Baan Jompra

ชื่อกระทู้: >> ตะกรุดอาถรรพ์เทพคุ้มดวง คู่บารมี << [สั่งพิมพ์]

โดย: chakpetch    เวลา: 2013-4-19 12:59
ชื่อกระทู้: >> ตะกรุดอาถรรพ์เทพคุ้มดวง คู่บารมี <<

>> ตะกรุดอาถรรพ์เทพคุ้มดวง คู่บารมี <<

[attach]1942[/attach]


       ตะกรุดอาถรรพ์เทพคุ้มดวงคู่บารมี เป็นวิชาอาถรรพ์ล้อมดวง ต้องผูกดวงและใช้วิชาอาถรรพ์ล้อมดวงไว้ ผนวกรวมกับวิชาอัญเชิญเทพ ที่ท่านไปสำเร็จเคล็ดวิชานี้ที่ถ้ำบ่อยามาผสมผสานกัน ก่อเกิดยันต์จำเพาะบุคคลที่ลงตัวเป็นอย่างยิ่ง ส่วนยันต์ อักขระคาถา ต่างๆ นำมาเป็นวิชาเสริมให้เกื้อหนุนสัมพันธ์กัน กับเจ้าของตะกรุด      

       ตะกรุดอาถรรพ์เทพคุ้มดวง คู่บารมี สร้างขึ้นจากแผ่นเงินบริสุทธิ์ ขนาด 5 คูณ 10 นิ้ว ซึ่งถ้าผมจำไม่ผิด อาจารย์ท่านว่า หมายถึง พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ และบารมี 10 ทัศ หลังจากลงอักขระเลขยันต์เรียบร้อยก็จะพอกด้วย ใบไม้รู้นอน ๗ ยอดไม้มงคล ๓ ผงจินดามณี ผงเทพรัญจวน ผงมะรุมมะตุ้ม ผงแป้งเสก และชันเรือ (.........) ซึ่งเป็นมวลสารสำคัญที่หลวงปู่ชื่นท่านกล่าวไว้ว่า จะทำของเสริมดวงต้องหาชันเรือ เพราะจะได้ช่วยหนุน พยุงชีวิต ให้ไม่มีวันจม

       สุดท้ายเมื่อถักพันตะกรุดเรียบร้อยก็ต้องใช้ แป้งกระแจะจันทร์ เอามาเจิมตะกรุด ตามตำราไสยเวย์ของสูงจะต้องเจิมสมโภชเครื่องรางของสูงด้วย เครื่องหอมฯลฯ

       อาจารย์ท่่านว่า การทำเครื่องรางเพื่อฝืนดวงชะตา ย่อมมีเหตุมีมารมาคอยขัดขวางตลอด ตะกรุดชุดนี้กว่าจะสำเร็จได้ อาจจะยุ่งยากสลับซับซ้อนอยู่บ้าง ถ้ามันทำกันง่ายๆ มันจะไปฝืนดวงชะตาได้อย่างไร ???

ดวงพิชัยสงครามดีอย่างไร ??  ตระกรุดอาถรรพ์ล้อมดวงก็ย่อมเหนือกว่า !!


       ตะกรุดอาถรรพ์เทพคุ้มดวงนั้นดีอย่างไร??  สมัยก่อนอาจารย์เคยคิดที่จะให้หลวงปู่ทำตระกรุดพิชัยสงคราม  แต่หลวงปู่ท่านบอกว่าสู้ทำตระกรุดอาถรรพ์ล้อมดวงไม่ได้ เพราะว่าวิชาอาถรรพ์นี้เป็นวิชาแห่งศาสตร์กษัตริย์ที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ท่านทรงเชื่อมั่นเป็นอย่างสูง





โดย: chakpetch    เวลา: 2013-4-19 13:02
คาถาบูชาตะกรุดอาถรรพ์เสริมดวง

[attach]1943[/attach]

นะโม 3 จบ รำลึกถึงคุณทั้งหมด

1.อาถรรพ์โธ โมสิตังวะคะริงคะรัง อิสวาสุ

อิ อาถรรพ์โธ โมสิตังวะคะริงคะรัง สุสวาอิ


2.นะโม เม สัพพะเทวานัง สัพพะคะระหะ จะ เทวานัง สุริยัญ จะ

ปะมุญจะถะ ศศิ ภุมโมจะเทวานัง วุโธ ลาภัง ภะวิสสะติ ชีโว

ศุกะโร จะ มหาลาภัง โสโร ราหูเกตุ จะมหาลาภัง สัพพะภะยัง

วินาสสันติ สัพพะทุกขัง วินาสสันติ สัพพะโรคัง วินาสสันติ ลักขะณา

อะหัง วันทามิ สัพพะทาสัพพะเทวามัง ปาละยันตุ สัพพะทา

เอเตนะมังคะละเตเชนะ สัพพะโสตถีภะ วันตุ เม


3.นะโมเม พุทธ เตเชนะ นะมะพะทะ

สะทะวิปิปะสะอุ  ทิมะสังอังคุ

สังฆะ วิธาปุวะยะปะ อาปามะจุปะ

อะสังวิสุโล ปุสะพุพะ นะชาลิติ

อะระหังสัมมา สัมมานิมามา

อิมานา มหาสะมานา ธะนะโภคา สัมมาอะระหัง


โดย: chakpetch    เวลา: 2013-4-19 13:06

[attach]1945[/attach]


ตะกรุดอาถรรพ์นารายณ์เกษียรสมุทรคุ้มดวง

  
  ที่มาที่ไปมันเป็นอย่างนี้ครับ ตอนกำลังเขียน ตะกรุดให้ใครต่อใครอยู่

หูแว่วไปถึงคำหลวงปู่สงัด ว่า "ทำของอะไรอย่าแจกเขาหมดล่ะ ให้คิดถึงตัวเองบ้าง"

จึงหันกับมามองตัวเรา เลยมีความคิดที่จะมีตะกรุดครอบครองไว้เป็นที่ระลึกร่วมกัน

กับพี่น้อง คศช. ในกาลสร้างตะกรุดครั้งนี้ ที่เหมาะสมและลงตัวที่สุด

ก็เลยเสี่ยงสัตย์อธิฐาน จนเกิดนิมิต ไม่ทราบว่าเป็นใคร มาบอกว่า การสร้างตะกรุด

"อาถรรพ์คุ้มดวงครั้งนี้ มันไม่ต่างอะไรเลย กับการเกษียรสมุทร ที่อุบัติกำเนิดสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ทวยเทพมากมายเหลือคณานับ แล้วเหล่าเทพเทวาก็มาเอาทวยเทพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปครอบครอง"

แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ไพศาล มาบรรจุไว้ในเนื้อทีเพียง 5 คูณ 10 นิ้ว

ให้ลงตัวทรงคุณค่า น่าประทับใจ จึงเป็นที่มาแห่งตะกรุดอาถรรพ์นารายณ์เกษียรสมุทรคุ้มดวง

ที่หลวงปู่ชื่นท่านคงเห็นดีและเหมาะสมแล้ว กับของที่ ระลึก ในกาลครั้ง....นี้

[attach]1944[/attach]

การกวนเกษียรสมุทร ความเป็นจริงแล้วคนโบราณที่ชาญฉลาด

เขามักจะเล่าเรื่องสอดแทรกธรรมความรู้ ปริศนาไว้ในเรื่องตำนาน

อยู่ที่ว่าชนรุ่นหลังจะตีความหมายออกหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธต่างๆ

ที่องค์เทพท่านถือ หรือ มือที่มีหลายกร พาหนะที่ทรง ทุกสิ่งทุกอย่าง

ล้วนแฝงเต็มไปด้วยปริศนาธรรม

     ตำนานการกวนเกษียรสมุทร ก็เหมือนกัน โบราณท่านสร้างไว้ให้

ลูกหลานชนรุ่นหลัง ได้ธรรมรส การกวนเกษียรสมุทร หมายถึง

     การกลั่นกรองจิตใจอย่างเข้มข้นในการที่จะชนะกิเลสในใจของ

ตนเองคนโบราณท่านจึงได้แบ่งเทวดากับอสูร อย่างเห็นได้ชัดเจน

เทวดาอยู่ที่ไหน?อสูรอยู่ที่ไหน? มีใครกล้า ปฎิเสธบ้าง ว่าอยู่ในตัว

เราๆท่านๆ ทุกคน  เขาพระสุเมรุ ก็เปรียบดั่งตัวของเราเอง

ที่โบราณท่านเปรียบเปรย ดั่งความดีความชั่วที่ลากจูงเราไป

เดี๋ยวดี เดี๋ยวชั่ว ล้วนตกอยู่ภายใต้อำนาจของจิตใจ

แล้วทำไม ต้องเลือกเอาพระนารายณ์มากวนเกษียรสมุทร?

ใครได้ฟังเรื่องเล่าถึงความเก่งกล้าของพระนารายณ์ รับรองว่าต้อง

อยากเก่งกล้าเหมือนพระนารายณ์บ้าง พระนารายณ์จึงเปรียบดั่ง

ตัวแทนแห่งความเก่งกล้าสามารถ คนที่จะชนะอสูรในกายได้

ก็ต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง เฉกเช่น พระนารายณ์อวตาร

จึงจะสามารถมีชัยชนะกับกิเลสอสูรร้ายในใจของตัวเองได้

นำอมฤต ก็เปรียบเป็น ความดี จิตใจที่ดี ที่ได้ผ่านการกลั่นกรอง

มาแล้วเป็นอย่างดีเยี่ยม ความดีจึงเป็นอมตะที่แทนจริง

สิ่งวิเศษ เทพ ทิพย์ภาวะ ต่าง ๆ ที่ก่อเกิด แก่ผู้ผู้ปฎิบัติดีปฏิบัติชอบ

เมื่อหมดอายุจากการเป็นมนุษย์แล้ว ผลแห่งกรรมดี จะส่งผลให้เรา

จุติในภพภูมิที่ดีขึ้น  เรื่องเล่าตำนานของคนโบราณก็มีด้วย

ประการ เช่นนี้....แล


โดย: chakpetch    เวลา: 2013-4-19 13:13

[attach]1959[/attach]

หลวงปู่ ท่านรักและเป็นห่วงศิษย์ที่เคารพรักท่าน

ด้วยใจบริสุทธิ์ ศักยภาพทางด้านมหาบารมีแล้ว

ท่านไม่เป็นรองใคร แม้นแต่ "พระนิพพาน"

ท่านก็สามารถไปได้ แต่ด้วยใจที่รักและห่วงลูกหลาน

ท่านจึงต้องตามดูแลลูกหลานให้เป็นสุขก่อน

หลวงปู่ท่านไม่ได้หนีหายจากเราไปไหนเลย

ท่านยังอยู่ใกล้ๆ พวกเราอยู่ตลอดเวลา

ท่านเป็นห่วงและรักพวกเราถึงเพียงนี้ แล้วพวกเราจะไม่รัก

ท่านได้อย่างไร

..................................................................

        เมื่ออาทิตย์ที่แล้วแวะเข้าไปที่บ้านอาจารย์ ท่านถามว่ายันต์ยังขาดเทพอีกองค์จะให้ลงเป็นรูปอะไร ผมก็นึกไม่ออกครับ พอผ่านมาเห็นท่านมาถามในกระทู้อีกผมก็ยังไม่รู้ว่าจะลงเป็นเทพองค์ไหนดี ลองค้นหาดูก็ไม่เจอที่อยากได้ ลองให้ป้อมกับโอช่วยดูให้ก็ยังไม่ทราบครับ ตอนนั้นในใจคิดว่า สำหรับผมแล้วสิ่งที่ผมเคารพและศรัทธาในใจที่อยากได้ลงไว้ในตะกรุดก็มี หลวงปู่ชื่น องค์พ่อชัยวรมัน (มีน้องขออาจารย์ไว้แล้ว) พญานาค (อาจารย์ก็ลงในตะกรุดแล้ว) และก็อาจารย์สรายุทธ (คิดว่าถ้าหลวงปู่ไม่ยอมจะขอเป็นรูปอาจารย์ ) เมื่อวานซืนหลังจากนั่งสมาธิเสร็จแล้วก็ขอกับหลวงปู่ครับ ไม่นึกเหมือนกันว่าจะตรงกับที่อาจารย์ลงให้ (แต่แอ๊ะใช่ของผมรึป่าวเนี่ย)

        AUD


โดย: chakpetch    เวลา: 2013-4-19 13:32
[attach]1982[/attach]

หรือ นารทมุนี คนไทยเรียก ฤๅษีนารอด ท่านเป็นสาวกของพระวิษณุ เกิดจากตักของพระพรหม ท่านถือพิณตลอด แล้วท่านกล่าวพระนามศักดิ์สิทธิ์ตลอด ท่านเดินทางไปทุกหนทุกแห่ง ไปทุกจักรวาล และเป็นอาจารย์ของประหลาท และ ธฺรูวะ อดีตชาติเป็นลูกของคนใช้ และเคยรับใช้และใกล้ชิดนักบุญ และภายหลังบำเพ็ญเพียรจนพบพระวิษณุ ท่านประทานพรให้เป็นอมตะ และท่านถูกสาปให้เดินทางไปทั่วจักรวาล และท่านเป็นคนแนะนำฤๅษีวยาสให้เขียนคัมภีร์"ภาควัตปุราณะ"หรือ ศรีมัท ภาควตัม

[attach]1981[/attach]

...เรื่องเล่าจากอาจารย์สรายุทธ...

เดี๋ยวจะมาเล่าเรื่องปู่นารอดให้ฟัง ว่าครั้งหนึ่ง..
ท่านเคยมารักษาตำราพระเวท อยู่ภายในถ้ำ
ใต้เขาพระวิหารในนาม "หลวงปู่ดำ"

ใคร รู้จักองค์นารทะ บ้าง ??
ทีชอบเปล่งวาจาว่า นารายณ์ ๆ

ปู่นารอดเป็นองค์เดียวกันหรือไม่??
ท่านไปจัดสร้างพระรอดให้ใคร??
ท่านมีความเกี่ยวพันธ์ อันใดกับพระเจ้าศรีชัยวรมัน??

อาจารย์เณร วิรัช หลังจากบวชท่านได้ออกธุดงค์
ท่านได้เดินทางไป เขาพระวิหารจังหวัดศรีสะเกษ
ภายในใต้เขาพระวิหารมีถ้ำลึกลับอยู่ถ้ำหนึ่ง..
เป็นทีเก็บรักษาพระคำภีร์พระเวทวิชาการโบราณ

ต่างๆ ไว้มากมาย มีพระภิกษุสงฆ์องค์หนึ่งดูแล
รักษาพระคำภีร์นี้อยู่ รอคนมีวาสนาคู่ควรที่จะได้รับ
การถ่ายทอด จะเป็นด้วยวาสนาหรือสวรรค์บัญชา
ก็มิอาจที่จะล่วงรู้ได้ สามเณรวิรัช ท่านได้ไปพบถ้ำ
แห่งนี้ด้วยความบังเอิญ ได้ถวายตัวเป็นศิษย์พระภิกษุ
รูปดังกล่าว และนับตั้งแต่วินาทีนั้น จึงเป็นจุดเริ่มต้น
แห่งศาตร์พรหมเวท หลังกึ่งพุทธกาล เป็นจุดประกาย

พระนาม " สมเด็จท้าวมหาพรหมธาดาจอมมหาเอกะ"

และเป็นแรงบันดาลใจก่อเกิด เหรียญจักรเพชร

เป็นที่ทราบกันดีว่าองค์นารทะ หรือปู่นารอด
ท่านจะเป็นผู้เฝ้ารักษา พระคำภีร์ ของ ท่าน.
ท้าวมหาพรหมธาดา เรื่องราวที่อาจารย์เณร
ท่านไปได้วิชาการเชิญสมเด็จปู่พรหมธาดา
มาจากพระรูปหนึ่งใต้เขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ
เรื่องนี้ผมทราบมานานแล้ว แต่ไม่เคยนึกเฉลียวใจ
เลยว่าพระรูปนั้น ก็คือ องค์นารทะ หรือ องค์ปู่นารอด
นั่นเอง พระรูปนี้ท่านมีชื่อว่า หลวงปู่ดำ ตอนท่านมรณะภาพ
ก็บังเกิดพระเพลิงเผาสังขารของท่านเอง
ต่อมาผมได้มารู้จักพระรูปหนึ่งซึ่งก่อนที่หลวงปู่ดำท่านจะทิ้ง
สังขาร ท่านสั่งให้ลูกศิษย์นำตำราบ้างส่วนมาให้ท่าน
พระรูปดังกล่าวเป็นใครเดี๋ยวมา ต่อกัน

ทำไม ตำราพรหมเวท ของท่านท้าวมหาพรหมธาดา
จึงมาอยู่ใต้เขาพระวิหารซึ่งเคยเป็นดินแดนขอมโบราณ??
ฤา ตำราดั่งกล่าวเคยเป็นของ พระองค์เจ้าศรีชัยวรมัน

แน่นอนตำราดั่งกล่าว เปนสมบัติเก่าของ
พระเจ้าศรีชัยวรมัน พวกเราจึงมีวาสนา
ถึงกันกับ บรมครูปู่นารอด บ้างครั้งพวก
เราไปจนถึงที่ แต่ยังไม่รู้.....

พระอีกองค์ที่ได้รับ ตำราพระเวทบ้างส่วนจากหลวงปู่ดำ
ก็ หลวงปู่สงัด นั่นไง  ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า มันมีสายสัมพันธ์กัน  
จนอยากที่จะเชื่อ ใคร คิดว่าบังเอิญ แต่ผม ไม่

หลวงปู่สงัด ท่านเคย เอารูปหล่อเนื้อผง
มาให้ผมดู ท่านเรียกว่า หลวงปู่ดำ
ซึ่งเมื่อมองดูแล้วก็เป็น รูปปั้น ปู่ฤาษีนารอด
นั่นมันมีความหมายเป็นนัย ๆ ว่า หลวงปู่ดำ
กับปู่ฤาษีนารอดท่านเป็นองค์เดียวกัน
จะต่างกันแค่เพียงสังขาร ที่ครองขันธ์อยู่

[attach]1983[/attach]
รูปปั้นปู่ดำ

[attach]1984[/attach]
หลวงปู่สงัด



โดย: chakpetch    เวลา: 2013-4-19 13:44
[attach]1989[/attach]

พระเจ้าศรีชัยวรมัน ท่านเป็นผู้รอบรู้มนต์ตราสรรพเวท วิทยาการต่าง ๆ มากมาย

จริง ๆ ท่านมีวาจาสิทธิ์ ท่านสำเร็จวิชาธนูอินทร์ ท่านทรงบำเพ็ญตน  

โดยมีแบบอย่างแรงบันดาลใจ จากพระเจ้าอโศกมหาราช


โดย: chakpetch    เวลา: 2013-4-19 13:48
เอราวัณ

[attach]1986[/attach]

          ในเรื่องรามายณะ และ ความเชื่อของศาสนาฮินดู กล่าวถึงพระอินทร์มีร่างสีเขียว มีพาหนะเป็นช้าง ๓ เชือก เชือกหนึ่งพระศิวะเป็นผู้ประทานให้ชื่อว่า เอราวัณ เชือกหนึ่งพระพรหมป็นผู้ประทานให้ชื่อว่า คีรีเมขล์ไตรดายุค และอีกเชือกหนึ่งพระวิษณุเป็นผู้ ประทานให้ชื่อว่า เอกทันต์ ช้างเอราวัณเป็นช้างที่มีพละกำลังมากที่สุดในหมู่ ช้างทั้ง ๓ เชือก และเป็นที่โปรดปรานมากที่สุด ของพระอินทร์ เชื่อกันว่าช้างเชือกนี้เป็นเทพบุตรองค์หนึ่ง เมื่อพระอินทร์ต้องการจะเสด็จ ไปไหนเอราวัณเทพบุตร ก็จะแปลงกายเป็นช้างเผือก ขนาดสูงกว่าภูเขาเอเวอร์เรสต์ มี ๓๓ เศียร แต่ละเศียรมีงา ๗ งา งาแต่ละงายาวถึง ๔ ล้านวา

           งาแต่ละงามีสระบัว ๗ สระ แต่ละสระมีดอกบัว ๗ ดอก แต่ละดอกมีกลีบ ๗ กลีบ มี ๗ เกสร แต่ละเกสรมีปราสาทอยู่ ๗ หลัง ปราสาทแต่ละหลังมี ๗ ชั้น แต่ละชั้นมี ๗ ห้อง แต่ละห้องมี ๗ บัลลังค์ แต่ละบัลลังค์มีเทพธิดาสถิต ๗ องค์ เทพธิดาแต่ละองค์มีบริวาร องค์ละ ๗ นาง เทพธิดาบริวารแต่ ละนางมีนางทาสีนางละ ๗ ทาสี รวมทั้งนางเทพอัปสรทั้งหมดประ มาณ ๑๙๐,๒๔๘,๔๓๓ นาง เทพธิดา บริวารรวมกันทั้งหมดประมาณ ๑๓,๓๓๑,๖๖๙,๐๓๑ นาง เศียรทั้ง ๓๓ ของช้างเอราวัณมีอุเปนทเทพยดา สถิตเศียรละ ๑ องค์ โดยปกติศิลปินไทยมักจะทำช้าง เอราวัณ เป็นช้าง ๓ เศียร


โดย: chakpetch    เวลา: 2013-4-19 13:56

[attach]1987[/attach]

โคอุสุภะราช

ถือเป็นเทพเจ้าของสัตว์จตุบาท
ตำราไสยศาสตร์กล่าวอุปเท่ห์ไว้ว่า  
โคนันทิ หรือโคอุสุภราช
สามารถเนรมิตทุกสิ่งทุกอย่าง แก่ผู้บูชา
อีกทั้งเป็นมงคลแก่เคหะสถานอีกด้วย

[attach]1988[/attach]

ช้างปัจจัยนาค

หรือ ปัจจัยนาเคน ในเวสสันดรชาดก

          ช้างปัจจัยนาคเป็นลูกนางช้างอากาศจารินี(ช้างที่ท่องเที่ยวไปในอากาศ)
นางช้างผู้เป็นมารดาท่องเที่ยวมาถึงแคว้นสีพี
ได้นำลูกช้างเผือกขาวผ่องมาไว้ในโรงช้างต้นของพระเจ้ากรุงสญชัย
ในวันเดียวกับที่พระเวสสันดรประสูติแล้วนางช้างผู้เป็นมารดาก็จากไป
ช้างปัจจัยนาคจึงเป็นช้างคู่บุญบารมีของพระเวสสันดรโดยแท้


โดย: chakpetch    เวลา: 2013-4-19 14:06
ท้าวมหาพรหม ชินนะปัญจะระ

[attach]1990[/attach]


พระประวัติ
ท่านท้าวมหาพรหม ชินนะปัญจะระ ท่านเกิดในสมัยพุทธกาล ในครอบครัวตระกูลพราหมณ์ บิดาของท่านชื่อ มะติโตะ และมารดาของท่าน ชื่อยะถานา ในวัยเด็กท่านสังเกตเห็นนักบวชในสำนักองค์สมณโคดมท่านหนึ่งออกบิณฑบาตร ด้วยกิริยาสงบน่าเลื่อมใส ต่อมาจึงทราบว่าท่านผู้นั้นคือ พระโมขคัลลานะ อัครสาวกของพระพุทธเจ้า ท่านชินนะจึงเกิดความศรัทธาเลื่อมใส ออกบวชเป็นสามเณร ลูกศิษย์ของพระโมคคัลลานะ ตามประวัติกล่าวว่าท่านสำเร็จจิตเป็นพระอรหันต์ ตั้งแต่อยู่ในช่วงอายุ 7 ขวบ ต่อมาเมื่อท่านเจริญวัยขึ้นมีลักษณะรูปงามน่าศรัทธาทำให้หญิงสาวทั้งหลายเกิดขาดสติหลงใหล จนกระทั่งเมื่อท่านอายุ 23 ปี เกิดเหตุไม่คาดฝันขณะที่ท่านเดินบิณฑบาตรได้มีสตรีกระโดดเข้ากอดท่าน เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ท่านชินนะเกิดความสังเวชใจยิ่ง และเป็นเหตุให้ท่านอธิษฐานถอดจิต ละสังขารสู่พรหมโลก โดยไม่ได้เข้าสู่แดนอรหันต์ คุณลักษณะตามคำบอกเล่าของสมเด็จหลวงพ่อโต เมื่อสมัยที่ท่านมาทำงานโปรดมนุษย์ ณ สำนักปู่สวรรค์กล่าวว่า

คุณลักษณะ ท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระยิ่งใหญ่
เทพพรหมนั้นมีมากมายกว่าเมล็ดทรายในท้องมหาสมุทร แต่มีพรหมที่มีตบะแรง พรหมที่มีอวุโส มีตำแหน่งในพหรมโลกนั้นมีไม่กี่องค์ ในพรหมโลกมีพระพรหม ๔ องค์ที่เป็นใหญ่ในพรหมโลก มีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับพรหมโลก คือ

ท้าวมหาพรหมชินะปัญจะระ
ท้าวอัปราพรหม
ท้าวจตุรพรหม
ท้าวมหาพรหมสามภพ
พระพรหมชินนะนี้ เป็นผู้พร้อมทุกอย่าง เขาเรียกว่าเป็นผู้สำเร็จสมัยองค์สมณโคดม และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นพรหมที่ไม่ขึ้นต่อพรหมโลก เขาเรียกว่าเป็นพรหมเอกเทศในพรหมโลกและมีบารมีแห่งฌานสมาบัติอันแก่กล้า พรหมองค์นี้ไม่ใช่พรหมที่จะติดสินบนกับมนุษย์ ทรงไว้ด้วยความยุติธรรม และเป็นผู้รอบรู้สรรพสิ่ง เรียกว่าเจ้าพิธีการของโลกวิญญาณ เป็นหัวหน้ารูปพรหมทั้ง ๑๖ ชั้น เป็นพระพรหมที่เรียกว่าเทวดาผู้หญิงหล พรหมผู้หญิงที่ฝึกยังไม่ถึงชั้น ๕ พรหมชั้น ๔ ยังติดกาเม ก็ยังหล แต่มีกฎว่าผู้ใดถูกแม้แต่เท้าพระพหรมชินนะ ผู้นั้นจะต้องถูสาปมาเป็นเกิด เพราะว่าเป็นพรหมที่เกลียดสตรีเพศ พรหมองค์นี้เป็นพรหมที่มติสามโลกเอื้อมไปไม่ถึง ท่านเป็นคนเจ้าระเบียบ เป็นคนมีวินัย รักความสะอาด สงบเสงี่ยม สุขุมคัมภีรภาพ มีความเฉลียวฉลาด เป็นพรหมยิ่งใหญ่ของพรหมโลกที่ขจัดมารได้ทั่วภิภพ... ตอนออกรบจะพิชิตมาร หมายความว่าพรหมโลกเกิดเรื่องยุ่งก็ดี เทวโลกเกิดยุ่งก็ดี ยมโลกเกิดยุ่งก็ดี มารโลกเกิดมาเรื่องมาก เขาช่วยกันไม่ได้ เขาก็ต้องมาเชิญองค์พระพหรมชินนะ พระพหรมชินนะจะออกศึกก็มีพาหนะ

พาหนะ
เท้าขวาเหยียบเต่า ท้ายซ้ายเหยีบพญานาค เป็นพาหนะประจำตำแหน่ง พาหนะเหล่านี้เป็นวิญญาณทิพย์เป็นวิญญาณที่จำศีล เตรียมตัวเกิดเป็นสาวกในยุคพระศรีอริยเมตไตรย เต่ามีอายุยืนนานและแข็งแกร่ง ท้าวขวาท่านหนักมาก ถ้าเหยียบพยานาครับรองว่าแบน ก็เอาเต่ามารอง เท้าซ้ายไม่ค่อยหนักก็เอาพญานาคเหยียบ เต่านั้นถือว่าเป็นสัตว์บก พญานาคเป็นสัญลักษณ์ของน้ำ เหยียบพญานาคหมายถึงเหยียบสมุทร แสดงว่าทั้งบกทั้งน้ำอยู่ใต้ตีนข้า เวลาท่านประทานน้ำมนต์อาบคนใข้ สองหน่อนี้ก็มาช่วยอยู่

วรกาย
พระวรกายมีแสงดั่งพระอาทิตย์ จิตใจงามเหมือนพระจันทร์ คิ้วโก่งเหมือนคันศร นัยน์ตางามและคมเหมือนเหยี่ยว ผิวกายละเอียดเหมือนหยกขาว ผมเกล้าจุกขมวดไว้บนพระเศียร เศียรมีปิ่นเพชร ปิ่นเพชรมีสีทอง พระพรหมชินะ ไม่ยอมอธิษฐานแปลงกายแห่งกายทิพย์ของตนให้เป็นแปดหน้าสี่กร หรือสี่หน้าแปดกรการที่พระพหรมมีหลายๆหน้า เพราว่าท่านมีหน้าที่ดูแลความเป็นอยู่ของพรหมโลก และต้องดูแลในการจัดการที่จะมาต้านของเหล่ามาร ที่จะมารังควานในการนั่งสมาธิของพรหม อันนี้อาจจะถามว่า แล้วเหตุไฉนพระพรหมชินนะจึงไม่ต้องมีหลายหน้า เพราะว่าพระพหรมชินนะนั้นมีรังสีแห่งวรกายของแก้ว ๗ ชั้นคลุมอยู่ จึงไม่ต้องใช้หน้ามาก เพียงแต่เปล่งรัศมีแผ่ไป พรหมเขาก็รู้พวกมารหรืออะไรเขาก็รู้นี่พรหมองค์นี้มา ก็คือสัญลักษณ์ของท้าวมหาพรหรหมองค์นี้มา ท่านจึงไม่ได้เนรมิตในร่างกายให้ผิดแปลกกว่าเขา กายนั้นเปล่งรัศมีรอบวรกายเป็นพระอาทิตย์ขาวขึ้น ในภาวการณ์ที่เรียกว่า ถ้าพระพหรมองค์นี้ไปไหน เทวดาเห็นเป็นพระอาทิตย์เคลื่อนที่มีรัศมี ๕๐๐ เส้น เทพพรหมจะรู้ว่าท้าวมหาพรหมชินนะมา แต่พวกอมรมนุษย์ เทพ พวกรุขเทวดาเหล่านี้ยังไม่รู้จัก เพียงแต่คิดว่า เอ๊ะ พรหมองค์นี้มีรัศมีมากเพียงพอหนอ

เครื่องแต่งกาย
การแต่งกายของโลกวิญญาณนั้น เสื้อผ้าที่แต่งนั้นเป็นของทิพย์ พอใจก็นุ่งชุดนี้ตลอดกาล ทีนี้การแต่งตัวของท้าวมหาพรหมชินนะเขาเรียกว่าแต่งแบบครึ่งกึ่งพระกึ่งพรหมคือ ทั้งชุดที่นุ่งนั้นเป็นสีขาวบริสุทธิ์ เพราะว่ากายเนื้อทิพย์ของพระพรหมชินนะเป็นเนื้อหยกขาว ชุดที่นุ่งนั้นก็เป็นชุดขาวละเอียด พระวรกายก็เป็นสีที่เรียกว่าขาวอย่างมีสีนวล เปล่งรัศมีไกลถึง ๕๐๐ เส้น

คฑา
มือขวาถือคทาเรียกว่า “คฑาพรหม” เป็นจามจุรีทิพย์หัวคทามีแสงพุ่งออกมาเป็นรัศมีเป็นรุ้ง ๓ สี


วิมาน
วิมานท่านอยู่พรหมโลกชั้นที่ ๑๓ วิมานนั้นเนรมิตสร้างขึ้นด้วยแก้วมรกต พื้นวิมานปูด้วยทองคำบริสุทธิ์รอบในหลังคามุงด้วยเพชร บรรทมด้วยสิงห์ ไม่มีคนใช้ไม่มีบริวาร ส่วนมากอยู่เอกเทศเพียงองค์เดียว ไม่ชอบพูดกับใคร ไม่มีใครกล้าเหยียบวิมานโดยพลการ พหรมเอกเทศหมายความว่า ไม่ขึ้นกับพหรมโลก จะอยู่ในพรหมโลกก็ได้ ไม่อยู่ก็ได้ แล้วแต่ความพอใจ วิมานมีหลายแห่ง

ลัทธิชินโตโนะ
ในประเทศญี่ปุ่นนับถือท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระมาก เขานับเป็นพระอรหันต์ในตำราของเขา แล้วชินนะปัญจะระชินศรีเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง เพราะฉะนั้นในญี่ปุ่นเขานับถือท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระมาก แต่เขาเรียกเป็น “ชินโตโนะ” หรือ ศาสนาชินโตโนะ คือบูชาพระอาทิตย์ ที่เขาบูชาพระอาทิตย์เพราะ ท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระก่อนจะปรากฏร่าง จะต้องเป็นแสงอาทิตย์ เรียกว่ารัศมีพุ่งเป็นรุ้ง ฉะนั้นในญี่ปุ่นเขานับถือเป็นลัทธิหนึ่ง คือ ลัทธิชินโตโนะ

ผู้พิชิตมารทั่วพิภพ
ท้าวมหาพรหมชินนะ ท่านเป็นพระพรหมที่มีฤทธิ์เดช ที่เรียกว่าพญามารหรือมารทั้งหลายกลัว ในด้านของมารโลเก โลกของมารของพวกวิญญาณ ดังนั้นก็เรียกว่า ท่านมีรูปของท้าวมหาพรหมชินนะอยู่ในบ้านก็คิดว่าอุปสรรคในการกลั่นแกล้งของวิญญาณ พวกที่เรียกว่ารุกขเทพก็ดี พวกอมรมนุษย์ก็ดี พวกผีเปรตอสุรกายก็ดี คิดว่าไม่กล้าย่างกราย




เมื่อจะระลึกถึงท่าน กล่าวพระคาถาบูชา
ชินนะ ปัญจะระ ๓ จบ


โดย: chakpetch    เวลา: 2013-4-19 14:15
สมเด็จราชาธิราช  

[attach]1991[/attach]

ในสมัยพุทธกาล มีพระมหากษัตริย์ผู้เรืองอำนาจพระองค์หนึ่งซึ่งเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองปัญจาลราษฐพระนามว่า"พญาชมพูบดี" โดยกล่าวกันว่า พร้อมๆกับการประสูติของพระองค์ ขุมทองในที่ต่างๆก็ผุดขึ้นมากมาย อันแสดงถึงบุญญาธิการของพระองค์ ประชาชนในเมืองนี้จึงมีฐานะความเป็นอยู่ที่มั่งคั่งสมบูรณ์
พญาชมพูบดี ทรงมีอาวุธวิเศษ2อย่างคือ ฉลองพระบาทแก้วซึ่งเมื่อสวมเข้าไปแล้วก็จะพาพระองค์เหาะไปในที่ต่างๆได้ ทั้งยังใช่อธิษฐานแปลงเป็นนาคราชเข้าประหัตประหารศัตรูได้อีกด้วย อาวุธวิเศษอย่างที่สองคือ วิษศร ซึ่งเป็นลูกศรวิเศษใช่ต่างราชฑูต หากกษัตริยเมืองใดไม่มาอ่อนน้อมขึ้นต่อพระองค์ ซวิษศรนี้ก็จะไปร้อยพระกรรณพาตัวมาเข้าเฝ้าพระองค์จนได้ ทำให้กษัตริย์ทั้งหลายพากันยำเกรงในพระเดชานุภาพแห่งพญาชมพูบดี

การรุกรานพระเจ้าพิมพิสาร

ด้วยอาวุธวิเศษคู่พระกาย พระองค์ได้ขยายพระราชอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวาง กระทั่งถึงกรุงราชคฤห์ของพระเจ้าพิมพิสารผู้เป็นพุทธอุบาศกแห่งสมเด็จพระ สัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งอาวุธวิเศษขององค์พญาชมพูบดีก็ไม่อาจทำอันตรายแก่พระเจ้าพิมพิสารได้ ด้วยอาศัยพระพุทธานุภาพ พญาชมพูบดีทรงแค้นพระทัยมาก แม้จะส่งอาวุธวิเศษอย่างใดมาก็พ่ายแพ้แก่พุทธจักรและพระพุทธานุภาพแห่ง พระพุทธองค์

พระพุทธงค์ทรงนิมิตองค์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ

เมื่อพระพุทธองค์ทรงเห็นว่าพญาชมพูบดีประสบความพ่ายแพ้มีทิฏิมานะเบาบางลง ประกอบกับทรงเล็งเห็นวาสนาปัญญาของพญาชมพูบดีที่จะสามารถสำเร็จมรรคผลได้ จึงมีพุทธฎีกาตรัสใช้องค์อินทร์แปลงเป็นราชฑูตพาพญาชมพูบดีมาเข้าเฝ้า ส่วนพระพุทธองค์ทรงเนรมิตองค์เป็น พระเจ้าจักรพรรดิทรงเครื่องราชาภรณ์ล้วนแต่งดงามยิ่ง ส่วนพระสารีบุตรและพระโมคัลลานเถระเจ้า พร้อมด้วยเหล่าภิกษุสงค์สาวกก็เนรมิตกายเป็นเสนาบดีใหญ่น้อยล้วนแล้วแต่น่า เกรงขาม ทั้งเนรมิตเวฬุวันให้เป็นพระนครใหญ่ประกอบด้วยกำแพงถึง7ชั้น และมีพุทธฎีกาตรัสสั่งให้เทวดา อินทร์ พรหม คนธรรพ์ และนาค ร่วมเนรมิตเป็นตลาดน้ำและตลาดบก

พญาชมพูบดีเข้าเฝ้าพระพุทธองค์

เมื่อองค์อินทร์ซึ่งเนรมิตกายเป็นราชฑูตไปถึงเห็นพญาชมพูบดีและเหล่าเสน อำมาตย์ยังถือดี จึงแสดงฤทธานุภาพเป็นที่ประจักษ์ พญาชมพูบดีไม่อาจแข็งขืนจำยอม ต้องยกพลเดินทัพเพื่อเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ เมื่อพญาชมพูบดี เดินทางเข้าเขตพระนครก็ตกตะลึงกับความยิ่งใหญ่อลังการแห่งพระนครที่พระพุทธ องค์ทรงเนรมิตขึ้น ซึ่งแม้แต่เหล่าแม่ค้าริมทางก็ยังงดงามกว่าพระอัครมเหสีของพญาชมพูบดี จนชวนให้รู้สึกขวยเขินก้าวเดินไม่ตรงทาง และเมื่อผ่านมายังกำแพงพระนครแต่ละชั้น ทอดพระเนตรเห็นเหล่าเสนาอำมาตย์ที่รักษาพระนคร พระทัยก็ประหวั่นพรั่นกลัว พระเสโทไหลโทรมพระสกลกาย ถึงกำแพงชั้นในซึ่งเป็นแก้ว ก็ทำท่าจงกระเบนเหน็บรั้ง ด้วยเข้าพระทัยผิดคิดว่าเป็นน้ำเสียงนางในร้องเย้ยเยาะว่ากษัตริย์บ้านนอก กระทำเชยๆพระองค์ก็รู้สึกได้รับความอัปยศอย่างยิ่ง

พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมโปรดพญาชมพูบดี

พญาชมพูบดีเมื่อมาถึงต่อหน้าพระพักตร์แห่งพระบรมศาสดา ซึ่งเนรมิตกายเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ก็ยังไม่หมดทิฏฐิมานะ และเมื่อพระพุทธองค์เชื้อเชิญให้แสดงฤทธิ์เดชอำนาจและของวิเศษทุกสิ่งทุก อย่างออกมา พญาชมพูบดีก็ต้องได้รับความอัปยศยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยไม่อาจทำอันตรายพระพุทธองค์ได้เลยแม้แต่น้อย เมื่อพระพุทธองค์ทรงพิจารณาเห็นว่าพญาชมพูบดีคลายทิฏฐิมานะลงมากแล้ว จึงทรงแสดงพระธรรมเทศนาโปรดพญาชมพูบดี และเหล่าเสนาอำมาตย์ที่ติดตามมาด้วย จำนวนมากให้เห็นสิ่งที่เป็นสาระและมิใช่สาระ ให้เห็นโทษแห่งการเวียนเกิด เวียนตาย ในวัฏสงสาร ทั้งให้เห็นคุณแห่งนิพพาน พญาชมพูบดีและเหล่าเสนาอำมาตย์ ต่างรู้สึกปิติโสมนัสปลดมงกุฎและเครื่องประดับของตนวางแทบพระบาทแห่งพระ ศาสดา เพื่อสักการะด้วยความรู้สึกเทิดทูลและขออุปสมบทต่อพระพุทธองค์ จากนั้นพระพุทธองค์พร้อมด้วยพระภิษุสงฆ์สาวก เทวดา อินทร์พรหม คนธรรพ์และนาคก็คลายฤทธานุภาพกลับสู่สภาพเดิม พระพุทธองค์ทรงประทานอุปสมบทแก่พญาชมพูบดีพร้อมทั้งเหล่าเสนาอำมาตย์และทรง แสดงพระธรรมเทศนาให้คลายควาลุ่มหลงในเบญจขันธ์มีรูปเป็นต้นว่าอุปมาดั่งพยับ แดดหาระตัวตนที่เที่ยงแท้อันใดมิได้และแสดงธรรมเทศนาต่างๆเป็นเอนกปริยาย พญาชมพูบดีและเหล่าเสนาอำมาตย์ก็ดื่มด่ำในพระอมตธรรมสลัดเสียซึ่งตัณหา อุปทาน จิตของท่านก็เข้าอรหัตตผล สำเร็จเป็นพระอริยบุคคลในพระบวรพุทธศาสนา.......

โดย: chakpetch    เวลา: 2013-4-19 14:16
หนุมานจองเมือง  

[attach]1992[/attach]


หนุมานจองเมือง กล่าวอ้าง ถึงตอนพระรามให้รางวัลแก่หนุมานหลังจากมีชัย พระรามได้แผงศร ถ้าลูกศรไปตกตรงไหน ให้หนุมาน ไปสร้างเมืองที่นั้น ลูกศรพระรามไปตกบนภูเขาบันดาลให้ยอดเขานั้นราบลง หนุมานตามไปถึงจึงเอาหางกวาดดินเป็นกำแพงเมืองหมายไว้เป็นสำคัญ แล้วพระวิษณุกรรมลงมาสร้างเมือง ครั้นเสร็จแล้วพระรามจึงประทานนามว่า “เมืองลพบุรี”


ศาลหลักเมือง หรือ ศาลลูกศร ตัวศาลาเป็นตึกเล็กๆ มีเนื้อที่ประมาณ 12 ตารางเมตร มีแท่งหินแท่งหนึ่งโผล่เหนือระดับพื้นดินขึ้นมา สูงประมาณ 1 เมตร เป็นศาลเจ้าหลักเมืองโบราณที่เรียกว่า "ศาลลูกศร" สมเด็จกรมพระบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ทรงนิพนธ์เกี่ยวกับศาลลูกศรไว้ในตำนานเมืองลพบุรี ว่า "หลักเมืองลพบุรี" อยู่ทางตลาดข้างเหนือวัง เรียกกันว่า ศรพระราม จะมีมาแต่ก่อนสมัยขอมฤาเมื่อครั้งขอมทราบไม่ได้แน่


มีตำนานเล่าสืบต่อจากกำเนิดเมืองลพบุรีว่า ลูกศรที่พระรามแผลงมาตกที่ทะเลนั้นมีอิทธิฤทธิ์ร้อนแรงมาก เมื่อตกลงสู่ทะเล นำ้ทะเลก็เหือดแห้งไปหมด ดินบริเวณทะเลและใกล้เคียงถูกความร้อนจนสุกเป็นสีขาว ลูกศรนี้ต้องอยู่ในนำ้ ถ้าปล่อยให้แห้งจะร้อนและเกิดไฟเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่โดยรอบ
ด้วยความเชื่อดังกล่าวชาวลพบุรีจึงเลือกพื้นที่บริเวณใกล้แม่นำ้ลพบุรีสร้าง ศาล และสร้างอ่างนำ้เพื่อแช่ลูกศร คอยระวังดูแลไม่ให้นำ้ในอ่างแห้ง ศาลนี้เรียกว่า "ศาลลูกศร"

...........................................................................

อาจารย์บอกว่าสมเด็จราชาธิราชรูปแบบนี้ หลวงพ่อผินะเคยได้ออกแบบไว้ก่อนแล้ว  
ท่านอาจารย์เพียงแค่เอาน้ำผึ้งในขวดเก่ามาใส่ในโหลใหม่เท่านั้นครับ  
ซึ่งอาจารย์เห็นว่าหมอต้อยเคยได้อุปฐากหลวงพ่อผินะมาก่อน   
อีกอย่างเห็นว่าหมอต้อยมีความประทับใจในองค์สมเด็จพระราชาธิราชมาก  
จึงน่าจะเหมาะสมกับหมอต้อยครับ

สาธุได้ความรู้เพิ่มอีกแล้วครับ
ก็ยอมรับว่ามีความผูกพันกับหลวงปู่ผินะมาก
และหลวงปู่ก็ชอบปางนี้ด้วยครับและท่านจะ
ออกปากชมหนุมานโดยตลอดว่าเก่งกาจยิ่งนัก
ในเวลาที่ท่านทำการไล่ผีที่เข้าสิงชาวบ้านท่าน
จะทำตรายางปางหนุมานสี่กรหาวเป็นเดือนดาว
แล้วมาประทับบริเวณส่วนของร่างกายชาวบ้าน
ที่ปวดแล้วหลวงปู่จะใช้กระดูกท่อนต้นขา
ของคนเคาะที่กระโถนแล้วถามว่าจะยอมออก
หรือไม่ถ้ายังไม่ยอมออกท่านจะใช้วิชาไม้ตายยิง
ศรพระรามผ่านออกจากปลายมือของท่าน
เพื่อทำลายผีตนนั้นเสีย

โดย: chakpetch    เวลา: 2013-4-19 14:21
[attach]1993[/attach]

       พญาไก่เถื่อน ใช้บูชาทางมหาโชคมหาลาภซื้อง่ายขายคล่อง ทั้งยังกันคุณไสยทุกชนิด แม้เสนียดจัญไรจำพวกหงส์ร่อนมังกรรำ กันได้แก้ได้ จัดว่าเป็นยันต์สารพัดประโยชน์จริง ๆ นอกจากนี้ผ้ายันต์นี้ยังสามารถทำเป็นแหวนพิรอดและพลิกแพลงใช้ในทางอาถรรพณ์เวทย์ทั้งทางป้องกันก็ได้ ใช้ทางต่อสู้ทำลายล้างอำนาจลึกลับก็ได้ แม้อำนาจอาถรรพณ์จำพวกเสือสมิงก็ยังสู้พญาไก่เถื่อนไม่ได้ พระอาจารย์โบราณท่านเชื่อถือกันนัก
         อุปเท่ห์ของคาถาพญาไก่เถื่อนนี้ ยังมีอีกมากทั้งรูปยันต์และกลวิชาตามตำราได้บอกเอาไว้แล้วว่าสารพัดที่จะใช้ เรียกได้ว่าสามารถแยกเรียนเป็นวิชาพญาไก่เถื่อนได้เลย จะใช้ทางบู๊ ดุเดือดก็ชะงักนัก ใช้ทางมหาเสน่ห์ก็เป็นยอด ใช้ทางโชคลาภค้าขายก็เห็นผลกันมาเหลือคณานับ  แม้แต่กันคุณไสย คุณผี คุณคน เสน่ห์ยาแฝด เสนียดจัญไรก็เป็นประสิทธิ์ยิ่งนัก กระทั่งให้ทำเอาอาถรรพณ์ก็ขลังมหาขลัง แถมยังทำได้หลายชนิดอีกด้วย ขั้นนี้พระอาจารย์โบราณท่าเฟ้นเลือกศิษย์รับการถ่ายทอด เหตุเพราะใช้กลั่นแกล้งผู้คนได้ แล้วบาปกรรมจะตกถึงอาจารย์ได้เช่นกัน ขณะเดียวกันถ้าใช้สงเคราะห์ผู้คนก็จะเป็นบุญกุศลได้
         นักเลงไก่ชนยุคโบราณนั้นใช้คาถาพญาไก่เถื่อนและยันต์พญาไก่เถื่อนช่วยในการเล่นตีไก่ จะมีทั้งเสกน้ำมันงาทานวดไก่ชนให้ทนทรหด เสกอาหารป้อนไก่ชนทุกๆ วัน บางทีก็ลบผงยันต์พญาไก่เถื่อนทาตัวไก่เมื่อจะชนไก่ แม้กรงไก่สุ่มไก่ยังแอบเอาผ้ายันต์พญาไก่เถื่อนคลุมไว้เลย สารพัดวิธีที่นักเลงไก่ชนรุ่นโบราณจะใช้ประโยชน์จากถาคาพญาไก่เถื่อนนี้
         ในการค้าขายนั้น ท่านให้ใช้น้ำสะอาดใส่ขันแล้วเอาผ้ายันต์พญาไก่เถื่อนคลุมไว้ จากนั้นสำรวมจิตภาวนาเสกคาถาพญาไก่เถื่อน 7 จบ แล้วประพรมสินค้าให้ซื้อง่ายขายคล่อง ถ้าเจรจาความให้เอาผ้าเช็คหน้าจะเป็นเมตตามหานิยม หากจะแก้คุณไสยเสนียดจัญไรก็ให้เอาผ้าคลุมขันน้ำมนต์ แล้วเสกคาถาพญาไก่เถื่อน เอาน้ำมนต์นี้ดื่มกินบ้างอาบบ้างจะแก้ได้
         สำหรับการปลูกบ้านเรือนนั้นใช้ยันต์นี้ติดไว้ที่จั่วบ้านหรือประตูจะเป็นสิริมงคลกันภัยพิบัติทั้งหลายทั้งปวง ทั้งยังใช้ติดยานพาหนะเป็นแคล้วคลาดภัยอันตรายไม่เกิดกับเรา โบราณนิยมผูกผ้ายันต์พญาไก่เถื่อนไว้กับเรือไปค้าขาย ไปมาจะปลอดภัย  แม้แต่ยุ้งฉางก็นิยมใช้ยันต์นี้ เชื่อว่าข้าวจะไม่พร่องจะมีมาเติมอยู่เรื่อยๆ และกันมอดกันมดมากินข้าวได้อีก
         พระอาจารย์สมัยโบราณท่านเชื่อถือคาถาพญาไก่เถื่อนนี้มาก และใช้ได้ผลเป็นอัศจรรย์ สมเด็จพระสังฆราชสุกไก่เถื่อน วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ)  ธนบุรี ท่านเสกข้าวให้ไก่กินจนไก่ป่าเชื่องมาอยู่เป็นฝูง ปรากฏเล่าขานกันมาถึงปัจจุบัน ถึงคุณวิเศษของท่าน มหาชนทั้งหลายจึงเรียกท่านว่า สังฆราชสุกไก่เถื่อน และยังจดจำเล่าเรียนคาถาพญาไก่เถื่อนสืบต่อๆ กันมาถึงปัจจุบัน

โดย: chakpetch    เวลา: 2013-4-19 14:24
[attach]1994[/attach][attach]1995[/attach][attach]1996[/attach][attach]1997[/attach][attach]1998[/attach]

โดย: chakpetch    เวลา: 2013-4-19 14:24
[attach]1999[/attach]


โดย: chakpetch    เวลา: 2013-4-19 14:25
[attach]2000[/attach][attach]2001[/attach]


โดย: chakpetch    เวลา: 2013-4-19 14:26
[attach]2002[/attach][attach]2003[/attach]


โดย: chakpetch    เวลา: 2013-4-19 14:27
[attach]2007[/attach][attach]2005[/attach][attach]2006[/attach][attach]2004[/attach]


โดย: chakpetch    เวลา: 2013-4-19 14:28
[attach]2008[/attach][attach]2010[/attach][attach]2009[/attach]


โดย: chakpetch    เวลา: 2013-4-19 14:30
[attach]2015[/attach][attach]2011[/attach][attach]2012[/attach][attach]2013[/attach][attach]2014[/attach]


โดย: chakpetch    เวลา: 2013-4-19 14:44
การผอกตะกรุดอาถรรพ์เทพคุ้มดวง

แผ่นยันต์ที่อาจารย์ลงไว้เรียบร้อย

[attach]2023[/attach]

ม้วนตะกรุดหนุนดวงด้วยเหล็กม้วนพร้อมกับพันด้ายสายสิญจน์

[attach]2024[/attach]

พอกผงมวลสารตะกรุดหนุนดวง พร้อมทั้งลงอักขระยันต์ลบถมบนผงมวลสารขณะพอกทีละอักขระ

[attach]2022[/attach][attach]2021[/attach][attach]2020[/attach][attach]2019[/attach][attach]2017[/attach]

ตะกรุดหนุนดวงพอกเสร็จเรียบร้อย รอถักเชือก

[attach]2016[/attach]

เมื่อถักเชือกเสร็จ ควรจัดขันธ์ห้ารับ
เนื่องจากตะกรุดอาถรรพ์เทพคุ้มดวง เป็นของสูง

หากมีขันสำริด ไว้เก็บจะยิ่งดี
ทุกวันพระหากเป็นไปได้
ควรฉีดน้ำหอมมะลิและจัดดอกไม้ถวาย

[attach]2026[/attach]

โดย: chakpetch    เวลา: 2013-4-19 14:58
ตะกรุดยุคแรกๆ

ตั้งใจไว้ว่า ผอกผง ถักเชือก ลงรัก ปิดทอง
แต่มีบางคนแพ้รัก เลยเปลี่ยนรูปแบบกันใหม่ ณ ปัจจุบัน
เพื่อให้เป็นมาตราฐานเดียวกัน

[attach]2028[/attach]

[attach]2027[/attach]

[attach]2032[/attach]

[attach]2031[/attach]


โดย: chakpetch    เวลา: 2013-4-19 15:07
โอ้ว เป็นกระทู้ที่เรียบเรียงยากกระทู้หนึ่งเลยนะครับ

ใครมีอะไรเสริมเพิ่มเติมลุยกันเลยนะครับ

ส่วนผู้ลงรายชื่อไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้รับ ก็อดทนหน่อยนะครับ เพราะอาจารย์ว่า คนอดทน คือคนที่โชคดี
อยากได้ไวๆต้องมาช่วยงานที่สำนักเยอะๆ อาจารย์จะได้จำได้ครับ อิอิ

ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้มีรายชื่อที่ลงไว้ ก็คงต้องอดทนยิ่งขึ้นไปอีกนะคร๊าบ เข้ามาช่วยงาน บ่อยๆยิ่งมีโอกาสเร็วขึ้นจ้า


[attach]2037[/attach]



อวดหน่อย  ปู่นารทะ เทพองค์ปฐมแห่งตะกรุดอาถรรพ์เทพคุ้มดวง กับ กุมารเทพสุดหล่อ  ของผม


โดย: sriyan3    เวลา: 2013-4-19 15:13
ขอบคุณที่แนะนำครับ
โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-19 16:44
ของผมรอมา 2 ปี วันที่ได้รับ อาจารย์โทรมาบอกให้เข้าไปพอกผง ความรู้สึกมันเกินจะบรรยาย ดีใจสุดๆ วันนั้นกำลังจะไปสะพานเหล็ก ต้องเปลี่ยนแผนด่วน เข้าไปพอกผงแบบทันใด เป็นของขวัญปีใหม่ที่ล้ำค่าจริงๆครับ ขอบพระคุณอาจารย์มากๆครับ
โดย: sriyan3    เวลา: 2013-4-19 17:00
อิจฉาตาร้อนผ่าว
โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-22 12:27
[attach]2406[/attach]

แผ่นยันต์อาถรรพ์เทพคุ้มดวง พระนารายณ์ พระวิษณุกรรม สวยงามและเข้มขลังอลังการเช่นเคย เจ้าของรายงานตัวด้วยครับ

[attach]2409[/attach]

พระนารายณ์

[attach]2410[/attach]

พระวิษณุกรรม

[attach]2412[/attach]

ยันต์และคาถาต่างๆ รอบล้อมดวงราศีจักรของเจ้าของตะกรุด เฉพาะบุคคล หนึ่งเดียวในโลก

โดย: TATIE    เวลา: 2013-4-22 14:32
พี่หนูเจี๊ยบมีพระวิษณุนั่งเหรอ  ผมมีพระวิษณุยืน
ต้องมาตีกันหน่อยแล้วมั๊ง
[attach]2414[/attach]
โดย: bigbird    เวลา: 2013-4-22 18:05
TATIE ตอบกลับเมื่อ 2013-4-22 14:32
พี่หนูเจี๊ยบมีพระวิษณุนั่งเหรอ  ผมมีพระวิษณุยืน
ต้อ ...

พระวิษณุนั่งอ่ะของพี่เม้าเค้างิพี่ตี๋
ของเจ๊หนูน่ะเปนหลวงปู่กะองค์พ่อคอยเฝ้ามอง555
โดย: oustayutt    เวลา: 2013-4-22 19:16
TATIE ตอบกลับเมื่อ 2013-4-22 14:32
พี่หนูเจี๊ยบมีพระวิษณุนั่งเหรอ  ผมมีพระวิษณุยืน
ต้อ ...

สวยครับ
โดย: toywater    เวลา: 2013-4-22 19:43
แบบนี้ต้องรวม ทีม องค์เทพนารายณ์ สักหน่อย
ใครมีองค์เทพนารายณ์ คุ้มครองบ้างครับบบบบบ
โดย: รามเทพ    เวลา: 2013-4-23 07:30

พ่อปู่ตาไฟติคญาโณ



พ่อปู่นารอด หรือปู่ดำ...
โดย: รามเทพ    เวลา: 2013-4-23 07:41
ตะกรุดหนุนดวงช้างปัจจัยนาเคนทร์-พญานาคา-นาคี







ช้างปัจจัยนาค หรือปัจจัยนาเคนทร์ ในเวสสันดรชาดก



ช้างปัจจัยนาคเป็นลูกนางช้างอากาศจารินี (ช้าง
ที่ท่องเที่ยวไปในอากาศ)นางช้างผู้เป็นมารดาท่องเที่ยวมาถึงแคว้นสีพีได้นำ
ลูกช้างเผือกขาวผ่องมาไว้ในโรงช้างต้นของพระเจ้ากรุงสญชัยในวันเดียวกับที่
พระเวสสันดรประสูติแล้วนางช้างผู้เป็นมารดาก็จากไป
ช้างปัจจัยนาคจึงเป็นช้างคู่บุญบารมีของพระเวสสันดรโดยแท้

แต่ทางราชการกำหนดศัพท์สำหรับเรียกชื่อช้างซึ่งมีลักษณะพิเศษตามพระราชบัญญัติรักษาช้างป่าพุทธศักราช
๒๔๖๔ ไว้ดังนี้

คำว่า "ช้างสำคัญ" ให้พึงเข้าใจว่าช้างที่มีมงคลลักษณะ ๗ ประการ คือ

๑. ตาขาว

๒. เพดานขาว

๓. เล็บขาว

๔. ขนขาว

๕. พื้นหนังขาว หรือสีคล้ายหม้อใหม่

๖. ขนหางขาว

๗. อัณฑโกสขาว หรือสีคล้ายหม้อใหม่


คำว่า "ช้างสีประหลาด"ให้พึงเข้าใจว่าช้างที่มีมงคลลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดใน  ๗ อย่างคือ

๑. ตาขาว

๒. เพดานขาว

๓. เล็บขาว

๔. ขนขาว

๕. พื้นหนังขาว หรือสีคล้ายหม้อใหม่

๖. ขนหางขาว

๗. อัณฑโกสขาว หรือสีคล้ายหม้อใหม่


คำว่า "ช้างเนียม" ให้พึงเข้าใจว่าช้างมีลักษณะ ๓ ประการ คือ

๑. พื้นหนังดำ

๒. งามีลักษณะดังรูปปลีกล้วย

๓. เล็บดำ

มีความเชื่อกันมาแต่โบราณว่าช้าง

เผือกเกิดขึ้นเพราะพระบารมีของพระมหากษัตริย์เป็นที่เชิดชูพระเกียรติยศและ
พระบรมเดชานุภาพช้างเผือกจะเกิดขึ้นในรัชกาลใดถือกันว่าพระมหากษัตริย์
พระองค์นั้นมีพระบารมีสูงส่ง
จะได้รับการยกย่องเลื่องลือในพระราชอำนาจและพระเกียรติยศแผ่ไปยังนานาประเทศดังปรากฏในพระราชพงศาวดารสมัยกรุงศรีอยุธยาว่า ในรัชสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงได้ช้างเผือก ๗ เผือกได้รับการถวายพระนามว่า
พระเจ้าช้างเผือก เป็นต้น

ช้างเผือกเป็นของหายากและเป็นมงคลสำหรับบ้านเมืองดังนั้นในพระราชบัญญัติรักษาช้างป่าพุทธศักราช ๒๔๖๔ จึงกำหนดไว้ว่า

บรรดาช้างชนิดที่กล่าวมาแล้วนี้ต้องเป็นและคงเป็นสมบัติของแผ่นดินเสมอการที่จะโอนกรรมสิทธิ์แก่กันโดยวิธีซื้อขายแลกเปลี่ยนได้ปันหรือโดยวิธีอื่นอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดีนับว่าไม่ถูกต้องทั้งสิ้นผู้ที่ยึดถือช้างเช่นนั้นไว้ต้องมอบให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในเมื่อเจ้าหน้าที่บอกให้นำส่งและเจ้าหน้าที่มีอำนาจจะเข้ายึดเอาตัวช้างได้แม้โดยอำนาจหากผู้ที่รักษาช้างอยู่นั้นบิดพลิ้วไม่ยอมมอบตัวให้" และได้กำหนดบทลงโทษไว้

ตำราคชศาสตร์ คือ ตำราว่าด้วยช้างเผือกมี ๒ ตำรา คือ

๑.คชลักษณ์ กล่าวถึงรูปพรรณสันฐานของช้างต่าง ๆ ทั้งดีและชั่ว ถ้าได้ไว้จะให้คุณและโทษตามแต่ลักษณะช้าง

๒.คชกรรมคือ ตำราที่รวบรวมเวทมนตร์คาถากระบวนการจับช้างรักษาช้างและบำบัดเสนียดจัญไรต่าง


โดย: รามเทพ    เวลา: 2013-4-23 07:46
autsadakornโพส

ช่วงนี้ผมศึกษาเกี่ยวกับตะกรุดขอเกจิต่างๆตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันอยู่พอดีครับ ตั้งแต่อดีตเป็นร้อยปีที่ผ่านมาเครื่องรางที่ได้ชื่อว่าตะกรุดนั้นจะหมายถึง แผ่นโลหะบางๆ ที่ม้วนกลมลงอักขระ บางคณาจารย์จะพอกผง ลงรัก ถักเชื่อกอย่างเช่น ตะกรุดหลวงปู่เอี่ยมวัดสะพานสูง ซึ่งในวงการยอมรับกันว่าเป็นอันดับหนึ่งในเบ็ญจภาคีเครื่องราง แต่ก็ไม่อาจจะยุติได้ว่าตะกรุด จะตบแต่งเพิ่มเติมออฟชั่นมากน้อยเพียงใด แล้วแต่ ท่านพระคณาจารย์ ต่างๆ จะสรรค์สร้างเช่นไร

         ตะกรุดไม่ทราบแน่ชัดว่าเริ่มสร้างตั้งแต่สมัยใด แต่มีหลักฐานปรากฎชัดในสมัยรัชกาลที่ 5 พระองค์ทรงสร้างเหรียญเสมา จปร. เพื่อแจกเด็ก เมื่อ พ.ศ. 2444 พระองค์ทรงพระราชทานเหรียญเสมา จปร. ด้านบทเจาะรูสำหรับร้อยด้าย (สำหรับห้อยคอ) และด้านซ้าย-ขวาของเส้นด้ายร้อยไว้ด้วย "ตะกรุด" ไม่ทราบว่าพระคณาจารย์รูปใดปลุกเสก เพราะสมัยในยุคของพระองค์มีพระคณาจารย์โด่งดังหลายรูป แต่ทรงโปรดฯมาก คือ หลวงปู่ปั้น วัดเงิน (รัชฏา-ธิฐาน) ตลิ่งชัน

         ซึ่งหลวงปู่ได้รับพระราชทานจีวรลายดอก จปร. หลักฐานจากรูปถ่ายหลวงปู่ปั้นนุ่งห่มจีวรลายดอก จปร. แต่หลวงปู่ไม่ปรากฎนามในทำเนียบพระคณาจารย์ เพราะไม่ได้สร้างพระเครื่องแต่อย่างใด แต่เป็นพระที่มีวิชาอาคม รุ่นเดียวกับ หลวงปู่เอี่ยมวัดหนัง กรุงเทพมหานคร

         ตะกรุดยุคโบราณ หรือ ตะกรุด ยุคเก่า ส่วนมากทำด้วยเนื้อตะกั่วสังขวานร คือตะกั่วที่รีดบางและลงอักขระ ส่วนโลหะอื่นๆนั้นเป็นยุคหลังลงมา มีด้วยกันหลายขนาด บางองค์มีความยาว 1 เซนติเมตรถึง 3-5 นิ้ว ดังเช่น ตะกรุดขนาดเล็กจิ๋วบาง ที่ฝังในเนื้อคนก็มีของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ จังหวัดนครราชสีมาเป็นต้น

                      แต่มีตะกรุดชนิดหนึ่งซึ่งหลายคนกำลังตามหาและถูกจัดให้เป็นหนึ่งในท๊อปเท็นของตะกรุดหายากของเมืองไทยนั่นก็คือตะกรุดหลวงพ่อกุนวัดพระนอน เนื่องจากว่ารอยจารของตะกรุดท่านได้ถูกกล่าวขานกันในหมู่คนเล่นเครื่องรางว่าท่านมิได้จารอักระใดๆในตะกรุดซักเท่าไหร่แต่กับวาดเป็นรูปหนุมานกำลังร่ายมนต์สะกดให้ทศกัณฑ์และนางมณโฑให้หลับไหลเพื่อจะได้ขโมยของไปช่วยพระลักษณ์ซึ่งถูกหอกกบิลภัทธ์ของทศกันบาดเจ็บอยู่

   
                  แต่ก่อนกลับหนุมานได้เอาผมของทศกัณฑ์ผูกเข้ากับผมของนางมนโฑไว้ด้วยกันแล้วเป่าคาถาไว้ไม่ให้ใครแก้ได้ เดือดร้อถึงฤาษีโคตบุตรต้องมาแก้ให้ หลังจากนั้นก็ไม่มีอาจารย์องค์ใดทำตะกรุดลักษณะนี้อีกเลย จนกระทั้งได้มาเห็นอาจารย์เราท่านลงตะกรุดคู่ชีวิตหนุนดวงให้พวกเรานี่แหละครับ ตะกรุดที่รวมคุณพระและคุณเทพจากอดีตสู่ปัจจุบันนับเวลาเป็นร้อยปีได้ถือกำเนิดขึ้นมาอีกครั้ง แถมยังเป็นดอกเดียวในโลก บอกได้คำเดียวครับ

                     ไม่เคยภูมิใจอะไรเท่าได้เป็นศิษย์อาจารย์เลยจริงๆครับ สาธุ


[attach]2430[/attach]


  จุจุ ความลับนะครับ นอกจากอาจารย์จะใส่ใจในรายละเอียดในการจารตะกรุดแล้ว ผงที่จะพอกตะกรุดแต่ละท่าน อาจารย์ท่านก็เตรียมการเอาไว้อย่างดี แมชกับตะกรุดเฉพาะบุคคนของแต่ละคนแบบสุดๆ ทราบว่าอาจารย์รักและเป็นห่วงดูแลศิษย์ขนาดนี้แล้วพวกเราช่วยกันตอบแทนอาจารย์กันอย่างไรดีครับ ซาวเสียงหน่อยคร้าบ


โดย: รามเทพ    เวลา: 2013-4-23 07:54



ตามเทวตำนานการกวนเกษียรสมุทรนั้น พระวิษณุได้เสด็จมาเป็นองค์ประธาน แล้วตรัสให้เหล่าเทวาอสูรช่วยกัน ถอนภูเขามันทรคีรี อันเป็นแหล่งกำเนิดแห่งมณีนพรัตน์ มาตั้งลงในท่ามกลางทะเลน้ำนมที่สถิตย์ อยู่ใน ไวกูณฑ์สวรรค์ แล้วให้ช่วยกัน เก็บหาสมุนไพรนานาชนิด มาผสมลงในเกษียรสมุทร และมอบหมายให้จอมนาควาสุกรี ใช้ลำตัวมาเป็น เสมือนเชือกพันรอบมันทรคีรีต่างสายชักโยง โดยออกอุบายยกยอให้เกียรติอสูร ว่าพวกใดมีกำลังเข้มแข็งที่สุดใน ไตรภพ(สามโลก) ให้มาชักทางฝั่งเศียรนาค เหล่าอสูรหลงกลรีบตรง เข้ายึด ชักทางเศียรพญานาควาสุกิทันที ฝ่าย เทวดาก็มาชักทางหาง ทั้งเทวดาและอสูรช่วยกัน ชักดึงมันทรคีรีกันอย่างเต็มกำลัง ให้ภูเขานั้นหมุนเพื่อกวนสมุนไพรให้ เข้ากับน้ำนมในทะเล ระหว่างนั้น พญาวาสุกรีนาคราชซึ่งเจ็บและเหนื่อยล้า จากการ ที่ร่างกาย ถูกเสียดสีจากการพัน รอบภูเขา ตลอดเวลา ก็อ้าปากคายพิษเป็นไฟกรดออกมาทีละน้อย ยังผลให้เหล่าอสูรอ่อนแรงไปตามๆ กัน พวกอสูร สำรอกพิษออกมา พระศิวะ ต้องกลืนพิษไว้เองหมด เพราะถ้าพิษ ลงไปโลกมนุษย์แล้ว สัตว์โลก จะตาย กันหมด เหล่าเทวดาที่ไม่โดนไอร้อนของไฟกรด เพราะฉุดทางฝั่งหาง ซ้ำยังมีพระลักษมีปติช่วยบันดาลฝน ให้โปรยปรายชุ่มชื่น ตลอดเวลา

ในระหว่างการกวนเกษียรสมุทรอยู่นั้น มันทรคีรี ซึ่งได้ถูกแรงดึงเสียดสีมานานก็เริ่มเอียงคลอน พระนารายณ์ ทราบความ จึงรีบ อวตารไปเป็น เต่า กูรมาวตาร เพื่อหนุนก้นภูเขาให้ตั้งตรงขึ้นดังเดิมอีกครั้ง พิธีระหว่างเทวดา และ อสูร นี้กินเวลายาวนานนับพันๆ ปี การกวนเกษียรสมุทร ทำให้เกิดของ ทิพย์วิเศษสุด 14 อย่างทยอยกันผุดขึ้นมา ตามลำดับ สิ่งที่ 13 และ 14 ที่ผุดขึ้นมาพร้อมๆ กัน คือ ธันวันตริ ผู้เป็นแพทย์สวรรค์ ผุดขึ้นมาทูนหม้อน้ำทิพย์อมฤต ในขณะที่เหล่าเทวดาและอสูรต่างแย่งชิง ของวิเศษ 12 อย่าง ที่ผุดขึ้นมาก่อนหน้านี้ พระนารายณ์ก็ทรงแบ่งอวตารพระกาย เป็นสตรีรูปงามราวกับพระศรีลักษมี นามว่า โมหิณี ตรงมาคอยยั่วยวน เหล่าอสูร เป็นกุศโลบายให้เหล่า เทวดาได้ดื่มน้ำยมฤตหนึ่งในสี่ส่วนก่อน แล้วที่เหลืออีกสามในสี่ส่วน จะให้เหล่าอสูรได้ดื่มบ้าง ในภายหลัง ในฝ่ายอสูรนั้นมีเพียง ราหู ตนเดียวที่ไม่สนใจนางอัปสร และได้แปลงร่างเป็นเทพเข้ามาดื่มน้ำอมฤต แต่พระอาทิตย์และพระจันทร์ซึ่งเห็น ราหู ปลอมตัวมาเป็นเทพจึงได้ไปฟ้องพระนารายณ์ เมื่อพระนารายณ์ทรงทราบ จึงขว้างจักรสุทรรศน์ออกไปตัดร่างราหูออกเป็นสองท่อน ในขณะที่กำลังดื่มกินน้ำอมฤตอยู่ แต่ราหูก็ไม่เสียชีวิตด้วยได้ ดื่มน้ำอมฤตเป็นอมตะไปแล้ว ดังนั้น ราหู จึงโกรธแค้นพระอาทิตย์และพระจันทร์มาก และจะจับกินทุกครั้งที่เจอกัน จากนั้นพระนารายณ์จึงมอบหม้อน้ำอมฤตที่ยังเหลืออยู่ให้แก่พระอินทร์ เพื่อนำไปเก็บรักษายังสวรรค์ ห้ามมิให้ผู้ใด แตะต้องอีก สุดท้ายฝ่ายเทวดาซึ่งได้ดื่มน้ำอมฤตเรียบร้อยแล้ว ก็ขับไล่ฝ่ายอสูรทั้งหมดลงจากสวรรค์ไปได้สำเร็จของทิพย์วิเศษสุด 14 อย่าง

1. ดวงจันทร์ พระศิวะหยิบมาปักไว้บนเกศ
2. เพชรเกาสตุภะ
3. ดอกบัวลอยขึ้นมาพร้อมพระลักษมี
4. วารุณี เทวีแห่งสุรา
5. ช้างเผือกเอราวัณ
6. ม้าอุจฉัยศรพ
7. ต้นปาริชาติ
8. โคสุรภี หรือ โคอุสุภราช พร้อมของหอม
9. หริธนู
10.สังข์
11.ปวงเทพีอัปสรสวรรค์
12.พิษร้าย ฝูงนาคและงูสูบพิษไว้
13.ธันวันตริ แพทย์สวรรค์
14.หม้อน้ำทิพย์อมฤต
โดย: รามเทพ    เวลา: 2013-4-23 08:31







โดย: รามเทพ    เวลา: 2013-4-23 08:40
"ของบางอย่าง มันมีกำหนดกาลอุบัติขึ้นในตัวของมันเอง
ห้วงเวลาของการสร้างสรรค์มันไม่ได้มีมากมายอย่างใจคิด"

Sarayut

โดย: รามเทพ    เวลา: 2013-4-23 08:44

โดย: รามเทพ    เวลา: 2013-4-23 08:45

โดย: รามเทพ    เวลา: 2013-4-23 08:57
worapath โพสเมื่อ 2011-10-12 14:16

อาจารย์ท่านมีความตั้งใจมากนะครับในการที่จะทำให้ศิษย์นั้นมีวัตถุมงคลดีๆ โดยเฉพาะตะกรุดหนุนดวงนี้ที่พวกเราต่างก็รอคอยอย่างใจจดใจจ่อ ว่าเมื่อไรจะแล้วเสร็จได้นำมาชื่นชมและ ติดตัวใช้กัน อาจารย์ท่านเล่าว่าตะกรุดนี้จะช่วยเสริมดวงชะตาลูกศิษย์ในแต่ละคนเฉพาะตนให้ศิษย์ที่ดวงชะตาวนรอบเรือนชะตาราศีเคลื่อนตัวอยู่ในปีชงก็จะรอดพ้นไปได้และส่งผลให้ดีขึ้น หากรอบชะตาของศิษย์วนเคลื่อนตรงปีสมพงษ์ปีฉูกโฉลก ก็จะยิ่งเสริมดวงให้สูงยิ่งๆขึ้นไป
           แต่การเขียนแผ่นยันต์นั้นเท่าที่สอบถามอาจารย์ว่ามีความยากง่ายอย่างไร เวลาลงมือลงอักขระในแต่ละตัวอักษรลงไปในแผ่นเงิน ท่านก็ตอบว่ามันต้องกดปากกาลงไปบนแผ่นเงินค่อนข้างแรงและเน้นหนักทุกตัวอักขระเท่าๆ กัน ถึงจะออกมาสวยงาม และเป็นการเพ่งให้จิตจดจ่อในอักขระที่จารลงไปความตั้งใจที่เขียนนั้น พลังของจิตก็จะส่งกระแสลงไปในตัวอักขระด้วยเช่นกันพร้อมกับบริกรรมบทของตัวอักษรในแต่ละตัวที่เขียน จะสักแต่จะเขียนไม่ได้ หากแผ่นยันต์ที่จะเขียนนั้นมี 100 อักษรก็ต้องบริกรรมทั้ง 100 คำ ทำจริงๆ สองวันได้หนึ่งแผ่นเท่านั้นเอง เท่าที่ผมถามท่านการเขียนก็ต้องพักมืออย่างน้อยเขียนแผ่นนึง ก็ต้องพัก 3-5 วันถึงจะเริ่มทำใหม่ได้ แต่นี่ท่านทำรวดเดียวตั้งใจทำให้แล้วเสร็จให้ทันออกพรรษา กับต้องมาเป็นทุกข์เรื่องปัญหาข้อมืออีก ( ผมรู้สึกไม่ดีเอามากๆเลย เริ่มไม่อยากได้แล้วล่ะครับ กลัวจะได้ไม่คุ้มเสีย เพราะผมลองเอาปากกามาเขียนชื่อตัวเองลงบนแผ่นดวงเป็นแผ่นเงินแผ่นทองที่บรรตุใต้ฐานพระตามวัดต่างๆที่เราไปทำบุญกัน แค่เขียนแค่ชื่อนั้นก็เมื่อยจะแย่เลย ) ท่านว่าที่ยากลำบากในการทำมวลสารเพื่อนำมาพอกรอบตะกรุดนี้สิ มีแต่วัตถุดิบยังต้องทำให้เป็นผงอีกเหลือที่ต้องทำอีกมาก ที่ต้องทำมวลสารให้เป็นผงนี่ยังอีกนาน บางวันอาจารย์ก็มานั่งทำมวลสารเองคนเดียวท่านเลยไม่มีกำหนดในการแล้วเสร็จแจ้งออกมา แต่ก็ไม่ได้บ่นสักคำ ทำให้ทุกอย่างทุกขั้นตอนเลย
          ช่วงนี้ท่านอยู่ในช่วงพักร่างกายเพื่อฟื้นฟูสภาพร่ายกายส่วนกล้ามเนื้อที่มีอาการอักเสบขึ้นอีก ประมาณหนึ่งเดือนถึงจะเริ่มทำหรือไม่ก็อาจจะนานกว่านั้น ซึ่งเมื่อวานผมได้ไปหา อาจารย์ก็ไม่ได้ปริปากปนให้ฟัง ได้แต่สังเกตุดูมือท่านเท่านั้นที่ยังบวมอยู่ แต่พอเอ่ยปากจะนวดให้อาจารย์ท่านก็ยื่นออกมาให้นวดทันที ก็ปวดทุกครั้งที่นวดให้ ( ดูจากสีหน้าท่านครับ )


โดย: รามเทพ    เวลา: 2013-4-23 09:01
toywater โพส เมื่อ 2011-10-14 18:38

วันนี้ เข้ามาเยี่ยม อาจารย์ เห็นอาจารย์..
กำลังนั่งพอกผงตะกรุด อยู่คนเดียว
ต้อยเลยช่วยอาจารย์พอกตะกรุด
ซึ่งยังมีอีกหลายดอกที่ยังไม่เสร็จ
เห็นตะกรุดที่พอกผงสำเร็จแล้ว
เข้มขลังสวยงามมากมาย
เห็นแล้วไม่มีความพูดใดใดนอกจาก

เค้าจะเอ๊าเค้าเอา.. เค้าอยากได้ อ่ะ

โดย: รามเทพ    เวลา: 2013-4-23 09:02
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รามเทพ เมื่อ 2013-4-23 09:07

กว่าจะมาเป็นตะกรุดหนุนดวง

https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=6WvbTnXaRdM


[youtube]k3nEkg31rZY[/youtube]




โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-23 13:22
TATIE ตอบกลับเมื่อ 2013-4-22 14:32
พี่หนูเจี๊ยบมีพระวิษณุนั่งเหรอ  ผมมีพระวิษณุยืน
ต้อ ...

เป็นของช่างเม้าครับพี่ตี๋ ของผมเป็นองค์พ่อและหลวงปู่ครับ ของพี่ตี๋มีภาพมุมอื่นๆมะครับ แต่ละส่วนแบบชัดๆ อยากเห็นๆ

โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-23 13:42
แผ่นยันต์พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ลายจารสวย อักขระเลขยันต์เยอะมากๆเต็มแผ่น ใครได้เป็นเจ้าของ เป็นมงคลชีวิตยิ่ง

[attach]2431[/attach]


โดย: TATIE    เวลา: 2013-4-23 14:56
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2013-4-23 13:22
เป็นของช่างเม้าครับพี่ตี๋ ของผมเป็นองค์พ่อและหลวง ...

ถ่ายไว้แค่สองภาพ อีกภาพนึงมันมืดๆ  
มือสมัครเล่นก็ยังงี้แหล่ะ ไม่ค่อยได้เรื่อง
โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-23 16:12
TATIE ตอบกลับเมื่อ 2013-4-23 14:56
ถ่ายไว้แค่สองภาพ อีกภาพนึงมันมืดๆ  
มือสมัครเล่นก็ย ...

ฮาๆ ไม่เป็นไรครับพี่ตี๋ ต้องมีคนช่วยจับมุมไว้ แสงจะได้ไม่สะท้อน
โดย: touch-578    เวลา: 2013-4-23 16:58
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย touch-578 เมื่อ 2019-8-27 11:22

ไม่ค่อยมีเวลาเข้าไปช่วยอาจารย์เท่าไรเลย  ช่วงนี้ยุ่งกับงานประจำ   ขอเวลาให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อนนะคับ  รอฝึกงานคนใหม่ให้เข้าที่เข้าทางก่อน  คงมีเวลาว่างมากขึ้นคับ   รักษาสุขภาพด้วยนะคับ  ศิษย์พี่ๆน้องๆคนใด  ว่างก้อเข้ามา  ช่วยงานอาจารย์กันไปก่อนนะคับ
โดย: oustayutt    เวลา: 2013-4-23 18:59
   "ไม่เป็นไรหรอกป้อม  มีแรงก็ทำไป"
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-4-24 06:40


คาถาบูชาตะกรุดอาถรรพณ์เสริมดวง

นะโม 3 จบ รำลึกถึงคุณทั้งหมด

1.อาถรรพณ์โธ โมสิตังวะคะริงคะรัง อิสวาสุ

อิ อาถรรพณ์โธ โมสิตังวะคะริงคะรัง สุสวาอิ




2.นะโม เม สัพพะเทวานัง สัพพะคะระหะ จะ เทวานัง สุริยัญ จะ

ปะมุญจะถะ ศศิ ภุมโมจะเทวานัง วุโธ ลาภัง ภะวิสสะติ ชีโว

ศุกะโร จะ มหาลาภัง โสโร ราหูเกตุ จะมหาลาภัง สัพพะภะยัง

วินาสสันติ สัพพะทุกขัง วินาสสันติ สัพพะโรคัง วินาสสันติ ลักขะณา

อะหัง วันทามิ สัพพะทาสัพพะเทวามัง ปาละยันตุ สัพพะทา

เอเตนะมังคะละเตเชนะ สัพพะโสตถีภะ วันตุ เม


3.นะโมเม พุทธ เตเชนะ นะมะพะทะ

สะทะวิปิปะสะอุ  ทิมะสังอังคุ

สังฆะ วิธาปุวะยะปะ อาปามะจุปะ

อะสังวิสุโล ปุสะพุพะ นะชาลิติ

อะระหังสัมมา สัมมานิมามา

อิมานา มหาสะมานา ธะนะโภคา สัมมาอะระหัง



โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-4-24 06:56

โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-4-24 06:57

โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-4-24 07:01
รายชื่อเจ้าของตะกรุดอาถรรพณ์เทพหนุนดวง

1.โอ
2.ลูกหมู           
3.สุริยา            *
4.ป้อมเขาใหญ่        *
5.อู๊ด              *
6.bigbird นก        *
7.จักร            *
8.pette เพชร        *
9.sathaporn สถาพร
10.LightGuardian แชมป์
11.kit007                        *
12.วุ่น            *
13.เจ้น้ำ           *
14.เมธ            *
15.น้องสาวเมธ
16.พี่หนุ่ม           *
17.พี่เครื่องบิน         *
18.ต้อย            *
19.พี่หมอต้อย         *
20.เจ้จ๊อ            *
21.เฮียตี๋            *
22.เฮียมาด           *
23.พี่เก่ง            *
24.พี่เอ๋(แฟนพี่เก่ง)
25.พี่เม
26.น้องซ่อนย่า
27.หนู            *
28.เจี๊ยบ           *
29.โกวิท
30.พี่จักร           *
31.พี่รัช             *
32.ชูชาติ
33.ทัช
โดย: Reechin    เวลา: 2013-4-24 07:19
บางทีก็อยากมีแบบเค้าบ้างแต่บารมีไม่ถึง
โดย: รามเทพ    เวลา: 2013-4-25 07:25

ตำนาน ดวงพิชัยสงคราม

ควรวาง "ดวงพิไชยสงคราม" ไว้บนที่สูง แต่ไม่ควรวางไว้ใต้ฐานพระพุทธรูป หรือวางโดยมีวัตถุกดทับ



เนื่องเพราะในดวงพิไชยสงครามนี้ มีภาพพระพุทธพิมพ์ปางโปรดพญาชมพูบดี หรือ ปางบรมจักรพรรติราชาธิราช เป็นประธานอยู่แล้ว จึงไม่สมควรวางพระพุทธฉายา ทั้ง ๒ แบบ ๒ องค์คร่อมซ้อนกัน อันเป็นการไม่บังควรอย่างยิ่ง อีกประการหนึ่ง การที่มีวัตถุหนักกดทับอยู่ อุปมาเหมือนชีวิตท่าน ถูกกดดัน ตลอดเวลาด้วย



ตำนานดวงพิชัยสงคราม



นานมาแล้วันเวลาได้ล่วงมาจนถึงครั้งหนึ่ง บ้านเมืองได้เกิดความระส่ำระส่ายด้วยข้าวยากหมากแพงเพราะดินฟ้าอากาศวิปริต ฝนไม่ต้องตามฤดูกาล ประชาชนพลเมืองได้รับความเดือดร้อนอดอยากถึงกับต้องปล้นสะดมกันกิน
ในการครั้งนั้น ทางฝ่ายข้าศึกเคลื่อนกำลังทัพมาประชิดเมืองไว้ ในยามนั้นก็ก่อความประหวั่นพรั่นกลัวแก่บรรดาประชาชนพลเมืองและเสนาข้า ราชการเป็นยิ่งนัก



ความเห็นส่วนใหญ่ลงมติว่าควรจะยอมแพ้แก้ข้าศึกเสียดี กว่า เพื่อจะได้ถนอมชีวิตข้าคนพลเมืองเอาไว้ แต่ทว่าทางฝ่ายทหารส่วนใหญ่ยังมีหัวใจเปี่ยมด้วยเลือดและวิญญาณของนักรบที่ หยิ่งในศักดิ์ศรีและมีความหวงแหนอธิปไตยชาติบ้านเมือง ฝ่ายทหารจึงต่างพากันคัดค้านความเห็นไม่ควรยอมแพ้แก่ข้าศึกอย่างแข็งขัน โดยทหารทุกคนยินดีจะยอมตาย ยึดถืออุดมคติว่า "ตัวตายดีกว่าชาติตาย"
องค์พระประมุขทรงเห็นชอบและสนับสนุนความคิดเห็นทางฝ่ายทหารและเพื่อเป็น การบำรุงขวัญทหาร พระองค์ได้ทรงมีพระราชโองการให้โหรจัดทำดวงชาติให้แก่แม่ทัพนายกองที่จะต้อง ทำหน้าที่คุมกำลังป้องกันชาติบ้านเมืองในครั้งสำคัญนี้ ทุกคนรักษาบูชาไว้ในพระนครซึ่งนิยมกันว่าศักดิ์สิทธ์และเป็นของสูงคู่ควร บูชาไว้แต่เฉพาะพระมหากษัตริย์



การรบได้ดำเนินไปในสภาพที่ด้อยกว่าข้าศึกทั้งกำลังคนและกำลังอาวุธ ผลจึงปรากฏว่า ในการประจัญบานแต่ละครั้ง ทหารหาญที่มีน้อยอยู่แล้วยิ่งลดน้อยถอยตัวลงไปอีกทุกครั้ง เพราะถูกลิดรอนทำลายลงด้วยกำลังของข้าศึกที่มีเหนือกว่าอยู่เรื่อย ๆ จนกระทั่งความหวังที่พอมีอยู่บ้างในตอนต้นก็ทลายหายไปหมด ทหารทุกคนทุกหัวใจต่างก็มีแต่ความทอดอาลัยและรอคอยแต่ว่าเมื่อไรข้าศึกจะโหม กำลังเข้ามาบดขยี้ ทำลายให้สิ้นชาติสิ้นความเป็นไทยไปเท่านั้น



ครั้งแล้ว ก่อนนาทีสุดท้ายจะมาถึง สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดถึงก็ได้ปรากฏถึงเสียก่อนนั่นคือ เกิดความวิปริตท้องฟ้าและอากาศเกิดมหาวาตะอย่างรุนแรง พร้อมกับมีฝนกระหน่ำลงมาอย่างลืมหูลืมตาไม่ขึ้น ติดต่อกันอยู่ถึงสามวันสามคืน จนกระทั่งน้ำเอ่อท่วมท้นสูงถึงคอหอย
เมื่อพายุและฝนสงบลงแล้ว ต่างคนต่างก็ได้เห็นภาพที่ไม่คเยคิดว่าจะได้เห็นก่อนแต่อย่างใด ภาพนั้นคือภาพค่ายทหารของข้าศึกพินาศภินทนาการไปหมด ด้วยอำนาจของลมพายุและกระแสน้ำ ช้าง ม้า และเหล่าทหารก็พลอยสูญชีวิตไปด้วยเป็นจำนวนมาก ที่ยังเหลือชีวิตก็อยู่ได้แต่ตะเกียกตะกายเพื่อให้รอดพ้นได้เพียงแต่ตัวไม่ มีใครมีกะจิตกะใจจะรบเอาชัยต่อไปหรือคิดห่วงใยอาวุธยุทธโธปกรณ์ที่จมหายอยู่ ภายใต้น้ำอีกเลย...



ในการที่บ้านเมืองรอดพ้นจากเงื้อมมือข้าศึกมาได้อย่างปาฏิหารย์พร้อมด้วย แม่ทัพนายกองและทหารประสพชัยชนะอย่างอัศจรรย์ ทางฝ่ายข้าศึกก็ประสพความพิบัติกลับไปอย่างยับเยินในครั้งนั้น.


ฉะนั้นจึงเป็นที่เชื่อถือกันว่า เนื่องจากอานุภาพแห่งการปฏิบัติบูชาดวงชาตาที่คำนวณบรรจุไว้ในมหายันต์พุทธ มนต์นั้นโดยแท้ พระมหากษัติรยิ์ได้ทรงถือเอาเหตุมงคลครั้งนั้นมาพระราชทานนามแก่ดวงชาตานี้ ว่า...



"ดวงพิชัยสงคราม"



นับแต่กาลครั้งนั้นมา ดวงพิชัยสงครามก็เป็นสิ่งที่ปรารถนาที่ต่างคนต่างก็พยายามขวนขวายหากัน เพื่อเอาไว้บูชาเป็นศิริมงคลแก่ตนเอง อันที่เชื่อถือกันว่ามีอิทธิพลทั้งในเมตตามหานิยมและทางป้องกันภยันตรายต่าง ๆ แก่เจ้าชาตาผู้ยึดมั่นในการปฏิบัติบูชา
ดวงพิชัยสงครามนี้อันมีความหมายว่าดวงชนะศึกแต่ดั้งเดิมมานิยมกันว่าเป็น ของสูงที่คู่ควรแต่เฉพาะพระมหากษัตริย์เท่านั้นและเปนที่รู้จักกันดีแต่ เฉพาะวงในคือในกรมโหรหลวงและในพระบรมมหาราชวังเท่านั้น



แต่เดิมทีดวงพิชัยสงครามนี้ท่านว่าหาได้มีชื่อดังที่เรียกขานกันเช่นใน ปัจจุบันนี้ไม่ ที่มีชื่อเรียกว่าดวงพิชัยสงครามมาจากตำนานดังกล่าว
หากดูกันเผิน ๆ จะเห็นว่ามีลักษณะเหมือนยันต์อันศักดิ์สิทธ์ทางไสยศาสตร์ เนื่องจากพฤฒาโหราจารย์ผู้แตกฉานเชี่ยวชาญในศาสตร์ท้งสามคือ พุทธศาสตร์ ไสยศาสตร์ และ โหราศาสตร์ ได้กำหนดรูปดวงชาตานี้ขึ้น โดยการนำเอาพุทธมนต์มาใช้เป็นพระคาถากำบังดวงชาตาไว้
ดวงพิชัยสงคราม...คือดวงชะตาที่ถูกผูกขึ้นอย่างละเอียด ที่สุดแบบจักรราศีซึ่งดวงพิชัยสงครามนี้อาจจะเป็นดวงชะตาของบุคคลหรือดวง ฤกษ์ในการกระทำการต่างๆอย่างใดอย่างหนึ่งได้ในสมัยก่อนนั้นผู้ที่จะมีดวง พิชัยสงครามได้นั้นจะต้องเป็นบุคคลระดับชั้นแม่ทัพหรือเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ ขึ้นไปตลอดจนกระทั่งระดับพระมหากษัตริย์สามัญชนธรรมดาหาอาจมีดวงพิชัยสงคราม ได้ไม่ เพราะดวงนี้จะหาคนผูกเป็นได้ยากมากอีกทั้งใช้เวลาในการคำนวณมาก ระดับโหรชั้นอาจารย์ยังต้องใช้เวลาในการคำนวณถึง ๗วันจึงจะสำเร็จดังนั้นจึงจะค่อนข้างหาผู้ที่มีดวงพิชัยสงครามได้ยากมากใน ปัจจุบัน



ลักษณะของดวงพิชัยสงคราม


การผูกดวงพิชัยสงครามตามรูปด้านล่างมีหลักในการผูกดังต่อไปนี้..


๑ .กำหนดให้ดวงราศีจักรอยู่กึ่งกลางยันต์พิชัยสงครามด้านบนของกระดาษใต้พระพุทธฉาย

๒.ใต้ยันต์พิชัยสงคราม จัดเป็นยันต์รูปบัลลังก์ อยู่กลางกระดาษและทำเป็นยันต์ลดหลั่นกันลงมา ๕ ชั้น

๓.เบื้อง ซ้ายชั้นล่างสุด ของยันต์รูปบัลลังก์เป็นหลักอินทภาส เบื้องขวาเป็นหลักบาทจันทร์ซึ่งหลักทั้งสองนี้โบราณยกย่องว่ามีความสำคัญสูง ท่านจึงให้สถิตย์ภายใต้เศวตฉัตร

๔.กรอบของยันต์พิชัยสงครามมีพระคาถาพระเจ้าสิบหกทิศปิดไว้ทุกทิศ


๑.ยันต์พิชัยสงครามทำล้อมกรอบดวงราศีจักร เพื่อให้คุ้มครองดวงชะตา มิให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งมาแพ้วพานได้พระคาถาที่บรรจุในยันต์พิชัยสงครามนี้

ก็ คือ "พระอิติปิโสย่างตาม้า" และสำหรับทิศแม่ธาตุทั้งสี่ของดวงพิชัยสงคราม อันได้แก่ทวารทั้งสี่คือ ดิน น้ำ ลมไฟ จะมีคาถา นะ มะ พะ ทะ ปิดไว้

ส่วน ตามมุมต่างๆของดวงพิชัยสงครามเฉพาะที่ยันต์พิชัยสงครามมีช่องโหว่อยู่ ๑๖ ช่องก็ได้บรรจุพระคาถาพระเจ้าสิบหกทิศปิดไว้ทุกช่องโดยพระ

คาถาดังกล่าวนี้คือ "นะมะนะอะ นอกอนะกะ กอออนออะ นะอะกะอัง"



๒.พระอิติปิโสแปดทิศกรอบนอกของดวงพิชัยสงครามได้บรรจุสิ่งศักสิทธิ์ ป้องกันภัยพิบัติไว้ทั้งแปดทิศด้วยกันซึ่งก็คือพระคาถาอิติปิโสแปดทิศ


๓.พระคาถาอื่นๆนอกจากพระคาถาดังกล่าวแล้วในดวงพิชัยสงครามยังอาจจะบรรจุพระคาถาอื่นๆลงไปได้อีกเช่นพระนวหรคุณเก้า, หัวใจพระอภิ
ธรรมหรือพระธรรมเจ็ดคัมภีร์, พุทธรักษา, ธรรมรักษา, สังฆรักษา, ปิตารักษาและอินทรักษา, พรหมรักษา, เทวดารักษา, มาตารักษาเป็นต้น
จะเห็นได้ว่าการจัดสร้างดวงพิชัยสงครามขึ้นมาดวงหนึ่งนั้นจะต้องใช้เวลา และความรู้ความสามารถเป็นอย่างสูงอีกทั้งเมื่อพิจารณาถึงพระคาถาที่จารึกใน ดวงพิชัยสงครามจะเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าดวงพิชัยสงครามจัดสร้างขึ้นเพื่อ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ทำหน้าที่คุ้มครองรักษาเจ้าของดวงชะตาให้แคล้วคลาด ปลอดภัยจากภยันอันตรายต่างๆดังนั้นถ้าผู้ใดมีดวงพิชัยสงครามเป็นของตัวเองก็ จงหมั่นบูชาและภาวนาตามคาถาด้านล่างนี้เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง...


พระคาถาบูชาดวงพิชัยสงคราม

(ตั้งนะโม ๓ จบ)


"นะโม เม สัพพะเทวานัง สัพพะคะระหะ จะ เทวานัง สุริยัญ จะ ปะมุญจะถะ ศศิ ภุมโมจะเทวานัง วุโธ ลาภัง ภะวิสสะติ ชีโว ศุกะโร จะ มหาลาภัง โสโร ราหูเกตุ จะมหาลาภัง สัพพะภะยัง วินาสสันติ สัพพะทุกขัง วินาสสันติ สัพพะโรคัง วินาสสันติ ลักขะณา อะหัง วันทามิ สัพพะทา สัพพะเทวามัง ปาละยันตุ สัพพะทา เอเตนะ มังคะละเตเชนะ สัพพะโสตถีภะ วันตุ เมฯ"






โดย: kruangbin    เวลา: 2013-4-25 08:53
นำไปถักใหม่ครับ ของเดิมมันขาด
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-4-25 10:54
kruangbin ตอบกลับเมื่อ 2013-4-25 08:53
นำไปถักใหม่ครับ ของเดิมมันขาด

สวยงามมากครับ....


"หมอหนุ่ม ต้าเซิ้น "
โดย: AUD    เวลา: 2013-4-25 11:23
kruangbin ตอบกลับเมื่อ 2013-4-25 08:53
นำไปถักใหม่ครับ ของเดิมมันขาด


โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-25 12:18
kruangbin ตอบกลับเมื่อ 2013-4-25 08:53
นำไปถักใหม่ครับ ของเดิมมันขาด

อาจารย์เจิมให้ใหม่ด้วยนิ
โดย: oustayutt    เวลา: 2013-4-25 12:33
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2013-4-25 10:54
สวยงามมากครับ....

พี่หนุ่มได้ ฉายาใหม่แล้ว หรือนี่
โดย: AUD    เวลา: 2013-4-25 15:00
oustayutt ตอบกลับเมื่อ 2013-4-25 12:33
พี่หนุ่มได้ ฉายาใหม่แล้ว หรือนี่ ...

ยินดีด้วยครับ
โดย: Nujeab    เวลา: 2013-4-25 15:18
เยี่ยม
โดย: kruangbin    เวลา: 2013-4-25 16:50

โดย: troop1411    เวลา: 2013-4-26 00:57
กัปตันครับลืมผมกับแม่ด้วยครับ
โดย: Metha    เวลา: 2013-4-26 08:28
kruangbin ตอบกลับเมื่อ 2013-4-25 08:53
นำไปถักใหม่ครับ ของเดิมมันขาด

ขาดหรือว่า เอว ใหญ่ขึ้นครับ
โดย: kruangbin    เวลา: 2013-4-26 16:06
metha ตอบกลับเมื่อ 2013-4-26 08:28
ขาดหรือว่า เอว ใหญ่ขึ้นครับ

เชือกสีกะตะกรุดขาดครับ
โดย: Metha    เวลา: 2013-4-27 08:06
kruangbin ตอบกลับเมื่อ 2013-4-26 16:06
เชือกสีกะตะกรุดขาดครับ

ดีกว่าเกือบหายเนาะ
โดย: Chalanon    เวลา: 2013-5-26 03:02
ผมอยากได้ต้องทำยังไงบ้างคับ
โดย: Chalanon    เวลา: 2013-5-26 14:30
ผมอยากได้บ้างต้องทำไงทำไงบ้างคับ
โดย: Nujeab    เวลา: 2013-5-27 13:04
Chalanon ตอบกลับเมื่อ 2013-5-26 14:30
ผมอยากได้บ้างต้องทำไงทำไงบ้างคับ

แจ้งความจำนงกับอาจารย์ครับ
โดย: Chalanon    เวลา: 2013-5-28 01:07
ขอบคุณคับที่ชี้แนะ
โดย: Metha    เวลา: 2013-5-28 09:33
ขอให้สมหวังน่ะครับ
โดย: matmee2550    เวลา: 2013-6-11 13:36
อาจารย์บอกมาว่า ถ้าใครอยากได้เร็วเข้ามาท่องคาถาให้ฟังก่อน ว่าท่องได้หรือเปล่า ถ้าได้ถึงจะทำให้ เรื่องจริงนะไม่ได้โม้
โดย: Metha    เวลา: 2013-6-13 09:18
matmee2550 ตอบกลับเมื่อ 2013-6-11 13:36
อาจารย์บอกมาว่า ถ้าใครอยากใด้เร็วเข้ามาท่องคาถาให้ ...

แบบนี้พี่มัดมี่ คงต้องเอาไปคืนอาจารย์ น่ะซิครับ (เพราะไม่เคยสวดมนต์เลย)

โดย: matmee2550    เวลา: 2013-6-13 10:30
metha ตอบกลับเมื่อ 2013-6-13 09:18
แบบนี้พี่มัดมี่ คงต้องเอาไปคืนอาจารย์ น่ะซิครับ (เพ ...

มัดหมี่โชคดี ใด้มาก่อนอาจารย์ออกกฎ เลยรอดตัว555
โดย: Metha    เวลา: 2013-6-13 10:37
matmee2550 ตอบกลับเมื่อ 2013-6-13 10:30
มัดหมี่โชคดี ใด้มาก่อนอาจารย์ออกกฎ เลยรอดตัว555 ...

เยียม...
โดย: Nujeab    เวลา: 2013-6-13 14:47
จัดเต็มอีกเช่นเคย พระนารายณ์ พระเศรษฐีนวโกฏิ พญาเต่าเรือน ท่าทางเจ้าของตะกรุดจะชอบเสี่ยงโชคเป็นพิเศษ
เป็นของใครหนอเจ้าของรายงานตัวด้วยครับ

[attach]3461[/attach]

[attach]3463[/attach]

[attach]3462[/attach]

[attach]3464[/attach]


โดย: oustayutt    เวลา: 2013-6-13 15:00
ของใครเนี่ย
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-6-13 17:30
oustayutt ตอบกลับเมื่อ 2013-6-13 15:00
ของใครเนี่ย

ของเสี่ยปู. คร๊าบ
โดย: oustayutt    เวลา: 2013-6-13 19:11
ชอบจังองค์นี้ .น่าจะสมใจพี่ปู[attach]3469[/attach]

โดย: morntanti    เวลา: 2013-6-14 00:22
oustayutt ตอบกลับเมื่อ 2013-6-13 19:11
ชอบจังองค์นี้ .น่าจะสมใจพี่ปู

ขอดีต้องรอนานหน่อย...นะพี่ปู....ดีใจด้วยครับ  สุดยอดเลย
โดย: Metha    เวลา: 2013-6-14 09:11
ขอให้ร่ำรวย ร่ำรวย น่ะครับพี่ปู
โดย: Nujeab    เวลา: 2013-7-23 11:36
เข้าพรรษาแล้ว ปีนี้ใครจะเป็นผู้โชคดีได้ตะกรุดไปบูชาบ้างน้อ
โดย: oustayutt    เวลา: 2013-7-23 19:46
ลุ้นๆครับ
โดย: Metha    เวลา: 2013-7-24 08:36
oustayutt ตอบกลับเมื่อ 2013-7-23 19:46
ลุ้นๆครับ

พี่ป้อมยังไม่ได้หรอครับ
โดย: oustayutt    เวลา: 2013-7-24 14:31
metha ตอบกลับเมื่อ 2013-7-24 08:36
พี่ป้อมยังไม่ได้หรอครับ

ได้แว้วว แค่ลุ้นช่วยคนอื่น
โดย: Reechin    เวลา: 2013-7-24 16:18
อยากมีบ้างอ่ะครับ อาจารย์โปรเมตตา
โดย: morntanti    เวลา: 2013-7-24 23:33
คนไม่ทราบวัน เดือน ปี เกิด ก็อยากได้ไว้คุ้มครอบตัวเหมือนกันครับ...............
โดย: Metha    เวลา: 2013-7-25 07:41
oustayutt ตอบกลับเมื่อ 2013-7-24 14:31
ได้แว้วว แค่ลุ้นช่วยคนอื่น

ลุ้นครับ ลุ้น
โดย: รามเทพ    เวลา: 2013-8-7 12:38
มีกับเขาแล้วหรือยัง?

ตะกรุดนี่ของดี

ดีมากๆเลย


โดย: assava    เวลา: 2013-8-7 14:02
  ของผมกับลูกหมู ยังไม่ได้เลยครับ     ปีนี้อยากได้แล้วครับ อาจารย์  ( คนอดทนคือคนโชคดี ยังไงก็รอครับ )
โดย: chuchat9999    เวลา: 2013-8-7 18:39
คนอดทนคือคนโชคดี ยังไงก็รอครับ
โดย: oustayutt    เวลา: 2013-8-7 19:34
เอาใจช่วยทุกคนครับ
โดย: สุวัณโณ    เวลา: 2013-8-8 08:54

ตะกรุดอาถรรพณ์เทพหนุนดวงนี้ มีเทวานุภาพสูงมากๆ ครับ แม้แต่พ่อปู่ฤาษีองค์ใหญ่ที่มาประทับร่างลูกหลานท่านย้ำนักย้ำหนาบอกว่า เป็นของสูง เป็นของครูบาอาจารย์ที่มาช่วยทำ ใครมีให้ติดตัวคู่กาย จะโชคดีพ้นภัย เพราะตะกรุดคาดเอวอันใหญ่นี้แหล่ะ ที่สุดแล้วจริงๆ ไม่ต้องไปหาของสิ่งอื่น



โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-8-8 09:40
สุวัณโณ ตอบกลับเมื่อ 2013-8-8 08:54
ตะกรุดอาถรรพณ์เทพหนุนดวงนี้ มีเทวานุภาพสูงมากๆ ครั ...

ขอบคุณครับที่ช่วยกล่าวเตือนบำรุงศรัทธา


โดย: Nujeab    เวลา: 2013-8-8 11:34
สุวัณโณ ตอบกลับเมื่อ 2013-8-8 08:54
ตะกรุดอาถรรพณ์เทพหนุนดวงนี้ มีเทวานุภาพสูงมากๆ ครั ...

โชคดีมากๆเลย มีกับเค้าด้วย อาจารย์ของพวกเราสุดยอดจริงๆครับ ของจริง ของแท้
โดย: oustayutt    เวลา: 2013-8-8 13:07
เส้นสายลายยันต์ในตะกรุดเหมือนมีชีวิต
โดย: majoy    เวลา: 2013-8-8 15:57
กว่าจะหาเวลาเกิดในใบเกิดเจอก็หมดสิทธิ์ไปนานละ ไว้ค่อยเข้าไปขอความเมตตาจากท่านอาจารย์ เผื่อจะได้มีไว้หนุนชีวิตกะเค้าบ้าง
โดย: oustayutt    เวลา: 2013-8-8 19:22
majoy ตอบกลับเมื่อ 2013-8-8 15:57
กว่าจะหาเวลาเกิดในใบเกิดเจอก็หมดสิทธิ์ไปนานละ ไว้ค ...

เอาใจช่วย
โดย: sritoy    เวลา: 2013-8-8 20:00
ตะกรุดดอกนี้สุดแสนทำยากนัก........
จักรักษ์ไว้คู่ตัวตลอดกาลตลอดไป
โดย: รามเทพ    เวลา: 2013-8-8 20:06
sritoy ตอบกลับเมื่อ 2013-8-8 20:00
ตะกรุดดอกนี้สุดแสนทำยากนัก........
จักรักษ์ไว้คู่ตัวตล ...

ระวังแฟนคลับอยากได้นะครับ
โดย: sritoy    เวลา: 2013-8-8 20:16
รามเทพ ตอบกลับเมื่อ 2013-8-8 20:06
ระวังแฟนคลับอยากได้นะครับ

แกไม่สนใจตะกรุดที่มีขนาดเกินกว่า 1นิ้ว...
กลับให้ความสำคัญแต่พ่ออิ้นแหล่ะครับผม




ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2