Baan Jompra
ชื่อกระทู้:
ประวัติเจ้าพระยาบดินทรเดชา(สิงห์ สิงหเสนี)
[สั่งพิมพ์]
โดย:
นาคปรก
เวลา:
2014-3-11 09:15
ชื่อกระทู้:
ประวัติเจ้าพระยาบดินทรเดชา(สิงห์ สิงหเสนี)
ประวัติเจ้าพระยาบดินทรเดชา(สิงห์ สิงหเสนี)
เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงเสนี)
(พ.ศ. 2320-2392) สมุหนายกและแม่ทัพใหญ่ในรัชสมัย
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
(รัชกาลที่ 3) "เจ้าพระยาบดินทรเดชา" เป็น
ราชทินนาม
พิเศษ ที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานราชทินนามนี้มีแต่ท่านเพียงผู้เดียวเท่านั้น
เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)
ประวัติ เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)
เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงเสนี) เป็นบุตรคนที่ 4 ของ
เจ้าพระยาอภัยราชา (ปิ่น)
กำเนิดแต่ท่านผู้หญิงฟักเมื่อ
ปีระกา
พ.ศ. 2320
อันเป็นปีที่ 10 ในสมัยของ
พระเจ้าตากสินมหาราช
สถานที่เกิดอยู่ใน
เขตพระนคร
ตอนเชิงสะพานช้างโรงสี หน้า
กระทรวงมหาดไทย
ทุกวันนี้
เมื่อเติบใหญ่เจริญวัยขึ้น เจ้าพระยาอภัยราชา ผู้เป็นบิดาได้นำตัวนายสิงห์เข้ารับราชการใน
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร
และได้รับพระราชทานยศศักดิ์ อันเป็นผลมาจากความเพียรในหน้าที่ราชการในขั้นแรกคือ ตำแหน่ง จมื่นเสมอใจราชและพระนายเสมอใจ ต่อมาได้เป็นพระยาเกษตรรักษาว่าการกรมนาฝ่ายพระราชวังบวรในสมัยรัชกาลที่ 2 ภายหลังเมื่อรัชกาลที่ 3 ขึ้นครองราชย์สมบัติจึงโปรดให้เป็น
พระยาราชสุภาวดี
พระยาราชสุภาวดี
ได้ทำความดีความชอบไว้มากมายในรัชกาลนี้ เนื่องจาก
เจ้าอนุวงศ์
แห่ง
เวียงจันทน์
คิดการกบฏขึ้นใน พ.ศ. 2369 รัชกาลที่ 3 โปรดให้พระยาราช สุภาวดีเป็นแม่ทัพหน้ายกไปปราบปรามบรรดาพวกกบฏ ท่านได้รบอย่างกล้าหาญจนพวกกบฏมิอาจจะต่อต้านได้ถึงกับถอยร่นไม่เป็นขบวน ในที่สุดทัพของพระยาราชสุภาวดีก็ยกเข้าครอง
จำปาศักดิ์
ได้สำเร็จ ผลแห่งความดีความชอบในครั้งนี้ คือพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งเป็น
เจ้าพระยาราชสุภาวดี
ว่าที่สมุหนายก
เสร็จศึกเจ้าอนุวงศ์แล้ว พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงสถาปนาเจ้าพระยาราชสุภาวดีขึ้นเป็น
เจ้าพระยาบดินทรเดชา
ที่สมุหนายกใน พ.ศ. 2372 (เวลานั้นท่านอายุได้ 53 ปี)
ชีวิตของท่านเจ้าพระยาบดินทรเดชาดูจะไม่ได้ห่างจากการศึกสงครามไปได้ เพราะอีกไม่กี่ปีต่อมา (
พ.ศ. 2376
)
ญวน
เกิดเข้าไปแทรกแซงหาทางจะเอา
เขมร
เป็นของตน พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดฯ ให้เจ้าพระยาบดินทรเดชายกทัพขึ้นไปสู้รบกับญวนอีก จนกระทั่งญวนยอมทำไมตรีกับไทยแล้ว และเหตุการณ์ในกัมพูชากลับเป็นปกติตามเดิมเจ้าพระยาบดินทรเดชาจึงเดินทางกลับเข้าสู่ประเทศไทยใน พ.ศ. 2391 ท่านได้ควบคุมบ้านเมืองในเขมรนานถึง 15 ปีเต็ม
โดย:
นาคปรก
เวลา:
2014-3-11 09:15
ท่านเจ้าพระยาบดินทรเดชาได้ใช้หลักความเฉียบขาดในการบังคับบัญชา จึงได้ผลคือปราบปรามกบฏเจ้าอนุวงศ์ นครเวียงจันทน์ และได้ช่วยป้องกันเขมรจากญวนได้สำเร็จตามพระราชประสงค์ของสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวนำเกียรติคุณมาสู่ทหารไทยและประเทศไทยอย่างมากมาย
ปีที่กลับจากเขมรมานั้น เจ้าพระยาบดินทรเดชา มีอายุย่าง 71 ปี แต่ก็ยังเข้มแข็งสามารถรับราชการสนองพระเดชพระคุณได้ต่อมาจนกระทั่งถึงวันอาทิตย์ที่
24 มิถุนายน
พ.ศ. 2392
ก็ถึงอสัญกรรมด้วยโรค
อหิวาต์
ซึ่งระบาดชุกชุมในปีนั้น รุ่งขึ้นปี พ.ศ. 2393 จึงได้พระราชทานเพลิงศพที่
วัดสระเกศ
เมื่ออง
หริรักษ์
(
นักองด้วง
) พระเจ้า
กรุงกัมพูชา
ได้ทราบว่า เจ้าพระยาบดินทร์เดชา(สิงห์)ถึง
อสัญกรรม
แล้ว องหริรักษ์ระลึกถึงบุญคุณที่เจ้าพระยาบดินทรเดชาได้ช่วยเหลือปราบปรามหมู่ปัจจามิตรทั้งช่วยจัดราชการเมืองเขมรให้ราบคาบเรียบร้อยตลอดมา จึงสั่งสร้างเก๋งขึ้นที่หน้าค่ายใหญ่ ใกล้
วัดโพธาราม
ในเมืองอุดงมีชัย(เมืองหลวงเก่าเมืองเขมร)แล้วให้พระภิกษุสุกชาวเขมรช่างปั้นฝีมือเยี่ยมในยุคนั้น ปั้นรูปเจ้าพระยาบดินทรเดชาขึ้นไว้เป็นอนุสาวรีย์ด้วยปูนเพชร และประกอบการกุศลมีสดับปกรณ์เป็นต้นปีละครั้งที่เก๋ง ชาวเขมรเรียกว่า "รูปองบดินทร" ตลอดมาจนบัดนี้ รูปนี้สร้างขึ้นในราวปีจอ พ.ศ. 2392
จากผลงานและคุณงามความดีที่ปรากฏต่อประเทศชาติ ทำให้อนุชนรุ่นหลังสร้างอนุสรณ์สถานขึ้นเพื่อเคารพสักการะและระลึกถึงพระคุณของท่านหลายแห่ง เช่น เมืองอุดงมีชัย ประเทศกัมพูชา, วัดจักรวรรดิราชาธิวาส (วัดสามปลื้ม), โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี), โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)2, วัดมหาธาตุ อ.เมือง จ.ยโสธร, ค่ายบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 11 อ.มะขาม จ.จันทบุรี, ค่ายเจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนี), กองกำกับการตำรวจตระเวรชายแดนที่ 12 อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว, ค่ายบดินทรเดชา กรมทหารราบที่ 16 อ.เมือง จ.ยโสธร
ผลงาน
ด้านการสงคราม
แม่ทัพใหญ่ในศึกปราบกบฎเจ้าอนุวงศ์
แม่ทัพใหญ่ในเหตุการญวณแทรกแซงเขมร
ว่าราชการที่เขมรกว่า 10 ปี
ช่วยทำราชการปราบปรามจีนตั้วเหี่ยที่ก่อการกำเริบที่
จังหวัดฉะเชิงเทรา
ด้านศาสนา
ปฏิสังขรณ์วัด "วัดสามปลื้ม" ปัจจุบันคือ
วัดจักรวรรดิราชาวาสวรวิหาร
ปฏิสังขรณ์วัดพรหมสุรินทร์ จังหวัดพระนครในรัชกาลที่ 3 พระราชทานนามใหม่ว่าวัดปรินายก และทรงปฏิสังขรณ์ต่อมา
ปฏิสังขรณ์วัดช่างทอง ซึ่งเป็นวัดที่ท่านผู้หญิงฝักผู้เป็นมารดาได้สร้างไว้ อยู่ที่เกาะเรียน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ปฏิสังขรณ์วัดวรนายกรังสรร(เขาดิน)
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
สร้าง วัดตึก ปัจจุบันคือ
วัดเทพลีลา
ยกที่บ้านถวายเป็นวัด สร้างโบสถ์วิหารการเปรียญเสนาสนะพร้อม มีชื่อว่าวัดไชยชนะสงครามแต่ชาวบ้านมักเรียกกันว่าวัดตึกจนทุกวันนี้ อยู่ตรงข้ามกับเวิ้งนครเขษมใกล้สี่แยกวัดตึก จังหวัดพระนคร
สร้างวัดที่เมือง พัตบอง และเมืองอุดงมีชัย
พิพิธภัณฑ์เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)
พิพิธภัณฑ์เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) จัดตั้งขึ้นมาเพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริ-ราชสมบัติ ครบ 50 ปี เมื่อปี พ.ศ. 2533 ให้เป็น สถานที่ ที่รวบรวมและจัดแสดงโบราณต่างๆ ประวัติ วีรกรรมและโบราณวัตถุ ที่เกี่ยวข้องกับท่านเจ้า พระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เพื่อให้เป็นศูนย์ศิลปวัฒนธรรมไทยสำหรับเยาวชนและชุมชนได้ศึกษา และเพื่อฉลองครบรอบ 25 ปี ของการก่อตั้ง โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เมื่อปี พ.ศ. 2539
จากวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น ณ ปัจจุบันซึ่งเป็นยุคของการ ปฏิรูปการศึกษา บทบาทของพิพิธภัณฑ์ได้ขยายขอบข่ายไปสู่การเป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตของทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับครู อาจารย์ที่จะจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในเชิงบูรณาการ ได้อย่างผสมกลมกลืน ไม่ว่าจะเป็นวิชาภาษาไทย สังคม วิทยาศาสตร์ ศิลปะ หรือคณิตศาสตร์
ที่ตั้ง
โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)
เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร
โทร 02-538-3964 หรือ 02-538-2573 ต่อ 0 หรือ 639 หรือ 241
เวลาทำการ: ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ 9:00 - 16:00 น.
ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าเข้าชม โปรดแจ้งล่วงหน้าเป็นหมู่คณะ
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/)
Powered by Discuz! X3.2