Baan Jompra

ชื่อกระทู้: ว่าน [สั่งพิมพ์]

โดย: Metha    เวลา: 2014-1-16 13:05
ชื่อกระทู้: ว่าน
ว่าน
ไม้ประดับนามมงคล
"ว่าน" คำที่ใช้เรียกนำหน้าชื่อต้นไม้โดยเฉพาะต้นไม้ที่ใช้ประโยชน์ทางด้านสมุนไพรและไม้ประดับบางชนิด ว่านหลายชนิดถูกเรียกว่า "ว่าน" จนติดปากและเป็นที่รู้จักกันมาแต่โบราณ จากการสืบค้นพบว่ามีการกล่าวถึงว่านในหนังสือตำรายาไทยชื่อ แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ รวบรวมโดย พระยาพิศประสาทเวช ในปี พ.ศ. 2452 และ หนังสือชื่อ แพทย์ตำบล เล่ม1 รวบรวมจัดพิมพ์โดย พระยาแพทย์พงศา วิสุธาธิบดี (สุ่น สุนทรเวช) ต้นตระกูลสุนทรเวช ในปี พ.ศ.2464 หนังสือทั้งสองเล่มกล่าวถึงว่าน 5 ชนิดเท่านั้นคือ ว่านกีบแรด ว่านนางคำ ว่านหางช้าง ว่านน้ำ ว่านเปราะ
หลังจากปี พ.ศ. 2464 เป็นต้นมา ว่านจึงเริ่มเป็นที่แพร่หลาย มีตำราที่กล่าวถึงลักษณะว่าน ตำราที่รวบรวมความรู้เกี่ยวกับว่าน ใน ปี พ.ศ. 2476 หลวงประพัฒน์สรรพากร รวบรวมหนังสือชื่อ ตำรากระบิลว่าน จนเป็นที่ยอมรับในหมู่นักเล่นว่านและนับว่าเป็นตำราที่ให้ความรู้เรื่องว่านอย่างสมบูรณ์ที่สุด แม้ราชบัณฑิตสถานยังยอมรับและใช้เป็นหนังสืออ้างอิงในการชำระพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน โดยนิยามไว้ว่า "ว่าน คือพืชที่มีหัวบ้าง ที่ไม่มีหัวบ้าง ใช้เป็นยาบ้าง ใช้อยู่ยงคงกระพันบ้าง" เห็นได้ว่าความหมายตามพจนานุกรม ว่านคือพืชที่มีหัวหรือไม่มีหัวก็ได้ บางชนิดปลูกเพื่อใช้เป็นยาสมุนไพร เป็นเครื่องรางของขลัง ป้องกันอันตราย พิษสัตว์กัดต่อย ยาเบื่อเมา ยาสั่ง ยาเสพติด สามารถดับพิษร้ายให้หายได้ ว่านแต่ละชนิดมีคุณานุภาพบันดาลให้เกิดผล เกิดโชคลาภ ทำมาค้าขึ้น เงินทองไหลมาเทมา มีคนเคารพนับถือ มีความเชื่อกันว่าการปลูกเลี้ยงว่าน ถ้าทำให้ถูกต้องตามพิธีการ ให้ความสำคัญว่าว่านเป็นของศักดิ์สิทธิ์มีอิทธิฤทธิ์ ก็ต้องมีพิธีมากกว่าการปลูกเลี้ยงธรรมดา เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ปลูกเลี้ยงและเป็นการเพิ่มฤทธิ์ธานุภาพให้แก่ว่าน เช่น เวลารดน้ำต้องเสกคาถากำกับเป็นบทเป็นตอนต่างกันไป สามจบ เจ็ดจบหรือตามอายุของผู้ปลูกเลี้ยงแล้วแต่ชนิดของว่าน การขุดก็ต้องทำในวัน เดือน ต่างๆ กัน ทั้งข้างขึ้น ข้างแรม เช่น การขุดเก็บว่านมักเลือกวันอังคาร วันใดวันหนึ่งในเดือนสิบสองหรือไม่เกินวันพุธข้างขึ้นของเดือนอ้าย เวลาขุดใช้มือตบดินใกล้กอว่านหรือต้นว่าน แล้วเสกคาถาเรียกว่านไปตบดินไปจนจบคาถา จึงคอยขุดนำหัวว่านขึ้นมา
นับจาก พ.ศ.2484 ความนิยมว่านก็ค่อยๆ ห่างหายไป จนกระทั่ง พ.ศ. 2500 ความนิยมว่านให้ความสำคัญกับว่านกลับมาอีกครั้งหนึ่ง มีการรวบรวมจัดพิมพ์หนังสือว่านขึ้นมาอีกหลายฉบับ โดยเฉพาะหนังสือ ว่านกับคุณลักษณะ รวบรวมโดย นายเลื่อน กัณหะกาญจนะ จัดพิมพ์จัดจำหน่ายในนามของ สมาคมพฤกษศาสตร์แห่งประเทศไทย เป็นหนังสือที่ได้รับความนิยมจากนักเล่นว่านมาก
ปัจจุบันผู้ที่ให้ความสนใจว่านไม่เพียงชื่นชอบเหมือนผู้เลี้ยงว่านในสมัยก่อนเท่านั้น แต่ยังให้ความสนใจในเรื่องต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ในด้านอื่นๆ หลายรูปแบบ รวมทั้งการสนใจว่านในเชิงพฤกษาศาสตร์ ซึ่งมีการจัดแบ่งว่านได้ถึง 34 วงศ์ (Family) 512 สกุล (Genus) และ กว่า 1700 พันธุ์ (Species) มีทั้งว่านที่ให้ประโยชน์ทางยาสมุนไพรรักษาโรค ว่านที่มีชื่อเป็นมงคลนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ ซึ่งมีความเชื่อว่าว่านเหล่านี้เมื่อปลูกเลี้ยงแล้วจะส่งผลให้ทำมาค้าขึ้น นำโชคลาภวาสนา มาสู่ผู้ปลูกเลี้ยง เช่นว่านที่เว็บไซท์ ๑๐๘ พรรณไม้ไทย นำเสนอนี้เป็นเพียงบางส่วนของว่านที่เป็นมงคลนาม มีความสวยงาม และเป็นที่นิยมของผู้ปลูกเลี้ยงทั่วไป


ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn.shtml

โดย: Metha    เวลา: 2014-1-16 13:07
ว่านกวักแม่ทองใบ
ลักษณะทั่วไปว่านกวักแม่ทองใบ เป็นว่านที่มีหัวอยู่ใต้ดิน มีลักษณะกลมคล้ายหอมหัวใหญ่ ผิวนอกของหัวมีสีเขียวอ่อน เนื้อในหัวสีขาว มองดูเผินๆ จะเหมือนกับต้นพลับพลึง แต่ไม่ใช่เพราะไม่มีลำต้นเหนือดินอย่างพลับพลึง มีก้านใบแตกออกจากหัว โคนของก้านใบเป็นกาบสั้นๆ ก้านใบด้านบนแบนแต่ด้านหลังนูน กลางใบมีร่องสีเขียวเข้ม ใบยาวประมาณ 25-30 ซม. หน้าใบเป็นเส้นอย่างเห็นได้ชัด มีความหนาพอประมาณ แตกใบออกเป็น 2 ข้างสลับกันข้างละใบ เป็นใบรูปหอก ปลายใบมนแหลม โคนค่อยๆ สอบเข้าหาก้านใบ ดอกสีขาว เหมือนดอกพลับพลึง มีเกสรสีเหลือง กลิ่นหอม มีก้านช่อดอกยาว ออกดอกเป็นกลุ่ม กลุ่มละหลายดอก มีกลีบดอกขนาดเล็กสีขาวโคนกลีบดอกมีพังผืดสีขาวเชื่อมระหว่างกลีบดอกการปลูกควรปลูกในดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี กลบดินแค่ครึ่งหนึ่งของหัวว่าน อย่ากดดินให้แน่นนัก และให้รดน้ำทุกเช้า-เย็น ระวังอย่าให้น้ำขังเพราะจะทำให้หัวว่านเน่าได้การขยายพันธุ์โดยการแยกหัวความเป็นมงคลเป็นว่านมหานิยม เหมาะที่จะปลูกไว้หน้าบ้านหรือร้านค้าขาย ดูแล้วสวยงาม จึงดึงดูดให้ผู้พบเห็นเกิดความสนใจ เรียกโชคลาภเข้าร้านเข้าบ้านไม่ขาด


ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn.shtml


โดย: Metha    เวลา: 2014-1-16 13:14
ว่านสี่ทิศ
ชื่อวิทยาศาสตร์Hippeastrum johnsonii.วงศ์AMARYLLIDACEAEชื่อสามัญWan-See-Tilชื่ออื่นๆ-ลักษณะทั่วไปว่านสี่ทิศเป็นพันธุ์ไม้ในวงศ์พลับพลึง มีลำต้นเป็นหัวอยู่ใต้ดินมีลักษณะคล้ายกับหอมหัวใหญ่ ส่วนที่โผล่ขึ้นมาเหนือดินเป็นส่วนของก้านใบ และตัวใบเท่านั้น ลักษณะของใบเป็นสีเขียว รูปหอกยาวเรียว ปลายมน ขอบใบเรียบ ใบกว้างประมาณ 3-5 ซม. และยาวประมาณ 25–30 ซม. ก้านดอกจะแทงสูงขึ้นจากกอ มีความประมาณ 25-30 ซม. ดอกออกตรงปลายก้านดอก มีสีชมพูตรงปลายดอก ดอกแยกออกเป็น 6 กลีบ เมื่อบานเต็มที่จะกว้างประมาณ 6-8 ซม. และจะทยอยกันบานทีละ 4 ดอก จึงนิยมเรียกกันว่า “ว่านสี่ทิศ”การปลูกควรปลูกในดินปนทราย ให้น้ำ และความชื้นปานกลาง ว่านสี่ทิศเป็นพันธุ์ไม้ที่ชอบแสงแดดมาก จึงควรต้องปลูกในที่แจ้ง จึงจะเจริญเติบโตและมีดอกได้ดีการขยายพันธุ์ขยายพันธุ์โดยแยกหน่อ หรือแยกหัวไปปลูกใหม่ความเป็นมงคลเชื่อกันว่าถ้าเลี้ยงว่านสี่ทิศให้ออกดอกพร้อมกันได้ทั้งสี่ดอกหรือสี่ทิศผู้เลี้ยงจะมีโชคลาภ และหากว่าในช่วงที่ว่านสี่ทิศกำลังออกดอกทั้งสี่อยู่นั้น ผู้เลี้ยงคิดจะทำอะไร ก็จะประสบความสำเร็จทุกประการ แต่ถ้าหากว่า ว่านสี่ทิศออกดอกไม่ครบทั้งสี่ดอก หรือออกดอกแค่ 2 หรือ 3 ดอก ก็จะไม่เป็นผลดีแก่ผู้เลี้ยงเหมือนเป็นลางบอกเหตุว่าจะมีสิ่งไม่ดีเกิดแก่ผู้เลี้ยง

ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn.shtml
โดย: Metha    เวลา: 2014-1-16 13:16
ว่านนางคุ้ม
ชื่อวิทยาศาสตร์Proiphys amboinensisวงศ์AMARYLLIDACEAEชื่อสามัญCardwell Lily, Northern Christmas Lilyชื่ออื่นๆว่านผู้เฒ่าเฝ้าบ้านลักษณะทั่วไปเป็นว่านที่มีหัวอยู่ใต้ดิน ลักษณะคล้ายหอมหัวใหญ่ ซึ่งหัวประกอบไปด้วยกลีบของหัวที่เรียงซ้อนกันอยู่จนเป็นหัวกลม ใบกลมใหญ่ หนา คล้ายใบฟักทอง มีสีเขียว ก้านใบยาวสีเขียวแก่ ดอกออกเป็นช่อจากกลางกอ ก้านดอกเป็นแท่งสูงตรง จะมีดอกตูมก่อนแล้วบานเป็นสีขาว แต่ละดอกประกอบด้วยกลีบ 6 กลีบ เกสรสีเหลือง มีกลิ่นหอมการปลูกดินที่จะนำมาปลูกว่านนางคุ้ม ให้นำไปเผาไฟเสียก่อน แล้วทุบดินให้แตกละเอียด แล้วตากน้ำค้างทิ้งไว้ 1 คืน จึงนำดินใส่กระถางสำหรับปลูกวางหัวว่านกลางกระถางแล้วกลบดินไม่ต้องให้ดินปิดหัวว่านจนมิด ให้หัวว่านโผล่ขึ้นมาเล็กน้อย รดน้ำพอเปียกเท่านั้น อย่าให้น้ำมากไป เพราะจะทำให้หัวว่านเน่าได้ รดน้ำ เช้า-เย็น อย่างสม่ำเสมอการขยายพันธุ์โดยการแยกหัวความเป็นมงคลเชื่อว่าว่านนางคุ้มเป็นว่านที่มีความมงคลทางด้านคุ้มครองป้องกันอันตรายต่างๆ ถ้าปลูกไว้ในบ้านจะมีคุณทางป้องกันไฟไหม้ได้ คือ จะคุ้มครองให้บ้านและผู้เป็นเจ้าของรอดพ้นจากการถูกไฟไหม้

ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn.shtml
โดย: Metha    เวลา: 2014-1-16 13:21
ว่านนางล้อม
ลักษณะทั่วไปเป็นว่านที่มีลำต้นอยู่ใต้ดิน ในหนึ่งกอจะมีหัวใหญ่อยู่ 1 หัว อยู่ตรงกลางกอ มีหัวเล็กๆ ซึ่งเกิดทีหลังเรียงรายอยู่รอบๆ หัวใหญ่ ลักษณะของหัวเป็นสีเขียว กลมเรียวเป็นมัน ใบแตกตรงส่วนยอดของหัวว่าน ใบคล้ายใบกุยช่ายพื้นใบสีเขียว ใบแคบเล็ก ยาว ขอบใบทั้งสองข้างใบจะเป็นเส้นขนานปลายใบแหลม ผิวและขอบใบเรียบ ไม่มีจัก ไม่มีก้านใบ

การปลูกให้ปลูกในดินร่วนปนทราย ที่ระบายน้ำได้ดี และควรปลูกใส่กระถางปากกว้าง ทรงเตี้ย แล้วจัดวางกระถางว่านไว้ในที่ร่มรำไร อย่าให้โดดแดดจัด รดน้ำเฉพาะตอนเช้า เพียงวันละหนึ่งครั้งก็พอ รดน้ำให้ชุ่ม แต่อย่าให้แฉะ เพราะจะทำให้หัวว่านเน่าได้

การขยายพันธุ์ขยายพันธุ์โดยการแยกหัว

ความเป็นมงคลว่านนางล้อมเป็นว่านมหามงคล ปลูกไว้ในบริเวณบ้าน จะช่วยป้องกันคุ้มครองบ้านเรือนให้รอดพ้นจากภัยพิบัติต่างๆ ได้ ทำให้ครอบครัวมีความอยู่เย็นเป็นสุข ปราศจากศัตรูหรืออมิตรทั้งหลาย
  

ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn.shtml
โดย: Metha    เวลา: 2014-1-16 13:26
ว่านมหาโชค
ลักษณะทั่วไปว่านมหาโชคมีลำต้นเป็นหัวอยู่ใต้ดิน ภายในหัวจะเป็นกลีบเรียงตัวซ้อนกันอยู่ คล้ายหัวหอมใหญ่ ส่วนที่โผล่พ้นผิวดินจะเป็นกาบใบ ใบ และดอกเท่านั้น ใบลักษณะคล้ายใบพาย ปลายใบแหลม โคนใบค่อยๆ สอบเข้าหาก้านใบ พื้นใบสีเขียวเป็นมัน มีเส้นเรียงเป็นแถวตามแนวยาวของใบเล็กน้อย ก้านดอกเป็นทรงกรวยยาวประมาณ 30-40 ซม. ตรงปลายก้านแยกออกเป็น 5–7 ก้าน มีดอกสีขาวปลายก้าน มีกลีบเรียงซ้อนๆ กันเป็นทรงกลม 6 กลีบ มีเกสรกลางดอกเป็นสีเหลืองอ่อน และยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ด้วย

การปลูกควรปลูกในดินปนทราย รดน้ำแต่ปานกลางพอให้ดินชุ่ม และให้ได้รับแสงแดดรำไร

การขยายพันธุ์ขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อไปปลูก

ความเป็นมงคลเชื่อกันว่าหากเลี้ยงว่านให้เจริญงอกงามดี ผู้เลี้ยงจะมีโชคลาภในทุกๆ ทาง ไม่ว่าจะเป็นวรรณะ พละกำลัง อนามัยที่สมบูรณ์ และความสุข


ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn.shtml

โดย: Metha    เวลา: 2014-1-16 13:28
ว่านมหาลาภ
ชื่ออื่นๆว่านหงสาวดี

ลักษณะทั่วไปว่านมหาลาภมีลักษณะต้นเหมือนว่านมหาโชค คือลำต้นเป็นหัวใต้ดิน หัวเหมือนหอมหัวใหญ่แต่มีขนาดเล็กกว่า ใบรูปใบพาย แต่ค่อนข้างสั้นและป้อม ปลายใบโค้งมนแหลม โคนใบค่อยๆ สอบเข้าหาก้านใบ พื้นใบเรียบสีเขียวเป็นมัน ก้านใบจะยาวกว่าใบเล็กน้อย ก้านดอกพุ่งตรงขึ้นมาจากกลางลำต้นสูงประมาณ 30-40 ซม. ออกดอกเป็นกลุ่มแล้วทยอยกันบาน ดอกสีแสดปนเหลือง กลีบดอกค้อนข้างเล็กและยาว ปลายกลีบมน เกสรยาวลงสู่พื้นดิน ส่วนปลายเกสรงอนขึ้นเล็กน้อย ช่อดอกหนึ่งๆ มีดอกประมาณ 3–7 ดอก ขึ้นกับความสมบูรณ์ของต้น

การปลูกว่านมหาลาภเจริญงอกงามได้ดีในดินร่วนปนทราย และผสมดินลูกรังสีแดงด้วย ควรให้มีการระบายน้ำที่ดี เพราะหากน้ำขังจะทำให้หัวว่านเน่าได้ หากปลูกในกระถางปากกว้างจะเหมาะมาก เพราะใบจะปกคลุมปากกระถางดูสวยงาม เป็นไม้ที่ไม่ชอบแดดจัดนักจึงควรจัดให้ได้รับแสงปานกลาง รดน้ำแต่ตอนเช้า

การขยายพันธุ์โดยการแยกต้น

ความเป็นมงคลว่านมหาลาภมีคุณประโยชน์ด้านเมตตามหานิยม ปลูกไว้ย่อมเกิดลาภผลทวีคูณหลายประการ มักปลูกเป็นต้นไม้เสี่ยงทาย หากเจริญงอกงาม ออกดอกดกดี ผู้ปลูกมักจะได้ลาภจากการเสี่ยงโชคเสมอ ในทางกลับกันหากว่าต้นอับเฉาไม่ออกดอกเป็นลางบอกเหตุว่าจะอับโชค เสียทรัพย์ เชื่อกันว่าการปลูกว่านมหาลาภควรปลูกในวันศุกร์ข้างขึ้นจะดีที่สุด


ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn.shtml
โดย: Metha    เวลา: 2014-1-16 13:33
ว่านรางนาก
ลักษณะทั่วไปว่านรางนากเป็นหัวกลมคล้ายหอมหัวใหญ่ ฝังอยู่ใต้ดิน ใบจะงอกจากหัว ลักษณะใบหนาและแข็ง โคนใบจะเป็นกาบในรูปหอก ปลายใบแหลมมน ขอบใบเรียบ ไม่มีจัก ใบสีเขียวเข้ม หน้าใบมีร่องกลางใบเป็นสีขาวลากยาวตลอดใบ โคนใบด้านหลังเป็นสีแดง หรือแดงปนม่วง ดอกลักษณะเดียวกับว่านสี่ทิศ มีสีชมพูแสด โดยก้านดอกจะมีสีเขียวนวลยาวสูงพ้นใบ ดอกเป็นรูปกรวย ปลายดอกแยกออกเป็น 6 กลีบ ช่อหนึ่งจะมีดอก 2–4 ดอก

การปลูกว่านรางนากชอบดินร่วนปนทราย ควรมีอิฐทุบละเอียดผสมผงถ่าน หรือใบไม้ผุ เวลาปลูกให้หัวว่านโผล่พ้นดินเล็กน้อย รดน้ำปานกลางเช้า–เย็น ควรอยู่ที่แดดร่มรำไร ปลูกในกระถางทรงเตี้ยจะงามยิ่งนัก

การขยายพันธุ์ขยายพันธุ์โดยการใช้หัว

ความเป็นมงคลเชื่อว่าว่านรางนากเป็นว่านเมตตามหานิยม หากปลูกในร้านค้าจะทำให้มีลูกค้าเข้าร้านมากขึ้น

ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn.shtml
โดย: Metha    เวลา: 2014-1-16 13:39
ว่านไชยมงคล
ชื่ออื่นๆศรีกันไชย เศรษฐีสอด

ลักษณะทั่วไปเป็นว่านมีหัวเหมือนหอมหัวใหญ่ มีลำต้นซึ่งประกอบด้วยกาบก้านใบเรียวซ้อนกันหลายกานลำต้นสีขาว ใบเหมือนใบพลับพลึง แต่มีขนาดแคบกว่า พื้นใบสีเขียว ปลายใบมักมัดสอดอยู่อีกปลายใบหนึ่งต่อเนื่องกันไป ดอกสีขาวเหมือนดอกพลับพลึง

การปลูกควรปลูกด้วยดินร่วนปนทรายชอบน้ำ แต่อย่าให้แฉะ ควรจัดวางกระถางว่านไว้ในที่ร่ม หรือให้ถูกแสงแดดเพียงรำไร รดเช้าเย็น

การขยายพันธุ์ขยายพันธุ์โดยการใช้หัว

ความเป็นมงคลเป็นว่านทรงอำนาจช่วยคุ้มครองป้องกันภัยให้กับผู้ปลูกเลี้ยงจนตลอดบริเวณบ้านเรือน หัวมีสรรพคุณเป็นยาใช้กินหรือตำพอกแผลถอนพิษแมลงสัตว์กันต่อยได้ดี

ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn.shtml
โดย: Metha    เวลา: 2014-1-16 14:10
ว่านแร้งคอดำ
ชื่ออื่นๆว่านแร้งคอดำ, ว่านคอแดง (กรุงเทพฯ), ว่านแร้งคอคำ (ภาคกลาง), ว่านคอแดง (ภาคใต้)

ลักษณะทั่วไปเป็นพรรณไม้ล้มลุก มีลำต้นเป็นหัวอยู่ใต้ดิน ลักษณะหัวกลมคล้ายหอมหัวใหญ่ ใบมีลักษณะเป็นรูปขอบขนานยาวเรียว ขอบใบเป็นคลื่นบาง มีความยาวประมาณ 60-90 ซม. กว้างประมาณ 7-10 ซม. ดอกออกเป็นช่อ เป็นกระจุกประมาณ 10-20 ดอก ตรงปลายช่อ ดอกตูมมีลักษณะเป็นรูปหอกมีกาบหุ้มยาวประมาณ 7-10 ซม. อยู่บนก้านดอกสั้นๆ ก้านดอกอวบหนามีความยาวประมาณ 60-90 ซม. กลีบดอกแยกเป็น 6 กลีบ และมีความกว้างกว่าดอกพลับพลึง เป็นสีขาว หรือแต้มด้วยสีแดงตรงกลาง หรือทางด้านหลังของกลีบ ส่วนเกสรตัวผู้จะมีอู่ 6 อัน และมีอับเรณูเป็นรูปโค้ง

การปลูกชอบดินร่วนปนทราย ที่ระบายน้ำได้ดี ชอบความชื้นสม่ำเสมอ ควรอยู่ที่แดดรำไร

การขยายพันธุ์ขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ

ความเป็นมงคลเป็นว่านคงกระพันชาตรี ใช้หัวพกติดตัวหรือกินหัวว่านก็ได้

สรรพคุณทางยาใช้หัวฝนทารักษาอาการเคล็ด ขัดยอก บวม หรือจะใช้หัวดองกับเหล้ากินเป็นยาชักมดลูก เหมาะสำหรับผู้หญิงที่คลอดลูกใหม่ๆ รักษาโรคเกี่ยวกับอาการปวดในข้อ รักษาโรคริดสีดวงทวาร และฝี ส่วนน้ำที่ได้จากใบใช้รักษาอาการปวดหู


ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn.shtml
โดย: Metha    เวลา: 2014-1-17 08:17
ว่านกุมารทอง
ชื่ออื่นๆว่านกระทุ่ม ว่านตะกร้อ (เหนือ) ว่านแสงอาทิตย์ (กรุงเทพฯ)

ลักษณะทั่วไปเป็นพันธุ์ไม้ล้มลุกที่มีลำต้นใต้ดิน ลักษณะหัวว่านคล้ายหอมหัวใหญ่ เปลือกที่หุ้มหัวมีสีน้ำตาลไหม้ และมีจุดสีแดงคล้ำประทั่วหัว ส่วนล่างของหัวมีรากออกเป็นกระจุกหนาแน่นดูเหมือนแท่นหรือฐานรองหัว ทำให้ดูคล้ายเด็กนั่งอยู่บนแท่นไว้ผมจุก จึงถูกเรียกชื่อว่า "ว่านกุมารทอง" ลำต้นส่วนที่โผล่ขึ้นมาเหนือผิวดินจะมีลักษณะกลม สีเขียว มีจุดสีแดงคล้ำตลอดทั้งก้าน ใบเป็นใบเลี้ยงเดี่ยว ลักษณะใบรีแกมรูปขอบขนาน ปลายใบมน โคนใบสอบเรียว ขอบใบเรียบเป็นคลื่นเล็กน้อย พื้นใบเป็นสี เขียวสด บิดตัวเป็นคลื่นเล็กน้อย ก้านใบเป็นรูปครึ่งวงกลม หรือหวายผ่าซีก แตกใบตรงส่วนยอดของต้นหรือก้านใบ ดอกจะออกก่อนใบ เมื่อดอกโรยแล้วใบจึงจะแทงขึ้นจากหัวใต้ดิน ดอกเป็นช่อแบบช่อซี่ร่ม ลักษณะของช่อดอกกลม ช่อหนึ่งๆ ประกอบด้วยดอกเล็กๆ หลายดอก ซึ่งแต่ละดอกมีกลีบดอกเป็นเส้นฝอยสีแดง ตรงปลายเป็นสีเหลืองเล็กน้อย ก้านดอกยาวมีสีเขียว ดอกดูสวยงามมาก โดยส่วนใหญ่แล้วดอกจะออกประมาณเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมของทุกปี

การปลูกใช้ดินปนทรายหรือดินเผาไฟเป็นดินปลูก กลบดินพอมิดหัวว่าน รดน้ำที่เสกด้วยคาถา นะโมพุทธายะ ๓ หรือ ๗ จบ เสมอ ควรปลูกในวันเกิดของผู้ปลูกจะเป็นสิริมงคล ว่านต้นนี้ชอบความชื้นสูง ควรตั้งไว้ในที่ร่มรำไร

การขยายพันธุ์ขยายพันธุ์ด้วยการแยกต้นที่เกิดใหม่หรือหัวใต้ดิน

ความเป็นมงคลบ้านเรือนหรือร้านค้าใดมีว่านกุมารทองปลูกไว้จะเป็นสิริมงคลแก่สถานที่และผู้ปลูก เป็นว่านที่มีอำนาจ มีเทวดาคุ้มครอง เป็นที่ยำเกรงแก่ผู้พบเห็น ถ้าค้าขายก็จะขายได้กำไรไม่ล่มจม ให้อธิษฐานเอาเถิดในสิ่งที่ปรารถนา ถ้านำดอกว่านไปเคี่ยวน้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันถั่วไว้ทาตัวจะทำให้อยู่ยงคงกระพันชาตรี ควรปลูกว่านต้นนี้ไว้ใกล้ๆ ศาลพระภูมิจะยิ่งดี เป็นว่านคู่กับ ว่านนางคุ้ม ว่านผู้เฒ่าเฝ้าบ้าน




ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn_AMARYL_10.shtml

โดย: Metha    เวลา: 2014-1-17 08:31
ว่านเสน่ห์จันทน์เขียว
ลักษณะทั่วไปเป็นว่านที่เกิดจากหัวที่อยู่ใต้ดิน ลำต้นโผล่ขึ้นมาเหนือดิน มีลักษณะเป็นกอกลม คล้ายต้นบวบมีสีน้ำตาลไหม้ ใบเป็นรูปหัวใจ ปลายใบแหลม โคนเว้า พื้นใบและก้านใบมีสีเขียว ช่วงใบถี่ ขอบใบเรียบไม่มีหยัก ใบออกตรงส่วนยอดของลำต้น ออกดอกเป็นกลุ่มระหว่างกาบของก้านใบ ลักษณะของดอกคล้ายกับดอกจำปีตูมมีสีเขียว มีกาบดอกห่อหุ้มเกสรอยู่ และมีลักษณะเป็นแท่ง ว่านเสน่ห์จันทน์เขียวมี 2 ชนิด คือ ชนิดหนึ่งเกสรจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ และอีกชนิดหนึ่งเกสรไม่มีกลิ่นหอม

การปลูกเสน่ห์จันทน์เขียวเป็นว่านที่ปลูกได้ในดินทุกชนิด แต่จะเจริญงอกงามได้ดีในดินปนทราย ควรปลูกในที่ร่มหรือที่ร่มรำไร ให้มีแสงแดดส่องได้เพียงเล็กน้อย ถ้าถูกแสงแดดจัดนานจะทำให้ใบไหม้ การให้น้ำควรให้สม่ำเสมอทั้งเช้าและเย็น เพราะว่านเสน่ห์จันทน์เขียว เป็นไม้ที่ต้องการความชื้นสูงพอสมควร

การขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อจากหัวเดิมมาปลูกใหม่

ความเป็นมงคลเสน่ห์จันทน์เขียวเป็นว่านเสน่ห์เมตตามหานิยม ปลูกเลี้ยงไว้เพื่ออำนวยโชคลาภและทำให้ผู้เป็นเจ้าของมีเสน่ห์ การพบปะผู้คนก็จะมีแต่คนชอบคนรักในตัวผู้เป็นเจ้าของว่าน และเป็นว่านที่เหมาะที่จะปลูกไว้ตามร้านค้าและบ้านเรือนเพราะจะทำให้มีลูกค้าหรือแขกบ้านไปมาหาสู่อย่างมิตรอย่างสม่ำเสมอ
ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn_AMARYL_10.shtml

โดย: Metha    เวลา: 2014-1-17 08:34

ว่านเสน่ห์จันทน์แดงลักษณะทั่วไปเป็นว่านที่เกิดจากหัวที่อยู่ใต้ดิน ลำต้นอยู่เหนือผิวดิน ไม่มีการแตกกิ่งก้านสาขา ลำต้นประกอบด้วยก้านใบหลายๆ ก้าน ก้านใบกลมยาวมีสีเขียวอมแดงหรือสีเขียว หากเลี้ยงได้สมบูรณ์ก้านใบอาจเป็นสีแดงปนดำหรือสีแดงเลือดหมูตลอดทั้งก้านโดยไม่มีสีเขียว ใบมีลักษณะเป็นรูปหัวใจ โคนใบมนเว้า ปลายใบแหลม และขอบใบเรียบไม่มีหยัก พื้นใบสีเขียว ว่านเสน่ห์จันทน์แดงออกดอกเป็นกลุ่ม คล้ายดอกจำปีตูม ประกอบไปด้วยกาบดอกห่อหุ้มแท่งเกสรอยู่ภายใน ทั้งดอกและก้านดอกเป็นสีแดง

การปลูกควรปลูกในดินร่วนหรือดินปนทราย เป็นว่านที่เจริญเติบโตได้ดีทั้งในที่ร่มและที่มีแสงแดดจัด แต่เป็นว่านที่ชอบน้ำมาก จึงควรรดน้ำสม่ำเสมอทั้งเช้าเย็น

การขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ

ความเป็นมงคลว่านเสน่ห์จันทน์แดงจะเป็นมงคลในเรื่องของมหานิยม ถ้าปลูกไว้ในบริเวณบ้าน ก็จะเป็นศรีมีเสน่ห์แก่ครอบครัว ผู้ใดจะคิดบุกเข้ามากระทำการร้ายใดๆ ก็จะไม่สำเร็จและจะทำให้ผู้ที่คิดร้ายนั้นกลับมีจิตเมตตาขึ้นมาแทน

ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn_AMARYL_10.shtml

โดย: Metha    เวลา: 2014-1-17 09:02
ว่านเสน่ห์จันทน์ขาว

ลักษณะทั่วไปเสน่ห์จันทน์ขาวเป็นว่านที่ลำต้นโผล่ขึ้นมาจากหัวที่อยู่ใต้ดิน ประกอบไปด้วยกาบใบที่ห่อหุ้มลำต้นอยู่ มีลักษณะคล้ายกับต้นบอน ลำต้นเป็นสีน้ำตาล ใบเป็นรูปใบโพธิ์ พื้นใบสีเขียวและมีสีขาวประอยู่ทั่วใบ ปลายใบแหลมเรียว โคนใบเว้าเข้าหาก้านใบ และถ้าใบสมบูรณ์ดี เส้นกลางใบก็จะเป็นสีขาว ใบอ่อนแตกตรงส่วนยอดของลำต้น โดยจะมีก้านใบกลมตรงชูขึ้นมาและก้านใบก็จะมีขาวด้วย ดอกสีขาวอมเขียวออกดอกเป็นกลุ่ม ลักษณะของดอกคล้ายกับดอกจำปีตูม มีกลีบเดียวกลางดอกมีเกสรเป็นรูปแท่ง มีก้านดอกยาวสีขาว

การปลูกควรปลูกในดินปนทรายหรือดินที่มีการระบายน้ำได้ดี อย่าให้ถูกแสงแดดจัดอาจทำให้ตายได้ ควรปลูกในที่มีแสงแดดรำไร ว่านเสน่ห์จันทน์ขาวเป็นว่านที่ชอบน้ำมาก จึงควรรดน้ำทุกเช้าและเย็น

การขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ

ความเป็นมงคลเป็นว่านที่มีอำนาจในทางเสน่ห์ ปลูกขึ้นที่ไหนหรือบ้านใดสามารถเป็นเสน่ห์เรียกคนไปที่นั่นได้ ในสมัยโบราณเชื่อกันว่าเป็นว่านเชิงเสน่ห์ระหว่างชายและหญิง และถ้านำหัวว่านมาแกะเป็นรูปนางกวักก็จะเป็นเสน่ห์แก่ผู้ที่ทำอาชีพค้าขาย



ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn_AMARYL_10.shtml
โดย: Metha    เวลา: 2014-1-17 09:03
ว่านเสน่ห์จันทน์มหาโพธิ์

ชื่ออื่นๆว่านศรีมหาโพธิ์

ลักษณะทั่วไปเสน่ห์จันทร์มหาโพธิ์มี ลำต้นเป็นหัวอยู่ใต้ดิน ก้านใบกลมเรียวสีเขียว บริเวณโคนแผ่ออกเป็นกาบโอบหุ้มลำต้นแบบสลับโดยรอบ ใบรูปหัวใจ ปลายใบแหลมเป็นติ่ง โคนใบกลมและหยักเว้า เส้นกลางใบและเส้นใบทางด้านบนเป็นร่องลึกสีเขียวอ่อนทางด้านล่างนูนเป็นสัน แผ่นใบหยักเป็นคลื่น ส่วนใหญ่จะอยู่ในลักษณะนอนขนานกับพื้นดิน ราก ลำต้น ก้านใบ หักดมจะมีกลิ่นหอม ยอดอ่อนแทงออกมาก่อนจะคลี่ใบ มีหน่ออ่อนตามข้างหัว ดอกคล้ายดอกจำปีตูม สีเขียวอ่อน

การปลูกใช้ดินร่วนผสมอิฐเผาไฟทุบละเอียด นำไปตากน้ำค้างหนึ่งคืน เอามาใช้เป็นดินปลูก วางหัวว่านตรงกลางกระถาง โดยปลูกให้หัวโผล่ กดดินพอแน่นรดน้ำพอเปียกชุ่ม วางกระถางในที่ร่มแต่ให้ถูกแดดรำไร เป็นว่านที่ไม่โทรมเหมือนว่านอื่นๆ ที่จะทิ้งใบบางฤดู แต่ว่านนี้จะทรงตัวอยู่ได้ตลอดทั้งปี

การขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ

ความเป็นมงคลใช้เป็นสิริมงคลในด้านการค้า และเมตตามหานิยม เชื่อกันว่าหากนำหัวว่านมาแกะเป็นรูปพระ แล้วใส่สงในขันสำริด เทน้ำมันจันทน์ลง เสกด้วยคาถา นำน้ำมันมาทาที่หน้าผาก ผู้คนที่พบปะจะนิยมรักใคร่สนิทสนม ต้อนรับขับสู้ เอ็นดูและเมตตา หากนำน้ำมันมาทาตัวจะเกิด นะจังงัง คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดจากอุบัติภัย อันตราย หากนำน้ำมันมาใส่หัวใส่มือ จะสามารถทำกิจการงานใดๆ สำเร็จสมดังมุ่งหมาย


ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn_AMARYL_10.shtml

โดย: Metha    เวลา: 2014-1-17 09:17
ว่านเต่าเกียด
ชื่ออื่นๆเต่าเขียด (ภาคกลาง), โหรา (ชุมพร)

ลักษณะทั่วไปเป็นไม้ล้มลุก ลำต้นเป็นเหง้าอยู่ใต้ดิน ส่วนที่โผล่ขึ้นมาเหนือดินนั้นเป็นเพียงก้านใบและใบ ก้านใบยาว 30-40 ซม. ซึ่งจะชูใบแตกขึ้นมาบนผิวดิน ก้านใบสีเขียวแกมแดง ลักษณะกลมเรียว ใบเป็นรูปสามเหลี่ยม ปลายแหลม โคนใบเว้าเป็นรูปหัวใจ ขอบใบเรียบ ไม่มีจัก มีสีเขียวกว้างประมาณ 10-15 ซม. ยาว 10-20 ซม. ดอกออกเป็นช่อ แต่จะไม่มีก้านช่อดอกลักษณะของดอกจะคล้ายกับดอกบอน แต่มีขนาดเล็กกว่า ดอกสีเขียวอมเหลือง

การปลูกปลูกโดยใช้ส่วนผสมของดินร่วน 5 ส่วน ทรายหยาบ 1 ส่วน เปลือกถั่วและอิฐก้อนเล็กอย่างละ 1 ส่วน

การขยายพันธุ์ขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ

ความเป็นมงคลเป็นมงคลในด้านการค้าและเมตตามหาเสน่ห์ พัดโบกเงินทองและสิ่งเป็นมงคลเข้ามาในบ้าน สิ่งที่ไม่ดีตลอดจนโรคภัยไขเจ็บก็ให้ห่างไกล

สรรพคุณทางยาหัวมีกลิ่นหอม นำมาบดเป็นผงใช้ผสมกับใบยาสูบและยานัตถุ์ได้ เมื่อนำมากลั่นด้วยไอน้ำจะได้น้ำมันหอมสีเหลือง นอกจากนี้หัวยังใช้ผสมกับเครื่องเทศใส่แกงทำให้มีรสหอมอีกด้วย ทั้งต้นนำมาตำแล้วใช้ทาแก้โรคผิวหนัง


ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn_AMARYL_10.shtml

โดย: Metha    เวลา: 2014-1-17 09:25
ว่านเต่านำโชค

ชื่ออื่นๆบุกเต่า

ลักษณะทั่วไปว่านเต่านำโชค เป็นพืชล้มลุกที่มีหัวอยู่ใต้ดิน หัวเป็นรูปกลมแป้นขนาดเท่ากำมือเด็ก ผิวเปลือกสีน้ำตาล ตอนบนมีลักษณะโหนกนูนเหมือนกระดองเต่า ตอนมีลักษณะล่างแบนราบซึ่งรากจะแทงออกทางด้านนี้ บางหัวมีปุ่มยื่นออกมาลักษณะคล้ายหัว เขา และหางเต่า จึงถูกตั้งชื่อตามลักษณะว่า "ว่านเต่านำโชค" เนื้อในหัวเป็นสีขาว หรือสีนวล มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ลำต้นแตกขึ้นบริเวณกลางหัวด้านบน มีลำต้นเหมือนต้นบุก สูงประมาณ 1-2 ฟุต ลำต้นเป็นสีน้ำตาลแดง มีจุดดำๆ เห็นได้ชัดต่างกันกับบุก แตกใบบริเวณส่วนปลายลำต้น โดยลักษณะใบเป็นแฉกๆ แผ่กว้างและกางออก ใบสีเขียวเข้ม ผิวใบมีขนสีน้ำตาลกระจายทั่ว ใต้ใบเขียวอ่อน ดอกจะแทงขึ้นมาจากหัวใต้ดิน ดอกคล้ายดอกบอน

การปลูกว่านเต่าชอบดินร่วนปนทรายหรือแกลบ ฝังหัวพอให้พ้นดินเล็กน้อย เพราะถ้าฝังมิดหัวอาจทำให้ว่านเน่าตายได้ ไม่ควรรดน้ำจนแฉะมากเกินไป ต้องปลูกในที่ร่มร่ำไร จึงจะเจริญงอกงามดี

การขยายพันธุ์ขยายพันธุ์โดยการแยกหัว

ความเป็นมงคลมีสรรพคุณทางเมตตามหานิยม และคงกระพันชาตรี บ้านไหน เรือนไหนมีปลูกไว้จะช่วยส่งเสริมได้ ทำมาค้าขายคล่อง นำหัวพกติดตัวเดินทางไปติตดต่อ เจรจาค้าขาย จะประสบผลสำเร็จ ซื้อง่ายขายคล่อง



ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn_AMARYL_10.shtml

โดย: Metha    เวลา: 2014-1-17 09:33

ว่านสิงหะโมรา
ลักษณะทั่วไปมีหัวลักษณะคล้ายแง่งข่า แข็ง และมีสีแดงเรื่อๆ ลำต้นคล้ายต้นของผักหนาม ลำต้นกลม ไม่แตกกิ่งก้าน ต้นอาจสูงกว่า 1.5 เมตร ใบลักษณะคล้ายใบผักหนามเช่นเดียวกับลำต้น มีสีเขียว เส้นใบสีแดง ใบหนา ยาวรี ก้านใบสีเขียวมีหนามอ่อนๆ และมีจุดสีแดงเข้มตลอดทั้งก้านใบ ลักษณะดอกเป็นแท่งกลมยาว มีกาบหุ้มช่อดอกสีน้ำตาล เป็นดอกชนิดสมบูรณ์เพศอยู่รอบๆ แท่งดอก ผลมีเปลือกแข็งมากห่อหุ้มเมล็ดไว้ และมีเนื้อนุ่มๆ ห่อหุ้มภายนอกอีกชั้นหนึ่ง

การปลูกว่านสิงหะโมราจะเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี ชอบความชื้นสูง รดน้ำแต่พอชุ่ม ควรให้ได้รับแดดรำไร เวลาปลูกให้กลบดินแต่พอมิดหัวเท่านั้น

การขยายพันธุ์โดยการแยกหัว

ความเป็นมงคลว่านสิงหะโมรามีอานุภาพทางด้านป้องกันภูตผีปีศาจ


ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn_AMARYL_10.shtml

โดย: Metha    เวลา: 2014-1-17 09:37
ว่านเขียวหมื่นปี

ชื่ออื่นๆว่านขันหมาก

ลักษณะทั่วไปเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ลำต้นกลมสีเขียวออกแดงเรื่อๆ อาจสูงถึง 1 เมตร มียางสีขาว ก้านใบสีเขียว ยาว 8-10 ซม. ลักษณะด้านบนเป็นร่องเล็กน้อย ด้านนอกกลมนูน บริเวณโคนแผ่ออกเป็นกาบสีเขียวออกแดงเรื่อๆ โอบหุ้มกันโดยรอบ ใบรูปรี ขนาดกว้าง 8-10 ซม. ยาว 15-20 ซม. ปลายใบมนแหลม โคนใบแคบมน ทางด้านบนเส้นกลางใบเป็นร่องสีเขียวด้านล่างเส้นกลางใบนูนเป็นสัน แผ่นใบสีเขียวอมเหลือง มีรอยประสีเขียวเข้มหรือสีบรอนซ์เงินตลอดใบ บริเวณแผ่นใบทั่วๆ ไป ทางด้านบนแผ่นใบสีเข้มกว่าทางด้านล่างและมีรอยประมากกว่า

การปลูกเป็นไม้ที่เลี้ยงง่าย ปลูกได้ทั้งในดินปนทรายหรือดินร่วนซุย ไม่ชอบแสงแดดจัด ควรปลูกในที่ร่มหรือที่มีแสงแดดส่องเพียงรำไร เหมาะที่จะปลูกในอาคาร รดน้ำบ่อยๆ หรืออาทิตย์ละครั้งก็ได้

การขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ

ความเป็นมงคลเป็นว่านคงกระพันชาตรี นำใบมาตำให้แหลกละเอียดผสมกับเหล้าขาว นำมาพอกแผลสด ปิดปากแผลที่ถูกของมีคมแล้วเอาผ้าพันไว้ให้แน่น เมื่อหายเจ็บแล้วให้นำผ้าพันแผลออกจะเห็นรอยแผลเชื่อมสนิทกันเช่นเดิม เป็นรอยเล็กน้อยแต่ไม่อักเสบหรือเจ็บปวดและเมื่อแผลแห้งตกสะเก็ดจะไม่เป็นแผลเป็น เป็นไม้ประดับที่มีความสวยงาม และเป็นสง่าแก่สถานที่ปลูก วัดในสมัยโบราณมักจะมีว่านนี้เกือบทุกวัด ถือเป็นแม่ว่านที่มีมาช้านาน เป็นมรดกตกทอดจนถึงปัจจุบัน


ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn_AMARYL_10.shtml
โดย: Metha    เวลา: 2014-1-17 09:39
ว่านพญาช้างเผือก
ลักษณะทั่วไปว่านพญาช้างเผือกเป็นว่านที่มีหัว ลำต้นกลมยาวเป็นข้อ ลำต้นเป็นสีเขียว แตกใบที่ยอดทีละใบ ก้านใบยาวสีขาวสะอาด โคนก้านใบเป็นกาบ ครีบกาบเป็นสีเขียวใบรูปใบพายสีเขียว ปลายใบแหลมโคนใบมน ใบบาง ริมใบบิดเล็กน้อย เส้นกลางใบสีขาวหรือขาวอมเขียว มีจุดขาวประบนใบไม่มากนัก บางใบมีเพียง 2-3 จุด เป็นว่านที่แตกหน่อจากโคนต้น และตามหว่างข้อของลำต้น สามารถแยกไปปลูกได้

การปลูกควรปลูกด้วยดินร่วน รดน้ำให้ชุ่มอยู่เสมอ เพราะเป็นว่านชอบน้ำ

การขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ

ความเป็นมงคลในทางสมุนไพรใช้ใบตำกับเหล้าพอกแผลเพื่อถอนพิษงู พิษหมาบ้า พิษแมลงสัตว์กัดต่อยทุกชนิด ในทางคุ้มภัยและคงกระพันชาตรี เชื่อว่าปลูกไว้ในบริเวณบ้านป้องกันภูตผีปีศาจ ปัดเป่าเสนียดจัญไรต่างๆ หากใช้กินโดยการหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วหุ้มด้วยมะขามเปียก กลืนลงไประวังอย่าให้ยางถูกลิ้นหรือบริเวณภายในปากได้ เพราะพิษของยางอาจทำให้ขากรรไกรแข็งได้ เป็นคงกระพันชาตรี

ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn_AMARYL_10.shtml
โดย: Metha    เวลา: 2014-1-17 09:44
ว่านนางกวักใบโพธิ์
ลักษณะทั่วไปลักษณะใบดั่งใบโพธิ์ แตกกอกลมเหมือนบอน ก้านใบกลม ส่วนที่ติดกับหัวมีลักษณะเป็นกาบ ก้านใบและใบสีเขียว หัวเป็นแท่งกลมสีน้ำตาล เมื่อมีอายุมาก ๆ จึงจะเห็นหัวโผล่ขึ้นมาเหนือดิน ดอกคล้ายดอกจำปีตูม

การปลูกควรปลูกด้วยดินปนทราย

การขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ

ความเป็นมงคลมีสรรพคุณทางมหานิยม เหมาะแก่ร้านค้าขายจะหามาปลูกเลี้ยงไว้หน้าร้าน ช่วยกวักเรียกลูกค้าให้มาอุดหนุน

โดย: Metha    เวลา: 2014-1-17 09:52
ว่านกวักโพธิ์เงิน
ลักษณะทั่วไปว่านกวักโพธิ์เงิน มีลักษณะเป็นกอเหมือนบอน ก้านใบกลมสีเขียวใบรูปหัวใจ ปลายใบแหลม โคนใบมนเว้าน้อยๆ พื้นใบสีเขียว เส้นกลางใบสีขาว เส้นใบสีขาว มีหัวขนาดเล็กอยู่ใต้ดิน

การปลูกควรปลูกว่านกวักโพธิ์เงินด้วยดินปนทราย จัดวางกระถางว่านให้ได้รับแสงแดดรำไร ก้านใบจะแข็งแรงตั้งตรง หากอยู่แต่ในที่ร่มจะทำให้ก้านใบอ่อนไม่ตั้งตรง กอว่านจะไม่สวยงาม

การขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ

ความเป็นมงคลสรรพคุณเป็นว่านเสน่ห์เมตตามหานิยม ปลูกเลี้ยงไว้ในบริเวณร้านค้าขายจะทำมาค้าขึ้น ปลูกไว้บริเวณบ้านจะมีแต่ผู้นำลาภยศมาให้



ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn_ARACEA_11.shtml



โดย: Metha    เวลา: 2014-1-17 09:59

ว่านกวักทองคำ

ชื่ออื่นๆกวักแม่ทองคำ

ลักษณะทั่วไปเป็นไม้ที่มีลำต้นสูงประมาณ 50-100 ซม. ลำต้นสีเขียวอ่อน แตกกิ่งก้านสาขาออกขึ้นไปเรื่อยๆ เป็นก้านของใบ ใบเป็นรูปใบพาย ปลายใบแหลม โคมใบมน ใบยาวประมาณ 30 ซม. พื้นใบสีเขียวเข้มมัน มีสีเขียวอ่อนเป็นลายเล็กๆ ทาบไปตามเส้นใบ ก้านใบมีสีชมพู แต่ถ้าไม่สมบูรณ์จะเป็นสีชมพูจางหรือเป็นสีขาว

การปลูกควรปลูกว่านด้วยดินร่วน จัดวางกระถางว่านให้ได้รับแสงแดดรำไรและมีความชื้นสูง

การขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ

ความเป็นมงคลเชื่อกันว่าเป็นว่านสิริมงคล ว่านแห่งโชคลาภ ปลูกเลี้ยงไว้ในบริเวณร้านค้าขายจะทำมาค้าขึ้น เงินทองไหลมาเทมา



ที่มา http://www.panmai.com/Warn

โดย: Metha    เวลา: 2014-1-17 10:07

ว่านเจ้าน้อยมหาพรหม
ชื่ออื่นๆว่านพญาค่าง

ลักษณะทั่วไปว่านเจ้าน้อยมหาพรหม เป็นว่านที่มีหัวยาวกลมตรง (ลำต้น) สีเขียว ก้านใบยาวสีเขียว ใบรูปใบพายสีเขียว โคนใบมนปลายใบเรียวแหลม โคนก้านใบและลำต้นมีลายเล็กน้อย

การปลูกควรปลูกด้วยดินร่วนหรือดินปนทราย เป็นว่านชอบน้ำ ควรวางกระถางว่านให้ถูกแสงแดดเพียงรำไร

การขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ

ความเป็นมงคลสรรพคุณเป็นว่านอยู่ยงคงกระพัน โดยตัดลำต้นหรือหัวว่านเป็นชิ้นเล็ก ๆ พอกลืนได้ ห่อหุ้มด้วยมะขามเปียกก่อนแล้วจึงกลืน ระวังอย่าให้ยางของว่านถูกลิ้นได้ลิ้นจะแข็งพูดไม่ออก ยางหากถูกมือหรือผิวหนังส่วนอื่นก็คันได้เช่นกัน



ที่มา http://www.panmai.com/Warn
โดย: Metha    เวลา: 2014-1-17 10:12
ว่านเงินไหลมา

ลักษณะทั่วไปเงินไหลมาเป็นพรรณไม้เลื้อยที่มีเถายาว ลำต้นมีความยาวประมาณ 10-20 เมตร มีลำต้นกลมสีเขียว ผิดลำต้นเกลี้ยงเป็นข้อห่างๆ และมีรากออกตามข้อลำต้นแต่ละข้อจะมีกาบใบหุ้มอยู่ใบเดียวออกตามข้อสลับกันซึ่งมีก้านใบยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ใบเป็นแฉกประมาณ 5 แฉก ขนาดใบกว้างประมาณ 3-5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ใบเป็นแฉกลึกเข้าหาโคนใบ ส่วนปลายใบเรียวแหลม พื้นใบมีสีเขียว และมีสีเหลืองปนอยู่ที่บริเวณลยเส้นใบเล็กน้อยถ้ามีอายุมากจะออกดอกตรงส่วนยอดลักษณะดอกคล้ายกับดอกของบอน

การปลูกการปลูกในกระถางเพื่อใช้ประดับภายในและภายนอกอาคาร ใช้กระถางทรงสูง ขนาด 10-16 นิ้ว ใช้ปุ๋ยคอก แกลบ ขุยมะพร้าว และดินร่วน อย่างละหนึ่งส่วน ผสมดินปลูก ใช้ไม้หลักที่หุ้มด้วยกาบมะพร้าวปักไว้ตรงกลางกระถางเพื่อเป็นที่ยึดเกาะของราก ควรให้ปุ๋ยสม่ำเสมอและควรเปลี่ยนกระถางเมื่อมีอายุประมาณ 2-3 ปี การปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน ควรปลูกตามบริเวณรอบโคนไม้อื่นหรือทำร้านเพื่อให้รากยึดเกาะและเลื่อยขึ้นได้ ควรปลูกในดินที่ร่วนซุย ต้องการแสงแดดรำไรหรือในร่ม

การขยายพันธุ์การปักชำ

ความเป็นมงคลเป็นไม้มงคลนาม คนไทยโบราณเชื่อว่าบ้านใดปลูกต้นเงินไหลมาไว้ประจำบ้าน จะทำให้เกิดความมั่งมีร่ำรวย เงินทองไหลมาสู่บ้านและผู้อาศัย และยังมีความเชื่ออีกว่าต้นเงินไหลมายังช่วยสร้างความเป็นเสน่ห์แก่บ้านและผู้อาศัย เพราะลักษณะใบของต้นเงินไหลมามี สีสัน สวยงาม สีกลางใบคล้ายสีเงินตำแหน่งที่ปลูกและผู้ปลูกเพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นเงินไหลมาไว้ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ผู้ปลูกควรปลูกในวันอังคาร เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เอาคุณทางใบให้ปลูกในวันอังคาร



ที่มา http://www.panmai.com/Warn
โดย: Metha    เวลา: 2014-1-17 10:17
ว่านน้ำ
ชื่ออื่นๆคงเจี้ยงจี้, ผมผา, ส้มชื่น, ฮางคาวน้ำ, ฮางคาวบ้าน (ภาคเหนือ) ตะไคร้น้ำ (เพชรบุรี) ทิสีปุตอ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ว่านน้ำ, ว่านน้ำเล็ก, ฮางคาวผา (เชียงใหม่)

ลักษณะทั่วไปว่านน้ำเป็นพืชที่ขึ้นอยู่ตามริมหนองน้ำหรือบริเวณที่ชื้นแฉะ มีลำต้นเป็นเหง้าอยู่ใต้ดินลักษณะเป็นเส้นกลมหนา สีขาวออกม่วง เจริญงอกงามตามยาวขนานกับ ผิวดิน ใบแตกจากเหง้า ลักษณะแข็งตั้งตรง รูปร่างแบนเรียวยาวคล้ายใบดาบฝรั่ง ปลายใบแหลม ผิวใบเรียบ เห็นเส้นกลางใบชัดเจน แตกใบเรียงสลับซ้ายขวาเป็นแผง ใบค่อนข้างฉ่ำน้ำ ดอกมีสีเขียวมีขนาดเล็กออกเป็นช่อ มีจำนวนมากอัดกันแน่นเป็นแท่งรูปทรงกระบอก มีก้านช่อดอกลักษณะคล้ายใบ

การปลูกว่านน้ำปลูกได้ดีในที่ชื้นแฉะ มีน้ำท่วม ริมบ่อน้ำ ปลูกโดยการตัดต้นพันธุ์หรือเหง้าให้มีข้ออย่างน้อย 1 ข้อ ปักชำในกระบะทรายก่อน พอเริ่มงอกจึงย้ายไปปลูก หรือนำท่อนพันธุ์ไปปักประมาณ 1 สัปดาห์ จะเป็นใบอ่อนแตกออกมา ว่านน้ำเป็นพืชที่ชอบแสงแดดรำไร เจริญเติบโตได้ดีในฤดูฝน เมื่อเข้าปลายฤดูฝนเหง้าจะเริ่มมีใบแห้ง เริ่มจากเหง้าข้อที่ 1 ไปเรื่อยๆ ถ้าขาดน้ำในช่วงนี้เป็นเวลานาน เหง้าอาจจะแห้งตายได้แต่ถ้ามีน้ำอยู่ เหง้าก็ยังคงสดอยู่และแตกรากและใบใหม่ต่อไป

การขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ

สรรพคุณทางยาหัวว่านแต่มีกลิ่นหอม นำมาโขลก ต้มในน้ำเดือด กินน้อยๆ ทุกมื้อ วันละสามครั้ง เป็นยาแก้ปวดท้อง ธาตุเสีย บำรุงธาตุ แก้จุก ขับลมในลำไส้ ปรุงลงในยาขมต่างๆ ทำให้ระงับอาการปวดท้องได้ดี กินมากทำให้อาเจียนได้ หรือนำหัวว่านมาฝนผสมกับเหล้าขาว เจือน้ำลงไปเล็กน้อย ใช้ทาหน้าอกเด็ก เพื่อดูดพิษแก้อักเสบของหลอดลมและปอด ใบว่านตำกับชุมเห็ดเทศใช้ทาแก้โรคผิวหนัง



ที่มา http://www.panmai.com/Warn

โดย: Metha    เวลา: 2014-1-17 10:19
ว่านมหากาฬ

ชื่ออื่นๆผักกาดกบ ผักกาดนกเขาดำ โคก หนาดแห้ง

ลักษณะทั่วไปว่านมหากาฬเป็นพันธุ์ไม้เลื้อย มีหัวอยู่ใต้ดิน เนื้อของหัวเป็นสีขาว ใบมีลักษณะคล้ายใบผักกาด ใบหนาและแข็ง พื้นใบสีเขียวอ่อน มีลายสีม่วงซีดๆ บนใบ ใบอ่อนจะเป็นสีม่วงแก่ ตามแขนงใบเป็นสีขาว ก้านใบเมื่อแก่จะเปลี่ยนจากสีม่วงเป็นสีขาว ดอกมีลักษณะเป็นฝอยก้านดอกยาว มีสีเหลือง คล้ายดอกดาวเรืองแต่มีขนาดเล็กกว่ามาก

การปลูกควรปลูกในดินปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี รดน้ำแต่พอดินชุ่มเท่านั้น เพราะว่านมหากาฬไม่ชอบดินแฉะซึ่งจะทำให้ใบเน่าได้ง่าย ควรให้ได้รับแสงแดดปานกลาง

การขยายพันธุ์ขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ

ความเป็นมงคลเชื่อกันว่าเป็นว่านที่มีอำนาจ หากปลูกเลี้ยงไว้ในบริเวณบ้าน นอกจากสามารถป้องกันอันตรายทั้งปวงได้แล้ว ยังทำให้ผู้ปลูกเลี้ยงมีอำนาจบารมีเป็นที่เกรงขามของคนทั่วไป



ที่มา http://www.panmai.com/Warn
โดย: Nujeab    เวลา: 2014-1-17 11:57
ขอบคุณครับพี่เมธ
โดย: Metha    เวลา: 2014-1-17 12:49
ว่านแจง
ชื่ออื่นๆดาวเรืองโคก (เลย), หัวน่วม (กรุงเทพฯ)ลักษณะทั่วไปเป็นไม้ล้มลุก หัวเป็นหัวกลมขนาดใหญ่ เนื้อในสีขาว ลำต้นกลมสีเขียวทอดไปตามพื้นดินแล้วตั้งขึ้น ใบคล้ายว่ามหากาฬแต่มีขนาดเล็กกว่า สีของใบเขียวจัดมาก ขอบใบมีรอยจักเว้าเข้าไปกลางใบมากกว่าว่านมหากาฬ แต่ขนาดเล็กกว่า ก้านใบสีเขียวสั้น ด้านล่างเส้นกลางใบและเส้นใบนูนเป็นสันสีขาว แผ่นใบด้านบนสีเขียว ด้านล่างสีเขียวจางกว่าด้านบน ดอกมีสีเหลือง ก้านข่อดอกชูขึ้นมาจากหัวว่านสูงเด่นเห็นชัด ลักษณะดอกคล้ายดอกดาวเรืองตูม เมื่อขุดหัวว่านขึ้นมาจากดินทิ้งไว้ไม่กี่วันหัวว่านจะนิ่มตลอดหัวเอามือบีบดูก็รู้สึกคล้ายๆ มีน้ำอยู่ภายในการปลูกเป็นว่านที่ขึ้นได้ในดินทั่วไปที่ระบายน้ำได้ดี ไม่ชอบน้ำแฉะหรือท่วมขังเพราะหัวจะเน่าได้ง่าย เป็นว่านที่ปลูกเลี้ยงง่ายการขยายพันธุ์โดยการปักชำความเป็นมงคลเป็นว่านประเภทคงกระพันชาตรี เมื่อกินเข้าไปรู้สึกซาบซ่าน เกิดความฮึกเหิม บรรดานักเลงหัวไม้สมัยก่อนสนใจเสาะหาไว้ติดตัว เพราะสามารถทนต่อไม้คมแฝกและไม้ตะพดได้เป็นอย่างดีชื่ออื่นๆดาวเรืองโคก (เลย), หัวน่วม (กรุงเทพฯ)

ลักษณะทั่วไปเป็นไม้ล้มลุก หัวเป็นหัวกลมขนาดใหญ่ เนื้อในสีขาว ลำต้นกลมสีเขียวทอดไปตามพื้นดินแล้วตั้งขึ้น ใบคล้ายว่ามหากาฬแต่มีขนาดเล็กกว่า สีของใบเขียวจัดมาก ขอบใบมีรอยจักเว้าเข้าไปกลางใบมากกว่าว่านมหากาฬ แต่ขนาดเล็กกว่า ก้านใบสีเขียวสั้น ด้านล่างเส้นกลางใบและเส้นใบนูนเป็นสันสีขาว แผ่นใบด้านบนสีเขียว ด้านล่างสีเขียวจางกว่าด้านบน ดอกมีสีเหลือง ก้านข่อดอกชูขึ้นมาจากหัวว่านสูงเด่นเห็นชัด ลักษณะดอกคล้ายดอกดาวเรืองตูม เมื่อขุดหัวว่านขึ้นมาจากดินทิ้งไว้ไม่กี่วันหัวว่านจะนิ่มตลอดหัวเอามือบีบดูก็รู้สึกคล้ายๆ มีน้ำอยู่ภายใน

การปลูกเป็นว่านที่ขึ้นได้ในดินทั่วไปที่ระบายน้ำได้ดี ไม่ชอบน้ำแฉะหรือท่วมขังเพราะหัวจะเน่าได้ง่าย เป็นว่านที่ปลูกเลี้ยงง่าย

การขยายพันธุ์โดยการปักชำ

ความเป็นมงคลเป็นว่านประเภทคงกระพันชาตรี เมื่อกินเข้าไปรู้สึกซาบซ่าน เกิดความฮึกเหิม บรรดานักเลงหัวไม้สมัยก่อนสนใจเสาะหาไว้ติดตัว เพราะสามารถทนต่อไม้คมแฝกและไม้ตะพดได้เป็นอย่างดี



ที่มา http://www.panmai.com/Warn
โดย: Metha    เวลา: 2014-1-17 12:52
ว่านธรณีสาร

ลักษณะทั่วไปเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ลำต้นตรง สูงประมาณ 0.5–1 เมตร ลำต้นสีเขียว ตรงปลายยอดเป็นสีอ่อน หากต้นแก่โคนต้นจะเป็นสีน้ำตาล ใบมีลักษณะกลมเล็กคล้ายใบมะขาม ก้านใบสีเขียว ใบจะออกทั้ง 2 ข้างของก้านใบคู่กันไปจนสุดปลายก้าน ส่วนก้านใบจะแตกออกจากลำต้นโดยรอบๆ เป็นพุ่มสวยงาม

การปลูกปลูกในดินร่วน หรือดินปนทรายที่มีการระบายน้ำได้ดี ควรปลูกหรือจัดวางกระถางในบริเวณที่ได้รับแสงแดดปานกลาง และควรรดน้ำให้ชุ่มทุก เช้า-เย็น

การขยายพันธุ์ขยายพันธุ์โดยการใช้เมล็ดเพาะเป็นต้นกล้า แล้วจึงแยกต้นกล้าไปปลูก

ความเป็นมงคลว่านธรณีสารเป็นว่านที่นับถือกันมาช้านาน โดยการนำไปเข้าพิธีประพรมน้ำมนต์ เพราะเชื่อกันว่าเป็นมงคล ปลูกไว้ในบริเวณบ้านแล้วจะดี และควรปลูกว่านธรณีสารในวันพฤหัสบดี ข้างขึ้น



ที่มา http://www.panmai.com/Warn

โดย: Metha    เวลา: 2014-1-17 13:00
ว่านหนุมาน
ลักษณะทั่วไปมีหัวป้อมกลมใต้ดิน ต้นขึ้นเป็นลำเดี่ยว มีกิ่งก้านบริเวณยอดของลำต้น ใบลักษณะคล้ายใบตำลึง แต่หนาและขนาดใหญ่กว่ามาก พื้นใบมีสีเขียวท้องใบมีขน หลังใบมีสีเขียวนวล และมีพรายปรอท เมื่อถูกแสงแดดจะเป็นเงาเหลื่อม ก้านใบและเส้นใบสีแดงเรื่อๆ ก้านดอกยาวสีแดง ลักษณะของดอกมีขนาดเล็ก ออกดอกเป็นกระจุกรวมกันเป็นช่อ สีแดง

การปลูกว่านหนุมานจะขึ้นง่ายในดินปนทราย ชอบแดดจัด รดน้ำทุก เช้า–เย็น

การขยายพันธุ์ขยายพันธุ์โดยการใช้หัว

ความเป็นมงคลเมื่อขุดหัวว่านโดยเสกคาถากำกับแล้วเก็บไว้ที่สูง เมื่อจะนำมารับประทานหรือฝนทาตัวก็ต้องเสกคาถากำกับ จะทำให้เกิดอานุภาพหนังเหนียวฟันแทงไม่เข้า และถ้าเอาหัวว่านมาแกะเป็นรูปพญานาคราช และเสกคาถากำกับ เมื่อพกติดตัวจะเป็นเมตตามหานิยม หรือแกะเป็นรูปพระก็จะป้องกันภัยอันตรายทั้งหลายได้ ควรปลูกในวันพฤหัสบดีข้างขึ้น



ที่มา http://www.panmai.com/Warn
โดย: Metha    เวลา: 2014-1-17 15:01
ว่านลิ้นมังกร

ชื่ออื่นๆเหล่งหลี่เฮียะ, เหล่งจิเฮี้ย(จีน-แต้จิ๋ว)

ลักษณะทั่วไปเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ลำต้นตั้งตรงและมีขนสั้นๆ ปกคลุมอยู่ สูงประมาณ 30-50 ซม. ใบเป็นใบเดี่ยว ออกสลับกันไปตามข้อต้น ลักษณะของใบเป็นรูปมนรี ปลายมน โคนใบสอบแหลมเข้าหาก้านใบ ขอบใบเรียบ หลังใบสีเขียวเข้ม ท้องใบสีเขียวนวล เส้นใบเป็นสีขาวนวลเห็นเป็นลายสวยงาม ดอกออกเป็นช่ออยู่ตามง่ามใบ ซึ่งตัวดอกจะเรียงติดกันเป็นแถวสั้นๆ คล้ายช่อดอก แต่จะแยกออกเป็นดอกเพศผู้และเมีย มีสีแดงม่วง ผลจะถูกกลีบเลี้ยงที่ขยายตัวหุ้มเอาไว้ ลักษณะของผลคล้ายกับเม็ดถั่ว มีก้านสั้นๆ

การปลูกเป็นพรรณไม้กลางแจ้ง ชอบดินที่ชุ่มชื้นแต่ต้องระบายน้ำได้ดี ไม่ขังแฉะ เช่น ดินปนทรายหรือดินร่วนปนทราย

การขยายพันธุ์ขยายพันธุ์โดยการปักชำหรือเพาะเมล็ด

สรรพคุณทางยาใบแก่มีรสขม ใช้แก้ไอแห้งๆ เจ็บคอ หอบหืด บำรุงปอด ไอเป็นเลือด เสียงแหบแห้ง และรักษาโรคที่ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบน โดยใช้ใบแห้ง 10-30 กรัม หรือใบสด 7-8 กรัม นำมาต้มดื่มรักษาโรค ใช้ดอกสดต้มน้ำดื่มแก้กระอักเลือดและไอเป็นเลือด



ที่มา http://www.panmai.com/Warn





ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2