ต้นไม้ประจำจังหวัด | กระบี่ |
ชื่อพันธุ์ไม้ | ทุ้งฟ้า |
ชื่อสามัญ | |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Alstonia macrohpylla Wall |
วงศ์ | APOCYNACEAE |
ชื่ออื่น | กระทุ้งฟ้าไห้ ทุ้งฟ้าไก่ (ชุมพร), ตีนเทียน (สงขลา), ทุ้งฟ้า (ภาคใต้), พวงพร้าว (ปัตตานี) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนสูง 15–25 เมตร ไม่ผลัดใบ กิ่งใหญ่ตั้งฉากกับลำต้นเป็นรอบๆ เรือนยอดรูปไข่ เปลือกสีขาวอมเทามีน้ำยางสีขาว ใบเป็นใบเดี่ยว รูปหอกกลับ ปลายใบเป็นติ่งแหลม ท้องใบมีคราบสีขาว หลังใบสีเขียว ออกดอกเป็นช่อทีปลายกิ่ง กลีบดอกสีขาว หรือขาวอมเหลืองเชื่อมติดกันเป็นหลอด ออกดอกช่วง เดือนพฤศจิกายน - เดือนธันวาคม ผลเป็นฝักเรียวยาว ขนาดเล็ก |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | เจริญเติบโตในสภาพดินลึก ระบายน้ำได้ดี ต้องการความชื้นมาก |
ถิ่นกำเนิด | ป่าดงดิบ ภาคใต้ |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | กรุงเทพมหานคร |
ชื่อพันธุ์ไม้ | ไทรย้อยใบแหลม |
ชื่อสามัญ | Golden Fig, Weeping Fig |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Ficus benjamina Linn. |
วงศ์ | MORACEAE |
ชื่ออื่น | จาเรป (เขมร), ไทร (นครศรีธรรมราช), ไทรกระเบื้อง (ประจวบคีรีขันธ์), ไทรย้อยใบแหลม (ตราด, กรุงเทพฯ) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นสูง 5–10 เมตร มีรากอากาศ ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปรีแกมรูปไข่ ปลายใบเรียวแหลม โคนใบสอบ ดอกขนาดเล็ก มีฐานรองดอก ออกดอกช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ผลเป็นทรงกลม เมื่อสุกสีเหลือง |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ดและตอนกิ่ง |
สภาพที่เหมาะสม | เจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด ความชื้นปานกลาง แสงแดดจัด |
ถิ่นกำเนิด | ประเทศอินเดีย และมาเลเซีย |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | กาญจนบุรี |
ชื่อพันธุ์ไม้ | ขานาง |
ชื่อสามัญ | Moulmein Lancewood |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Alstonia macrohpylla Wall |
วงศ์ | Homalium tomentosum Benth. |
ชื่ออื่น | ขานาง (ภาคกลาง,เชียงใหม่,มจันทบุรี), ขางนาง คะนาง (ภาคกลาง), ค่านางโคด (ระยอง), ช้างเผือกหลวง (เชียงใหม่), แซพลู้ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี), ปะหง่าง (ราชบุรี), เปลือย (กาญจนบุรี), เปื๋อยคะนาง เปื๋อยนาง (อุตรดิตถ์), เปื๋อยค่างไห้ (ลำปาง), ลิงง้อ (นครราชสีมา) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบสูง 15–30 เมตร เปลือกต้นสีขาวนวล เรือนยอดเป็นพุ่มทึบ กิ่งอ่อนมีขนสีน้ำตาลนุ่ม ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปไข่ ขอบใบหยักคล้ายฟันเลื่อย ออกดอกเป็นช่อตามง่ามใบและปลายกิ่ง ดอกขนาดเล็ก สีเหลืองอ่อน ออกดอกช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินที่มีหินปูนปนอยู่มาก น้ำและความชื้นปานกลาง |
ถิ่นกำเนิด | ป่าเบญจพรรณชื้น พบมากในจังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | กาฬสินธุ์ |
ชื่อพันธุ์ไม้ | มะหาด |
ชื่อสามัญ | Lok Hat |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Artocarpus lakoocha Roxb. |
วงศ์ | URTICACEAE |
ชื่ออื่น | กาแย ตาแป ตาแปง (มลายู-นราธิวาส), มะหาด (ภาคใต้), มะหาดใบใหญ่ (ตรัง), หาด (ทั่วไป) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ลำต้นตั้งตรง ผิวเปลือกนอกขรุขระแตกเป็นรอยสะเก็ดเล็กๆ มียางไหลซึม ใบเป็นใบเดี่ยว รูปไข่ ปลายใบแหลม โคนใบเว้ามน ใบอ่อนมีขน ออกดอกเป็นช่อตามบริเวณง่ามใบ มีสีเหลือง ออกดอกช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ผลกลมขนาดใหญ่เปลือกนอกมีผิวขรุขระ |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด หรือตอนกิ่ง |
สภาพที่เหมาะสม | เจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด ทนแล้ง |
ถิ่นกำเนิด | ป่าดงดินทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ ภาคตะวันตกเฉียงใต้ และภาคใต้ของประเทศไทย |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | กำแพงเพชร |
ชื่อพันธุ์ไม้ | สีเสียดแก่น |
ชื่อสามัญ | Catechu Tree, Cutch Tree |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Acacia catechu Willd. |
วงศ์ | LEGUMINOSAE |
ชื่ออื่น | สะเจ (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน), สีเสียด (ภาคเหนือ), สีเสียดแก่น (ราชบุรี) สีเสียดเหนือ (ภาคกลาง) สีเสียดแก่นเหนือ สีเสียดเหลือง (เชียงใหม่) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางสูง 10–15 เมตร เรือนยอดโปร่ง ลำต้นและกิ่งมีหนามแหลมโค้งทั่วไป เปลือกสีเทาคล้ำหรืออมน้ำตาลค่อนข้างขรุขระ ใบเป็นใบประกอบขนนกสองชั้น รูปไข่แกมขอบขนาน โคนใบเบี้ยวมีขนห่างๆ ออกดอกเป็นช่อยาวคล้ายหางกระรอก ตามง่ามใบ ขนาดเล็ก สีเหลืองอ่อนหรือขาวอมเหลือง ออกดอกช่วงเดือนเมษายน-กรกฎาคม ผลเป็นฝักรูปบรรทัดแบน ยาว 5–10 ซ.ม. เมล็ดแบนสีน้ำตาลอมเขียว |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | เจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด ไม่ชอบน้ำขัง |
ถิ่นกำเนิด | ป่าเบญจพรรณและป่าโปร่งทางภาคเหนือ ป่าละเมาะบนพื้นที่ราบและแห้งแล้งทั่วไป |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | ขอนแก่น |
ชื่อพันธุ์ไม้ | กัลปพฤกษ์ |
ชื่อสามัญ | Pink Cassia, Pink Shower, Wishing Tree |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Cassia bakeriana Craib |
วงศ์ | LEGUMINOSAE |
ชื่ออื่น | กัลปพฤกษ์ (ภาคกลาง, ภาคเหนือ), กานล์ (เขมร-สุรินทร์), เปลือกขม (ปราจีนบุรี) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบสูง 20 เมตร โคนมีพูพอน เปลือกสีดำแดงแตกเป็นร่องลึก กิ่งอ่อนและช่อดอกมีขนนุ่มสีน้ำตาล ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับกัน รูปหอกแกมขอบขนาน ออกดอกเป็นช่อตามกิ่งพร้อมใบอ่อน ใบประดับรูปหอก ดอกเริ่มบานสีชมพู แล้วเปลี่ยนเป็นสีขาวตามลำดับ ผลเป็นฝักทรงกระบอก |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | เจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด แสงแดดจัด |
ถิ่นกำเนิด | อเมริกาใต้ และตามป่าเบญจพรรณทั่วไป |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | จันทบุรี |
ชื่อพันธุ์ไม้ | จัน |
ชื่อสามัญ | |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Diospyros decandra Lour. |
วงศ์ | EBENACEAE |
ชื่ออื่น | จัน จันอิน จันโอ (ทั่วไป), จันขาว จันลูกหอม (ภาคกลาง) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นสูง 20 เมตร ยอดอ่อนมีขน ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปขอบขนานหรือรูปรี ดอก แยกเพศ เพศผู้เป็นช่อ กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นรูปคนโท สีขาวนวล ดอกเพศเมียเป็นดอกเดี่ยวลักษณะคล้ายกับดอกเพศผู้แต่มีขนาดใหญ่กว่า ผลเป็นผลสดมีสองลักษณะคือ ทรงกลมแป้นเรียกว่าลูกจัน และทรงกลมเรียกว่าลูกอิน เมื่อสุกสีเหลือง มีกลิ่นหอม และกลีบเลี้ยงยังคงติดอยู่ |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | เจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด กลางแจ้ง |
ถิ่นกำเนิด | นิยมปลูกตามบ้านเรือนและบริเวณวัด |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | ฉะเชิงเทรา |
ชื่อพันธุ์ไม้ | นนทรีป่า |
ชื่อสามัญ | Copper pod |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Peltophorum dasyrachis Kurz, ex Baker |
วงศ์ | LEGUMINOSAE |
ชื่ออื่น | กว่าเซก (เขมร-กาญจนบุรี), คางรุ้ง คางฮ่ง (พิษณุโลก), จ๊าขาม ช้าขม (ลาว), ตาเซก (เขมร-บุรีรัมย์), นนทรีป่า (ภาคกลาง), ราง (ส่วย-สุรินทร์), ร้าง อะราง อะล้าง (นครราชสีมา), อินทรี (จันทบุรี) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางสูง 15–30 เมตร เรือนยอดเป็นรูปพุ่มกลมทึบ เปลือกต้นสีทองหรือสีเทาอมน้ำตาล ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกสองชั้น ใบย่อยรูปขอบขนานปลายใบและโคนใบมน ออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ออกดอกเป็นช่อตามปลายกิ่งหรือง่ามใบ สีเหลืองสด กลีบดอกมีลักษณะย่น ออกดอกพร้อมกับใบอ่อนช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม ผลเป็นฝักแบนรูปหอก |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | เจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด กลางแจ้ง |
ถิ่นกำเนิด | ป่าดงดิบแล้งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และตามป่าโปร่งภาคเหนือของประเทศไทย |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | ชลบุรี |
ชื่อพันธุ์ไม้ | ประดู่ป่า |
ชื่อสามัญ | Bermese Ebony |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Pterocarpus macrocarpus Kurz |
วงศ์ | PAPILLIONACEAE |
ชื่ออื่น | จิต๊อก (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน), ฉะนอง (เชียงใหม่), ดู่ ดู่ป่า (ภาคเหนือ), ตะเลอ เตอะเลอ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ประดู่ ประดู่ป่า (ภาคกลาง) ประดู่ ประดู่เสน (ราชบุรี, สระบุรี) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ สูง 15–25 เมตร เปลือกต้นสีน้ำตาลดำแตกเป็นสะเก็ด เปลือกในมีน้ำเลี้ยงสีแดง เนื้อไม้สีขาวอมเหลือง แก่นสีน้ำตาลแกมแดง เรือนยอดเป็นพุ่มกลมทึบ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ ใบย่อยรูปไข่ขอบขนาน ปลายใบเป็นติ่ง โคนใบมน ออกดอกเป็นช่อที่ซอกใบ รูปดอกถั่ว กลีบดอกสีเหลืองอ่อนกลิ่นหอม ผลแผ่เป็นปีกแบนๆ มีขนาดใหญ่กว่าประดู่บ้าน และมีขนปกคลุมทั่วไป |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินร่วน ทนแล้ง ต้องการน้ำปานกลาง |
ถิ่นกำเนิด | ป่าเบญจพรรณชื้นและป่าดิบแล้งทั่วไป |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | ชัยนาท |
ชื่อพันธุ์ไม้ | มะตูม |
ชื่อสามัญ | Bael Fruit Tree, Bengal Quince |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Aegle marmelos (L.) Corr. |
วงศ์ | RUTACEAE |
ชื่ออื่น | กะทันตาเถร ตุ่มตัง (ลานช้าง), ตูม (ปัตตานี), พะโนงค์ (เขมร), มะตูม (ภาคกลาง,ภาคใต้), มะปิน (ภาคเหนือ), มะปีส่า (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ สูง 5–10 เมตร แตกกิ่งต่ำ ตามลำต้นมีหนามยาว เปลือกสีเทา เรือนยอดค่อนข้างโปร่ง ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อย 3 ใบ ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ดอกสีขาวอมเขียวหรือสีเหลืองอ่อน กลิ่นหอม ขนาดเล็ก ออกดอกช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ผลเป็นรูปไข่แข็ง เนื้อสีเหลือง มียางเหนียว |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด และตอนกิ่ง |
สภาพที่เหมาะสม | ดินทุกชนิด ทนแล้ง ต้องการน้ำปานกลาง |
ถิ่นกำเนิด | ประเทศอินเดีย ศรีลังกา และออสเตรเลีย ประเทศไทยพบประปรายตามป่าเบญจพรรณ |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | ชัยภูมิ |
ชื่อพันธุ์ไม้ | ขี้เหล็กบ้าน |
ชื่อสามัญ | Thai Copper Pod |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Cassia siamea Lank. |
วงศ์ | LEGUMINOSAE |
ชื่ออื่น | ขี้เหล็กแก่น (ราชบุรี), ขี้เหล็กหลวง (ภาคเหนือ), ขี้เหล็กใหญ่ (ภาคกลาง), ขี้เหล็กบ้าน (ลำปาง), ผักจีลี้ (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน), มะขี้เหละพะโดะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ยะหา (มลายู-ปัตตานี) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้น เปลือกสีเทาอมน้ำตาลแตกตามยาวเป็นร่อง ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับกัน ออกดอกเป็นช่อสีเหลืองที่ปลายกิ่ง ฝักแบนสีน้ำตาล |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด และตอนกิ่ง |
สภาพที่เหมาะสม | ดินทุกชนิด ทนแล้ง ต้องการน้ำปานกลา |
ถิ่นกำเนิด | ป่าเบญจพรรณชื้นทั่วประเทศ เช่น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี และชุมพร |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | ชุมพร |
ชื่อพันธุ์ไม้ | มะเดื่อชุมพร |
ชื่อสามัญ | Cluster Fig |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Ficus racemosa Linn. |
วงศ์ | LEGUMINOSAE |
ชื่ออื่น | กูแซ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), เดื่อเกลื้อง (ภาคกลาง,ภาคเหนือ), เดื่อน้ำ (ภาคใต้), มะเดื่อ (ลำปาง), มะเดื่อชุมพร มะเดื่ออุทุมพร (ภาคกลาง) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบสูง 5–20 เมตร กิ่งอ่อนมีขนสีน้ำตาลแดงปกคลุมบางๆ ต่อมาจะหลุดร่วงไป ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ แผ่นใบรูปไข่ถึงรูปหอก ปลายใบแหลม โคนใบทู่ถึงกลม ออกดอกเป็นกระจุก ดอกขนาดเล็ก ผลรูปไข่กลับ เมื่อสุกสีแดงเข้มถึงม่วง |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด และปักชำกิ่ง |
สภาพที่เหมาะสม | ดินร่วน และมีอินทรียวัตถุ ระบายน้ำได้ดี |
ถิ่นกำเนิด | ประเทศศรีลังกา จีนตอนใต้ เอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | เชียงราย |
ชื่อพันธุ์ไม้ | กาซะลองคำ |
ชื่อสามัญ | Tree Jasmine |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Radermachera ignea (Kurz) Steenis |
วงศ์ | BIGNONIACEAE |
ชื่ออื่น | กากี (สุราษฎร์ธานี), กาซะลองคำ (เชียงราย), แคะเป๊าะ สำเภาหลามต้น (ลำปาง), จางจืด (เชียงใหม่), สะเภา อ้อยช้าง (ภาคเหนือ) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ สูง 6–20 เมตร ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ออกตรงข้ามกัน แผ่นใบรูปรีแกมรูปหอก ปลายใบแหลมเป็นติ่ง โคนใบสอบแหลม ออกดอกเป็นกระจุกตามกิ่งและลำต้น สีเหลืองอมส้ม หรือสีส้ม กลีบดอกเชื่อมกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็นแฉกสั้นๆ 5 แฉก ผลเป็นฝัก เมื่อแก่แตกเป็นสองซีกเมล็ดมีปีก |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด ตอนกิ่ง ปักชำกิ่ง และแยกหน่อ |
สภาพที่เหมาะสม | ดินร่วนปนทราย |
ถิ่นกำเนิด | ขึ้นตามธรรมชาติบนเทือกเขาหินปูนที่ค่อนข้างชื้นทางภาคเหนือ |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | เชียงใหม่ |
ชื่อพันธุ์ไม้ | ทองกวาว |
ชื่อสามัญ | Flame of the forest, Bastard Teak, Bengal kinotree, Kino tree |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Butea monosperma Kuntze. |
วงศ์ | LEGUMINOSAE |
ชื่ออื่น | กวาว ก๋าว (ภาคเหนือ), จอมทอง (ภาคใต้), จ้า (เขมร), ทองธรรมชาติ ทองพรหมชาติ ทองต้น (ภาคกลาง) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบสูง 8–15 เมตร เปลือกสีเทาคล้ำแตกเป็นร่องตื้นๆ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อย 3 ใบออกสลับกัน ออกดอกเป็นช่อตามกิ่งก้านและที่ปลายกิ่ง ดอกสีเหลืองถึงแดงแสด ออกดอกช่วงเดือนธันวาคม-มีนาคม ผลเป็นฝักรูปขอบขนานแบน มีเมล็ดที่ปลายฝัก |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินร่วนปนทราย ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง แสงแดดจัด |
ถิ่นกำเนิด | ที่ราบลุ่มในป่าผลัดใบ ป่าหญ้าหรือป่าละเมาะที่แห้งแล้ง พบมากทางภาคเหนือ |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | ตรัง |
ชื่อพันธุ์ไม้ | ศรีตรัง |
ชื่อสามัญ | |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Jacaranda filicifolia D. Don. |
วงศ์ | BIGNONIACEAE |
ชื่ออื่น | แคฝอย (กรุงเทพฯ), ศรีตรัง (ตรัง) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบสูง 5–10 เมตร เรือนยอดโปร่ง ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ออกตรงกันข้าม ใบย่อยเล็ก ออกดอกเป็นช่อใหญ่ตามกิ่ง ดอกสีม่วง กลีบดอก 5 กลีบเชื่อมกันเป็นหลอด เมื่อบานเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ซ.ม.ออกดอกช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม ผลเป็นฝักแบน เมื่อแก่แตกเป็น 2 ซีก เมล็ดมีปีก |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินทุกชนิด เป็นไม้กลางแจ้ง ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง |
ถิ่นกำเนิด | เป็นไม้ท้องถิ่นของอเมริกาใต้ |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | ตราด |
ชื่อพันธุ์ไม้ | หูกวาง |
ชื่อสามัญ | Bengal Almond, Indian Almond, Sea Almond |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Terminalia catappa Linn. |
วงศ์ | COMBRETACEAE |
ชื่ออื่น | โคน (นราธิวาส), ดัดมือ ตัดมือ (ตรัง), ตาปัง (พิษณุโลก, สตูล), ตาแปห์ (มลายู-นราธิวาส), หลุมปัง (สุราษฎร์ธานี), หูกวาง (ภาคกลาง) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบสูง 8–25 เมตร เปลือกเรียบ กิ่งแตกรอบลำต้นตามแนวนอนเป็นชั้นๆ คล้ายฉัตร ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเวียนสลับถี่ตอนปลายกิ่ง ใบรูปไข่ ปลายใบแหลมเป็นติ่งสั้นๆ โคนใบสอบแคบ เว้า ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบ ขนาดเล็ก สีขาวนวล ออกดอกช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ผลเป็นรูปไข่หรือรูปรีป้อมๆ แบนเล็กน้อย เมื่อแห้งสีดำคล้ำ |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินร่วนปนทราย ระบายน้ำได้ดี |
ถิ่นกำเนิด | ป่าชายหาด หรือตามโขดหินริมทะเล |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | ตาก |
ชื่อพันธุ์ไม้ | แดง |
ชื่อสามัญ | Iron Wood |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Xylia sylocarpa Var. kerrii (Craib & Hutch.) I. Nielsen |
วงศ์ | LEGUMINOSAE |
ชื่ออื่น | กร้อม (ชาวบน-นครราชศรีมา), ไคว (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), คว้าย (กะเหรี่ยง-เชียงใหม่, กาญจนบุรี), ไคว เพร่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), จะลาน จาลาน (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน), แดง (ทั่วไป), ตะกร้อม (ชอง-จันทบุรี), ปราน (ส่วย-สุรินทร์) ไปรน์ (ศรีษะเกษ), ผ้าน (ละว้า-เชียงใหม่), เพ้ย (กะเหรี่ยง-ตาก), สะกรอม (เขมร-จันทบุรี) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้น สูง 15–30 เมตร กิ่งก้านและยอดอ่อนมีขนละเอียดสีเหลือง ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกสองชั้นเรียงสลับ ประกอบด้วย 2 ช่อ ใบแตกออกเป็น 2 ง่าม ใบย่อย 4–5 คู่รูปไข่หรือรูปไข่แกมขอบขนาน ออกดอกเป็นช่อทรงกลมคล้ายดอกกระถิน ที่ปลายกิ่งและซอกใบ กลีบดอกสีขาว ผล เป็นฝักรูปไต แบน แข็ง |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | สภาพดินที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ ต้องการแสงแดด |
ถิ่นกำเนิด | เป็นไม้หลักของป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งทั่วๆ ไป |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | นครนายก |
ชื่อพันธุ์ไม้ | สุพรรณิการ์ |
ชื่อสามัญ | Yellow Silk Cotton Tree, Yellow Cotton |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Cochlospermum religiosum Alston |
วงศ์ | COCHLOSPERMACEAE |
ชื่ออื่น | ฝ้ายคำ (ภาคเหนือ), สุพรรณิการ์ (ภาคกลาง) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ สูง 5–10 เมตร เปลือกต้นสีน้ำตาลเทา ใบ เป็นใบเดี่ยวรูปฝ่ามือ มี 5 แฉก ปลายใบแฉกแหลม โคนใบเว้า ขอบใบเป็นคลื่น ออกเวียนสลับกัน ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่งสีเหลือง ผล เป็นรูปไข่กลับ เมื่อแห้งเมล็ดสีน้ำตาล มีปุยสีขาวคล้ายปุยฝ้ายหุ้มเมล็ด |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินร่วนซุย แสงแดดจัด |
ถิ่นกำเนิด | อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | นครปฐม |
ชื่อพันธุ์ไม้ | จันทน์หอม |
ชื่อสามัญ | |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Mansonia gagei Drumm. |
วงศ์ | STERCULIACEAE |
ชื่ออื่น | จันทน์ จันทน์ชะมด (ประจวบคีรีขันธ์), จันทน์ขาว จันทน์พม่า จันทน์หอม (ภาคกลาง) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ สูง 10–20 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มค่อนข้างโปร่ง ใบ เป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ แผ่นใบรูปรีแกมขอบขนาน หรือแกมรูปไข่กลับ ปลายใบแหลม โคนใบเว้าเบี้ยวเล็กน้อย ขอบใบเป็นคลื่นห่างๆ ออกดอกเป็นช่อตามปลายกิ่ง และตามง่ามใบ ดอกขนาดเล็ก สีขาว ออกดอกช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนตุลาคม ผล เป็นรูปกระสวย มีปีกรูปทรงสามเหลี่ยม |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | สภาพดินแทบทุกชนิด แสงแดดจัด ชอบขึ้นตามดินแถบเขาหินปูน |
ถิ่นกำเนิด | ป่าดิบแล้งทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ และภาคตะวันตกเฉียงใต้ที่สูงจากระดับน้ำทะเล 200–400 ซ.ม. |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | นครพนม |
ชื่อพันธุ์ไม้ | กันเกรา |
ชื่อสามัญ | Anon, Tembusu |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Fagraea fragrans Roxb. |
วงศ์ | LOGANIACEAE |
ชื่ออื่น | กันเกรา (ภาคกลาง), ตะมะซู ตำมูซู (มลายู-ภาคใต้), ตาเตรา (เขมร-ภาคตะวันออก), ตำเสา ทำเสา (ภาคใต้), มันปลา (ภาคเหนือ, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นสูง 10–15 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงตรงข้าม แผ่นใบรูปรี เนื้อใบบางแต่เหนียว ปลายใบแหลมยาว โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ หลังใบสีเขียวเข้มเป็นมัน ท้องใบสีจางกว่า ก้านใบยาว มีหูใบระหว่างก้านใบคล้ายรูปถ้วยเล็กๆ ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่งและซอกใบตอนปลายกิ่ง เมื่อเริ่มบานกลีบดอกสีขาว ต่อมาเปลี่ยนเป็นสีเหลืองมีกลิ่นหอม ออกดอกระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายน ผล เป็นผลสดทรงกลม มีติ่งแหลมสั้นติดอยู่ที่ปลาย สีส้มอมเหลือง แล้วเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อผลแก่ |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | สภาพดินแทบทุกชนิด แสงแดดจัด ชอบขึ้นตามที่ชื้นแฉะ |
ถิ่นกำเนิด | ป่าเบญจพรรณ และตามที่ใกล้แหล่งน้ำแทบทุกภาคของไทย |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | นครราชสีมา |
ชื่อพันธุ์ไม้ | สาธร |
ชื่อสามัญ | |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Millettia leucantha Kurz |
วงศ์ | LEGUMINOSAE |
ชื่ออื่น | กระเจาะ ขะเจาะ (ภาคเหนือ), กระพีเขาควาย (ประจวบคีรีขันธ์), กะเชาะ (ภาคกลาง), ขะแมบ คำแมบ (เชียงใหม่), สาธร (ภาคเหนือ) |
ลักษณะทั่ว | เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ สูง 18–19 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มทึบ ค่อนข้างกลมหรือทรงกระบอก ใบเป็นใบประกอบเรียงสลับ ใบย่อยติดเป็นคู่ตรงกันข้าม 3–5 คู่ ปลายสุดเป็นใบเดี่ยว แผ่นใบย่อยรูปรี ปลายใบแหลม โคนใบมน ใบและยอดอ่อนมีขนยาว ออกดอกเป็นช่อตามง่ามใบและปลายกิ่ง สีขาว รูปดอกถั่ว สีชมพูอ่อน ออกดอกช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ผล เป็นฝักแบนคล้ายฝักมีด |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | สภาพดินร่วน แสงแดดจัด ต้องการน้ำและความชื้นมาก |
ถิ่นกำเนิด | ป่าเบญจพรรณใกล้แหล่งน้ำทั่วไป |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | นครศรีธรรมราช |
ชื่อพันธุ์ไม้ | แซะ |
ชื่อสามัญ | |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Millettia atropurpurea Benth. |
วงศ์ | LEGUMINOSAE |
ชื่ออื่น | กะแซะ (สุราษฏร์ธานี), ยีนิเก๊ะ (มลายู-นราธิวาส), แซะ (ทั่วไป) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นสูง 20–30 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มทึบ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ใบย่อยออกตรงกันข้าม มีใบย่อยปลายก้านอีก 1 ใบ แผ่นใบรูปขอบขนานแกมรูปหอก ออกเป็นช่อตามปลายกิ่งหรือง่ามใบ รูปดอกถั่ว สีแดงแกมม่วงทึบ กลิ่นหอม ออกดอกช่วงเดือนมกราคม-เมษายน ผลเป็นฝัก สีน้ำตาล กลมรี |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | สภาพดินทุกชนิด แสงแดดจัด ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง |
ถิ่นกำเนิด | ตามชายป่าดิบชื้นภาคใต้ของไทย |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | นครสวรรค์ |
ชื่อพันธุ์ไม้ | เสลา |
ชื่อสามัญ | |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Lagerstroemia loudoni Teijsm. & Binn. |
วงศ์ | LYTHRACEAE |
ชื่ออื่น | เกรียบ ตะเกรียบ (ชอง-จันทบุรี), ตะแบกขน (นครราชสีมา), เสลาใบใหญ่ (ทั่วไป) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ สูง 10–20 เมตร เรือนยอดกลมทึบ กิ่งห้อยลง ใบ เป็นใบเดี่ยวออกตรงข้ามกัน แผ่นใบรูปขอบขนาน ปลายใบเรียวแหลมเป็นติ่งโค้งมน ผิวใบมีขนนุ่มทั้งสองด้าน ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง สีม่วง ม่วงอมชมพูหรือม่วงอมขาว ออกดอกช่วงเดือนธันวาคม-มีนาคม ผล มีเมล็ดมีปีกจำนวนมาก |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | สภาพดินร่วน แสงแดดจัด ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง |
ถิ่นกำเนิด | ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบ และป่าชายหาด ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลางลงไปถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | นนทบุรี |
ชื่อพันธุ์ไม้ | นนทรีบ้าน |
ชื่อสามัญ | |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Peltophorum pterocarpum Back. Ex Heyne |
วงศ์ | LEGUMINOSAE |
ชื่ออื่น | กระถินป่า กระถินแดง (ตราด), นนทรี (ทั่วไป) สารเงิน (แม่ฮ่องสอน) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ สูง 8–15 เมตร เรือนยอดรูปร่ม ช่อดอกและยอดอ่อนมีขนสีน้ำตาลแดง ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก 2 ชั้นเรียงสลับ ใบย่อยออกตรงข้ามกันเป็นคู่ ออกดอกเป็นช่อขนาดใหญ่ตามง่ามใบและปลายกิ่ง ดอกสีเหลือง ออกดอกช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม ผล เป็นฝักแบนรูปหอก โคนและปลายสอบแหลม |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินทุกชนิด กลางแจ้ง ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง |
ถิ่นกำเนิด | ตามป่าทั่วไปและชายหาด |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | นราธิวาส |
ชื่อพันธุ์ไม้ | ตะเคียนชันนตาแมว |
ชื่อสามัญ | Chingal |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Balanocarpus heimii King |
วงศ์ | DIPTEROCARPACEAE |
ชื่ออื่น | จีงามาส (มลายู-นราธิวาส), ตะเคียนชัน ตะเคียนชันนตาแมว (ภาคใต้) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นสูง 30–40 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มทึบ ลำต้นเปลาตรง เปลือกสีน้ำตาลเข้มล่อนเป็นสะเก็ด มียางชันสีขาว ใบ เป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ แผ่นใบรูปหอกหรือรูปดาบ ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ออกดอกเป็นช่อตามง่ามใบและปลายกิ่ง สีขาว กลิ่นหอม ออกดอกช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินร่วน กลางแจ้ง ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง |
ถิ่นกำเนิด | ป่าดงดิบ พบมากที่จังหวัดยะลาและนราธิวาส |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | น่าน |
ชื่อพันธุ์ไม้ | กำลังเสือโคร่ง |
ชื่อสามัญ | Birch |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Betula alnoides Buch-Ham. |
วงศ์ | CUPULIFERAE |
ชื่ออื่น | กำลังพญาเสือโคร่ง, กำลังเสือโคร่ง (เชียงใหม่) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นสูง 20–35 เมตร เปลือกต้นมีกลิ่นคล้ายการบูร เวลาแก่จะลอกออกเป็นชั้นๆ คล้ายกระดาษ ยอดอ่อน ก้านใบ และช่อดอกมีขนสีเหลืองหรือสีน้ำตาลปกคลุม หูใบเป็นรูปสามเหลี่ยม ใบเป็นรูปไข่แกมรูปหอก เนื้อใบบางคล้ายกระดาษ ด้านใต้ของใบมีตุ่ม โคนใบป้านเกือบเป็นเส้นตรง ขอบใบหยักแบบฟันเลื่อยสองชั้นหรือสามชั้น ซี่หยักแหลม ปลายใบเรียวแหลม ออกดอกเป็นช่อยาวแบบหางกระรอกตามง่ามใบ ดอกย่อยไม่มีก้าน ช่อดอกเพศผู้ยาว 5–8 ซ.ม. กลีบรองดอกเป็นรูปโล่หรือเกือบกลม มีแกนอยู่ตรงกลาง ช่อดอกเพศเมียยาว 3–9 ซ.ม. กลีบรอบดอกไม่มีก้านมี 3 หยัก ด้านนอกมีขน รังไข่แบน กรอบนอกเป็นรูปไข่หรือเกือบกลม มีขน ท่อรังไข่ยาวกว่ารังไข่เล็กน้อย ออกดอกช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม ผลมีปัก 2 ข้างโปร่งบาง |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | สภาพดินทุกชนิด ทนแล้งได้ดี ชอบความชื้นน้อย |
ถิ่นกำเนิด | ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | บุรีรัมย์ |
ชื่อพันธุ์ไม้ | กาฬพฤกษ์ |
ชื่อสามัญ | Pink Shower, Horse Cassia |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Cassia grandis Linn. F. |
วงศ์ | LEGUMINOSAE |
ชื่ออื่น | กัลปพฤกษ์ (กรุงเทพฯ) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบสูงประมาณ 20 เมตร โคนมีพูพอน เปลือกสีดำแตกเป็นร่องลึก กิ่งอ่อนหรือช่อดอกมีขนสีน้ำตาล ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ ใบย่อย 10–20 คู่ ใบอ่อนสีแดง แผ่นใบย่อยรูปขอบขนาน หลังใบเป็นมัน ท้องใบมีขน ดอก เมื่อเริ่มบานจะมีสีแดง แล้วเปลี่ยนเป็นสีชมพูและสีสันตามลำดับ ออกดอกระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ผลเป็นฝักรูปทรงกระบอก |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | สภาพดินทุกชนิด ทนแล้งได้ดี ชอบความชื้นน้อย |
ถิ่นกำเนิด | ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | ปทุมธานี |
ชื่อพันธุ์ไม้ | ทองหลางลาย |
ชื่อสามัญ | Indian Coral Tree, Variegated Tiger’s claw |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Erythrina variegata Linn. |
วงศ์ | LEGUMINOSAE |
ชื่ออื่น | ทองบ้าน, ทางเผือก (ภาคเหนือ), ทองหลางด่าง, ทองหลางลาย (กรุงเทพฯ) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ สูง 5–10 เมตร กิ่งอ่อนมีหนามเรือนยอดเป็นพุ่มกลมโปร่ง ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อย 3 ใบ ใบกลางจะโตกว่าสองใบด้านข้าง ออกดอกเป็นช่อยาวประมาณ 30–40 ซ.ม. รูปดอกถั่ว สีแดงเข้ม ออกดอกระหว่างเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ผลเป็นฝักยาว 15–30 ซ.ม. |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด และปักชำ |
สภาพที่เหมาะสม | สภาพดินทุกชนิด ชอบดินร่วนซุย กลางแจ้ง |
ถิ่นกำเนิด | เอเชียเขตร้อนและอบอุ่น |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | ประจวบคีรีขันธ์ |
ชื่อพันธุ์ไม้ | เกด |
ชื่อสามัญ | Milkey Tree |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Manilkara hexandra Dubard |
วงศ์ | SAPOTACEAE |
ชื่ออื่น | ครินี ไรนี (ฮินดู), เกด (กลาง) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ไม่ผลัดใบ เรือนยอดเป็นพุ่มกลม ลำต้นและกิ่งก้านมักคดงอ โดยเฉพาะกิ่งมักหักงอเป็นข้อศอก ใบ เป็นใบเดี่ยวออกสลับ แผ่นใบรูปไข่กลับ ปลายหยักเว้าเล็กน้อย โคนใบสอบ เนื้อใบหนาเกลี้ยง หลังใบสีเขียวแก่เป็นมัน ท้องใบสีขาวหรือนวล ออกดอกเป็นกระจุกตามง่ามใบ ดอกขนาดเล็ก สีเหลือง ออกดอกระหว่างเดือนมกราคม-กรกฎาคม ผล รูปกลมรี เมื่อสุกสีเหลืองแสด |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | สภาพดินทราย หรือดินปนหิน ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง กลางแจ้ง |
ถิ่นกำเนิด | เอเชีย ประเทศไทยตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ลงไป และตามเกาะต่างๆ |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | ปราจีนบุรี |
ชื่อพันธุ์ไม้ | โพศรีมหาโพธิ |
ชื่อสามัญ | Sacred Fig Tree, Pipal Tree, Bo-Tree |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Ficus religiosa Linn. |
วงศ์ | URTICACEAE |
ชื่ออื่น | ปู (เขมร), โพ โพศรีมหาโพธิ (ภาคกลาง), ย่อง (เงี่ยว-แม่ฮ่องสอน), สลี (ภาคเหนือ) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นสูง 20–30 เมตร เปลือกต้นสีน้ำตาล มียางสีขาว ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปหัวใจ ออกดอกจำนวนมาก ขนาดเล็ก ออกดอกตลอดทั้งปี ผลเป็นผลสดทรงกลม เมื่อสุกสีม่วงดำ |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | สภาพดินทุกชนิด ต้องการน้ำปานกลาง |
ถิ่นกำเนิด | อินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | ปัตตานี |
ชื่อพันธุ์ไม้ | ตะเคียนทอง |
ชื่อสามัญ | Iron Wood |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Hopea odorata Roxb. |
วงศ์ | DIPTEROCARPACEAE |
ชื่ออื่น | กะกี้ โกกี้ (กะเหรี่ยง-เชียงใหม่), แคน (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ), จะเคียน (ภาคเหนือ), จูเค้ โซเก (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี), ตะเคียนทอง ตะเคียนใหญ่ (ภาคกลาง), ไพร (ละว้า-เชียงใหม่) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ไม่ผลัดใบ เรือนยอดเป็นพุ่มทึบ กลม หรือรูปเจดีย์ เปลือกหนาสีน้ำตาลดำแตกเป็นสะเก็ด กระพี้สีน้ำตาลอ่อน แก่นสีน้ำตาลอมเหลือง ใบ เป็นใบเดี่ยวรูปไข่แกมรูปหอก หรือรูปดาบ เนื้อใบค่อนข้างหนา ปลายใบเรียว โคนใบมนป้านและเบี้ยว หลังใบมีตุ่มเกลี้ยง ปลายโค้งแต่ไม่จรดกัน ออกดอกขนาดเล็ก สีขาว ออกเป็นช่อยาวตามง่ามใบและปลายกิ่ง กลิ่นหอม ผล รูปไข่ เกลี้ยง ปลายมนเป็นติ่งคล้ายหนามแหลม ภายในกลีบรองดอกที่ขยายตัวออกเป็นปีก รูปใบพาย |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | อากาศชุ่มชื้น ในช่วงที่ต้นยังไม่โตจะไม่ชอบแสงแดดจัด |
ถิ่นกำเนิด | เอเชียเขตร้อน |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | พระนครศรีอยุธยา |
ชื่อพันธุ์ไม้ | หมัน |
ชื่อสามัญ | |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Cordia cochinchinensis Gagnepain |
วงศ์ | BORAGINACEAE |
ชื่ออื่น | หมัน (ประจวบคีรีขันธ์) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นสูง 5–15 เมตร เปลือกต้นสีเทาคล้ำ ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ แผ่นใบรูปไข่ ปลายใบทู่ โคนใบกว้าง ดอกสีขาว ผลเมื่อเปลือกสีชมพู มีของเหลวภายในเหนียวมากห่อหุ้มเมล็ด |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | สภาพดินเลน ต้องการน้ำและความชุ่มชื้นสูง |
ถิ่นกำเนิด | ป่าชายเลนที่ค่อนข้างแข็ง และชายฝั่งทะเลอ่าวไทย |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | พะเยา |
ชื่อพันธุ์ไม้ | สารภี |
ชื่อสามัญ | |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Mammea siamensis T. Anders. |
วงศ์ | GUTTIFERAE |
ชื่ออื่น | ทรพี (จันทบุรี), สร้อยพี (ภาคใต้), สารภี (ทั่วไป), สารภีแนน (เชียงใหม่) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นสูง 10–15 เมตร ไม่ผลัดใบ เรือนยอดเป็นพุ่มทึบ มียางสีขาว ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงตรงข้าม รูปไข่กลับแกมขอบขนาน เส้นแขนงใบไม่ชัดเจน แต่เส้นใบย่อยแบบร่างแหเห็นชัดทั้งสองข้าง ออกดอกเป็นกระจุกตามกิ่ง สีขาว กลิ่นหอม ร่วงง่าย มีเกสรเพศผู้สีเหลือง |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | สภาพดินร่วนซุย ความชื้นพอเหมาะ |
ถิ่นกำเนิด | ป่าเบญจพรรณ ป่าดงดิบ ในประเทศไทย |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | พังงา |
ชื่อพันธุ์ไม้ | เทพทาโร |
ชื่อสามัญ | |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Cinnamomum porrectum Kosterm. |
วงศ์ | LAURACEAE |
ชื่ออื่น | จะไคหอม จะไคต้น (ภาคเหนือ), จวงหอม จวง (ภาคใต้), พลูต้นขาว (เชียงใหม่), เทพทาโร (ภาคกลาง, จันทบุรี, สุราษฎร์ธานี), มือแดกะมางิง (มลายู-ปัตตานี) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นสูง 10–30 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มทึบ ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามกัน แผ่นใบรูปรีแกมรูปไข่ ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ก้านใบเรียวเล็ก ดอกสีขาวหรือเหลืองอ่อน ออกเป็นช่อเป็นกระจุกตามปลายกิ่ง ผลทรงกลม มีขนาดเล็ก |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | สภาพดินทุกชนิด เป็นไม้กลางแจ้ง ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง |
ถิ่นกำเนิด | ป่าดงดิบบนเขาทั่วไป |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | พัทลุง |
ชื่อพันธุ์ไม้ | พะยอม |
ชื่อสามัญ | Shorea |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Shorea roxburghii G. Don |
วงศ์ | DIPTEROCARPACEAE |
ชื่ออื่น | กะยอม (เชียงใหม่), ขะยอม (ลาว), ขะยอมดง พะยอมดง (ภาคเหนือ), แคน (ลาว), เชียง เซี่ยว (กะเหรี่ยง-เชียงใหม่), พะยอม (ภาคกลาง), พะยอมทอง (สุราษฎร์ธานี, ปราจีนบุรี), ยางหยวก (น่าน) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ลำต้นสูง 15–30 เมตร และมีเนื้อไม้แข็ง สีเหลืองอ่อนแกมสีเขียว ใบเป็นใบเดี่ยว สีเขียว แผ่นใบรูปมนรี เรียงสลับ ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ ท้องใบเป็นเส้นแขนงใบนูนมองเห็นชัด ออกดอกเป็นช่อขนาดใหญ่ สีเหลืองอ่อนและมีกลิ่นหอม ออกดอกช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ผลเป็นรูปรี กลีบเลี้ยงเจริญไปเป็นปีกคล้ายผลยาง |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | สภาพดินทุกชนิด เป็นไม้กลางแจ้ง สามารถปรับเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดีมาก |
ถิ่นกำเนิด | เป็นไม้พื้นเมืองของเอเชีย พบตามป่าผลัดใบ และป่าดิบ |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | พิจิตร |
ชื่อพันธุ์ไม้ | บุนนาค |
ชื่อสามัญ | Iron Wood, Indian Rose Chestnut |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Mesua ferrea Linn. |
วงศ์ | OUTTIFERAE |
ชื่ออื่น | ก๊าก่อ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ก้ำกอ (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน), บุนนาค (ทั่วไป), ปะนาคอ (มลายู-ปัตตานี, สารภีดอย (เชียงใหม่) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่สูง 15–25 เมตร ลำต้นเปลาตรง เปลือกเรียบสีน้ำตาลปนเทา เรือนยอดเป็นพุ่มทึบรูปเจดีย์ต่ำ ใบเป็นใบเดี่ยว สีเขียว รูปไข่ยาวเรียวแคบ ขอบใบเรียบ ท้องใบสีขาวนวลอมเทาเป็นมันคล้ายใบมะปราง ดอกเป็นดอกเดี่ยว ออกเป็นกระจุกสีขาวนวล กลีบดอกมี 5 กลีบและมีกลิ่นหอม เกสรเพศผู้เป็นฝอยสีเหลืองจำนวนมาก ผลเป็นรูปไข่ เปลือกแข็ง |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | สภาพดินร่วนปนทราย และดินร่วนที่มีความชุ่มชื้น |
ถิ่นกำเนิด | เกิดขึ้นตามธรรมชาติตามป่าทั่วไป |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | พิษณุโลก |
ชื่อพันธุ์ไม้ | ปีบ |
ชื่อสามัญ | Cork Tree |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Millingtonia hortensis Linn. F. |
วงศ์ | BIGNONIACEAE |
ชื่ออื่น | กาซะลอง กาดสะลอง (ภาคเหนือ), เต็กตองโพ่ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี), ปีบ (ภาคกลาง) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นสูง 5–25 เมตร เปลือกขรุขระสีเทา ตามกิ่งมีช่องอากาศเป็นจุดๆ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก รูปไข่แกมรูปหอกปลายใบแหลม ขอบใบหยักเว้าหรือหยักกลมๆ เรียบ โคนใบกลม มีต่อมขนอยู่ตรงมุมระหว่างเส้นกลางใบและเส้นใบ ออกดอกเป็นช่อขนาดใหญ่ตั้งตรง กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นท่อเล็กๆ ปลายแยกออกเป็น 5 กลีบ ขนาดไม่เท่ากัน เกสรเพศผู้มี 4 อัน ยาว 2 อัน สั้น 2 อัน ติดอยู่บนกลีบใกล้ปลายที่แยกออก ผลเป็นฝัก เมล็ดมีปีก |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | สภาพดินร่วนปนทราย อากาศชุ่มชื้น |
ถิ่นกำเนิด | ป่าเบญจพรรณทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของไทย |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | เพชรบุรี |
ชื่อพันธุ์ไม้ | หว้า |
ชื่อสามัญ | Jambolan Plum, Java Plum, Black Poum, Black Plum |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Syzygium cumini (Linn.) Skeets |
วงศ์ | MYRTACEAE |
ชื่ออื่น | ห้าขี้แพะ (เชียงราย) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นสูง 10–25 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยวออกตรงข้าม แผ่นใบรูปรีหรือรูปไข่กลับ ปลายใบแหลม โคนใบมน ดอกสีขาว ออกเป็นช่อตามง่ามใบ เกสรยาวเป็นพู่ ผลเป็นผลสดรูปรี |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | สภาพดินร่วนที่อุดมสมบูรณ์ |
ถิ่นกำเนิด | เอเชียเขตร้อน จากอินเดียถึงมาเลเซีย |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | เพชรบูรณ์ |
ชื่อพันธุ์ไม้ | มะขาม |
ชื่อสามัญ | Tamarind, Indian date |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Tamarindus indica Linn. |
วงศ์ | LEGUMINOSAE |
ชื่ออื่น | มะขามไทย ตะลูบ (นครราชสีมา), ม่องโคล้ง (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี), มอดเล ส่ามอเกล (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), มะขาม (ทั่วไป), หมากแกง (ละว้า-แม่ฮ่องสอน), อำเปียล (เขมร-สุรินทร์) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่ ใบเป็นใบประกอบ ออกเป็นคู่ เรียงกันตามก้านใบ ปลายใบและโคนใบมน ออกดอกเป็นช่อเล็กๆ อยู่ตามบริเวณปลายกิ่ง ขนาดเล็ก มีกลีบสีเหลือง ผลมี 2 ชนิด คือ ชนิดฝักกลมเล็กยาวเรียกว่า “มะขามขี้แมว” ชนิดฝักใหญ่แบนเรียกว่า “มะขามกระดาน” เมล็ดเป็นรูปค่อนข้างกลม ผิวเปลือกเกลี้ยงสีน้ำตาลเข้ม |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด หรือตอนกิ่ง |
สภาพที่เหมาะสม | สภาพดินทุกชนิด ชอบแสงแดด |
ถิ่นกำเนิด | ทวีปเอเชีย และแอฟริกาเขตร้อน |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | แพร่ |
ชื่อพันธุ์ไม้ | ยมหิน |
ชื่อสามัญ | Almond-wood, Chickrassy Chittagong-wood |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Chukrasia velutina Roem. |
วงศ์ | MELIACEAE |
ชื่ออื่น | โค้โย่ง (กะเหรี่ยง-เชียงใหม่), ช้ากะเดา (ใต้), ยมขาว (เหนือ), ยมหิน มะเฟืองต้น สะเดาช้าง สะเดาหิน (กลาง), ริ้งบ้าง รี (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), เสียดค่าย (สุราษฎร์ธานี) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ผลัดใบ เรือนยอดเป็นพุ่มรูปกรวย เปลือกสีน้ำตาลคล้ำ ใบเป็นใบประกอบออกเยื้องกันเล็กน้อย แผ่นใบรูปดาบ ท้องใบมีขนนุ่ม หลังใบเกลี้ยง ออกดอกขนาดเล็ก สีเขียวแกมเหลือง ออกเป็นช่อตามปลายกิ่ง ออกดอกช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ กลมรีแข็ง สีน้ำตาลอมม่วง |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | สภาพดินทุกชนิด ต้องการน้ำและความชุ่มชื้นปานกลาง |
ถิ่นกำเนิด | ป่าเบญจพรรณแล้งและชื้นทั่วไป |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | ภูเก็ต |
ชื่อพันธุ์ไม้ | ประดู่บ้าน |
ชื่อสามัญ | Burmese Rosewood |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Pterocarpus indicus Willd. |
วงศ์ | LEGUMINOSAE |
ชื่ออื่น | ดู่บ้าน (ภาคเหนือ), ประดู่บ้าน ประดู่ลาย (ภาคกลาง), สะโน (มลายู-นราธิวาส), ประดู่ไทย (ภาคกลาง), ประดู่กิ่งอ่อน (ทั่วไป) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่สูง 25 เมตร เปลือกต้นสีน้ำตาลเข้มหรือดำคล้ำ มีสะเก็ดแตกเป็นร่องตื้นๆ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อย แผ่นใบรูปรี โคนใบมน ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ออกดอกเป็นช่อขนาดใหญ่ รูปดอกถั่ว สีเหลือง ออกดอกช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ผล เป็นรูปโล่ มีครีบเป็นแผ่นกลม ตรงกลางนูน |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | กลางแจ้ง ต้องการน้ำปานกลาง |
ถิ่นกำเนิด | มาเลเซีย แถบทะเลอันดามัน มัทราช และอ่าวเบงกอล |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | มหาสารคาม |
ชื่อพันธุ์ไม้ | พฤกษ์ |
ชื่อสามัญ | Siris, Kokko, Indian Walnut |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Albizia lebbeck Benth. |
วงศ์ | LEGUMINOSAE |
ชื่ออื่น | ก้ามปู ชุงรุ้ง พฤกษ์ (ภาคกลาง), กะซึก (พิจิตร), กาแซ กาไพ แกร๊ะ (สุราษฎร์ธานี), ก้านฮุ้ง (ชัยภูมิ), กรีด (กระบี่), คะโก (ภาคกลาง), จเร (เขมร-ปราจีนบุรี), จ๊าขาม (ภาคเหนือ), จามจุรี ซึก (กรุงเทพฯ), ตุ๊ด ถ่อนนา (เลย), ทิตา (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี), พญากะบุก (อรัญประเทศ), มะขามโคก มะรุมป่า (นครราชสีมา), ชุ้งรุ้ง มะรุมป่า (นครราชสีมา), กระพี้เขาควาย (เพชรบุรี) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สูง 20–30 เมตร ผลัดใบ เปลือกนอกขรุขระ สีเทาแก่ แตกเป็นร่องยาว เปลือกในสีแดงเลือดนก กระพี้สีขาว แยกจากแก่น กิ่งอ่อนเกลี้ยงหรือมีขนละเอียดประปราย ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก แกนช่อใบยาว บนแก่นช่อมีช่อแขนงด้านข้าง ใบรูปรี ปลายใบมน โคนใบกลมหรือเบี้ยว หลังใบเกลี้ยง ท้องใบมีขนละเอียด ออกดอกสีขาวเป็นช่อกลมตามง่ามใบใกล้ปลายกิ่ง กลิ่นหอม ออกดอกช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ผลเป็นฝักรูปบรรทัด แบนและบาง สีเทาอมเหลือง หรือสีฟางข้าว ผิวเกลี้ยงเป็นมัน เมล็ดรูปไข่ |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | สภาพดินที่เสื่อมโทรม เป็นไม้โตเร็ว |
ถิ่นกำเนิด | ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางของไทย |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | มุกดาหาร |
ชื่อพันธุ์ไม้ | ช้างน้าว |
ชื่อสามัญ | |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Ochna integerrima (Lour.) Merr. |
วงศ์ | OCHNACEAE |
ชื่ออื่น | กระแจะ (ระนอง), กำลังช้างสาร (กลาง), ขมิ้นพระต้น (จันทบุรี), ควุ (กะเหรี่ยง-นครสวรรค์), แง่ง (บุรีรัมย์), ช้างน้าว ตานนกกรด (นครราชสีมา), ช้างโน้ม (ตราด), ช้างโหม (ระยอง), ตาชีบ้าง (กะเหรี่ยง-เชียงใหม่), ตาลเหลือง (เหนือ), ฝิ่น (ราชบุรี), โว้โร้ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบสูง 3–8 เมตร ตามปลายกิ่งมีกาบหุ้มตาแข็งและแหลม ใบเป็นใบเดี่ยวออกสลับ แผ่นใบรูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบจักถี่ ออกดอกเป็นช่อสั้นตามกิ่ง มีสีเหลือง ออกดอกช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคม ผล ทรงกลม เมื่อสุกสีดำ |
ขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ด ปักชำกิ่ง |
สภาพที่เหมาะสม | สภาพดินทุกชนิด ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง |
ถิ่นกำเนิด | เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | แม่ฮ่องสอน |
ชื่อพันธุ์ไม้ | กระพี้จั่น |
ชื่อสามัญ | |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Millettia brandisiana Kurz |
วงศ์ | LEGUMINOSAE |
ชื่ออื่น | จั่น ปี้จั่น (ทั่วไป), ปี้จั่น (ภาคเหนือ), กระพี้จั่น (ภาคกลาง) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ สูง 8–20 เมตร เปลือกสีเทา ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ออกเวียนสลับ มีใบย่อย แผ่นใบรูปรีแกมขอบขนาน ปลายใบทู่ โคนใบมนหรือสอบเบี้ยวเล็กน้อย ขอบเรียบ หลังใบสีเขียวเข้ม ท้องใบสีจางกว่า ใบแก่เกลี้ยง มีขนประปรายตามเส้นกลางใบด้านล่าง ดอกรูปดอกถั่ว สีขาวปนม่วง ออกดอกเป็นช่อตามง่ามใบ ออกดอกระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ผลเป็นฝักแบน โคนแคบกว่าปลาย เปลือกเกลี้ยงหนาคล้ายแผ่นหนัง ขอบเป็นสัน เมล็ดสีน้ำตาลดำ |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด ปักชำราก |
สภาพที่เหมาะสม | สภาพดินทุกชนิด ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง ทนแล้งได้ดี |
ถิ่นกำเนิด | เอเชียเขตร้อน ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงใต้ของไทย |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | ยโสธร |
ชื่อพันธุ์ไม้ | กระบาก |
ชื่อสามัญ | Mesawa |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Anisoptera costata Korth. |
วงศ์ | DIPTEROCARPACEAE |
ชื่ออื่น | กระบาก ตะบาก (ลำปาง), กระบากขาว (ชลบุรี, ชุมพร, ระนอง), กระบากโคก (ตรัง), กระบากช่อ กระบากด้าง กระบากดำ (ชุมพร), กระบากแดง (ชุมพร, ระนอง), ชอวาตาผ่อ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี), บาก (ชุมพร), ประดิก (เขมร-สุรินทร์), พนอง (จันทบุรี, ตราด), หมีดังว่า (กะเหรี่ยง-ลำปาง) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สูง 30–40 เมตร ลำต้นเปลาตรง เรือนยอดเป็นพุ่มกลม เปลือกในสีเหลืองอ่อนเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ แผ่นใบรูปขอบขนาน หลังใบมีขนสีเหลือง ปลายใบทู่ถึงแหลม โคนใบมน ท้องใบมีขน ดอกสีขาวปนเหลืองอ่อน ขนาดเล็ก ออกดอกช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ผลเป็นผลแห้งทรงกลม ผิวเรียบ มีปีกยาว 2 ปีก |
ขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | สภาพดินทุกชนิด กลางแจ้ง ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง |
ถิ่นกำเนิด | ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | ยะลา |
ชื่อพันธุ์ไม้ | โสกเหลือง (ศรียะลา) |
ชื่อสามัญ | Yellow Saraca |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Saraca thaipingensis Cantley ex King |
วงศ์ | LEGUMINOSAE |
ชื่ออื่น | โสกเหลือง (กรุงเทพฯ), อโศกเหลือง อโศกใหญ่ (ภาคใต้) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นสูง 5–15 เมตร ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก แผ่นใบรูปไข่ หรือรูปหอกแกมขอบขนาน ปลายแหลมหรือเรียวแหลม โคนใบสอบ ออกดอกเป็นช่อตามปลายกิ่งและลำต้น สีเหลือง กลิ่นหอม ออกดอกช่วงเดือนมกราคม-เมษายน ผล เป็นฝักแบน |
ขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | สภาพดินร่วน ชอบน้ำและความชื้นสูง |
ถิ่นกำเนิด | ริมลำธารในป่าดิบเชิงเขา |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | ร้อยเอ็ด |
ชื่อพันธุ์ไม้ | กระบก |
ชื่อสามัญ | Kayu |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Irvingia malayana Oliv. Ex A. Benn. |
วงศ์ | SIMAROUBACEAE |
ชื่ออื่น | กระบก กะบก จะบก ตระบก (เหนือ), จำเมาะ (เขมร), ชะอัง (ซอง-ตราด), บก หมากบก (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ), มะมื่น มื่น (เหนือ), มะลื่น หมักลื่น (สุโขทัย, นครราชสีมา), หลักกาย (ส่วย-สุรินทร์) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 10–30 เมตร ผลัดใบ เปลือกสีเทาอ่อนปนน้ำตาลค่อนข้างเรียบ เรือนยอดเป็นพุ่มแน่นทึบ ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ แผ่นใบรูปมนแกมขอบขนานถึงรูปหอก ผิวใบเกลี้ยง โคนใบมน ปลายใบทู่ถึงแหลม ดอกขนาดเล็ก สีขาวปนเขียวอ่อน ออกดอกช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม ผลทรงกลมรี เมื่อสุกสีเหลืองอมเขียว เมล็ดแข็ง เนื้อในมีรสมัน |
ขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | สภาพดินทุกชนิด กลางแจ้ง ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง |
ถิ่นกำเนิด | ตามป่าเบญจพรรณแล้งและป่าดิบ |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | ระนอง |
ชื่อพันธุ์ไม้ | อบเชย |
ชื่อสามัญ | Cinnamom |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Cinnamomum bdjolghota Sweet |
วงศ์ | LAURACEAE |
ชื่ออื่น | ขนุนมะแวง เชียกใหญ่ (ตรัง), จวงดง บริแวง (ระนอง), ฝนแสนห่า (นครศรีธรรมราช), สมุลแว้ง พะแว โมง หอม ระแวง (ชลบุรี), มหาปราบ (ตราด) มหาปราบตัวผู้ (จันทบุรี), แลงแวง (ปัตตานี), อบเชย (กรุงเทพฯ, อุตรดิตถ์) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นสูง 15–20 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มกลมรูปเจดีย์ต่ำ ทึบ เปลือกเรียบสีเทาแก่หรือเทาปนน้ำตาล ใบเป็นใบเดี่ยว รูปขอบขนาน เนื้อใบหนา แข็งและกรอบ มีเส้นแขนงจากโคนใบ 3 เส้น ออกดอกเป็นช่อตามปลายกิ่ง ดอกขนาดเล็ก สีเหลืองอ่อนหรือเขียวอ่อน ออกดอกช่วงเดือนมิถุนายน-ตุลาคม ผลขนาดเล็ก รูปไข่กลับ ผลมีเมล็ดเดียว |
ขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | สภาพดินทุกชนิด ชอบดินร่วน กลางแจ้ง ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง |
ถิ่นกำเนิด | ป่าดิบทั่วไป |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | ระยอง |
ชื่อพันธุ์ไม้ | สารภีทะเล |
ชื่อสามัญ | Alexandrian Laurel. |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Calophyllum inophyllum Linn. |
วงศ์ | GUTTIFERAE |
ชื่ออื่น | กระทิง กากะทิง (ภาคกลาง), ทิง (กระบี่), เนาวกาน (น่าน), สารภีทะเล (ประจวบคีรีขันธ์), สารภีแนน (ภาคเหนือ) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่สูง 20–25 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยว ไม่ผลัดใบ เรือนยอดเป็นพุ่มกลม สีเขียวเข้ม กิ่งอ่อนเกลี้ยง ยอดอ่อนเรียวเล็ก ปลายทู่ เปลือกเรียบสีเทาอ่อนหรือน้ำตาลปนเหลือง เปลือกในสีชมพูเนื้อไม้สีน้ำตาลปนแดง ออกดอกเป็นช่อสั้นที่ซอกใบบริเวณปลายกิ่ง มีดอกย่อย กลีบดอกสีขาว เกสรเพศผู้สีเหลือง มีกลิ่นหอม ออกดอกช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม ผลเป็นผลสดทรงกลม ปลายผลเป็นติ่งแหลม เมื่อสุกจะมีสีเหลือง |
ขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | สภาพดินร่วนปนทรายหรือดินทราย ความชุ่มชื้นปานกลาง |
ถิ่นกำเนิด | ชายทะเล |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | ราชบุรี |
ชื่อพันธุ์ไม้ | โมกมัน |
ชื่อสามัญ | Ivory, Darabela |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Wrightia tomentosa Roem. & Schult. |
วงศ์ | APOCYNACEAE |
ชื่ออื่น | มักมัน (สุราษฎร์ธานี), มูกน้อย มูกมัน (น่าน), โมกน้อย โมกมัน (ทั่วไป), เส่ทือ แนแก (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), โมกมันเหลือง (สระบุรี) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดใหญ่ สูง 20 เมตร เปลือกของลำต้นเป็นสีน้ำตาลหรือสีเทาอ่อนและมียางขาว ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน แผ่นใบรูปรีป้อม หรือเป็นรูปไข่ ปลายใบและโคนใบแหลม ขอบใบเรียบเนื้อใบบาง ออกดอกเป็นช่อตามปลายกิ่ง กลีบรองดอกและโคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นรูปท่อ ปลายกลีบแยกออกจากกันเป็น 5 กลีบ ดอกแรกบานจะมีสีขาวอมเหลือง ข้างนอกเป็นสีเขียวอ่อน ผลเป็นฝักรูปทรงกระบอก ผิวฝักขรุขระ ฝักแก่เต็มที่จะแตกออกเป็นร่อง เมล็ดเป็นรูปยาว |
ขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินทุกชนิด กลางแจ้ง ทนแสงแดดจัด |
ถิ่นกำเนิด | ป่าเบญจพรรณ และป่าโปร่งทั่วไป |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | ลพบุรี |
ชื่อพันธุ์ไม้ | พิกุล |
ชื่อสามัญ | Bullet wood |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Mimusops elengi Linn. |
วงศ์ | SAPOTACEAE |
ชื่ออื่น | กุน (ภาคใต้), แก้ว (ภาคเหนือ), ซางดง (ลำปาง), พิกุลป่า (สตูล), พิกุลเขา พิกุลเถื่อน (นครศรีธรรมราช), พิกุล (ทั่วไป) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่สูง 10–25 เมตร แผ่กิ่งก้านสาขาออกเป็นพุ่มกว้างตรงส่วนยอดของลำต้น ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปไข่หรือรูปรี ปลายใบแหลม หลังใบสีเขียวเข้มเป็นมันเลื่อม ขอบใบเป็นคลื่น ดอกเป็นดอกเดี่ยว ออกเป็นกระจุกที่ซอกใบ กลีบดอกสีขาวนวล กลีบรองดอกสีน้ำตาลมีขนนุ่ม กลิ่นหอม ออกดอกตลอดปี ผลเป็นผลสด รูปไข่ เมื่อสุกสีแดงอมส้ม |
ขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินทุกชนิด กลางแจ้ง ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง |
ถิ่นกำเนิด | ประเทศที่มีอากาศร้อน |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | ลำปาง |
ชื่อพันธุ์ไม้ | ขะจาว |
ชื่อสามัญ | Indian Elm |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Holoptelea integrifolia (Roxb.) Planch. |
วงศ์ | URTICACEAE |
ชื่ออื่น | กระเจา กระเชา (ภาคกลาง), กระเจาะ ขะเจา (ภาคใต้), กระเช้า (กาญจนบุรี), กะเซาะ (ราชบุรี), กาซาว (เพชรบุรี), ขะจาวแดง ฮังคาว (ภาคเหนือ), ตะสี่แค (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), พูคาว (นครพนม), มหาเหนียว (นครราชสีมา), ฮ้างค้าว (อุดรธานี, เชียงราย, ชัยภูมิ), ขะจาว (ทั่วไป) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นสูง 25 เมตร ผลัดใบ ลำต้นเปลาตรงเปลือกสีน้ำตาลปนเทา มีต่อมระบายอากาศเป็นจุดกลมเล็ก ๆ สีขาวมองเห็นได้ง่าย เรือนยอดเป็นพุ่มรูปไข่กว้างค่อนข้างทึบ ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ แผ่นใบรูปรีป้อม โคนใบมนหรือป้าน ปลายใบเรียวแหลม ก้านใบมีขน ออกดอกเป็นกระจุกตามง่ามใบ ดอกขนาดเล็ก แยกเพศเป็นดอกเพศผู้และดอกเพศเมีย ออกดอกช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม ผลเป็นรูปโล่แบน มีปีกบางล้อมรอบ มีก้านเกสรเพศเมีย 2 อันติดอยู่ส่วนบนสุด บริเวณปีกมีลายเส้นออกเป็นรัศมีโดยรอบ |
ขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินทุกชนิด ต้องการน้ำปานกลาง ทนแล้ง |
ถิ่นกำเนิด | ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกของประเทศไทย |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | ลำพูน |
ชื่อพันธุ์ไม้ | จามจุรี |
ชื่อสามัญ | Rain Tree, East Indian Walnut, Monkey Pod |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Samanea saman (Jacq.) Merr. |
วงศ์ | LEGUMINOSAE |
ชื่ออื่น | ก้ามกราม ก้ามกุ้ง ก้ามปู จามจุรี (ภาคกลาง), ลัง สารสา สำสา (ภาคเหนือ), ตุ๊ดตู่ (ตาก), เส่คุ่ เส่ดู่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่สูง 10–20 เมตร แผ่พุ่มกว้างคล้ายร่ม เป็นแบบขนนกสองชั้นออกสลับ เปลือกต้นสีดำเป็นเกล็ดโตแข็งสีเขียวเข้ม ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกคล้ายใบแค ปลายใบมนแกนกลางใบประกอบและก้านใบประกอบแยกแขนงตรงข้ามกัน บนแขนงมีใบย่อยรูปไข่หรือรูปรี หรือคล้ายรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ปลายใบมน ขอบใบเรียบ หลังใบเกลี้ยง ออกดอกเป็นรวมเป็นกระจุก สีชมพูอ่อน โคนดอกสีขาว ออกตามง่ามใบใกล้ปลายกิ่ง วงนอกช่อดอกมีขนาดเล็กกว่าดอกวงใน ดอกวงนอกมีก้านสั้น ดอกวงใยไม่มีก้าน ส่วนบนมีขนหนาแน่น ปลายหลอดกลีบดอกแยกเป็น 5 แฉก ออกดอกช่วงเดือนสิงหาคม-กุมภาพันธ์ ผลเป็นฝักแบนยาว ฝักอ่อนสีเขียว ฝักแก่สีน้ำตาล เนื้อในนิ่มสีดำ รสหวาน เมล็ดสีน้ำตาลเข้ม |
ขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินทุกชนิด เป็นไม้กลางแจ้ง |
ถิ่นกำเนิด | อเมริกาใต้เขตร้อน |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | เลย |
ชื่อพันธุ์ไม้ | สนสามใบ |
ชื่อสามัญ | Kesiya pine, Khasiya pine |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Pinus kesiya Royle ex Gordon |
วงศ์ | PINACEAE |
ชื่ออื่น | เกี๊ยะเปลือกแดง (ภาคเหนือ), เกี๊ยะเปลือกบาง (เชียงใหม่), จ๋วง (ภาคเหนือ, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ), เชี้ยงบั้ง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), แปก (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน-เพชรบูรณ์), สนเขา สนสามใบ (ภาคกลาง) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นสูง 10–30 เมตร ลำต้นเปลาตรง เรือนยอดเป็นพุ่มกลม เปลือกสีน้ำตาลอมชมพูอ่อนล่อนเป็นสะเก็ด มียางสีเหลืองซึมออกมาตามรอยแตก ใบเป็นใบเดี่ยว ติดกันเป็นกลุ่มละ 3 ใบ ออกเป็นกระจุกเวียนสลับถี่ตามปลายกิ่ง ออกดอกเป็นช่อ แยกเพศ ช่อดอกเพศผู้สีเหลือง ติดกันเป็นกลุ่มใกล้ปลายกิ่ง ออกดอกช่วงเดือนพฤศจิกายน-มีนาคม ผลออกรวมกันเป็นกลุ่มเรียกว่า Cone (โคน) รูปไข่ สีน้ำตาล มีเมล็ดจำนวนมาก |
ขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินร่วน ดินร่วนปนทราย |
ถิ่นกำเนิด | ประเทศพม่า |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | ศรีสะเกษ |
ชื่อพันธุ์ไม้ | ลำดวน |
ชื่อสามัญ | Devil Tree, White Cheesewood |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Melodorum fruticosum Lour. |
วงศ์ | ANNONACEAE |
ชื่ออื่น | ลำดวน (ภาคกลาง), หอมนวล (ภาคเหนือ) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางสูง 3–8 เมตร ลำต้นเรียบ ใบเป็นใบเดี่ยว แผ่นใบยาวรี โคนใบมน ปลายใบแหลม ขอบใบเป็นคลื่นเล็กน้อย หลังใบเป็นมันสีเขียวเข้ม ท้องใบสีอ่อนกว่า ดอกเป็นดอกเดี่ยว ออกตามง่ามใบและส่วนยอด สีเหลือง กลิ่นหอม กลีบดอกและกลีบรองดอกคล้ายกัน ดอกหนึ่งจะมีอยู่ 6 กลีบ แบ่งเป็น 2 ชั้นชั้นละ 3 กลีบ กลีบแต่ละกลีบชั้นในจะมีขนาดเล็กกว่าและโค้งกว่าปลายกลีบแหลม ออกดอกช่วงเดือนตุลาคม ผลสีเขียวอ่อน ยาว ปลายมน โคนผลแหลม ผิวเรียบเกลี้ยง |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินทุกชนิด เป็นไม้กลางแจ้ง |
ถิ่นกำเนิด | เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | สกลนคร |
ชื่อพันธุ์ไม้ | อินทนิลน้ำ |
ชื่อสามัญ | Queen’s Flower, Queen’s Crape Myrtle, Pride of India |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Lagerstroemia speciosa Pers. |
วงศ์ | LYTHRACEAE |
ชื่ออื่น | ฉ่วงมู (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี), ตะแบกดำ (กรุงเทพฯ), บางอ บะซา (มลายู-ยะลา, นราธิวาส), บาเอ บาเย (ปัตตานี), อินทนิล (ภาคกลาง), อินทนิลน้ำ (ภาคกลาง, ภาคใต้) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นสูง 10–15 เมตร ลำต้นเปลาตรง เรือนยอดเป็นพุ่มกลม ผิวเปลือกนอกสีเทา ใบเป็นใบเดี่ยว รูปรีหรือรูปไข่แกมขอบขนาน ปลายใบมน ดอกย่อยขนาดใหญ่ กลีบดอกสีชมพู สีม่วงแกมชมพู หรือสีม่วง ออกดอกช่วงเดือนมีนาคม-มิถุนายน ผลเป็นผลแห้ง มีขนาดใหญ่ |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินทุกชนิด เป็นไม้กลางแจ้ง |
ถิ่นกำเนิด | ที่ราบลุ่มริมน้ำ ป่าเบญจพรรณชื้นและป่าดิบทั่วไป |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | สงขลา |
ชื่อพันธุ์ไม้ | สะเดาเทียม |
ชื่อสามัญ | |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Azadirachta excelsa (Jack) Jacobs |
วงศ์ | MELIACEAE |
ชื่ออื่น | ต้นเทียม ไม้เทียม สะเดาช้าง สะเดาเทียม สะเดาใบใหญ่ (ภาคใต้) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นสูงตรงไม่มีกิ่งขนาดใหญ่ เมื่ออายุน้อยเปลือกต้นเรียบ เมื่ออายุมากเปลือกจะแตกเป็นแผ่นล่อนสีเทาปนดำ เรือนยอดเป็นพุ่มกลมทึบ ใบเป็นใบประกอบ ขอบใบหยักคล้ายฟันเลื่อย ใบเบี้ยวไม่ได้สัดส่วน ปลายใบแหลมเป็นติ่ง ฐานใบเบี้ยวไม่เท่ากัน เนื้อใบหนา เกลี้ยง สีเขียวเป็นมัน ออกดอกเป็นช่อตามง่ามใบหรือปลายกิ่ง ดอกบานสีขาว ออกดอกช่วงเดือนมีนาคม ผลทรงกลมรี ผลแก่สีเขียว เมื่อสุกจะเป็นสีเหลือง |
ขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ดในถุงเพาะกล้าจนงอก และแข็งแรงก่อนจึงย้ายไปปลูกลงดิน |
สภาพที่เหมาะสม | ดินร่วนปนทราย มีการระบายน้ำและอากาศได้ดี |
ถิ่นกำเนิด | ตามเรือกสวนไร่นา แถบภาคใต้ของประเทศไทย |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | สตูล |
ชื่อพันธุ์ไม้ | กระซิก |
ชื่อสามัญ | Black-wood |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Dalbergia parviflora Roxb. |
วงศ์ | PAPILIONACEAE |
ชื่ออื่น | ครี้ สรี้ (สุราษฏร์ธานี) ซิก (ภาคใต้) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้น บางครั้งรอเลื้อย ลำต้นมีหนาม เปลือกสีเทา เรือนยอดมีลักษณะไม่แน่นอน ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ใบย่อยเรียงสลับกันบนก้านใบ ดอกขนาดเล็ก กลิ่นหอม ออกเป็นช่อตามปลายกิ่งหรือง่ามใบใกล้ยอด ออกดอกช่วงเดือนมีนาคม-มิถุนายน ผลเป็นฝักแบน ขอบฝักบางคล้ายมีด เมล็ดรูปไตเรียงติดตามยาวของฝัก ฝักแก่จะไม่แตกแยกจากกัน |
ขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินทุกชนิด เป็นไม้กลางแจ้ง น้ำและความชื้นปานกลาง |
ถิ่นกำเนิด | ป่าโปร่งในที่ลุ่ม และตามชายห้วยภาคใต้ |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | สมุทรปราการ |
ชื่อพันธุ์ไม้ | โพทะเล |
ชื่อสามัญ | Portia Tree, Cork Tree, Tulip Tree, Rosewood of Seychelles, Coast Cotton Tree, Yellow Mallow Tree |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Thespesia populnea Soland. Ex Correa |
วงศ์ | MALVACEAE |
ชื่ออื่น | บากู (มลายู-นราธิวาส, ปัตตานี), ปอกะหมัดไพร (ราชบุรี), ปอมัดไซ (เพชรบุรี), โพทะเล (ภาคกลาง) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางสูง 10–15 เมตร เปลือกสีน้ำตาลอ่อนอมชมพู ขรุขระ ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ แผ่นใบรูปหัวใจ ดอกสีเหลืองขนาดใหญ่ ออกตามง่ามใบ ออกดอกช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ผลโตขนาด 4 ซ.ม. ผิวแข็ง เมล็ดเล็กยาวคล้ายเส้นไหม |
ขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินทุกชนิด เป็นไม้กลางแจ้ง ชอบแสงแดดจัด ความชุ่มชื้นสม่ำเสมอ ต้องการน้ำมาก |
ถิ่นกำเนิด | ป่าชายเลน พบมากทางภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงใต้ |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | สมุทรสงคราม |
ชื่อพันธุ์ไม้ | จิกทะเล |
ชื่อสามัญ | |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Barringtonia asiatica (Linn.) Kurz |
วงศ์ | MRYTACEAE |
ชื่ออื่น | จิกเล (ทั่วไป), โคนเล (ภาคใต้), อามุง (มลายู-นราธิวาส) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีลำต้นสูง 10 เมตร แผ่กิ่งก้านสาขาไปทั่วต้น กิ่งมีขนาดใหญ่ มีรอยแผลอยู่ทั่วไป เป็นรอยแผลที่เกิดจากใบที่ร่วงหล่นไป เปลือกต้นมีสีน้ำตาลหรือสีเทา ใบเป็นใบเดี่ยว สีเขียวเข้มสลับกันไปตามข้อต้น ผิวใบเกลี้ยงเป็นมัน ขอบใบเรียบ ออกดอกเป็นช่อสั้นๆ อยู่ตามปลายกิ่ง กลีบดอกสีขาว เกสรสีชมพูอยู่ตรงกลาง ออกดอกช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ผลขนาดใหญ่ โคนเป็นสี่เหลี่ยมป้าน ปลายสอบ |
ขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินร่วนปนทราย หรือดินทราย เป็นไม้กลางแจ้ง |
ถิ่นกำเนิด | หาดทรายชายทะเลทั่วไป |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | สมุทรสาคร |
ชื่อพันธุ์ไม้ | สัตบรรณ |
ชื่อสามัญ | White Cheesewood |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Alstonia scholaris R. Br. |
วงศ์ | APOCYNACEAE |
ชื่ออื่น | กะโนะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), จะบัน (เขมร-ปราจีนบุรี), ชบา ตีนเป็ด พญาสัตบรรณ (ภาคกลาง), ตีนเป็ดขาว (ยะลา), บะซา ปูแล ปูลา (มลายู-ปัตตานี), ยางขาว (ลำปาง), สัตตบรรณ (ภาคกลาง, เขมร-จันทบุรี) หัสบัน (กาญจนบุรี) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ลำต้นเป็นพูพอน เปลือกสีเทาดำ มียางสีขาว ใบเป็นใบเดี่ยวออกเป็นวงรอบๆ ข้อ แผ่นใบเป็นรูปไข่กลับ ปลายใบมนเว้าเข้าเล็กน้อย เส้นใบถี่ขนานกัน ออกดอกเป็นกระจุกช่อใหญ่สีขาวที่ปลายกิ่ง ก้านช่อดอกออกซ้อนกันเหมือนฉัตรประมาณ 2–3 ชั้น กลีบรองดอกมีขนาดเล็ก มีขนสีขาวอมเหลืองนวล กลิ่นหอม ผลเป็นฝักยาวเหมือนถั่วฝักยาว เมื่อแก่จัดจะแตกเป็น 2 ซีก มีเมล็ดจำนวนมาก ลักษณะเมล็ดเป็นรูปขนานแบนๆ |
ขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินร่วนซุย แสงแดดจัด |
ถิ่นกำเนิด | หมู่เกาะโซโลมอนและมาเลเซีย และป่าดงดิบภาคใต้ ตะวันออกเฉียงใต้ และภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศไทย |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | สระแก้ว |
ชื่อพันธุ์ไม้ | มะขามป้อม |
ชื่อสามัญ | Malccea Tree |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Phyllanthus emblica Linn. |
วงศ์ | EUPHORBIACEAE |
ชื่ออื่น | กันโตด (เขมร-จันทบุรี), กำทวด (ราชบุรี), มะขามป้อม (ทั่วไป), มั่งลู่ สันยาส่า (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นสูง 8–12 เมตร เปลือกต้นสีน้ำตาลปนเทา ผิวค่อนข้างเรียบ เรือนยอดรูปร่ม ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกรูปขอบขนานติดเป็นคู่ ขนาดเล็ก เรียงสลับ ออกดอกรวมกันเป็นกระจุกตามง่ามใบ ดอกขนาดเล็กมาก สีเหลืองนวล ออกดอกช่วงเดือนมกราคม-เมษายน ผลเป็นผลสดทรงกลม อุ่มน้ำ สีเขียวอ่อนค่อนข้างใส |
ขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินทุกชนิด ทนแล้งได้ |
ถิ่นกำเนิด | เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และป่าเบญจพรรณแล้งหรือป่าแดง |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | สระบุรี |
ชื่อพันธุ์ไม้ | ตะแบก |
ชื่อสามัญ | |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Lagerstroemia floribunda Jack |
วงศ์ | LYTHRACEAE |
ชื่ออื่น | กระแบก (สงขลา), ตราแบกปรี้ (เขมร), ตะแบกไข่ (ราชบุรี, ตราด), ตะแบกนา ตะแบก (ภาคกลาง, นครราชสีมา), บางอตะมะกอ (มลายู-ยะลา, ปัตตานี), บางอยะมู (มลายู-นราธิวาส), เปื๋อยนา (ลำปาง), เปื๋อยหางค่าง (แพร่) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบสูง 15–30 เมตร เปลือกเรียบสีเทาอมขาว แตกล่อนเป็นหลุมตื้น ใบเป็นใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกัน แผ่นใบรูปขอบขนานแกมรูปหอก ปลายใบเป็นติ่งแหลม โคนใบสอบ ดอกสีม่วงอมชมพู ออกรวมกันเป็นช่อตามปลายกิ่ง ออกดอกช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ผลรูปรี เมล็ดมีปีก |
ขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินร่วนซุย ไม้กลางแจ้ง ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง |
ถิ่นกำเนิด | ป่าเบญจพรรณชื้น ป่าดงดิบ ป่าน้ำท่วมตามท้องนา |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | สิงห์บุรี |
ชื่อพันธุ์ไม้ | มะกล่ำต้น |
ชื่อสามัญ | Red Sandalwood Tree, Coralwood Tree |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Adenanthera pavonina Linn. |
วงศ์ | LEGUMINOSAE |
ชื่ออื่น | มะกล่ำต้น มะกล่ำตาช้าง (ทั่วไป), มะแค้ก หมากแค้ก (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน), มะแดง มะหัวแดง มะโหดแดง (ภาคเหนือ), บนซี (สตูล), ไพเงินกล่ำ (นครศรีธรรมราช), ไพ (มลายู-ภาคใต้), มะกล่ำตาไก่ (ภาคเหนือ) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลางสูงประมาณ 5–20 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มกลม ยอดอ่อนมีขนนิ่มสีน้ำตาลปนเทา ใบเป็นใบประกอบ ออกดอกเป็นช่อกลมยาว สีเหลือง มีก้านดอกสั้น กลิ่นหอมเย็น ออกดอกช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ผลเป็นฝักแบน บิดงอคล้ายฝักมะขามเทศ เมล็ดสีแดงแบนกลม |
ขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี แสงแดดจัด |
ถิ่นกำเนิด | ป่าเบญจพรรณและป่าดิบทั่วไป |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | สุโขทัย |
ชื่อพันธุ์ไม้ | มะค่าโมง |
ชื่อสามัญ | |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Afzelia xylocarpa (Kurz) Craib |
วงศ์ | LEGUMINOSAE |
ชื่ออื่น | เขง เบง (เขมร-สุรินทร์), บิง (ชอง-จันทบุรี), ปิ้น (ชาวบน-นครราชสีมา), มะค่าโมง มะค่าใหญ่ (ภาคกลาง), มะค่าหลวง มะค่าหัวคำ (ภาคเหนือ) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่สูง 30 เมตร แตกกิ่งต่ำ เรือนยอดเป็นพุ่มแผ่กว้าง เปลือกสีน้ำตาลอ่อนหรือชมพูอมน้ำตาล กิ่งอ่อนมีขนคลุมบางๆ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ รูปไข่แกมขอบขนาน ก้านใบสั้น ปลายใบมนเว้าตื้นๆตรงกลาง ฐานใบมนหรือตัด ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง กลีบเลี้ยงสีเขียว 4 กลีบ กลีบดอกสีชมพู 1 กลีบ ออกดอกเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ผลเป็นฝักแบน เปลือกแข็งและหนา |
ขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินทุกชนิด ชอบดินร่วน |
ถิ่นกำเนิด | ป่าเบญจพรรณและป่าดิบแล้งใกล้แหล่งน้ำ ทุกภาคของไทย ยกเว้นภาคใต้ |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | สุพรรณบุรี |
ชื่อพันธุ์ไม้ | มะเกลือ |
ชื่อสามัญ | Ebony Tree |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Diospyros mollis Griff. |
วงศ์ | EBENACEAE |
ชื่ออื่น | ผีเผา (เงี้ยว-ภาคเหนือ), มะเกลื้อ (ทั่วไป), มักเกลือ หมักเกลือ มะเกลือ (ตราด), มะเกีย มะเกือ (พายัพ-ภาคเหนือ), เกลือ (ภาคใต้) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่ เปลือกเป็นรอยแตก กิ่งอ่อนมีขนนุ่มประปราย ใบขนาดเล็ก รูปไข่หรือรูปรี ปลายสอบแคบเข้าหากัน ส่วนโคนใบกลมมน เนื้อใบบางเกลี้ยง ท้องใบเห็นเส้นใบชัด ออกดอกเป็นช่อตามง่ามใบ ดอกเพศผู้และเพศเมียอยู่ต่างต้นกัน โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วย ผลเป็นผลสดทรงกลม ผลอ่อนมีเปลือกสีเขียว เมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีดำ |
ขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินทุกชนิด |
ถิ่นกำเนิด | ป่าเบญจพรรณแล้งทั่วไป |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | สุราษฎร์ธานี |
ชื่อพันธุ์ไม้ | เคี่ยม |
ชื่อสามัญ | Resak tembage |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Cotylelobium melanoxylon Pierre |
วงศ์ | DIPTEROCARPACEAE |
ชื่ออื่น | เคี่ยม (ทั่วไป), เคี่ยมขาว เคี่ยมดำ เคี่ยมแดง (ภาคใต้) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่สูง 20–40 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มทึบทรงเจดีย์ต่ำๆ ลำต้นตรง เปลือกเรียบสีน้ำตาลเข้ม มีรอยด่างสีเทาและเหลืองสลับ มีต่อมระบายอากาศกระจายทั่วไป ตามยอดอ่อนและช่อดอกมีขนสีน้ำตาลปกคลุม ใบเป็นใบเดี่ยว รูปไข่ เนื้อใบหนา ปลายใบสอบเรียวหยักเป็นตุ่มยาว โคนใบมน หลังใบเรียบมัน ท้องใบมีขนสีน้ำตาลปนเหลืองเป็นกระจุก ดอกสีขาว ออกเป็นช่อยาวตามปลายกิ่งและง่ามใบ กลิ่นหอมอ่อนๆ กลีบรองดอก 5 กลีบ รูปหอกเรียว มีขนสั้นปกคลุม ออกดอกช่วงเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม ผลเป็นผลแห้งทรงกลม มีขนนุ่มปีกขาว 1 คู่ |
ขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ดและตอนกิ่ง |
สภาพที่เหมาะสม | ดินทุกชนิด แสงแดดปานกลาง |
ถิ่นกำเนิด | ป่าดงดิบภาคใต้ของประเทศไทย |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | สุรินทร์ |
ชื่อพันธุ์ไม้ | มะค่าแต้ |
ชื่อสามัญ | |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Sindora siamensis Teijsm. Ex Miq. |
วงศ์ | LEGUMINOSAE |
ชื่ออื่น | กรอก๊อส (เขมร-พระตะบอง), กอเก๊าะ, ก้าเกาะ (เขมร-สุรินทร์) กอกก้อ (ชาวบน-นครราชสีมา), แต้ (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ), มะค่าแต้ (ทั่วไป), มะค่าหนาม (ภาคกลาง, ภาคเหนือ), มะค่าหยุม (ภาคเหนือ) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบสูง 10–25 เมตร เปลือกสีเทาคล้ำแตกเป็นสะเก็ดเล็กๆ เรือนยอดแผ่รูปเจดีย์ต่ำ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ ใบย่อยเรียงตรงข้ามกัน แผ่นใบรูปรี ปลายใบและโคนใบมน ผิวใบด้านล่างมีขนสั้น ดอกขนาดเล็ก สีเหลือง ออกรวมกันเป็นช่อตามปลายกิ่ง ผลเป็นฝักรูปโล่ ผิวฝักมีหนามแหลมแข็งแตกเมื่อแห้ง |
ขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ดและตอนกิ่ง |
สภาพที่เหมาะสม | ดินทุกชนิด เป็นไม้กลางแจ้ง ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง |
ถิ่นกำเนิด | ป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณแล้ง |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | หนองคาย |
ชื่อพันธุ์ไม้ | ชิงชัน |
ชื่อสามัญ | Rosewood |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Dalbergia oliveri Gamble |
วงศ์ | LEGUMINOSAE |
ชื่ออื่น | ชิงชัน ประดู่ชิงชัน (ภาคกลาง), ดู่สะแดน (เหนือ) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบสูง 15–25 เมตร เปลือกสีน้ำตาลอมเทาล่อนเป็นแว่น ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ ใบย่อยเรียงสลับ แผ่นใบรูปรีแกมรูปไข่ โคนใบและปลายใบมน ท้องใบสีจางกว่าหลังใบ ดอกขนาดเล็ก สีขาวแกมม่วง ผลเป็นฝักแบน รูปหอก หัวท้ายแหลม |
ขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินทุกชนิด เป็นไม้กลางแจ้ง ต้องการน้ำปานกลาง |
ถิ่นกำเนิด | ป่าดิบแล้งและป่าเบญจพรรณทั่วไป ยกเว้นภาคใต้ |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | หนองบัวลำภู |
ชื่อพันธุ์ไม้ | พะยูง |
ชื่อสามัญ | Siamese Rosewood |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Dalbergia cochinchinensis Pierre |
วงศ์ | LEGUMINOSAE |
ชื่ออื่น | กระยง กระยูง (เขมร-สุรินทร์), ขะยูง (อุบลราชธานี), แดงจีน (ปราจีนบุรี), ประดู่ตม (จันทบุรี), ประดู่ลาย (ชลบุรี), ประดู่เสน (ตราด), พะยูง (ทั่วไป), พะยูงไหม (สระบุรี) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบสูง 15–20 เมตร เปลือกสีเทาเรียบ เรือนยอดทรงกลมหรือรูปไข่ เนื้อไม้สีน้ำตาลอ่อน แก่นสีแดงอมม่วงถึงสีเลือดหมูแก่ มีริ้วดำ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกสองชั้นเรียงสลับ ปลายใบแหลม โคนใบสอบ หลังใบสีเขียวเข้ม ท้องใบสีจาง ลักษณะคล้ายใบประดู่ ดอกขนาดเล็ก สีขาว กลิ่นหอมอ่อน ออกรวมกันเป็นช่อตามง่ามใบและตามปลายกิ่ง ออกดอกช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม ผลเป็นฝักรูปขอบขนานแบบบาง ตรงบริเวณที่หุ้มเมล็ด เมล็ดรูปไตสีน้ำตาลเข้ม |
ขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินทุกชนิด ทนแล้ง |
ถิ่นกำเนิด | ป่าดิบแล้งและป่าเบญจพรรณชื้น ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | อ่างทอง |
ชื่อพันธุ์ไม้ | มะพลับ |
ชื่อสามัญ | |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Diospyros malabarica Kostel. |
วงศ์ | EBENACEAE |
ชื่ออื่น | ตะโกสวน (เพชรบุรี), มะพลับ (ภาคกลาง) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นสูง 8–15 เมตร ลำต้นเปลาตรง เปลือกสีเทาปนดำ เปลือกชั้นในสีน้ำตาลปนแดง เรือนยอดรูปทรงกลมทึบ ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปขอบขนาน ปลายใบแหลม โคนใบมน ดอกขนาดเล็ก สีขาวหรือเหลืองอ่อน ออกดอกเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม ผลเป็นผลสดค่อนข้างกลม |
ขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินร่วนซุย แสงแดดจัด น้ำและความชื้นปานกลาง |
ถิ่นกำเนิด | ป่าดงดิบ ประเทศไทย อินเดีย ชวาเกาะเซลีเบส |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | อำนาจเจริญ |
ชื่อพันธุ์ไม้ | ตะเคียนหิน |
ชื่อสามัญ | |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Hopea ferrea Heim. |
วงศ์ | DIPTEROCARPACEAE |
ชื่ออื่น | ตะเคียนทราย (ตราด, ตรัง), ตะเคียนหิน (ภาคใต้), ตะเคียนหนู (นครราชสีมา), เหลาเตา (สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ สูง 15–30 เมตร เปลือกสีน้ำตาลแก่แตกเป็นสะเก็ด เรือนยอดเป็นพุ่มกลมหรือรูปกรวยแหลม กิ่งอ่อนมีขนประปราย ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปไข่ ปลายเป็นติ่งทู่ โคนมน ดอกเล็ก สีขาวหรือขาวปนเหลืองอ่อน ออกเป็นช่อสั้น ๆ ตามง่ามใบและปลายกิ่ง ออกดอกระหว่างเดือนกันยายน-ธันวาคม |
ขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | เจริญเติบโตได้ดีในสภาพดินแทบทุกชนิด ระบายน้ำได้ดี ต้องการความชื้นปานกลาง เป็นไม้กลางแจ้ง |
ถิ่นกำเนิด | ป่าดิบแล้ง และขึ้นเป็นกลุ่มใหญ่ตามที่ลาดเชิงเขาที่มีการระบายน้ำดี |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | อุดรธานี |
ชื่อพันธุ์ไม้ | รัง |
ชื่อสามัญ | Burmese sal, Ingyin |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Shorea siamensis Miq. |
วงศ์ | DIPTEROCARPACEAE |
ชื่ออื่น | เปา เปาดอกแดง (ภาคเหนือ), รัง (ภาคกลาง), เรียง เรียงพนม (เขมร-สุรินทร์), ลักป้าว (ละว้า-เชียงใหม่), แลบอง เหล้ท้อ เหล่บอง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ฮัง (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบสูง 15–20 เมตร เปลือกต้นสีเทาแตกเป็นร่องตามความยาวลำต้น ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ แผ่นใบรูปไข่ ปลายใบมน โคนใบหยักเว้า ดอกสีเหลืองออกเป็นช่อ กลิ่นหอมอ่อน ออกดอกเดือนมีนาคม-เมษายน ผลรูปกระสวย มีปีกยาว 3 ปีก ปีกสั้น 2 ปีก |
ขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินร่วนปนกรวดและดินทราย เป็นไม้กลางแจ้ง ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง |
ถิ่นกำเนิด | ป่าเบญจพรรณแล้ง ป่าแดงทั่วไป ทนแล้ง ทนไฟได้ดีมาก |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | อุตรดิตถ์ |
ชื่อพันธุ์ไม้ | สัก |
ชื่อสามัญ | Teak |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Tectona grandis Linn. |
วงศ์ | VERBENACEAE |
ชื่ออื่น | เคาะเยียโอ (ละว้า-เชียงใหม่), ปายี้ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี), บีอี ปีฮือ เป้อยี (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), สัก (ทั่วไป), เส่บายี้ (กะเหรี่ยง-กำแพงเพชร) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่สูงถึง 50 เมตร โตเร็ว ผลัดใบในฤดูร้อน ส่วนที่ยังอ่อนมีขน เปลือกเรียบหรือแตกเป็นร่องเล็กๆ สีเทา ใบเป็นใบเดี่ยวมีขนาดใหญ่มาก เรียงตรงข้าม รูปรี ปลายใบแหลม โคนใบมน เนื้อใบสากคาย สีเขียวเข้ม ท้องใบสีอ่อนกว่า มีต่อมเล็กๆ สีแดง ดอกเป็นช่อใหญ่ ออกที่ปลายกิ่งและซอกใบบริเวณปลายกิ่ง กลีบดอกสีขาวเชื่อมติดกันเป็นหลอดสั้น ออกดอกเดือนมิถุนายน-ตุลาคม ผลเป็นผลสดค่อนข้างกลม มีขนละเอียดหนาแน่น กลีบเลี้ยงขยายตัวหุ้มผลไว้ด้านใน |
ขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินแบบตะกอนทับถมที่มีผิวหน้าดินลึกและระบายน้ำดี |
ถิ่นกำเนิด | ป่าเบญจพรรณทางภาคเหนือ |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | อุทัยธานี |
ชื่อพันธุ์ไม้ | สะเดา |
ชื่อสามัญ | Neem Tree |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Azadirachta indica A. Juss. (varsiamensis Valeton) |
วงศ์ | MELIACEAE |
ชื่ออื่น | กะเดา (ภาคใต้), จะตัง (ส่วย), สะเดา (ภาคกลาง), สะเลียม (ภาคเหนือ), สะเดาบ้าน (ทั่วไป) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบสูง 20 เมตร เปลือกสีเทาอมน้ำตาล เรือนยอดเป็นพุ่มกลมทึบ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ออกสลับ ใบย่อยเรียวแหลม โคนใบเบี้ยว ขอบใบจักไม่เป็นระเบียบ ดอกสีขาวนวล ออกเป็นช่อใหญ่ตามปลายกิ่ง กลีบดอก 5 กลีบ เกสรเพศผู้ 10 อัน โคนก้านดอกติดกันเป็นหลอด ออกดอกเดือนธันวาคม-มกราคม ผลเป็นผลสดกลมรี ผิวบาง มีเนื้อฉ่ำน้ำ ผลแก่สีเหลือง |
ขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินทุกชนิด เป็นไม้กลางแจ้ง |
ถิ่นกำเนิด | ป่าเบญจพรรณค่อนข้างแล้งและป่าแดง |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | อุบลราชธานี |
ชื่อพันธุ์ไม้ | ยางนา |
ชื่อสามัญ | Yang |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Dipterocarpus alatus Roxb. |
วงศ์ | DIPTEROCARPACEAE |
ชื่ออื่น | กาตีล (เขมร-ปราจีนบุรี), ขะยาง (ชาวบน-นครราชสีมา), เคาะ (กะเหรี่ยง-เชียงใหม่), จะเตียล (เขมร), ชันนา ยางตัง (ชุมพร), ทองหลัก (ละว้า), ยาง ยางขาว ยางแม่น้ำ ยางหยวก ยางนา (ทั่วไป), ยางกุง (ลาว), ยางควาย (หนองคาย), ยางเนิน (จันทบุรี), ราลอย (ส่วยสุรินทร์), ลอยด์ (โซ่-นครพนม) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่สูงถึง 40 เมตร ไม่ผลัดใบ ลำต้นเปลาตรง เปลือกเรียบหนาสีเทา โคนต้นมีพูพอน เรือนยอดเป็นพุ่มกลม ใบเป็นใบเดี่ยวรูปไข่แกมรูปหอกกว้าง ปลายใบสอบเรียว เนื้อใบหนา ดอกสีชมพู ออกเป็นช่อสั้น ๆ สีน้ำตาล กลีบดอกมี 5 กลีบ โคนกลีบประสานเหลื่อมกัน ปลายกลีบบิดเวียนตามกันแบบกังหัน เกสรเพศผู้มี 25 อัน รังไข่มี 3 ช่อง ออกดอกระหว่างเดือนมีนาคม-เดือนพฤษภาคม ผลเป็นผลแห้งทรงกลม มีครีบตามยาว 5 ครีบ ปีกยาว 2 ปีก |
ขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | เจริญเติบโตได้ดีในสภาพดินแทบทุกชนิด เป็นไม้กลางแจ้ง |
ถิ่นกำเนิด | ป่าดงดิบ และตามที่ต่ำชุ่มชื้นใกล้แม่น้ำลำธารทั่วไป |
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) | Powered by Discuz! X3.2 |