Baan Jompra

ชื่อกระทู้: พญาอนันตนาคราช [สั่งพิมพ์]

โดย: AUD    เวลา: 2013-4-14 12:50
ชื่อกระทู้: พญาอนันตนาคราช
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย AUD เมื่อ 2013-4-15 12:44

ข้อมูลของMetMungpae จาก web เก่าครับ


พญาอนันตนาคราช พาหนะคู่บารมีของพระนารายณ์

[attach]1593[/attach]
คำว่าอนันตะมีความหมายว่า อนันต์ ไร้จุดจบ

มีความยาวมากถึงขนาดว่าสามารถพันรอบโลกได้แต่เดิมพญานาคราชมีพระนามเดิม ว่าพญาเศษะ นาคราช ทรงเป็นโอรสองค์แรกของพระกัศยปะ และ นางกัทรุ พญาอนันตนาคราชเป็นใหญ่ในเมืองบาดาลเป็นราชาแห่งนาคทั้งปวงในเกษียรสมุทรและ ได้ตามเสด็จพระนารยณ์เสมอ

นาคเป็นงูใหญ่ บนหัวมีหงอน ที่คางมีเครา ลำตัวมีเกล็ดและปลายหางมีลวดลายงดงาม มีอิทธิฤทธิ์สามารถแปลงตัวได้ และสามารถบันดาลให้เกิดฝนได้ด้วย เรียกว่า นาคให้น้ำ นาคในวรรณคดีไทย นอกจากจะมี ๑ หัวแล้ว ยังปรากฏนาคที่มี ๗ หัว เรียกว่า นาคเจ็ดเศียร พญาอนันตนาคราช มี ๑,๐๐๐ เศียร อนันตนาคราชขดตัวอยู่กลางเกษียรสมุทร เป็นแท่นบรรทมให้พระนารายณ์ หลังจากที่พระนารายณ์ปราบผู้ที่มารบกวนเทวดาและมนุษย์ได้แล้ว อนันตนาคราชสามารถพ่นพิษเป็นไฟบัลลัยกัลป์ล้างโลกได้เมื่อถึงเวลาสิ้นอายุ ของโลก เมื่อพระนารายณ์อวตารมาเป็นพระรามเพื่อปราบทศกัณฐ์ อนันตนาคราชก็มาเกิดเป็นพระลักษมณ์ช่วยพระรามทำสงครามกับทศกัณฐ์ด้วย


ความเชื่อของพญานาคกับพระพุทธศาสนา
      ตามตำนาน พญานาค มีอยู่ก่อนสมัยพระพุทธเจ้าแล้ว ดังเช่น หลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมพิเศษแล้ว ได้เสด็จไปตามเมืองต่าง ๆ เพื่อแสดงธรรมเทศนา มีครั้งหนึ่งได้เสด็จออกจากร่มไม้อธุปปาลนิโครธ ไปยังร่มไม้จิกชื่อ มุจลินท์ทรงนั่งเสวยวิมุตติสุข อยู่ 7 วัน คราวเดียวกันนั้นมีฝนตกพรำ ๆ ประกอบไปด้วยลมหนาวตลอด 7 วัน ได้มีพญานาคชื่อ มุจลินท์ เข้ามาวงด้วยขด 7 รอบพร้อมกับแผ่พังพานปกพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อจะป้องกันฝนตกและลมมิให้ถูกพระวรกาย หลังจากฝนหายแล้ว คลายขนดออก แปลงเพศเป็นมานพมายืนเฝ้าที่เบื้องพระพักตร์ ด้วยความศรัทธาอย่างแรงกล้า
ความเชื่อดังกล่าวทำให้ชาวพุทธสร้างพระพุทธรูปปางนาคปรก แต่มักจะสร้างแบบพระนั่งบนตัวพญานาค ซึ่งดูเหมือนว่าเอาพญานาคเป็นบัลลังก์ เพื่อให้เกิดความสง่างาม และทำให้คิดว่า พญานาค คือผู้คุ้มครองพระศาสดา


[attach]1594[/attach]

ในพระไตรปิฎกกล่าวถึงเรื่องราวของพญานาคมากมายหลายแห่ง
     นับเป็นข้อมูลที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีโอกาส ได้รับรู้ข้อมูลเหล่านี้มากนัก พญานาคหรือนาคราช หมายถึงกายทิพย์ชนิดหนึ่ง จัดเข้าในเดรัจฉาน ภูมิ เป็นสัตว์ที่เป็นทิพย์ เป็นราชาแห่งงู ประดุจราชาแห่งมนุษย์ ในสุทธกสูตร กล่าวถึงพญานาคว่า มีกำเนิด ๔ อย่างคือ ๑.เกิดในฟองไข่ เรียกว่า อัณฑชะ ๒.เกิดในครรภ์ เรียกว่า ชลาพุชะ ๓.เกิดในสิ่งที่ไม่สะอาดหมักหมม ในเหงื่อ ไคลเรียกว่า สังเสทชะ ๔.เกิดแล้วโตทันที เรียกว่า โอปปาติกะ (สุทธกสูตร มก.๒๗/๕๕๖)

เมืองพญานาค หรือเมืองบาดาล
    ในเมื่อมีเมืองมนุษย์ หรือโลกมนุษย์ โลกสวรรค์ หรือเมืองสวรรค์ ก็ต้องมีเมืองบาดาล (เมืองพญานาค) สองเมืองนอกจากเมืองมนุษย์แล้วหลายคนก็คงต้องอยากไปเป็นแน่ วิสัยของมนุษย์ชอบในสิ่งที่ท้าทาย ยิ่งห้ามก็ยิ่งอยากพบ อยากเห็นเมืองบาดาลอยู่ใต้เมืองมนุษย์ลงไปในใต้ดิน 16 กิโลเมตร (ตามความเชื่อ) มีคำเล่าลือเกี่ยวกับเมืองบาดาลในเขต อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย (แต่อย่าอุตริขุดไปหาพญานาคก็แล้วกัน)


โดย: AUD    เวลา: 2013-4-14 12:50
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย AUD เมื่อ 2013-4-14 12:58

[attach]1595[/attach]


มนตร์บูชาพญาอนันตนาคราช
นาคเทวะ ปรี ตา ภวันติหะ คานติมาปโนติ เวน วิภี/
สัมศานติ โลก มา สาทยะ โมทเต ศาศติช สมาช//

มนตร์นี้เป็นภาษาที่พราหมณ์อินเดียใช้ในการบูชา
และวันที่จะบูชาจะตรงกับวันขึ้น 5 ค่ำเดือนศราวัน(เดือนกรกฏาคม-สิงหาคม)ของทุกปีค่ะ ซึ่งจะเรียกว่า"วัน นาค ปัญจมี "

คาถาอัญเชิญพญานาค
ตั้งนะโม 3 จบ
นะมามิ ลิละ สาเข ปัตถะ ละปะ ธัมเม สะคะลับตี สะเยตานาคะ ลาเชนะยะ
ปิสะโตฯ

พระคาถาถวายการสักการะบูชา
เอหิสังคัง ปิโยนาคะ สุปันนานัง มะยัง
หรือกล่าวเฉพาะ
กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา (ชื่อพระนามอย่างเช่น องค์ วาสุกรีนาคราช,อนันตนาคราช,ภุชงค์นาคราช,นาคาธิบดีศรีสุทโธ,) วิสุทธิเทวาปูเชมิ ถ้าเป็นองค์นางพญานาคี ก็เปลี่ยนเป็น นางพญานาคิณีศรีปทุมมา วิสุทธิเทวีปูเชมิ
(เช่น กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา วาสุกรีนาคราช วิสุทธิเทวาปูเชมิ
หรือ
กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา นาคาธิบดีศรีสุทโธ วิสุทธิเทวาปูเชมิ
หรือ
กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา นางพญานาคิณีศรีปทุมมา วิสุทธิเทวีปูเชมิ)

คาถาบูชาอีกบทหนึ่ง
นาคเทวะ ปรี ตา ภวันติหะ คานติมาปโนติ เวน วิภี สัมศานติ โลก มา สาทยะ โมทเต ศาศติช สมาช
หรือกล่าวย่อ คือ
คัด สะ มะ อุ มะ
โดย: AUD    เวลา: 2013-4-14 12:51

ราชาแห่งนาคทั้งมวลในตำนวนของฮินดู อนันตเศษ (อะ-นัน-ตะ-เส-สะ) หรือ อนันตนาคราช มีขนาดตัวเป็นอนันต์สมชื่อ เพราะเป็นผู้นอนอยู่ในเกษียรสมุทรและให้พระนารายณ์นอนบนหลัง บางตำนานเล่าว่าดาวนพเคราะห์นั้นก็ตั้งอยู่บนพังพานของอนันตนาคราช ส่วนหัวซึ่งมีตั้งแต่ห้าหัวถึงหนึ่งพันนั้นไม่พ่นพิษเหมือนนาคอื่นๆแต่เป็นเปลวไฟ และอนันตนาคราชก็จะร้องเพลงสรรเสิญบารมีของพระนารายณ์เป็นนิจ

ในตำนานเล่าว่าตอนที่เหล่านาคเล่นโกง ที่แม่ไปพนันกับนางวินตาซึ่งเป็นแม่ของพญาครุฑ (ทั้งคู่พนันสีม้าของพระอาทิตย์ เหล่านาคนั้นพ่นพิษใส่จนหางของม้าพระอาทิตย์เป็นสีดำ บ้างก็ว่าเหล่านาคตัวเล็กๆได้เลื้อยเข้าไปแทรกในขนสีขาวจนดูสีดำเป็นหย่อม) อนันตเศษนั้นรังเกียจบรรดาน้องๆเลยหนีไปจำศีลอยู่ตัวเดียว เวลาผ่านไปพระพรหมก็มาเจอเข้า เมื่อทราบว่าอนันตเศษไม่ชอบใจที่น้องโกงพนันเลยให้ไปนอนในเกษียรสมุทรเป็นเตียงให้พระนารายณ์ คำสาปที่ทำให้ครุฑจับนาคกินได้จึงไม่รวมถึงอนันตเศษด้วย

ตำนานที่ดุเดือดของอนัตเศษที่สุดนั้นกล่าวว่าครั้งหนึ่งอนันตเศษเคยโผล่หัวขึ้นไปบนสวรรค์ (ไม่ใช่มุข เพราะตัวยาวจนไม่ต้องขึ้นไปทั้งตัว) และโอ้อวดกับเหล่าเทวดาว่า ในสามโลกนี้มีแต่ตรีมูรติเท่านั้นที่มีอำนาจเหนือตน หากใครไม่เชื่อแล้วก็จงมาประลองกำลังกันเถิด เหล่าเทวดากลัวหัวหด มีแต่พระพายที่กล้าพอ คิดว่าอย่างไรนาคตัวนี้ก็เป็นแค่ดิรัจฉาน การจำมาท้าตีท้าต่อยกับเทวดาจึงนับว่าโอหังนัก

พระพายรับคำท้า ว่าแล้วพญาอนันตนาคราชก็เอาตัวเองพันรอบภูเขาลูกหนึ่งไว้ บอกว่าให้พระพายลองทำลายภูเขานี้ดู พระพายนั้นใช้กำลังสร้างพายุรุนแรงหมายจะพัดทำลายภูเขานั้นให้ยับเยิน แต่อนันตเศษก็ขยายตัวเองให้ใหญ่ขึ้นแล้วแผ่พังพานป้องไว้ได้ทุกครั้ง สุดท้ายพระพายจึงทุ่มกำลังทั้งหมดเข้าโจมตีโดยดึงเอาลมในตัวสัตว์โลกทั้งมวลมาใช้ด้วย แต่ก็ถูกอนันตเศษกลืนเข้าไปทั้งตัว ทีนี้เมื่อไม่มีพระพายแล้ว สัตว์โลกทั้งหลายก็หายใจไม่ออก ร้อนถึงพระนารายณ์ต้องมาบอกเตียงหลังโปรดให้คายพระพายออกมา อนัตนาคราชทำตาม ปรากฏว่าตอนที่อนันตนาคราชคายพระพายมานั้นก็บังเกิดเป็นลมรุนแรงพัดไปโดนภูเขาที่พันไว้จนราบเป็นหน้ากลอง ทั้งพระพายและอนันตนาคราชต่างก็นับถือในกำลังของกันและกัน เลยตกลงว่าการประลองครั้งนี้เป็นเสมอ

บางที่ที่ค้นเจอ ยกบทนาคที่พันเขาพระสุเมรุไว้ตอนกวนเกษียรสมุทรให้อนันตนาคราชด้วย แต่จริงๆแล้วนาคที่รับบทนี้ก็คือพญาวาสุกี

ชาติกำเนิด พระอนันตนาคราชมหาโพธิสัตว์

          พระอนันตนาคราชเป็นบุตรของพิภพนาคา หรือท้าวยักษ์กโตหน ซึ่งท้าวยักษ์กโตหน มีมเหสีอยู่หลายพระองค์ คือ พระแม่ย่าศรีสุริโย พระแม่ย่ากัลปพฤกษ์ พระแม่ย่าทองศรีไพร พระแม่ย่าศรีไพรวัลย์ ซึ่งพระมเหสีของท้าวยักษ์กโตหนเป็นพี่น้องกันทั้งสิ้น

          พญาอนันตนาคราชเป็นบุตรเกิดจากพระแม่ศรีสุริโย แห่งเมืองทวารวดี จากพิภพนาคา ท้าวยักษ์กโตหะนะ ก็กลายเป็นท้าวทศรถในศึกรามมายณ ต้นกําเนิดแห่ง รามาวตาล จากศึกสวรรค์ลงมาสู่โลกมนุษย์
เพราะการอธิษฐานจิตที่จะมาเป็นพุทธบิดา พุทธมารดา พระแม่นมเอาไว้ล่วงหน้า เพื่อที่ต้องการที่จะลงมาร่วมสร้างบุญบําเพ็ญเพียรบารมีร่วมกับพระโพธิสัตว์จนกว่าท่านจะบรรลุถึงความเป็นพุทธะ เหล่าบริวารของท่านที่ปรารถนาเอาไว้ก็จะลงมาจุติร่วมกัน เป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นเพื่อน เป็นมิตรสหายกันตลอดชาติเพื่อที่จะหล่อรวมกันเป็น " สายณะธรรม " เดียวกันให้จงได้

          อนันตนาคราช มีมเหสี สามองค์ ซึ่งเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน ด้วยพ่อแม่ก็ตามใจมาตั้งแต่เด็ก จึงทําให้พญาอนันตนาคราชค่อยๆ ซึมซาบนิสัยที่ไม่ค่อยดีมาตั้งแต่เด็กเข้าสู่วาระจิตของตนเอง จึงทําให้อนันตนาคราชรักมเหสีทั้ง 3 ไม่เท่าเทียมกัน มเหสีองค์แรกชื่อ มณีนาคราช เป็นคนดีซื่อสัตย์บริสุทธิ์ มเหสีองค์ที่สองชื่อ นาคเทวี เป็นคนเจ้าอารมณ์ ใจร้อน อยากให้สามีเป็นของตนแต่ผู้เดียว มเหสีองค์ที่สามชื่อ นาคีนาคา เป็นผู้ที่ฉลาดหลักแหลมเอาใจเก่ง พญาอนันตนาคราช ผู้เป็นสามีอยากได้ในสิ่งใดๆเธอก็แสวงหานํามาทูลให่เสมอ จีงทําให้รักนาคีนาคามากกว่าคนอื่น

         หลังจากที่พญาอนันตนาคราชขึ้นครองบัลลังก์กลายเป็นเจ้าแห่งพิภพนาคาแล้ว ก็มีเมียเพิ่มมากขึ้นนับพันคน เหล่าบรรดาเมียต่างก็ใช้ฤทธิ์อํานาจที่มีอยู่ในตัวทําให้อนันตนาคราชหลงใหลจึงมีลูกมากมายหลายคนทุกคนก็อยากขึ้นคลองราชย์เพราะเมืองแก้วเมืองทองของพญานาคเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแก้วแหวนเงินทอง เพชรนิลจินดามณีต่างๆถูกนําลงมาสร้างเป็นเมืองเป็นเจ้าแห่งทรัพย์สินเงินทองในพื้นที่พิภพในยุคนั้น
สร้างกรรมเอาไว้กับบรรดาเมียๆทั้งหลาย แต่ก็นําสมบัติแก้วแหวนเงินทองมาสร้างมหาบารมีเอาไว้อย่างมากมาย บุญก็ส่วนบุญ บาปก็ส่วนบาป เพราะเมื่อลงมาจุติในโลกมนุษย์แล้วสัญญาในการจําได้หมายรู้ก็ถูกตัดขาดไป ต้องอาศัยพื้นฐานจากการสร้างทานบารมีก่อน ต้องเริ่มจากการสร้างทานบารมีให้เต็มเสียก่อนถึงจะเข้าสู่ วิโมกขธรรมสืบต่อไป

          เพราะดวงจิต เจตสิก ที่ลงมาจุติในยุคที่มีเรืองฤทธิ์ เรืองอํานาจต่างแข่งบุญบารมีกันทุกๆคนต่างก็มีฤทธิ์ จึงไม่มีใครยอมใคร ใครอยากจะทําอะไรก็ทําได้สุดแต่ใจของตนจะปรารถนา ต่างคนต่างอวดฤทธิ์อํานาจในทางที่ไม่ถูกต้อง ไม่ถูกแนวทางของมรรคผล จึงรับหน้าที่ลงมาจุติเพื่อที่จะปราบทิฏฐิมานะในการมีฤทธิ์ มีอํานาจนั้นระหว่าง พญานาค พญาครุฑ คนธรรพ์ คนธรรม พระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬ ผู้ซึ่งมีฤทธิ์ มีอํานาจมาก จนกลายเป็นศึกสงครามซึ่งเกิดจากสรวงสวรรค์ลงมาถึงภาคพื้นดินเพราะเหล่า เทพ เทวา ยังไม่รู้จักสัจธรรมว่าจะนําพาเข้าสู่แนวทางของความพ้นทุกข์ออกไปได้อย่างไร

         ไม่ว่าท่านจะยิ่งใหญ่สักเพียงใด ไม่ว่าท่านจะมีฤทธิ์ มีอํานาจสักปานใด ท่านก็ไม่สามารถหลบหนีพ้นกฎแห่งกรรมไปได้ เพราะสถาวกรรมที่ได้กระทําเอาไว้ จะต้องชดใช้วิบากกรรมซึ่งกันและกันจนกว่าจะหมดไปจากสภาวะกรรมนั้นๆ


ข้อมูลจาก http://www.jaksuyan.com/forum.ph ... p;extra=&page=2
โดย: AUD    เวลา: 2013-4-14 12:54
ปู่อนันตนาคราชที่อาจารย์ จารแผ่นยันต์ครับ

[attach]1592[/attach]


อาจารย์เล่าให้ผมว่าต่อว่า ปู่อนันตนาคราช ท่านอยู่ชั้นพรหมแล้ว
เหตุที่ล้าช้าเพราะท่านให้กำเนิดเผ่าพันธุ์ของท่านและค่อยปกปักรักษาพระพุทธศาสนา
และคอยดูแลผู้คนที่เคารพนับถือท่าน


โดย: sriyan3    เวลา: 2013-4-14 14:15
ขอบคุณครับ
โดย: oustayutt    เวลา: 2013-4-14 19:17
ขอบคุณครับ
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-14 23:13


โดย: Nujeab    เวลา: 2014-6-29 04:04
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆครับ
โดย: oustayutt    เวลา: 2014-10-7 11:37
AUD ตอบกลับเมื่อ 2013-4-14 12:54
ปู่อนันตนาคราชที่อาจารย์ จารแผ่นยันต์ครับ

สาธุปู่ อนันตนาคราช
โดย: Metha    เวลา: 2014-12-6 00:38


โดย: 11223344    เวลา: 2015-12-9 19:45
ขออนุญาตินำภาพไปเผยแพร่ สักการะนะครับ ขอบพระคุณมากครับ




ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2