Baan Jompra
ชื่อกระทู้: สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา [สั่งพิมพ์]
โดย: Metha เวลา: 2014-2-20 23:34
ชื่อกระทู้: สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา สวรรค์ชั้นต่ำสุด ตั้งอยู่เหนือจอมเขายุคันธร สวรรค์ชั้นแรกอยู่เหนือโลกมนุษย์ขึ้นไป ๔๖,๐๐๐ โยชน์ เป็นแดนสุขาวดี มีเทวราชผู้ยิ่งใหญ่ ๔พระองค์ทรงเป็นผู้ปกครองดูแล จึงได้ชื่อว่า จาตุมหาราชิกาเทวภูมิ คือ ภูมิเป็นที่อยู่แห่งทวยเทพ มีท้าวจาตุมหาราชทรงเป็นใหญ่ มีเทพนครใหญ่อยู่ ๔ เทพนคร แต่ละเทพนครมีกำแพงทองเหลืองอร่าม ประดับไปด้วยแก้ว ๗ ประการ แลดูงามนักหนา บานประตูกำแพงนั้นแล้วไปด้วยแก้ว และมีปราสาทซึ่งรุ่งเรืองสวยงามอยู่เหนือประตูทุกประตู ภายในเทพนครอันกว้างใหญ่ไพศาลนั้น มีปราสาทแก้วอันเป็นวิมานที่อยู่ของชาวฟ้าเทพยดาทั้งหลายปรากฏอยู่มากมาย พื้นเป็นพื้นแผ่นทองคำมีสีเหลืองอร่ามรุ่งเรืองเลื่อมพรรณราย ราบดุจหน้ากลองและอ่อนนุ่มดุจฟูกผ้า เมื่อฝูงเทพยดาเหยียบลงไปก็อ่อนยุบลงแล้วก็เต็มขึ้นมาดุจเดิม มิได้เห็นรอยเท้ารอยบาทของเทพยดานั้นเลย นอกจากนี้ ยังมีสระโบกขรณีมีน้ำใสยิ่งกว่าแก้ว เต็มไปด้วยปทุมชาติดาษดานานาชนิด ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วอาณาบริเวณเป็นเหมือนเช่นใครแสร้งเอาน้ำอบน้ำ หอมไปพรมไว้ มีดอกไม้นานาพรรณ สีสันวิจิตรตระการ และมีต้นไม้สวรรค์ประเสริฐนักหนา ด้วยมี ผลโอชารสอันยิ่ง ทุมามิ่งไม้ในสวรรค์นั้น ย่อมมีดอกมีผลอันเป็นทิพย์ให้ทวยเทพได้ชื่นชมอยู่ตลอดกาล ไม่มีวันร่วงโรยและหมดไปเลย
โดย: Metha เวลา: 2014-2-20 23:36
เทวดาชั้นจาตุมหาราชิกาแบ่งตามสถานที่อยู่อาศัยได้ ๓ ประเภท
๑. ภุมมัฏฐเทวดา
อยู่บนพื้นแผ่นดิน อาศัยอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น บ้าน วัด เจดีย์ ศาลา ซุ้มประตู ภูเขา แม่น้ำ มหาสมุทร เป็นต้น เทวดาบางองค์ก็มีวิมานของตนอยู่ ณ ที่นั้น ๆ โดยเฉพาะองค์ใดไม่มีก็ถือเอาสถานที่นั้นเป็นที่อาศัย เช่น บ้าน วัด ศาลา ภูเขา แม่น้ำนั้นเป็นที่อยู่ของตน
โดย: Metha เวลา: 2014-2-20 23:38
๒. รุกขัฏฐเทวดา
อยู่บนต้นไม้ มี ๒ จำพวก พวกหนึ่งมีวิมานอยู่บนต้นไม้ อีกพวกหนึ่งอยู่บนต้นไม้แต่ไม่มีวิมาน
โดย: Metha เวลา: 2014-2-20 23:39
๓. อากาสัฏฐเทวดา
อยู่ในอากาศ เทวดาจำพวกนี้มีวิมานเป็นของตนเองลอยหมุนเวียนไปรอบ ๆ เขาสิเนรุ แต่ละวิมานประกอบไปด้วยรัตนะ ๗ อย่าง คือ แก้วมรกต แก้วมุกดา แก้วประพาฬ แก้วมณี แก้ววิเชียร เงิน ทอง ไม่เท่ากัน บางวิมานมีเพียง ๑-๒ รัตนะ บางวิมานก็มีมาก สุดแต่บุญกุศลที่ตนได้เคยสร้างเอาไว้
โดย: Metha เวลา: 2014-2-20 23:41
เทวดาในชั้นจาตุมหาราชิกา บางพวกก็ขาดเมตตาธรรม จัดเป็นพวกเทวดาใจร้าย มี ๔ จำพวก คือ
๑. คันธัพพี คันธัพโพ
ได้แก่ เทวดาคันธัพพะ ที่ถือกำเนิดภายในต้นไม้ที่มีกลิ่นหอม เรา เรียกกันว่านางไม้ หรือแม่ย่านาง ชอบรบกวนให้เกิดอุปสรรคต่าง ๆ เช่น ให้ เกิดเจ็บป่วย หรือทำอันตรายแก่ทรัพย์สมบัติที่นำไม้นั้นมาใช้สอย หรือนำมาปลูกบ้านเรือน เทวดาจำพวกนี้อยู่ในความปกครองของ ท้าวธตรัฏฐะ คันธัพพเทวดานี้ สิงอยู่ในต้นไม้นั้นตลอดไป แม้ว่าใครจะตัดฟันไป ทำเรือ แพ บ้าน เรือน หรือเครื่องใช้สอยอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็คงสิงอยู่ในไม้นั้น ซึ่งผิดกับรุกขเทวดาที่อาศัยอยู่ตามต้นไม้ ถ้าต้นไม้นั้นตายหรือถูกตัดฟัน ก็ย้ายจากต้นไม้นั้นไปต้นไม้อื่น
โดย: Metha เวลา: 2014-2-20 23:43
๒. กุมภัณโฑ กุมภัณฑี
ได้แก่ เทวดากุมภัณฑ์ ที่เราเรียกว่า รากษส เป็นเทวดาที่รักษา สมบัติต่าง ๆ มี แก้วมณี เป็นต้น และรักษาป่า ภูเขา แม่น้ำ ถ้ามีผู้ล่วงล้ำ ก้ำเกินก็ให้โทษต่าง ๆ เทวดาจำพวกนี้ อยู่ในความปกครองของท้าววิรุฬหก
โดย: Metha เวลา: 2014-2-20 23:44
๓. นาโค นาคี
ได้แก่ พวก เทวดานาค จะมีวิชาเกี่ยวกับเวทมนต์คาถาต่าง ๆ ขณะท่องเที่ยวไปในมนุษยโลก บางทีก็เนรมิตเป็นคน หรือเป็นสัตว์ เช่น เสือ ราชสีห์ เป็นต้น โดยเฉพาะชอบลงโทษพวกสัตว์นรก เทวดาจำพวกนี้ อยู่ในความปกครองของท้าววิรูปักขะ
โดย: Metha เวลา: 2014-2-20 23:45
๔. ยักโข ยักขี
ได้แก่ พวก เทวดายักษ์ จะพอใจในการเบียดเบียนสัตว์นรก เทวดา จำพวกนี้ อยู่ในความปกครองของท้าวกุเวร หรือ ท้าวเวสสุวรรณ เทวดาทั้ง ๔ จำพวกนี้ จะเป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกาภูมิ เพราะอยู่ใกล้ชิดกับมนุษยภูมิ
โดย: Metha เวลา: 2014-2-20 23:52
สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา จำแนกย่อยพื้นที่บริเวณของหมู่เทพละเอียดลงไปอีก ตามขั้นตอนการถือกำเนิดเอาไว้ดังนี้
อุปัตติเทพ
เหล่าสัตว์ทั้งหลาย บรรดาที่ได้ก่อสร้างบุญกุศลเอาไว้ บุญกุศลนั้นก็จะนำส่งให้มาอุบัติเกิดในโลกสวรรค์ และเมื่อจะเกิดนั้น ก็เป็นอุบัติเทพ ไม่ต้องนอนในครรภ์มารอ หรืออยู่ในฟองไข่เหมือนเช่นมนุษย์และสัตว์เดียรัจฉานทั้งหลายอุบัติเกิดขึ้น มีรูปร่างเป็นทิพย์ตั้งอยู่ในวัยหนุ่มสาวเป็นเทพบุตรเทพธิดาเลยทีเดียว เมื่ออุบัติเกิดขึ้นในเทวโลกแล้ว จะตั้งอยู่ใน ฐานะอะไร ก็แล้วแต่สถานที่ซึ่งตน อุบัติขึ้น คือ
- ถัามีบุญน้อยไม่สามารถจะมีวิมานของตนเองได้ ไปอุบัติขึ้นที่ตักของเทวดาองค์ใด ก็ตั้งอยู่ในูฐานะเป็นบุตรเป็นธิดาของเทวดาองค์นั้น
- ถ้าเป็นสตรีทำบุญไว้ ตายแล้วไปอุบัติบังเกิดขึ้นเหนือแท่นที่บรรทมของเทพองค์ใด ก็ต้องเป็นบาทบริจาริกาของเทพองค์นั้น
- ถ้ามีบุญกุศลสร้างไว้น้อย มีวาสนาจะได้เป็นเพียงพนักงานตกแต่งประดับประดาอาภรณ์วิภูษิต เครื่องต้นเครื่องทรงของเทพองค์ใด ย่อมอุบัติเกิด ณ ที่ใกล้ๆ ที่บรรทมของเทพผู้ จะเป็นนาย
- ถ้ามีวาสนาจะได้เป็นเพียงเทวดาประเภทรับใช้ เป็นบริวารของเทพผู้มีงเทพผู้มีบุญองค์ใด ก็ย่อมไปอุบัติเกิดภายในบริเวณปราสาทวิมานของเทพผู้จะเป็นนายองค์นั้น
- บาดาล คือ ภพที่ใกล้มนุษย์มากที่สุด มีลักษณะเป็นงูต่าง ๆ
- ภูมะ คือ ที่อยู่ของภูมิเจ้าที่ต่าง ๆ
- รุกขภูมิ คือ ภูมิที่อยู่เหนือหัวเราขึ้นไปเพียงศอกเดียว มีวิมานอยู่บนต้นไม้
- ฉิมพลีภูมิ คือ ดินแดนแห่งเทพผู้มีปีก กึ่งเทพ กึ่งสัตว์ มีฤทธิ์มาก
- คนธรรพ์ภูมิ คือ ดินแดนรอยต่อระหว่างมนุษย์โลกกับเทวโลก
- หิมพานต์ คือ ดินแดนรอยต่อระหว่างมนุษย์โลกกับเทวโลก
- บรรพภูมิ คือ ดินแดน แห่งฤาษีผู้บำเพ็ญพรต ที่หลบลี้จากโลกมนุษย์
- อโยธยาภูมิ คือ ภูมิของผู้มีบุญคุณต่อแผ่นดิน เช่น พ่อหลักเมือง
- ลับแลภูมิ คือ ภูมิของหญิงสาวที่บำเพ็ญเพียร ถือสัจจะเป็นหลัก
- ภุมมา คือ ที่สถิตของเทพบุตร เทพธิดาต่างๆ ที่ยังมีกิเลศ เป็นภูมิที่อยู่ต่อจากมนุษย์ภูมิขึ้นไป มีเทวดาผู้เป็นใหญ่ เป็นมหาราชอยู่ ๔ องค์ เรียกว่า ท้าวจตุโลกบาล มีหน้าที่สอดส่องดูมนุษย์ที่ประกอบผลบุญแล้วรายงานต่อพระอินทร์ เพื่อให้ได้ไปเกิดในสรวงสวรรค์ มีสถานที่ปกครองตั้งแต่กลางเขาสิเนรุ ลงมาจนถึงมนุษยโลก มีอาณาเขตแผ่ออกไปจดขอบจักรวาล ได้แก่
๑. ธตรฐมหาราช
เทพนครอันสวยสดงดงามซึ่งตั้งอยู่ ณ ทิศตะวันออกแห่งสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาภูมินี้มีเทวาผู้ยิ่งใหญ่ทรงพระนามว่า ท้าวธตรฐมหาราชเป็นจอมเทพผู้ปกครอง ท้าวเธอเป็นมหาราช มีบุญญานุภาพมาก มีรัศมีมาก เทวาที่อุบัติเป็นบุตรของพระองค์ก็มีมากมาย ล้วนแต่มีกำลังมาก มีฤทธิ์มีอานุภาพ มีรัศมี มียศเป็นอันมาก พระองค์ทรงเป็นอธิบดี เป็นใหญ่ ทรงปกครองทวยเทพเทวาในเทพนครด้านทิศบูรพา ณ สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาภูมินี้โดยธรรม ซึ่งเป็นผลให้เทวดาทั้งหลายได้รับความสุขสำราญทุกวันคืน นอกจากจะทรงเป็นจอมเทพปกครองเทพบริวารในเทพนครทิศบูรพาดังกล่าวแล้ว ท้าวธตรฐมหาราชยังทรงเป็นอธิบดีปกครองหมู่คนธรรพ์อีกด้วยคนธรรพ์เป็นเทวาพวกหนึ่งซึ่งอยู่ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาภูมินี้ มีความถนัดในการดนตรีศิลปะระบำรำฟ้อนและชำนาญในเพลงขับเป็นยิ่งนัก มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันในหมู่เทวดาทั้งหลาย เช่น คนธรรพ์เทพบุตรผู้หนึ่ง ซึ่งมีนามว่าสุธรรมา ชำนาญในการตีกลองประจำตัวอันมีชื่อว่า สุรันธะ และคนธรรพ์เทพบุตรอีกผู้หนึ่งซึ่งมีนามว่า พิมพสุรกะ ชำนาญในการตีกลองหน้าเดียว เมื่อเขาทั้งสองตีกลองด้วยเพลงคนธรรพ์ ย่อมปรากฏว่ามีความไพเราะเสนาะโสตเหล่าเทพยดานักหนา ไม่ว่าจะมีเทวสันนิบาต กาประชุมเพื่อความสนุกสนานเบิกบานของเหล่าเทพเทวาทั้งหลายในที่ใดย่อมจะมีฝูงคนธรรพ์ทั้งหลายไปร่วมด้วย โดยทำหน้าที่เป็นผู้ขับกล่อม และจับระบำรำฟ้อนให้ปวงเทพได้รับความสุขเริงสราญชื่นบานในการดนตรี บางทีก็มีเทพนารีเข้าร่วมด้วย เป็นการเพิ่มความสนุกสนานให้เกิดแก่เหล่าเทวดามากยิ่งขึ้น แม้แต่องค์ อมรินทร์ท้าวสักกเทวราชซึ่งเป็นจอมเทพในสวรรค์ชั้นไตรตรึงษ์ ก็ยังทรงมีพระทัยโปรดปราน ตรัสสั่งให้ หมู่คนธรรพ์ไปร่วมงานเทวสันนิบาตเช่นนี้เสมอมิขาดสักคราเลย
โดย: Metha เวลา: 2014-2-20 23:52
๒. วิรุฬหกมหาราช
เทพนครอันรุ่งเรืองไปด้วยรัศมีแห่งทวยเทพสวยสดสุดพรรณนา ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชกาภูมิด้านทิศใต้ มีเทวดาผู้ยิ่งใหญ่ทรงพระนามว่า ท้าววิรุฬหกมหาราช เป็นจอมเทพผู้ปกครอง พระองค์ทรงเป็นมหาราชมีบุญญานุภาพมาก มีรัศมี มียศเป็นอันมาก เทพยดาที่อุบัติเกิดเป็นบุตรของพระองค์ก็มีมากมาย ล้วนแต่มีกำลัง มีฤทธิ์มาก ทั้งนี้ ก็เพราะพระองค์เป็นจอมเทพผู้มีบุญญาธิการ ทรงปกครองบริวาร ในด้านทักษิณแห่งจาตุมหาราชิกาสวรรค์นี้ โดยผาสุก ท้าววิรุฬหกมหาราชพระองค์นี้ นอกจากจะเป็นจอมเทพปกครองทวยเทพผู้เป็นบริวารของตน ในเทพนครด้านทิศทักษิณแล้ว พระองค์ยังทรงเป็นอธิบดีของพวก กุมภัณฑ์ อีกด้วย กุมภัณฑ์ เป็นยักษ์พวกหนึ่ง ซึ่งมีรูปร่างแปลกประหลาดพิกล คือ มีท้องใหญ่ นอกจากนี้ยังมีสัญลักษณ์พิเศษ ที่สังเกตได้ง่ายก็คือ มีร่างกายสูงใหญู่มหึมา และมีท่าทางดุร้าย กับทั้งมีอัณฑะเหมือนหม้อฉะนั้น พวกเขาจึงได้นามว่า กุมภัณฑ์ ซึ่งแปลว่า เหล่าสัตว์ที่มีอัณฑะเหมือนหม้อ พวกกุมภัณฑ์ณี มีความเคารพเกรงกลัวต่อท้าววิรุฬหกมหาราช ผู้เป็นเจ้านายของตนยิ่งนัก
โดย: Metha เวลา: 2014-2-20 23:53
๓. วิรูปักษ์มหาราช
เทพนครที่ปรากฏในทิศตะวันตกของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกานี้ ก็มีลักษณะและความสวยสดงดงามเช่นเดียวกับเทพนครที่ตั้งอยู่ในทิศอื่นๆ เทวาผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งครองเทพนครนี้ ทรงพระนามว่า ท้าววิรูปักษ์มหาราช พระองค์ทรงมีบุญญานุภาพมาก รัศมีสดใส มียศเป็นอันมากเทพยดาที่อุบัติบังเกิดเป็นบุตรของพระองค์ก็มีมากมาย ต่างก็ล้วนมีกำลัง มีฤทธิ์มากทั้งนั้น พระองค์เป็นจอมเทพปกครองเทพบริวารในด้านทิศตะวันตกแห่งจาตุมหาราชิกาภูมินี้ โดยผาสุกทุกทิพาราตรี ท้าววิรูปักษ์มหาราชพระองค์นี้ นอกจากจะเป็นจอมเทพปกครองทวยเทวาผู้เป็นบริวารของตนในเทพนครด้านปัจฉิมทิศแล้ว พระองค์ยังทรงเป็นอธิบดีของพวกนาคอีกด้วย พวกนาคนี้มีฤทธิ์มาก พิษแห่งนาคทั้งหลายมีฤทธิ์กล้า อาจตัดเอาผิวหนังแห่งบุคคลให้ถึงแก่ความตายในพริบตาเหมือนกับคมดาบ และเหล่านาคย่อมรู้ จักนฤมิตตนได้ เมื่อจะเที่ยวไปในที่ต่าง ๆ บางคราวย่อมนฤมิตตนเป็นงู บางคราวก็เป็นเพศเทวดา บางคราวก็นฤมิตเพศเป็นกระแต เที่ยวไปในราวไพรโดยสุขสำราญ
โดย: Metha เวลา: 2014-2-20 23:53
๔. เวสสุวัณมหาราช
เทพนครอันรุ่งเรืองสวยงาม ซึ่งปรากฏในด้านทิศอุดรคือ ทิศเหนือของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาภูมินี้ มีเทวาผู้ยิ่งใหญ่ทรงพระนามว่า ท้าวเวสสุวัณเป็นจอมเทพผู้ปกครอง ท้าวเธอเป็นมหาราชมีบุญูญานุภาพมาก มีรัศมีมากมียศมาก แม้เทวดาที่อุบัติเกิดเป็นบุตรของพระองค์ก็มีมาก แต่ละพระองค์ล้วนแต่มีกำลัง มีฤทธิ์ มีรัศมี มีอานุภาพมาก ท้าวเวสสุวัณทรงเป็นจอมเทพปกครองหมู่เทวาที่เป็นบริวารของตนอยู่ในเทพนครด้านทิศอุดรแห่งจาตุมหาราชิกาสวรรค์นี้โดยสุขสำราญ ท้าวมหาราชองค์นี้ ยังมีพระนามปรากฏอีกนามหนึ่งว่า ท้าวกุเวร ฉะนั้นพึงทราบว่า ท้าวเวสสุวัณหรือท้าวกุเวรเป็นเทพองค์เดียวกัน คือ ท่านที่ปกครองเทพนครด้านทิศอุดรในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาที่กำลังกล่าวถึงอยู่นี้นอกจากพระองค์จะปกครองทวยเทพในทิศดังกล่าวแล้ว พระองค์ยังทรงเป็นอธิบดีปกครองพวกยักษ์อีกด้วย
หากว่าไม่ได้ไปอุบัติเกิดในบริเวณวิมานทิพย์ของเทพองค์ใดทั้งนั้น แต่อุบัติเกิดในที่ว่างระหว่างแดนต่อแดน ไม่ทราบว่าจะเป็นบริวารของเทพผู้เป็นเจ้าของวิมานไหน ในกรณีนี้ องค์เทพผู้ ทรงเป็นอธิบดียิ่งใหญ่กว่าฝูงเทพทั้งปวงในเมืองนั้นย่อมจะเสด็จมาเป็นผู้พิพากษาตัดสิน วิธีพิพากษาของพระองค์ท่านก็คือ หากเทวดาที่เกิดใหม่นั้น เกิดใกล้วิมานของเทพองค์ใด ก็ทรงตัดสินให้เป็นบริวารของเทพองค์นั้น หากว่าอนุมานดูแล้ว สถานที่อุบัติเกิดนั้นกึงกลางพอดี ก็ต้องดูที่หน้าของเทพที่เกิดใหม่ หากว่าหันหน้าเล็งแลไปทางวิมานของเทพองค์ใด พระองค์ก็ตัดสินให้เป็นบริวารของเทพองค์นั้น ถ้าว่าเทวดาผู้เกิดใหม่นั้น ไม่แลดูวิมานของเทพองค์ใดเลย เฉยอยู่เช่นนั้น ท่านอธิบดีผู้พิพากษายิ่งใหญ่กว่าเทวดาทั้งปวง ก็ทรงตัดสินเอาเป็นบริวารของพระองค์เองทั้งนี้ เพื่อเป็นการตัดปัญหาเสีย
โดย: Metha เวลา: 2014-2-20 23:53
ถ้าได้เคยสร้างบุญูกุศลไว้มากพอ ก็ไปอุบัติบังเกิดในวิมานของตนเองเพราะว่ามีวิมานคอยต้อนรับอยู่แล้วพร้อมกับบริวาร ไม่ต้องเป็นบุตรธิดาหรือเทวดารับใช้ของผู้ใด เป็นอยู่อย่างอิสระเสรี เสวยสุขอยู่ในเมืองแมนแดนสวรรค์นั้นเมื่อจะกล่าวถึงชีวะความเป็นอยู่ ทวยเทพทั้งหลายย่อมมีสรีระร่างกายเป็นทิพย์ มีรูปโฉมโนมพรรณสวยงามนักหนา กายาเนื้อตัวบริสุทธิ์ ละอาดปราศ-จากมลทินโทษด้วยประการทั้งปวง จะได้มีกลิ่นเหม็นและกลิ่นร้ายในกายของเขาเช่นมนุษย์เรานี้ แม้แต่ลักนิดหนึ่งเป็นไม่มีเลย และเขาย่อมจะเนรมิตกายใหัใหญ่โต หรือเล็กเท่าใดก็ได้ตามจิตปรารถนา เพราะกายาของเขาเป็นทิพย์ เทวดาซึงมีจำนวน ๒๐-๘๐ องค์ อาจจะเนรมิตตนลงให้อยู่ในลถานที่เล็กน้อยประมาณเท่าปลายเส้นผมก็ย่อมทำได้ ในข้อนี้พึงเห็นตัวอย่าง เช่น กาลเมื่อฝูงเทพยดาทั้งหลายพากันมาเฝ้าสมเด็จพระบรมโลกนาถเจ้าองค์พระชินสีห์ บางทีมากันมากตั้งแสนโกฏิเพื่อลดับพระธรรมเทศนา ถ้าว่าเมื่อไม่เนรมิตกายแล้วไซร้ เขาจักได้ที่ ๆ ไหนเป็นที่ฟังธรรมเล่า ฉะนั้น เขาจึงพากันเนรมิตกายลงให้เล็กนักหนา แล้วตั้งใจสดับพระธรรมเทศนาได้โดยสะดวกง่ายดาย
ฝูงเทพยดาทั้งหลายย่อมบริโภคสุธาโภชนาหารอันเป็นทิพย์ทุกวารวันสุธาโภชนาหารนั้นย่อมแห้งเหือดหายไปในกายของเขาจนหมดสิ้นจะได้มีมูตรคูถมีกลิ่นเหม็นรัายกาจเช่นมนุษยชาติก็หาไม่ ตราบใดที่ยังเป็นเทพอยู่ในสรวงสวรรค์ อุปัทวันตรายอันเกิดแต่โรคภัยไข้เจ็บ ย่อมจะไม่มาเบียดเบียนบีฑาแม้แต่นิดหนึ่งเลย เขาย่อมเป็นอยู่อย่างสุขสำราญ ชื่นบาน นักหนา และทรงผ้าผ่อนเครื่องประดับอลังการอันเป็นทิพย์ มีรัศมีรุ่งเรืองส่องสว่าง ก็ผัาทิพย์ภูษาที่เทวดาทั้งหลายนุ่งห่มนั้น อย่าพลันเข้าใจว่าเป็นผ้าอย่างเมืองมนุษย์ โดยที่แท้ ผ้าของเขาเป็นผ้าทิพย์ผืนเล็กนิดเดียว มีปริมาณเท่าดอกปีบเท่านั้น ครั้นเขาคลี่ออกจะนุ่งห่มนั้น กลับพลันใหญู่ยาวและกว้างพอแก่ร่างกายของเทพยดาผู้เป็นเจ้าของ รัศมีทั้งผอง คือ รัศมีแห่งอาภรณ์วิภูษิตต่างๆ ก็ดี รัศมีแห่งวิมานที่สถิตอยู่ก็ดี รัศมีแห่งกายตัวเทพยดาเองก็ดี ย่อมส่องสว่างรุ่งเรืองนักหนา เมื่อเทวดามากต่อมากต่างก็มีรัศมีรุ่งเรืองส่องสว่างเช่นนี้ ราตรีค่ำคืนอันมืดมัวในสวรรค์เทวโลกจืงไม่มีเหมือนอย่างมนุษยโลก มีแต่ทิวาวารปรากฏเป็นดุจกลางวันอยู่เป็นนิจกาลไม่มีกิจด้วยการตามประทีปแสงไฟน้อยใหญ ให้เหนื่อยยากก็สว่างไสวไปเอง ด้วยอำนาจแห่งรัศมีเงินทองแก้วเก้าเนาวรัตน์อันเป็นทิพย์ซึ่งเกิดจากบุญูญูานุภาพที่เทพยดาทั้งหลายได้พากันสร้างสมอบรมมาแต่ปางบรรพ์
ชีวิตความเป็นอยู่ที่พรรณนามานี้ เป็นการกล่าวถึงทวยเทพที่สถิตอยู่ ณ สรวงสวรรค์จาตุมหาราชิกาภูมิชั้นสูง นอกจากนี้ ยังมีเหล่าเทพยดาชั้นต่ำที่นับเนื่องในสวรรค์ชันนี้ ซึ่งมีอยู่ในสถานที่ต่างๆ อีกมากมาย เช่น เทวดาบางพวกมี วิมานอยู่บนยอดเขา บางพวกมีวิมานอยู่ที่แง่ภูเขาบรรพต บางพวกมีวิมานอยู่บนอากาศ บางพวกมีวิมานอยู่บนต้นไม้
อายุ ทวยเทพที่สถิตอยู่ ณ สรวงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาภูมินี้ มีอายุได้ ๕๐๐ ปีทิพย์ นับได้เก้าล้านปี ด้วยการคำนวณปีแห่งมนุษยโลกเรานี้ บุรพกรรม ผู้ที่จะมาอุบัติเกิดเป็นเทพยดาเสวยสุขอยู่ในสวรรค์ชั้นนี โดยมากเมื่อเป็นมนุษย์ เขาเป็นคนมีจิตบริสุทธิ์ พยายามหาความดีใส่ตน สนฺตุฏโฐเป็นคนสันโดษยินดีแต่ของ ๆ ตน เป็นหัวหน้าชักชวนคนทั้งหลายให้ประกอบการอันเป็นบุญกุศล ครั้นแตกกายวายชนม์ กุศลกรรมจึงนำมาให้อุบัติเกิดในสวรรค์ชั้นนี้ ตามปรารถนา
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) |
Powered by Discuz! X3.2 |