Baan Jompra

ชื่อกระทู้: ปริศนาลูกปัดกับ ความลับแดนสุวรรณภูมิ [สั่งพิมพ์]

โดย: lnw    เวลา: 2014-3-7 10:18
ชื่อกระทู้: ปริศนาลูกปัดกับ ความลับแดนสุวรรณภูมิ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย lnw เมื่อ 2014-3-7 10:25

ปริศนาลูกปัดกับ ความลับแดนสุวรรณภูมิ



เกือบจะทุกแห่งหนบนโลกล้วนมีลูกปัด และแต่ละแห่งก็มีความโดดเด่นไม่เหมือนกันเสียทีเดียว ที่คล้ายเห็นจะเป็นการเลือกใช้วัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น ซึ่งนั่นคือเสน่ห์อันบ่งชี้ถึงภูมิปัญญาและลีลาแห่งศิลปะที่แต่งแต้มผ่านชิ้นงาน

ความงามที่พบเห็นในลูกปัดอาจซ่อนปรัชญาทางศาสนา หรือบางครั้งก็แฝงไว้ด้วยอำนาจและบารมี ทั้งหมดนี้เป็นความลับที่ต้องนำมาไขขานด้วยข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ว่ากันว่า ลูกปัดหินสีคุณภาพผลิตในอินเดีย ทางหนึ่งมุ่งสู่เปอร์เซียและยุโรป อีกทางมุ่งมายังตะวันออก โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่สุวรรณภูมิ

สำหรับดินแดนสุวรรณภูมิของไทย ร่องรอยลูกปัดปรากฏบริเวณเมืองท่า นับแต่มีการเดินทางของลูกปัด เมื่อราว 2,500 ปีก่อน ผ่านเส้นทางการค้า เมืองท่าเขตประเท..พม่า เป็นต้นว่า เมืองไบก์ถโน เมืองศรีเกษตร (พุทธศตวรรษที่ 410) ถือเป็นแหล่งอันอุดมไปด้วยลูกปัด รองลงมาคือแถบลุ่มน้ำในภาคกลาง เช่น บ้านดอนตาเพชร จ.กาญจนบุรี เมืองอู่ทอง จ.สุพรรณบุรี เมืองคูบัว จ.ราชบุรี ขยับไปไกลก็เป็นริมแม่น้ำโขงของกัมพูชาและชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้ประเทศเวียดนาม

นอกจากนั้นยังมีที่บริเวณคาบสมุทรมลายู ได้แก่ เขาสามแก้ว จ.ชุมพร ภูเขาทอง จ.ระนอง ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ตะกั่วป่า จ.พังงา คลองท่อม จ.กระบี่ รวมถึงที่กัวลาเซลินชิง ประเทศมาเลเซีย

ที่นี่ส่วนมากพบลูกปัดหินคาร์เนเลียน ลูกปัดหินอะเกต และลูกปัดทองคำ อยู่ในสถานะสินค้าจากต่างแดน ใช้แลกเปลี่ยนแทนเบี้ย บ้างก็ใช้เป็นเครื่องรางนำโชค เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเหล่านักบวช โดยมีช่างฝีมือชั้นสูงเป็นผู้รังสรรค์ สร้างสีสัน ลวดลาย ประดิดประดอย จนเป็นที่สะดุดตาสะดุดใจแก่ผู้คน

บัญชา พงษ์พานิช ผู้ค้นพบลูกปัดในภาคใต้ของไทย ภายหลังเหตุการณ์สึนามิสงบลงเมื่อปี 2547 จนวันนี้ได้ถูกยกย่องให้เป็นนักสะสมลูกปัดแถวหน้า และน่าจะเป็นผู้ไขปริศนาดินแดนสุวรรณภูมิเชิงความรุ่งโรจน์ อาศัยลูกปัดเป็นสื่อกลาง บอกเล่าว่า แทบไม่น่าเชื่อว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมายังมีข้าวของหลงเหลืออยู่มากมาย โดยเฉพาะที่อัศจรรย์ใจคือลูกปัด รวมทั้งเครื่องมือและอุปกรณ์ในกระบวนการผลิตลูกปัด

“กระเบื้อง หิน แก้ว ทองคำ สำริด เหล็ก โลหะ พวกเหรียญและตราต่างๆ ก็มี เคยมีนักประวัติศาสตร์โบราณคดีไทยและจากทั่วโลกมาใช้ประโยชน์ศึกษาจากของที่ผมเก็บรวมรวบไว้ หลายคนบอกว่าทำไมมากขนาดนี้ ศึกษากันทั้งชีวิตก็ไม่หมด”
การศึกษานี้ยังขยายผลถึงความลับ (บางอย่าง) ของสุวรรณภูมิถูกเปิดเผยออกมาในอีกมิติที่หลายคนอาจไม่เคยล่วงรู้ ตั้งแต่วิถีชีวิต วัฒนธรรม เรื่อยไปถึงการเมืองการปกครอง และที่ขาดไม่ได้คือเชิงช่างทางศิลปะอันงดงาม



โดย: lnw    เวลา: 2014-3-7 10:20
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย lnw เมื่อ 2014-3-7 10:27

ปริศนาลูกปัด ปริศนาแห่งอารยะ



ตราบใดที่ยังมีคำถามที่ว่าสร้างเพื่ออะไรและเพื่อใครกับสถานที่จำนวนไม่น้อยบนโลกนี้นำมาซึ่งเรื่องอัศจรรย์แบบไม่เคยปรากฏ เช่น สถาปัตยกรรมบนยอดเขาสูงเทียมเมฆ แท่งหินสลักอย่างวิจิตรบรรจง กำแพงยาวเหยียดเชื่อมต่อกันนับหลายกิโลเมตร
แน่นอน...เรื่องราวของวัตถุเล็กๆ อย่างลูกปัดจึงไม่ควรถูกปล่อยปละละเลยในการควานหาข้อเท็จจริง เพราะอย่างน้อยๆ ก็เพื่อความกระจ่างแจ้งต่อสิ่งที่ยังสงสัย
ปริศนาแห่งลูกปัดนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าจะย่นย่อให้เหลือเพียงหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์ หรือแม้จะมีความพยายามของผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์รวบรวมข้อมูลไว้ แต่ดูเหมือนบางสิ่งบางอย่างก็ยังคงปริศนาต่อไป และต้องใช้ความพยายามสืบค้นกันอย่างยังไม่สิ้นสุด ในมิติสะท้อนถึงอารยะ ลูกปัดให้คุณค่าเรื่องนี้เด่นชัด ไม่ว่าจะบริบทใดและมุมใดของโลก ความเป็นไปเป็นมาแต่ละแห่งแต่ละชนชาติ ถูกหลอมรวมไว้ในลูกปัดทั้งสิ้น





“ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม การค้า การผลิต รวมทั้งผู้คน ลูกปัดก็ช่วยเล่าเรื่องราวนี้ไว้ เพื่อส่งต่อคนรุ่นหลังที่จะเข้าใจ โดยเฉพาะการเปิดมุมมองด้านมูลค่าของความคิดสร้างสรรค์”
นอกจากอารยะในหมวดใหญ่ๆ ที่อ้างอิงถึงแล้ว หากลองลงลึกอารยะเฉพาะกลุ่มเฉพาะบุคคล เช่น ความเชื่อ หรือโชคลาง จะเห็นว่ายามที่หยิบลูกปัดขึ้นมาหรือสวมใส่ พ้นจากเรื่องที่ยกให้เป็นเครื่องประดับ แอกเซสซอรีที่ติดตัว เพิ่มความสวยงามความกิ๊บเก๋แล้วละก็ ความหมายของลูกปัดที่ซ่อนไว้คงไม่พ้นสองสิ่งนี้
มีอยู่ช่วงหนึ่ง เป็นที่ฮิตฮอตกันมากในหมู่คนไทย “หินทิเบต” ซึ่งก็เข้าข่ายลูกปัดยุคโมเดิร์น ใครไม่มีถือว่าเชยสะบัด ต้องหาซื้อมาห้อย เพราะเชื่อว่าจะช่วยค้ำจุนหนุนส่งชีวิตในทางที่ดี




โดย: lnw    เวลา: 2014-3-7 10:20
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย lnw เมื่อ 2014-3-7 10:29

ปริศนาแห่ง 'ลูกปัด'



“เราคือสุริยเทพผู้เป็นใหญ่เหนือแผ่นดิน เหนือท้องฟ้า แลผืนน้ำ เมื่อดวงตาของเราส่องสว่างอยู่เหนือโลกทั้งสาม เจ้าจักผ่านภัยสู่ดินแดนอันไกลโพ้น แผ่นดินจักเป็นมิตร แผ่นฟ้าจักเมตตา ผืนน้ำจักอ่อนน้อมต่อเจ้า เพียงเพราะแรงศรัทธาของเจ้า แลด้วยอำนาจแห่งสุริยเทพ ผู้ยิ่งใหญ่

สิงเหล่านี้ไม่ใช่โปรยหนังแห่งไอยคุปต์ฟอร์มยักษ์ หรือวรรณกรรมผจญภัยล่าสุดขอบฟ้า แต่คือเศษเสี้ยวข้อความที่บรรจุในสูจิบัตรเล่มบาง อันเป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการลูกปัด ซึ่งชวนให้ใครที่พอได้อ่านแล้วก็จะเกิดอาการอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันควัน ต่อวัตถุที่ปรากฏอยู่ตามส่วนต่างๆ บนพื้นที่แห่งการเรียนรู้ เพื่อร่วมเดินทางและค้นหาคำตอบ ณ โลกของลูกปัด




แฝงนัยอันหลายหลาก
เปลือกไข่นกกระจอกเทศ เมล็ดพืช กระดูกสัตว์ ดินเผาปั้น ปะการัง ผลึกหิน แก้วโมเสก เปลือกหอย เหรียญเงิน เหล่านี้ล้วนแต่ถูกเรียกว่าลูกปัด ยังไม่หมดหรอก...หากจะนับกันจริงๆ ยังมีสิ่งที่บ่งบอกว่ามันเป็นลูกปัดอีกนับไม่ถ้วน เมื่อราว 45,000 ปีที่แล้ว โลกได้ถือกำเนิดลูกปัดขึ้นมาเม็ดแรก ประเดิมโฉมหน้าให้ผู้คนฮือฮา ณ แดนกาฬทวีปอันแล้งร้อน จากนั้นลูกปัดก็เดินทางข้ามน้ำ ข้ามมหาสมุทร ข้ามขุนเขา ข้ามทะเลทราย จากขั้วเหนือสู่ขั้วใต้ จากตะวันตกสู่ตะวันออก จากโบราณสู่ยุคปัจจุบัน วันนี้ลูกปัดเป็นที่รู้จักของมวลมนุษยชาติ ยิ่งใหญ่ไม่แพ้สิ่งใดๆ อีกทั้งยังคงขับขาน ดำรงตัวตนอยู่สืบไป ให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษาถึงรากเหง้าเหล่ากอในมิติอันหลากหลาย ที่แฝงเร้นตามนัยสำคัญ
เคยสงสัยไหมว่าลูกปัดหนึ่งชิ้นสะท้อนให้เห็นอะไรบ้าง มีนักโบราณคดีทำการบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร นัยของลูกปัดสามารถบอกเล่าได้หลายเรื่องราว ตั้งแต่เรื่องพื้นๆ ไปจนถึงเรื่องลึกซึ้งและลึกลับ ซึ่งสร้างความมหัศจรรย์ใจต่อผู้คนอย่างยิ่งยวด



ลูกปัด...คือตัวกำหนดชนชาติ วิถีชีวิต วิธีคิด วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี กฎเกณฑ์ ชนชั้น วรรณะ ไม่เพียงแค่นั้น ยังหมายรวมถึงสุนทรียะแห่งศิลปะด้วย
มีคำกล่าวที่คนเก่าก่อนบอกไว้ ยุคสมัยเป็นเช่นไร ดูได้จากลูกปัด โดยไม่ต้องพึ่งหมอดูหน้าไหนมาอุปโลกน์ตัวเองเป็นนักพยากรณ์ แค่หยิบลูกปัดขึ้นมา พิสูจน์จากรายละเอียดและร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่หลงเหลืออยู่ ก็รู้แล้วว่านัยสำคัญที่ซ่อนไว้นั่นละคือคำตอบแห่งกาลเวลา









ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2