่วันนี้ผมจะกล่าวในแง่มุมของผมก็แล้วกัน
เอาเป็นว่ารุ่นนี้ผมเคยสัมผัสเฉพาะที่เป็นเนื้อสีเข้ม ไม่รู้ว่าดำหรือเขียวเข้ม รุ่นนี้พลังค่อนข้างหนักและอาภรรพ์กว่ารุ่นอื่นอันที่จริงผมรู้สึกว่าพลังไม่ได้คล้ายกับปิดตาลอยองค์และปิดตาใบเสมาเลย พลังดูทะมึนทะมึนยังไงก็พูดลำบาก แต่พลังป้องกันแคล้วคลาดนี่ค่อนข้างจะชัด ส่วนคาถาที่มีแนบมาเป็นคาถายาวๆ จำไม่ได้ว่าเป็นคาถาอะไร แชมป์เคยบอกว่ารุ่นนี้กับมันมีอะไรสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง อันนี้คงต้องไปถามแชมป์ดูเอง ส่วนประสบการณ์ผมไม่เคยแขวนแล้วตอนนี้ก็ยกให้คนอื่นไปแล้ว ประสบการณ์ตามที่โพสต์ตามเวปก็ไม่ค่อยจะมี ตกลงคือผมรู้สึกว่าพระรุ่นนี้ดูลึกลับยังไงก็ไม่ทราบ อันนี้คงต้องลองถามท่านอื่นๆดู เพราะตอนนี้ผมไม่มีพระอยู่กับตัวแล้ว จะเช็คพลังใหม่ก็ลำบาก หรือใครจะลองถามอาจารย์เป็นการส่วนตัวก็ได้

โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-19 18:14
พระปิดตา นะสังกัจจายน์
         องค์นี้ต้องยอมรับว่ามีอะไรที่ไม่ธรรมดาจริงๆ และเป็นองค์ในรุ่นพระปิดตาที่ผมเช่ามาแพงที่สุดด้วย เรื่องหนึ่งที่ทำให้พระชุดนี้ไม่ธรรมดาคือมีผงหลวงพ่อแก้ววัดเครือวัลย์ครับ คงต้องย้อนประวัติกลับไปดูเรื่องนี้ซักนิดหนึ่ง

ผู้สร้าง "พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว" ก็คือ หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ จ.ชลบุรี อัตโนประวัติโดยย่อของหลวงพ่อแก้ว ท่านถือกำเนิดจากครอบครัวชาวประมงจังหวัดเพชรบุรี ในราวปลายรัชกาลที่ 2 บางตำราก็ระบุว่า ท่านเป็นคนบ้านบางแก้ว อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดพระทรง จ.เพชรบุรี ก่อนที่จะธุดงค์ไปบูรณะวัดเครือวัลย์ แขวงบางปลาสร้อย จ.ชลบุรี ซึ่งที่นั่นเองเป็นจุดกำเนิดของสุดยอดพระปิดตาอันดับหนึ่งของประเทศไทย

พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว เนื้อผงคลุกรักหรือจุ่มรัก นับเป็นราชาแห่งพระปิดตาเนื้อผง สูงด้วยความนิยมและมูลค่า โดยเฉพาะคำร่ำลือทางด้านมหาเสน่ห์ และเมตตามหานิยม มีเรื่องเล่าขานสืบทอดกันมาว่า ในการจัดสร้างพระปิดตาของหลวงพ่อนั้น มีเศษผงที่เหลือจากการจัดสร้างปลิวไปตกในตุ่มน้ำ สาวแก่แม่ม่ายที่วักน้ำลูบเนื้อตัวเป็นอันต้องมนต์ลุ่มหลงเกิดเสน่หาถ้วน ทั่วทุกตัวตน จนมีผู้พยายามขูดเนื้อขององค์พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว เพื่อนำไปใช้ล่อหลอกหญิงสาวจนเกิดเรื่องราวกันมาแล้วมากมาย หลวงพ่อแก้วท่านจึงดำริให้นำพระมาจุ่มรักหรือคลุกรักเสีย เพื่อมิให้ผู้ใดขูดนำไปใช้ในทางมิชอบ
นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่ากันว่า หากใครทำพระปิดตาตกลงไปในตุ่มน้ำ หากใครได้กินน้ำเข้าไปจะคิดถึงแต่คนที่เป็นเจ้าของพระ เพราะการสร้างของท่านได้ใส่ไม้ไก่กุก หรือ ไม้กุ๊กไก่ไว้เป็นมวลสารส่วนผสมสำหรับสร้างพระ โดยท่านได้ไม้ไก่กุกระหว่างออกเดินธุดงค์ ซึ่งหากไก่ตัวใดกินไม้ชนิดนี้เข้าไปจะไม่ยอมไปไหน จะหากินอยู่แต่ใกล้ไม้ไก่กุกเท่านั้น

เคยมีการการเช่าซื้อพระปิดตาหลวงพ่อแก้วเป็นข่าวสนั่นวงการพระเครื่อง คือ  พิมพ์ใหญ่ หลังแบบ ๒ องค์ ในราคา ๒๕ ล้านบาท และ ๓๐ ล้านบาท เลยทีเดียว

คงไม่ต้องอธิบายว่าเราจะหาพระราคาองค์ละเป็นล้านๆ ในราคาหมื่นกว่าได้อย่างไร

พระองค์นี้ จากการสัมผัสพบว่ามีพลังหลายส่วนที่คล้ายกับขุนแผนนาคเกี้ยวครับ แปลกมากไม่รู้ว่าไปเหมือนกันได้อย่างไร พลังขุนแผนนาคเกี้ยวและพลังของปิดตาผสมผงหลวงพ่อแก้วนี้ คล้ายกันตรงที่มีพลังแห่งการปล่อยวางอยู่ครับ หมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ และพลังนี้ก็แรงมากด้วย ผู้ที่ใส่จะปล่อยวางความทุกข์ทั้งหลาย มีความสันโดษ และพึงพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ไม่หวือหวา จิตใจนิ่งๆ เน้นความสุขที่ความสงบเยือกเย็น อันเป็นเอกลักษณ์ของพระองค์นี้ครับ ส่วนพลังการดึงดูดโชคลาภก็มี แต่ส่วนตัวผมจับพลังโชคลาภขององค์นี้ไม่ได้ชัดเจนเท่ากับรุ่นปิดตาลอยองค์และปิดตาใบเสมา ส่วนเมตตามหานิยมก็แปลก คล้ายๆแบบขุนแผนน้ำผึ้งยังไงอย่างนั้นแหละ เป็นเมตตาเป็นเย็นเยือกดูลึกลับๆ ประสบการณ์ส่วนตัวไม่เคยมีจังๆครับ แขวนเดี่ยวมาหลายเที่ยวก็เฉยๆ จะหวังโชคลาภเมตตามหานิยมก็ไม่ได้ชัดเจนอะไรนัก ดูเหมือนพระองค์นี้ต้องมีความลับอะไรซ่อนอยู่อย่างแน่นอน ถึงแม้สำหรับผมจะไม่มีประสบการณ์อะไรชัดเจนเกี่ยวกับพระองค์นี้ แต่ยืนยันว่าพลังไม่ธรรมดา ทั้งนี้ความลับของพระองค์นี้คืออะไร เห็นที่ต้องเป็นเรื่องของปัตจัตตังซะแล้วแหละครับ


โดย: Metha    เวลา: 2013-4-20 09:21
ขอบคุณขอรับ
โดย: suandhon08    เวลา: 2013-4-21 09:40
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย suandhon08 เมื่อ 2013-4-21 09:49

   ขอบคุณคร๊าบบ       โชคดีพอมีอยู่บ้างครับ
โดย: touch-578    เวลา: 2013-7-31 15:28
หมอพาย  ให้ข้อมูลไว้  ได้ถูกต้องคับ

โดย: Metha    เวลา: 2013-8-1 08:47
suandhon08 ตอบกลับเมื่อ 2013-4-21 09:40
ขอบคุณคร๊าบบ       โชคดีพอมีอยู่บ้างครับ ...

สวยๆทุกองค์เลยครับ
โดย: suandhon08    เวลา: 2013-8-1 23:21
metha ตอบกลับเมื่อ 2013-8-1 08:47
สวยๆทุกองค์เลยครับ

  ขอบคุณคร๊าบผม

โดย: Metha    เวลา: 2013-8-2 07:48
suandhon08 ตอบกลับเมื่อ 2013-8-1 23:21
ขอบคุณคร๊าบผม


อาจารย์เคยบอกว่าห้อยพระยอดขุนพลแล้วต้อง ถือศิลและปฏิบัติให้ครบทั้งห้าข้อ อย่างเคร่งครัดน่ะครับ
โดย: Nujeab    เวลา: 2013-8-2 10:06
metha ตอบกลับเมื่อ 2013-8-2 07:48
อาจารย์เคยบอกว่าห้อยพระยอดขุนพลแล้วต้อง ถือศิลและ ...


โดย: Metha    เวลา: 2013-8-2 15:58
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2013-8-2 10:06

อะไรครับ เป็นอะไร
โดย: Nujeab    เวลา: 2013-8-2 16:26
metha ตอบกลับเมื่อ 2013-8-2 15:58
อะไรครับ เป็นอะไร

รักษาศีลห้า ถึงจะมีเพียงห้าข้อ แต่เอาเข้าจริงๆไม่ง่ายเลย
โดย: Metha    เวลา: 2013-8-3 15:09
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2013-8-2 16:26
รักษาศีลห้า ถึงจะมีเพียงห้าข้อ แต่เอาเข้าจริงๆไม่ง ...

ข้อเดียวก็ยากครับ
มีข้อห้าม ดั่งเหมือนมีสิ่งยุ ให้เราทำ
โดย: suandhon08    เวลา: 2013-8-5 10:14
metha ตอบกลับเมื่อ 2013-8-2 07:48
อาจารย์เคยบอกว่าห้อยพระยอดขุนพลแล้วต้อง ถือศิลและ ...

  ลำบากหละครับแบบนี้  

โดย: Nujeab    เวลา: 2013-8-5 10:56
metha ตอบกลับเมื่อ 2013-8-3 15:09
ข้อเดียวก็ยากครับ
มีข้อห้าม ดั่งเหมือนมีสิ่งยุ ให้ ...


โดย: Metha    เวลา: 2013-8-8 18:31
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2013-8-5 10:56

พี่หนูทำได้กี่ข้อ
โดย: oustayutt    เวลา: 2013-8-8 19:40
metha ตอบกลับเมื่อ 2013-8-2 07:48
อาจารย์เคยบอกว่าห้อยพระยอดขุนพลแล้วต้อง ถือศิลและ ...

ดีครับจะได้มีคนดีๆเพิ่มขึ้นเยอะๆ
โดย: Nujeab    เวลา: 2013-8-9 11:22
metha ตอบกลับเมื่อ 2013-8-8 18:31
พี่หนูทำได้กี่ข้อ

ข้อ 5 ครับ รักษาอย่างดี ส่วนข้ออื่นๆ ก็พยายามอยู่ครับ
โดย: Metha    เวลา: 2013-8-10 11:04
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2013-8-9 11:22
ข้อ 5 ครับ รักษาอย่างดี ส่วนข้ออื่นๆ ก็พยายามอยู่ครั ...

เยี่ยมมาก
โดย: Nujeab    เวลา: 2013-8-11 11:17
metha ตอบกลับเมื่อ 2013-8-10 11:04
เยี่ยมมาก

แล้วพี่เมธล่ะครับ
โดย: Metha    เวลา: 2013-8-11 15:09
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2013-8-11 11:17
แล้วพี่เมธล่ะครับ

ไม่มีครับ
ไม่เขียดเส้นครับ
ปฏิบัติเท่าที่จะปฏิบัติได้

โดย: Nujeab    เวลา: 2013-8-11 16:33
metha ตอบกลับเมื่อ 2013-8-11 15:09
ไม่มีครับ
ไม่เขียดเส้นครับ
ปฏิบัติเท่าที่จะปฏิบัติ ...


โดย: nirun    เวลา: 2013-9-27 21:25
ฟังแล้วได้ข้อคิดมากเลยครับ จะน้อมมาปฏิบัติครับ
โดย: toywater    เวลา: 2013-9-27 23:47
ปลดปล่อย พลังครับ
โดย: Metha    เวลา: 2013-10-19 13:46
toywater ตอบกลับเมื่อ 2013-9-27 23:47
ปลดปล่อย พลังครับ

ต้อย สุรินทร์
ออกพรรษาไปกวนข้าวทิพย์ที่ไหน
เอามาให้กินหน่อยน่ะ
โดย: toywater    เวลา: 2013-10-19 17:21
metha ตอบกลับเมื่อ 2013-10-19 13:46
ต้อย สุรินทร์
ออกพรรษาไปกวนข้าวทิพย์ที่ไหน
เอามาให ...

ซื้อกินที่หน้างาน ละกัน นะ
แค่คิดจะไปกวน ก็พางานเค้าล่ม แล้วล่ะ
โดย: Metha    เวลา: 2013-10-20 07:49
toywater ตอบกลับเมื่อ 2013-10-19 17:21
ซื้อกินที่หน้างาน ละกัน นะ
แค่คิดจะไปกวน ก็พางานเค้ ...

จัดไป
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-11-25 08:54
metha ตอบกลับเมื่อ 2013-8-2 07:48
อาจารย์เคยบอกว่าห้อยพระยอดขุนพลแล้วต้อง ถือศิลและ ...


โดย: Metha    เวลา: 2013-11-25 13:04
พระดี หากเราปฏิบัติดี ย่อมได้ดีครับ
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-11-25 19:50
metha ตอบกลับเมื่อ 2013-11-25 13:04
พระดี หากเราปฏิบัติดี ย่อมได้ดีครับ ...

อยากได้ A
โดย: Metha    เวลา: 2013-11-26 05:15
Aคืออะไรครับ??
โดย: Nujeab    เวลา: 2013-11-26 08:52
metha ตอบกลับเมื่อ 2013-11-26 05:15
Aคืออะไรครับ??

เจอมุขของกัปตันเข้าไปพี่เมธถึงกับอึ้ง ฮะฮะ
โดย: Metha    เวลา: 2013-11-26 11:25
แปลให้ผู้น้อย อย่างกระผมทราบหน่อยครับ
โดย: Nujeab    เวลา: 2013-11-26 13:17
metha ตอบกลับเมื่อ 2013-11-26 11:25
แปลให้ผู้น้อย อย่างกระผมทราบหน่อยครับ ...

ปฏิบัติดี ก็ได้ D แล้วปฏิบัติดีได้ A จะดีกว่าไหมล่ะ ใครไม่อยากได้ A น่อ
โดย: Metha    เวลา: 2013-11-26 15:21
ล้ำลึก เกินขนาดยักสมองน้อยๆของเมธเมืองแปะครับ
โดย: majoy    เวลา: 2014-6-13 21:24
อีกหนึ่งที่อยากดันให้ไว้เป็นแนวทางครับ
โดย: majoy    เวลา: 2014-12-2 08:22
ดันครับ เริ่มมีสมาชิกใหม่ๆ ถามแนวทาง
โดย: Nujeab    เวลา: 2014-12-12 23:54
ขอบคุณครับ
โดย: nobnob    เวลา: 2014-12-13 02:15
กระทู้อย่างนี้ต้องดันเรื่อยๆครับ สุดยอดจริงๆ อ่านหลายๆรอบเลย อ่านได้ทั้งคนใหม่คนเก่า
โดย: majoy    เวลา: 2014-12-13 08:56
ขอบคุณครับ
โดย: Nujeab    เวลา: 2014-12-13 11:55
nobnob ตอบกลับเมื่อ 2014-12-13 02:15
กระทู้อย่างนี้ต้องดันเรื่อยๆครับ สุดยอดจริงๆ อ่านหล ...

คุณหมอชอบดัน ติดวุ่นมาป่าวเนี่ย
โดย: nobnob    เวลา: 2014-12-13 20:52
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2014-12-13 11:55
คุณหมอชอบดัน ติดวุ่นมาป่าวเนี่ย  ...

ดันนนนนน  ดันแล้วมันขึ้นครับ(กระทู้)  เผื่อคนอื่นๆมาเหนจะได้เข้ามาร่วมวงกัน (อ่านกระทู้) ครับ 5555
โดย: Nujeab    เวลา: 2014-12-13 21:00
nobnob ตอบกลับเมื่อ 2014-12-13 20:52
ดันนนนนน  ดันแล้วมันขึ้นครับ(กระทู้)  เผื่อคนอื่นๆมา ...

อ่อ... แสดงว่าผมเข้าใจผิดไป แต่ว่ามันก็ยังฟังดูพิลึกยังไงพิกลนะครับ
โดย: nobnob    เวลา: 2014-12-13 21:13
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2014-12-13 21:00
อ่อ... แสดงว่าผมเข้าใจผิดไป แต่ว่ามันก็ยังฟังดูพิลึ ...


โดย: Metha    เวลา: 2014-12-14 01:26
nobnob ตอบกลับเมื่อ 2014-12-13 02:15
กระทู้อย่างนี้ต้องดันเรื่อยๆครับ สุดยอดจริงๆ อ่านหล ...

เยี่ยมมาก
โดย: majoy    เวลา: 2015-3-11 07:06
ดันให้คนใหม่ๆ อ่านอีก
โดย: Nujeab    เวลา: 2015-3-11 10:39
majoy ตอบกลับเมื่อ 2015-3-11 07:06
ดันให้คนใหม่ๆ อ่านอีก

ชอบดันก็ไม่บอก
โดย: JamesRoot    เวลา: 2015-3-11 15:19
ขอบคุณครับ
โดย: majoy    เวลา: 2015-3-11 20:54
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2015-3-11 10:39
ชอบดันก็ไม่บอก

ก็คนมันชอบ
โดย: Metha    เวลา: 2015-3-11 21:18
majoy ตอบกลับเมื่อ 2015-3-11 20:54
ก็คนมันชอบ

ดันอะไรครับ
โดย: Nujeab    เวลา: 2015-3-12 11:27
Metha ตอบกลับเมื่อ 2015-3-11 21:18
ดันอะไรครับ

ดันมะดันดอง ตีหนึ่งตีสองชวนน้องมาดัน
โดย: Metha    เวลา: 2015-3-13 13:44
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2015-3-12 11:27
ดันมะดันดอง ตีหนึ่งตีสองชวนน้องมาดัน

ดึกๆๆไม่หลับ มัวแต่ดัน
โดย: Nujeab    เวลา: 2015-3-13 15:02
Metha ตอบกลับเมื่อ 2015-3-13 13:44
ดึกๆๆไม่หลับ มัวแต่ดัน

ถึงน้องปวดเยี่ยวพี่ก็จะดัน
โดย: Metha    เวลา: 2015-3-14 09:59
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2015-3-13 15:02
ถึงน้องปวดเยี่ยวพี่ก็จะดัน

555555
โดย: thanakorn1    เวลา: 2015-3-16 18:35
รอให้มีการตรวจสอบองค์อื่นๆบ้าง   รออ่านครับ
โดย: majoy    เวลา: 2015-3-17 07:21
thanakorn1 ตอบกลับเมื่อ 2015-3-16 18:35
รอให้มีการตรวจสอบองค์อื่นๆบ้าง   รออ่านครับ

ตรวจเองดิครับ
โดย: majoy    เวลา: 2016-6-17 19:51
    
โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-8-3 08:09

โดย: thanakorn1    เวลา: 2016-8-3 13:24
Metha ตอบกลับเมื่อ 2013-8-2 07:48
อาจารย์เคยบอกว่าห้อยพระยอดขุนพลแล้วต้อง ถือศิลและปฏิบัติให้ครบทั้งห้าข้อ อย่างเคร่งครัดน่ะครับ

ใช้วิธีการตัดตัวเลือกได้ไหม เช่นเริ่มจากศีล10 แล้วค่อยๆตัดออกให้เหลือ 5
โดย: Metha    เวลา: 2016-8-3 20:48
thanakorn1 ตอบกลับเมื่อ 2016-8-3 13:24
ใช้วิธีการตัดตัวเลือกได้ไหม เช่นเริ่มจากศีล10 แล้วค่อยๆตัดออกให้เหลือ 5

เอาแบบนั้นเลยหรอ
โดย: majoy    เวลา: 2016-8-3 23:08
คงต้องบรรจุเหรียญเจ้าอาถรรพ์ลงในทำเนียบของแรงอีกหนึ่งครับ นี่ยังไม่นับพระศรีรามและอีกหลายๆ ชิ้น
โดย: Nujeab    เวลา: 2016-8-4 10:13

โดย: majoy    เวลา: 2016-8-26 07:54
น่ามีรวมรีวิว ของที่อาจารย์สร้างมั่งเนอะ อยากให้คนสัมผัสได้ รวบรวมไว้จัง
โดย: thanakorn1    เวลา: 2016-8-26 11:30
majoy ตอบกลับเมื่อ 2016-8-26 07:54
น่ามีรวมรีวิว ของที่อาจารย์สร้างมั่งเนอะ อยากให้คนสัมผัสได้ รวบรวมไว้จัง

หมอน๊อบไง  กำลังทำรวบรวม แต่ผมไม่รู้ขอบเขตของงาน
โดย: Nujeab    เวลา: 2016-8-26 12:20
majoy ตอบกลับเมื่อ 2016-8-26 07:54
น่ามีรวมรีวิว ของที่อาจารย์สร้างมั่งเนอะ อยากให้คนสัมผัสได้ รวบรวมไว้จัง

สัมผัสได้
โดย: majoy    เวลา: 2016-8-26 22:19
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2016-8-26 12:20
สัมผัสได้

จับกระแสพลังไรงิ ทำมะเป็น
โดย: Nujeab    เวลา: 2016-8-28 14:40
majoy ตอบกลับเมื่อ 2016-8-26 22:19
จับกระแสพลังไรงิ ทำมะเป็น

ไม่เป็นเหมือนกันครับ
โดย: majoy    เวลา: 2016-8-29 07:27
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2016-8-28 14:40
ไม่เป็นเหมือนกันครับ

ไปขอร้องเหล่า สว. กันเถอะ
โดย: Nujeab    เวลา: 2016-8-29 10:00
majoy ตอบกลับเมื่อ 2016-8-29 07:27
ไปขอร้องเหล่า สว. กันเถอะ


โดย: majoy    เวลา: 2016-8-30 07:37
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2016-8-29 10:00

ยับล็อคเฮียทัช และพี่ๆ น้องๆ หลายๆ คนไว้ ให้จับพลังและอธิบายให้ระเอียด ใครทำไม่เสร็จ ไม่ให้กินข้าว
โดย: Nujeab    เวลา: 2016-8-30 11:28
majoy ตอบกลับเมื่อ 2016-8-30 07:37
ยับล็อคเฮียทัช และพี่ๆ น้องๆ หลายๆ คนไว้ ให้จับพลัง ...


โดย: majoy    เวลา: 2017-3-16 08:04
อยากมีครบไว้ลองทุกองค์จังเบย
โดย: Nujeab    เวลา: 2017-3-16 09:52
majoy ตอบกลับเมื่อ 2017-3-16 08:04
อยากมีครบไว้ลองทุกองค์จังเบย

จัดไปครับ จัดไป
โดย: majoy    เวลา: 2017-3-23 08:53
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2017-3-16 09:52
จัดไปครับ จัดไป

บางรุ่นยังไม่มีจริงๆ ช่วงปีสองปีที่ผ่านมา เก็บเงินไว้ค่าเปลี่ยนโรงเรียนลูก ตอนนี้ตัวเบามากๆ รอเก็บใหม่




ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2