Baan Jompra

ชื่อกระทู้: พระเจ้าชัยวรมัน ที่7 [สั่งพิมพ์]

โดย: Metha    เวลา: 2014-1-13 00:14
ชื่อกระทู้: พระเจ้าชัยวรมัน ที่7

ประติมากรรมพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย

ที่มา http://student.sut.ac.th/m5320301/aboutpimai.html#

โดย: Metha    เวลา: 2014-1-13 00:16


พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 จากเมืองทรายฟอง สปป.ลาว

ที่มาhttp://www.oknation.net/blog/print.php?id=196580



โดย: Metha    เวลา: 2014-1-13 00:53

ประติมากรรมรูปเหมือนจริงของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
พบที่โกรลโรมัส (Krol Romeas - คอกแรด) อาคารแนวรูปวงกลมใกล้ประตูทางทิศเหนือของเมืองพระนครธม ในสภาพที่ยังแกะสลักไม่เสร็จและถูกทุบทำลาย
ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกัมพูชา

.




ที่มา http://www.oknation.net/blog/voranai/2012/07/18/entry-1

โดย: Metha    เวลา: 2014-1-13 00:54

ภาพจินตนาการ – สันนิษฐาน ประติมากรรมรูปเหมือนจริงของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7

หากอยู่ในสภาพสมบูรณ์ จะทรงท่องสวดมนตรา

พระเพลาทั้งสองจะยกขึ้นถือคัมภีร์ปุราณะไว้ในพระหัตถ์



ที่มา http://www.oknation.net/blog/voranai/2012/07/18/entry-1

โดย: Metha    เวลา: 2014-1-13 00:55



ประติมากรรมรูปเหมือนจริงของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 รูปล่าสุดที่พบโดยบังเอิญ

ส่วนของพระวรกายพบในตัวเมืองโบราณนครธมในสภาพถูกทุบทำลาย

และส่วนพระเศียรก็พบมาตั้งแต่ยุคฝรั่งเศสและนำไปจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์กรุงพนมเปญ

เมื่อนำมาต่อก็เข้ากันได้พอดี

เป็นรูปแสดงท่านั่งปางสมาธิแบบเดียวกับชิ้นส่วนหน้าตักที่พบที่สุโขทัยอย่างชัดเจน

ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ Angkor National Museum เมืองเสียมเรียบ


ที่มา http://www.oknation.net/blog/voranai/2012/07/18/entry-1
โดย: Metha    เวลา: 2014-1-13 00:56

มณฑปจัตุรมุขประดิษฐานรูปสลักของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7

ที่สร้างขึ้นใหม่ในปัจจุบันที่จังหวัดเกาะกง

นิยมทำเป็นท่านั่งปางสมาธิ (ธยานะมุทรา) ตามหลักฐานที่พบใหม่ไม่นานนี้


ที่มา http://www.oknation.net/blog/voranai/2012/07/18/entry-1
โดย: sritoy    เวลา: 2014-1-13 09:15
กราบองค์พ่อครับสาธุ
โดย: Nujeab    เวลา: 2014-1-13 11:54
กราบสักการะองค์เสด็จพ่อครับ _/\_
โดย: moshido    เวลา: 2014-1-27 16:25

กราบสักการะองค์เสด็จพ่อครับ _/\_
โดย: Metha    เวลา: 2014-2-7 13:48
กราบสักการะองค์พระเจ้าชัยวรมัน

โดย: morntanti    เวลา: 2014-2-8 00:17
กราบสักการะองค์พ่อชัยวรมันที่๗ ยังรอองค์พ่อประทานองค์บูชาให้มาตั้งบูชาที่บ้าน...สาธุ
โดย: Nujeab    เวลา: 2014-2-10 10:33
สาธุครับ
โดย: Metha    เวลา: 2014-2-21 23:46
กราบสักการะ พระเจ้าชัย
โดย: Metha    เวลา: 2014-3-7 20:50
กราบสักการะ พระเจ้าชัย
โดย: toywater    เวลา: 2014-3-9 17:24
เดือนนี้ ฤกษ์ดี ต้องอัญเชิญเข้าห้องเมืองทองธานีให้ครบเซต สาธุ

โดย: Nujeab    เวลา: 2014-3-10 11:07
toywater ตอบกลับเมื่อ 2014-3-9 17:24
เดือนนี้ ฤกษ์ดี ต้องอัญเชิญเข้าห้องเมืองทองธานีให้ค ...

ครบเซตเลย
โดย: Metha    เวลา: 2014-3-29 08:17
toywater ตอบกลับเมื่อ 2014-3-9 17:24
เดือนนี้ ฤกษ์ดี ต้องอัญเชิญเข้าห้องเมืองทองธานีให้ค ...

ไปทำไมครับ
โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-4-4 07:50
                                                         

ภาพ พระเศียร กษัตริย์ชัยวรมันที่ 7 (Head of Jayavarman VII)


โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-4-4 07:55
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2014-4-4 07:57

  “ หลวงปู่สรวงเป็นชาวเขมรเป็นเชื้อพระวงศ์ของพระเจ้าชัยวรมัน องค์หลวงปู่สรวงท่านมีศักดิ์มีฐานันดรเป็นลูกชายคนโตครองตำแหน่งอุปราชผู้จะ ขึ้นครองราชย์สมบัติแห่งเมืองขอมคนต่อไป    ท่านเป็นพี่ชายของพระเจ้าชัยวรมันที่ 1

และแน่นอนว่าถ้าท่านอยู่ตามทางโลกท่านย่อมเป็นพระเจ้าชัยวรมันที่ 1 อย่างไม่ต้องสงสัยเลย               แต่องค์หลวงปู่สรวงมีจิตใจใผ่ในทางเนกขัมมะคือออกบวชมาแต่เยาว์วัยด้วยวาสนา ที่สั่งสมมาตั้งแต่อดีตชาติ และไม่ปรารถนาจะอยู่ตามทางโลกอีกต่อไปทั้งเล็งเห็นว่าการมีชีวิตอยู่ตามทาง โลกโดยเฉพาะการขึ้นครองราชย์สมบัตินั้นเป็นสิ่งที่มีภาระมากต้องตัดสินลง อาญา ต้องก่อกรรมทำบาปโดยใช่เหตุ ดังนั้นท่านจึงตัดสินใจออกบวช
         

การออกบวชครั้งแรกของหลวงปู่สรวงนั้นท่านออกบวชเป็นฤาษี ท่านท่องเที่ยวไปตามป่าเขาลำเนาไพรจนไปพบเจออาจารย์ที่เป็นมหาฤาษีผู้สำเร็จ อภิญญาสมบัติ มีอายุยืนยาวนับพันปี มีญาณสมาบัติกล้าแข็งมีฤทธิ์อภิญญาสามารถเหาะเหินเดินฟ้า เดินไต่น้ำ ดำดิน เดินทะลุภูผากอไผ่หินผาศิลาแลงที่ทึบทั้งแท่งก็เดินทะลุได้ มีตาทิพย์หูทิพย์ ล่วงรู้ในสิ่งต่างๆได้อย่างน่าอัศจรรย์



       หลวง ปู่สรวงร่ำเรียนวิชากับองค์มหาฤาษีผู้ทรงฤทธิ์จนสำเร็จวิชาต่าง ๆ ครบถ้วน ทรงอภิญญามีอายุยืนยาวนานไม่จำกัดกาลเวลาได้ ที่สำคัญคือองค์หลวงปู่สรวงมีอภิญญาแก่กล้าทางด้านการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ต่าง ๆ หลวงปู่สรวงเมื่อสำเร็จเป็นมหาโยคีผู้มีฤทธิ์อำนาจทางจิตอย่างสมบูรณ์แล้ว ท่านก็เที่ยวโปรดชาวบ้านที่ตกทุกข์ได้ยากจากการเป็นโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ






      องค์หลวงปู่สรวงท่านจะประจำอยู่ตามอโรคยาศาลาโดยอโรคยาศาลานี้เป็นปราสาทหิน ขนาดเล็กสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานพยาบาล แก่ประชาชนชาวบ้านทั้งหลาย ที่ได้รับทุกขเวทนาจากอาการเจ็บป่วยต่างๆ องค์หลวงปู่สรวงท่านก็โปรดชาวบ้านด้วยเวทย์มนต์คาถา ตัวยาสมุนไพร พลังอำนาจจิต ทำให้ชาวบ้านพ้นจากทุกข์ของเจ็บไข้ได้อย่างน่าอัศจรรย์



           ใน ช่วงสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที 1 ชนชาติขอมยังนับถือลัทธิพราหมณ์ บูชาเทพยดา และภูตผีเป็นสรณะ พระเจ้าแผ่นดินยอมให้สร้างปราสาทเพื่อบูชาเทพเจ้า การสร้างปราสาทต้องใช้แรงงานทั้งคนทั้งสัตว์จำนวนมากมาย นอกจากนี้การบูชาเทพเจ้าในสมัยนั้น ยังนิยมการบูชายัญ และพิธีกรรมอีกมากมาย ทัศนคติการใช้แรงงานคนในการสร้างปราสาทหินและการบูชายัญนั้นหลวงปู่สรวงไม่ เห็นด้วย เพราะเป็นการทรมานคน ทรมานสัตว์ เห็นแล้วเกิดความสังเวชใจ


           อย่างไรก็ตามหลวงปู่สรวงหรือมหาโยคีสรวงในครั้งนั้นก็ได้แต่เก็บความรู้สึก ไว้ภายใน และด้วยอำนาจฌานสมบัติที่ท่านสำเร็จสำเร็จแล้ว จึงทำให้ท่านสามารถมีชิวิตยืนยาวนับแต่รัชกาลของพระเจ้าชัยวรมันที่ 1 จนมาถึงพระเจ้าชัยวรมันที่ 2,3,4,5,6และ 7



         ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 นี่เองความเจริญรุ่งเรืองในพระพุทธศาสนาแบบมันตรยานกำลังก่อตัวและเจริญ อย่างสุงสุด ในช่วงต้นสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ยังนับถือลัทธิพราหมณ์ จนกระทั่งมหาโยคีสรวงได้ปลงใจว่าควรจะหันมานับถือพระพุทธศาสนา เพราะเป็นศาสนาที่มีการบำเพ็ญสมณธรรมและมีหลักธรรมอันลึกซึ้ง เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับลัทธิโยคีที่ตนนับถืออยู่ แต่ดีกว่าลัทธิพราหมณ์ตรงที่ไม่เน้นการสร้างปราสาทเพื่อบูชาพระผู้เป็นเจ้า ไม่มีการบูชายัญ ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต






             ดังนั้นองค์มหาโยคีสรวงจึงขอออกบวชเป็นพระภิกษุในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 โดยมีพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นองค์ประธานในการบวชและเมื่อมหาโยคีสรวงกลายมาเป็นหลวงปู่สรวงแล้วท่านก็ ชักชวนให้พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หันมานับถือพระพุทธศาสนา



            จนกระทั่งพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีพระราชศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง พระองค์ทรงนับถือในคติพระโพธิสัตว์ตามแนวมันตรยานที่นับถือองค์อวโลกิเตศวร พระองค์มีความเชื่อว่าพระองค์คือองค์อวตารของพระอวโลกิเตศวรเจ้า



               ทั้ง นี้จึงเกิดแรงบันดาลใจให้พระองค์จำหลักหน้าพระองค์เองไว้ตามปรางค์ปราสาท ต่างๆ เรียกหน้าแบบ “บายน” จัดเป็นกลุ่มๆละ 9 กลุ่มละ 72 กลุ่มละ 81 ทุกกลุ่มเมื่อเอาเลขสองตัวบวกกันจะรวมแล้วได้ 9 ทุกครั้งไปการสร้างการจำหลักพระพักตร์ของพระองค์ไปทุก ๆ ทิศเป็นไปตามคติที่ว่า องค์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรทรงเป้นผู้มองสรรพสัตว์และเงี่ยหูฟังสรรพสัตว์ ทั้งหลายด้วยปรารถนาจะสงเคราะห์ช่วยเหล่าสรรพสัตว์ให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวง โดยเฉพาะทุกข์แห่งการเวียนว่ายตายเกิดนั้นแล







            หลวงปุ่สรวงเมื่อบวชเข้ามาในบวรพระพุทธศาสนาแล้วก็เจริญกรรมฐานตามแนวทางของพระพุทธองค์จนบรรลุธรรมสูงสุด เป็น “จตุปฏิสัมภิทาญาณ” แก่กล้าในอิทธิฤทธิ์ในเดชสูงสุด ดำเนินตนตามแนวทางพระโพธิสัตว์ คือ แม้บรรลุหลุดพ้นแล้วก็ยังไม่เข้านิพพานจะยังโปรดสรรพสัตว์ผู้ยากทั้งหลาย ดูแลพระพุทธศาสนาต่อไปก่อน อีกนานเท่าไรไม่มีกำหนดแล้วแต่ความปรารถนาขององค์หลวงปู่สรวงท่านเอง



        หลวงปู่สรวงมีชีวิตอยู่อย่างไร้กาลเวลาไม่มีกำหนดเวลาถึงความสิ้นสุด ท่านชำนาญในการเข้านิโรธ เข้าสมบัติ 8 ถอดจิตชำนาญในมโนมยิทธิการแสดงฤทธิ์ทางใจ ชำนาญในกสิณอภิญญา ควบคุมบังคับธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ ได้อย่างเด็ดขาด สามารถเนรมิตวัตถุ  สามารถเรียกของจากอีกที่หนึ่งมายังอีกที่หนึ่งได้ สามารถชนะแรงโน้มถ่วงของโลก ชนะกาลเวลา มีความเป็นอิสระจากพันธนาการทุกชนิด ชนะกฏเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ทางโลกวัตถุทุกประการ นี่คืออภิญญาส่วนหนึ่งอันยกตัวอย่างมาน้อยนิดในองค์พระหลวงปู่สรวงมหามุนี   ดาบสผู้ทรงอิทธิ์ฤทธิ์บุญฤทธิ์เหนือโลกเหนือวิลัยแห่งปถุชนคนธรรมดา



                 หากจะนับอายุของหลวงปู่สรวงตั้งแต่เกิดมาในสมัยพระเจ้าชัยวรมัน จนมาถึงสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 อายุท่านก็นับพันปีแล้ว และหากนับช่วงระยะเวลาจากยุคของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 จนถึงปัจจุบันก็ไม่ต่ำกว่า 1,200 ปี



                       ลองคำนวณดูแล้วอายุของท่านก็ยาวนานนับพันปี เป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่เรื่องที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเรื่องที่หลวงปู่โป๊ะ วัดบ้านบิงถ่ายทอดเอาไว้ “





ที่มา..http://aseanline.blogspot.com
โดย: Nujeab    เวลา: 2014-4-4 16:46
สาธุครับ กราบองค์หลวงปู่สรวง กราบองค์เสด็จพ่อ ครับ
โดย: Metha    เวลา: 2014-4-28 18:10
กราบพระเจ้าชัย
โดย: Metha    เวลา: 2014-5-6 18:09
กราบนมัสการพระชัยวรมัน
โดย: Metha    เวลา: 2014-5-6 18:34
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2014-5-6 18:29
เสด็จพ่อศรีราชาเวท

เคยห้อยคอแล้วนั่งสมาธิไหม...ลองดูน่ะครับ
โดย: Nujeab    เวลา: 2014-5-7 11:39
metha ตอบกลับเมื่อ 2014-5-6 18:34
เคยห้อยคอแล้วนั่งสมาธิไหม...ลองดูน่ะครับ ...

ไม่เคยเลยครับ ต้องลองดูบ้างแล้ว
โดย: Metha    เวลา: 2014-5-7 13:13
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2014-5-7 11:39
ไม่เคยเลยครับ ต้องลองดูบ้างแล้ว  ...

ลองดูครับ....ผมอธิบายความรู้ไม่ถูก
เลยอยากให้ลองเองดีกว่า

โดย: Metha    เวลา: 2014-5-13 04:22


โดย: Metha    เวลา: 2014-5-13 04:23


โดย: Metha    เวลา: 2014-5-13 04:23


โดย: troop1411    เวลา: 2014-5-28 09:42
กราบองค์พ่อศรีชัยวรมัน
โดย: Nujeab    เวลา: 2014-5-28 11:23
กราบองค์เสด็จพ่อศรีราชาเวท
โดย: Metha    เวลา: 2014-6-17 13:49


ครบรอบหนึ่งปีที่หล่อพระเจ้าชัย รุ่นสองแล้วครับ

โดย: oustayutt    เวลา: 2014-6-17 21:21
ขอบารมี หลวงปู่เเละองค์พ่อช่วยให้การงานราบรื่นด้วยเถิด
โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-6-25 14:50
metha ตอบกลับเมื่อ 2014-6-17 13:49
ครบรอบหนึ่งปีที่หล่อพระเจ้าชัย รุ่นสองแล้วครับ
...

คนทั้งรักทั้งเกรง
โดย: Metha    เวลา: 2014-6-26 18:01
กราบ สักการะพระเจ้าชัยวรมัน
โดย: Metha    เวลา: 2014-6-26 18:48


รูปหล่อพระเจ้าชัยวรมัน ครอบทองคำ ชุดกรรมการ

โดย: รามเทพ    เวลา: 2014-7-18 10:06
ตะบะบารมีสูงมาก คนทั้งรักทั้งเกรง
โดย: Nujeab    เวลา: 2014-7-18 12:07
สาธุครับ บารมีองค์เสด็จพ่อศรีราชาเวท
โดย: Metha    เวลา: 2014-7-19 07:50

กราบพระเจ้าชัย ขอบารมีของพระโปรดปกปักรักษาด้วยเทอญ
โดย: oustayutt    เวลา: 2014-7-19 17:59
พระอาถรรพ์ธม องค์พ่อ ล็อกเก็ตอาจารย์
โดย: Metha    เวลา: 2014-7-19 20:42
oustayutt ตอบกลับเมื่อ 2014-7-19 17:59
พระอาถรรพ์ธม องค์พ่อ ล็อกเก็ตอาจารย์  ...

งั้นล็อกเก็ตหลวงปู่ ผมขอน่ะ
โดย: kruangbin    เวลา: 2014-7-19 21:43
ด้วยบารมีองค์พ่อที่ช่วยให้เอาตัวรอดไปได้ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงช่วงสั้นๆก็ตาม
โดย: Metha    เวลา: 2014-7-26 10:55
กราบนมัสการพระเจ้าชัยวรมัน

โดย: morntanti    เวลา: 2014-7-26 11:16
ยังรอ องค์พ่อชัยวรมันที่๗ เมตตาประทานองค์บูชาให้มาคู่บ้านอยู่เหมือนเดิม.....
โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-8-18 12:01
  “ หลวงปู่สรวงเป็นชาวเขมรเป็นเชื้อพระวงศ์ของพระเจ้าชัยวรมัน องค์หลวงปู่สรวงท่านมีศักดิ์มีฐานันดรเป็นลูกชายคนโตครองตำแหน่งอุปราชผู้จะ ขึ้นครองราชย์สมบัติแห่งเมืองขอมคนต่อไป    ท่านเป็นพี่ชายของพระเจ้าชัยวรมันที่ 1

และแน่นอนว่าถ้าท่านอยู่ตามทางโลกท่านย่อมเป็นพระเจ้าชัยวรมันที่ 1 อย่างไม่ต้องสงสัยเลย               แต่องค์หลวงปู่สรวงมีจิตใจใผ่ในทางเนกขัมมะคือออกบวชมาแต่เยาว์วัยด้วยวาสนา ที่สั่งสมมาตั้งแต่อดีตชาติ และไม่ปรารถนาจะอยู่ตามทางโลกอีกต่อไปทั้งเล็งเห็นว่าการมีชีวิตอยู่ตามทาง โลกโดยเฉพาะการขึ้นครองราชย์สมบัตินั้นเป็นสิ่งที่มีภาระมากต้องตัดสินลง อาญา ต้องก่อกรรมทำบาปโดยใช่เหตุ ดังนั้นท่านจึงตัดสินใจออกบวช
         














การออกบวชครั้งแรกของหลวงปู่สรวงนั้นท่านออกบวชเป็นฤาษี ท่านท่องเที่ยวไปตามป่าเขาลำเนาไพรจนไปพบเจออาจารย์ที่เป็นมหาฤาษีผู้สำเร็จ อภิญญาสมบัติ มีอายุยืนยาวนับพันปี มีญาณสมาบัติกล้าแข็งมีฤทธิ์อภิญญาสามารถเหาะเหินเดินฟ้า เดินไต่น้ำ ดำดิน เดินทะลุภูผากอไผ่หินผาศิลาแลงที่ทึบทั้งแท่งก็เดินทะลุได้ มีตาทิพย์หูทิพย์ ล่วงรู้ในสิ่งต่างๆได้อย่างน่าอัศจรรย์



       หลวง ปู่สรวงร่ำเรียนวิชากับองค์มหาฤาษีผู้ทรงฤทธิ์จนสำเร็จวิชาต่าง ๆ ครบถ้วน ทรงอภิญญามีอายุยืนยาวนานไม่จำกัดกาลเวลาได้ ที่สำคัญคือองค์หลวงปู่สรวงมีอภิญญาแก่กล้าทางด้านการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ต่าง ๆ หลวงปู่สรวงเมื่อสำเร็จเป็นมหาโยคีผู้มีฤทธิ์อำนาจทางจิตอย่างสมบูรณ์แล้ว ท่านก็เที่ยวโปรดชาวบ้านที่ตกทุกข์ได้ยากจากการเป็นโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ






      องค์หลวงปู่สรวงท่านจะประจำอยู่ตามอโรคยาศาลาโดยอโรคยาศาลานี้เป็นปราสาทหิน ขนาดเล็กสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานพยาบาล แก่ประชาชนชาวบ้านทั้งหลาย ที่ได้รับทุกขเวทนาจากอาการเจ็บป่วยต่างๆ องค์หลวงปู่สรวงท่านก็โปรดชาวบ้านด้วยเวทย์มนต์คาถา ตัวยาสมุนไพร พลังอำนาจจิต ทำให้ชาวบ้านพ้นจากทุกข์ของเจ็บไข้ได้อย่างน่าอัศจรรย์



           ใน ช่วงสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที 1 ชนชาติขอมยังนับถือลัทธิพราหมณ์ บูชาเทพยดา และภูตผีเป็นสรณะ พระเจ้าแผ่นดินยอมให้สร้างปราสาทเพื่อบูชาเทพเจ้า การสร้างปราสาทต้องใช้แรงงานทั้งคนทั้งสัตว์จำนวนมากมาย นอกจากนี้การบูชาเทพเจ้าในสมัยนั้น ยังนิยมการบูชายัญ และพิธีกรรมอีกมากมาย ทัศนคติการใช้แรงงานคนในการสร้างปราสาทหินและการบูชายัญนั้นหลวงปู่สรวงไม่ เห็นด้วย เพราะเป็นการทรมานคน ทรมานสัตว์ เห็นแล้วเกิดความสังเวชใจ


           อย่างไรก็ตามหลวงปู่สรวงหรือมหาโยคีสรวงในครั้งนั้นก็ได้แต่เก็บความรู้สึก ไว้ภายใน และด้วยอำนาจฌานสมบัติที่ท่านสำเร็จสำเร็จแล้ว จึงทำให้ท่านสามารถมีชิวิตยืนยาวนับแต่รัชกาลของพระเจ้าชัยวรมันที่ 1 จนมาถึงพระเจ้าชัยวรมันที่ 2,3,4,5,6และ 7



         ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 นี่เองความเจริญรุ่งเรืองในพระพุทธศาสนาแบบมันตรยานกำลังก่อตัวและเจริญ อย่างสุงสุด ในช่วงต้นสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ยังนับถือลัทธิพราหมณ์ จนกระทั่งมหาโยคีสรวงได้ปลงใจว่าควรจะหันมานับถือพระพุทธศาสนา เพราะเป็นศาสนาที่มีการบำเพ็ญสมณธรรมและมีหลักธรรมอันลึกซึ้ง เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับลัทธิโยคีที่ตนนับถืออยู่ แต่ดีกว่าลัทธิพราหมณ์ตรงที่ไม่เน้นการสร้างปราสาทเพื่อบูชาพระผู้เป็นเจ้า ไม่มีการบูชายัญ ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต






             ดังนั้นองค์มหาโยคีสรวงจึงขอออกบวชเป็นพระภิกษุในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 โดยมีพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นองค์ประธานในการบวชและเมื่อมหาโยคีสรวงกลายมาเป็นหลวงปู่สรวงแล้วท่านก็ ชักชวนให้พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หันมานับถือพระพุทธศาสนา



            จนกระทั่งพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีพระราชศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง พระองค์ทรงนับถือในคติพระโพธิสัตว์ตามแนวมันตรยานที่นับถือองค์อวโลกิเตศวร พระองค์มีความเชื่อว่าพระองค์คือองค์อวตารของพระอวโลกิเตศวรเจ้า



               ทั้ง นี้จึงเกิดแรงบันดาลใจให้พระองค์จำหลักหน้าพระองค์เองไว้ตามปรางค์ปราสาท ต่างๆ เรียกหน้าแบบ “บายน” จัดเป็นกลุ่มๆละ 9 กลุ่มละ 72 กลุ่มละ 81 ทุกกลุ่มเมื่อเอาเลขสองตัวบวกกันจะรวมแล้วได้ 9 ทุกครั้งไปการสร้างการจำหลักพระพักตร์ของพระองค์ไปทุก ๆ ทิศเป็นไปตามคติที่ว่า องค์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรทรงเป้นผู้มองสรรพสัตว์และเงี่ยหูฟังสรรพสัตว์ ทั้งหลายด้วยปรารถนาจะสงเคราะห์ช่วยเหล่าสรรพสัตว์ให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวง โดยเฉพาะทุกข์แห่งการเวียนว่ายตายเกิดนั้นแล







            หลวงปุ่สรวงเมื่อบวชเข้ามาในบวรพระพุทธศาสนาแล้วก็เจริญกรรมฐานตามแนวทางของพระพุทธองค์จนบรรลุธรรมสูงสุด เป็น “จตุปฏิสัมภิทาญาณ” แก่กล้าในอิทธิฤทธิ์ในเดชสูงสุด ดำเนินตนตามแนวทางพระโพธิสัตว์ คือ แม้บรรลุหลุดพ้นแล้วก็ยังไม่เข้านิพพานจะยังโปรดสรรพสัตว์ผู้ยากทั้งหลาย ดูแลพระพุทธศาสนาต่อไปก่อน อีกนานเท่าไรไม่มีกำหนดแล้วแต่ความปรารถนาขององค์หลวงปู่สรวงท่านเอง



        หลวงปู่สรวงมีชีวิตอยู่อย่างไร้กาลเวลาไม่มีกำหนดเวลาถึงความสิ้นสุด ท่านชำนาญในการเข้านิโรธ เข้าสมบัติ 8 ถอดจิตชำนาญในมโนมยิทธิการแสดงฤทธิ์ทางใจ ชำนาญในกสิณอภิญญา ควบคุมบังคับธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ ได้อย่างเด็ดขาด สามารถเนรมิตวัตถุ  สามารถเรียกของจากอีกที่หนึ่งมายังอีกที่หนึ่งได้ สามารถชนะแรงโน้มถ่วงของโลก ชนะกาลเวลา มีความเป็นอิสระจากพันธนาการทุกชนิด ชนะกฏเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ทางโลกวัตถุทุกประการ นี่คืออภิญญาส่วนหนึ่งอันยกตัวอย่างมาน้อยนิดในองค์พระหลวงปู่สรวงมหามุนี   ดาบสผู้ทรงอิทธิ์ฤทธิ์บุญฤทธิ์เหนือโลกเหนือวิลัยแห่งปถุชนคนธรรมดา



                 หากจะนับอายุของหลวงปู่สรวงตั้งแต่เกิดมาในสมัยพระเจ้าชัยวรมัน จนมาถึงสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 อายุท่านก็นับพันปีแล้ว และหากนับช่วงระยะเวลาจากยุคของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 จนถึงปัจจุบันก็ไม่ต่ำกว่า 1,200 ปี



                       ลองคำนวณดูแล้วอายุของท่านก็ยาวนานนับพันปี เป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่เรื่องที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเรื่องที่หลวงปู่โป๊ะ วัดบ้านบิงถ่ายทอดเอาไว้ “





ที่มา..http://aseanline.blogspot.com
โดย: Metha    เวลา: 2014-8-19 12:49


โดย: bigbird    เวลา: 2014-8-19 18:49
ของดีราคาเบาๆว่าจะไปสอยเพิ่มอีกซักห้าหกองค์เผื่อเอาไว้แจกช่วยคน
โดย: Metha    เวลา: 2014-8-20 09:59
bigbird ตอบกลับเมื่อ 2014-8-19 18:49
ของดีราคาเบาๆว่าจะไปสอยเพิ่มอีกซักห้าหกองค์เผื่อเอ ...



โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-8-22 11:29
[youtube]yQP6Kf8sbGs[/youtube]
โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-8-23 10:32


โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-8-23 10:40



โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-8-26 08:38
พระเจ้าชัยวรมัน-2.jp



โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-9-8 08:34
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2014-9-8 08:35

เมื่อฆารวาสชาวเขมรท่านหนึ่งมีบารมีพอสมควร
ท่านเคยสร้างพระสุริยะชัยวรมันองค์ใหญ่ไว้ที่ประเทศเขมร
ต่อมามีความคิดจะสร้างองค์พ่อศรีชัยวรมัน
จึงนั่งสมาธิติดต่อพระพรหมองค์หนึ่ง
และได้แจ้งความประสงค์ว่าจะสร้างองค์พ่อศรีชัยวรมัน
พระพรหม(ในสายครูบาอาจารย์ของท่าน)
ไม่อนุญาติ บอกทำไม่ได้

"อาถรรพ์ท่านแรงเหลือเกิน"

เครดิต..พี่ทิม




โดย: Nujeab    เวลา: 2014-9-8 14:15
สาธุบารมีองค์เสด็จพ่อ บารมีหลวงปู่ บารมีท่านอาจารย์
โดย: Reechin    เวลา: 2014-9-8 15:19
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Reechin เมื่อ 2014-9-8 15:20

ผมลองให้ช่างแกะพระเจ้าสุริยะวรมันไว้แขวนคู่กับพระเจ้าชัยวรมัน...ครบทุกลายละเอียด
โดย: Metha    เวลา: 2014-9-8 18:52
สวยดี เนื้ออะไร
โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-9-10 07:22
Reechin ตอบกลับเมื่อ 2014-9-8 15:19
ผมลองให้ช่างแกะพระเจ้าสุริยะวรมันไว้แขวนคู่กับพระเ ...

สวยครับ วันที่ 14 อย่างลืมติดมา ให้ชมด้วยนะครับ
โดย: Metha    เวลา: 2014-9-18 02:58
คาถาดวงตราอาถรรพ์ รูปหล่อพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 น้ำมันบายน ตะกรุดพระขันแสงชัยศรี
ตั้งนะโม 3 จบ


พุทธังสรณังคัจฉามิ ธัมมังสรณังคัจฉามิ สังฆังสรณังคัจฉามิ
นะโมพุทธายะ พุทโธโพธิสัตโต อวโลกิเตศวร
มหาจักรพรรดิราชันชัย เสด็จพ่อศรีชัยวรมัน
พุทธราชะ จตุรโชค ศรีมหาราช พระโพธิสัตว์ชัยมหานาถ
นะโมพุทโธ คุณแก้วโสภะคะวา สะระณัง อะ ยะธาพุทโมนะ


3-5-7-9 จบ

โดย: Metha    เวลา: 2014-9-19 12:10


โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-10-4 08:05
.
.
รูปสลักพระเศียร ที่พบที่ปราสาทในเขตจังหวัดกำปงธม
จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์กีเมต์ ประเทศฝรั่งเศส



.
ประติมากรรมรูปเหมือนจริงของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7



ที่มา.http://www.oknation.net/blog/voranai/2012/07/25/entry-1.

โดย: majoy    เวลา: 2014-10-5 18:02
สาธุ องค์เสด็จพ่อศรีราชาเวทย์
โดย: Reechin    เวลา: 2014-10-9 20:19
แกะสลักองค์พ่อไว้สำหรับบูชา ความคืบหน้า 30 % แล้วครับ เหลือแก้ไขเก็บรายละเอียดอีกพร้อมทำเก่าให้เหมือนองค์จริง องค์นี้หน้าตัก 20 นิ้วครับ หินทรายเขียวนครวัด เดี๋ยวเสร็จแล้วขออนุญาตอาจราย์เมตตาเจิมเพื่อความเป็นสิริใงคลด้วยน่ะครับผม
โดย: Metha    เวลา: 2014-10-10 11:59

โดย: Reechin    เวลา: 2014-10-10 12:22
Reechin ตอบกลับเมื่อ 2014-10-9 20:19
แกะสลักองค์พ่อไว้สำหรับบูชา ความคืบหน้า 30 % แล้วครับ  ...

อาถรรพ์ท่านแรงจริงๆครับ เปลี่ยนช่างไปแล้ว 4 คน ที่โรงงานโทรมาบอก ว่ายากตรงที่ต้องทำหน้าให้เหมือนบายน และการแตกหักของแขนและใบหน้า
โดย: Reechin    เวลา: 2014-10-12 15:51
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Reechin เมื่อ 2014-10-12 15:53

เสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์แล้วครับ กำลังเดินทางมาถึงกรุงเทพกำลังคิดอยู่ว่าจะยกไปหาอาจราย์ยังไงดี
โดย: ธุลีดิน    เวลา: 2014-10-12 19:04
สวยงามครับ แต่ถ้าเป็นผมคงให้ช่างทำแบบสมบูรณ์
โดย: จ๊อ    เวลา: 2014-10-12 22:49
Reechin ตอบกลับเมื่อ 2014-10-12 15:51
เสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์แล้วครับ กำลังเดินทางมาถึงกรุ ...

ท่านดูสง่างามยิ่งนัก
โดย: Metha    เวลา: 2014-10-13 09:27





โดย: Metha    เวลา: 2014-10-21 20:03


ขอบารมีองค์พระเจ้าชัยวรมัน ช่วยขจัดปัดเป่า อุปสรรคที่เข้ามา ขอให้ลูกผ่านพ้นไปด้วยดี
ขอให้ลูกมีชัยเหนือใครด้วยเทอญ
โดย: Metha    เวลา: 2014-11-16 07:19


โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-11-20 07:30

โดย: Nujeab    เวลา: 2014-11-20 11:17
เสด็จพ่อศรีราชาเวท
โดย: Metha    เวลา: 2014-11-21 01:06

โดย: Metha    เวลา: 2014-11-25 14:48




โดย: majoy    เวลา: 2014-11-25 15:17
โชคดีมีกับเค้าด้วย
โดย: Metha    เวลา: 2014-11-26 20:30




โดย: Metha    เวลา: 2014-12-24 07:39

สาธุ สาธุ ขอบารมี พระเจ้าชัยวรมัน ปกป้องคุ้มครองลูก
อย่าได้มีทุกข์โศก โรคภัย อย่าเจ็บอย่าจน


โดย: Metha    เวลา: 2015-1-12 09:47


โดย: JimMoriarty    เวลา: 2015-1-12 17:42
กราบสักการะ องค์เสด็จพ่อ
โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-1-12 21:04

โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-1-12 21:05
  “ หลวงปู่สรวงเป็นชาวเขมรเป็นเชื้อพระวงศ์ของพระเจ้าชัยวรมัน องค์หลวงปู่สรวงท่านมีศักดิ์มีฐานันดรเป็นลูกชายคนโตครองตำแหน่งอุปราชผู้จะ ขึ้นครองราชย์สมบัติแห่งเมืองขอมคนต่อไป    ท่านเป็นพี่ชายของพระเจ้าชัยวรมันที่ 1

และแน่นอนว่าถ้าท่านอยู่ตามทางโลกท่านย่อมเป็นพระเจ้าชัยวรมันที่ 1 อย่างไม่ต้องสงสัยเลย               แต่องค์หลวงปู่สรวงมีจิตใจใผ่ในทางเนกขัมมะคือออกบวชมาแต่เยาว์วัยด้วยวาสนา ที่สั่งสมมาตั้งแต่อดีตชาติ และไม่ปรารถนาจะอยู่ตามทางโลกอีกต่อไปทั้งเล็งเห็นว่าการมีชีวิตอยู่ตามทาง โลกโดยเฉพาะการขึ้นครองราชย์สมบัตินั้นเป็นสิ่งที่มีภาระมากต้องตัดสินลง อาญา ต้องก่อกรรมทำบาปโดยใช่เหตุ ดังนั้นท่านจึงตัดสินใจออกบวช
         

การออกบวชครั้งแรกของหลวงปู่สรวงนั้นท่านออกบวชเป็นฤาษี ท่านท่องเที่ยวไปตามป่าเขาลำเนาไพรจนไปพบเจออาจารย์ที่เป็นมหาฤาษีผู้สำเร็จ อภิญญาสมบัติ มีอายุยืนยาวนับพันปี มีญาณสมาบัติกล้าแข็งมีฤทธิ์อภิญญาสามารถเหาะเหินเดินฟ้า เดินไต่น้ำ ดำดิน เดินทะลุภูผากอไผ่หินผาศิลาแลงที่ทึบทั้งแท่งก็เดินทะลุได้ มีตาทิพย์หูทิพย์ ล่วงรู้ในสิ่งต่างๆได้อย่างน่าอัศจรรย์



       หลวง ปู่สรวงร่ำเรียนวิชากับองค์มหาฤาษีผู้ทรงฤทธิ์จนสำเร็จวิชาต่าง ๆ ครบถ้วน ทรงอภิญญามีอายุยืนยาวนานไม่จำกัดกาลเวลาได้ ที่สำคัญคือองค์หลวงปู่สรวงมีอภิญญาแก่กล้าทางด้านการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ต่าง ๆ หลวงปู่สรวงเมื่อสำเร็จเป็นมหาโยคีผู้มีฤทธิ์อำนาจทางจิตอย่างสมบูรณ์แล้ว ท่านก็เที่ยวโปรดชาวบ้านที่ตกทุกข์ได้ยากจากการเป็นโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ






      องค์หลวงปู่สรวงท่านจะประจำอยู่ตามอโรคยาศาลาโดยอโรคยาศาลานี้เป็นปราสาทหิน ขนาดเล็กสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานพยาบาล แก่ประชาชนชาวบ้านทั้งหลาย ที่ได้รับทุกขเวทนาจากอาการเจ็บป่วยต่างๆ องค์หลวงปู่สรวงท่านก็โปรดชาวบ้านด้วยเวทย์มนต์คาถา ตัวยาสมุนไพร พลังอำนาจจิต ทำให้ชาวบ้านพ้นจากทุกข์ของเจ็บไข้ได้อย่างน่าอัศจรรย์



           ใน ช่วงสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที 1 ชนชาติขอมยังนับถือลัทธิพราหมณ์ บูชาเทพยดา และภูตผีเป็นสรณะ พระเจ้าแผ่นดินยอมให้สร้างปราสาทเพื่อบูชาเทพเจ้า การสร้างปราสาทต้องใช้แรงงานทั้งคนทั้งสัตว์จำนวนมากมาย นอกจากนี้การบูชาเทพเจ้าในสมัยนั้น ยังนิยมการบูชายัญ และพิธีกรรมอีกมากมาย ทัศนคติการใช้แรงงานคนในการสร้างปราสาทหินและการบูชายัญนั้นหลวงปู่สรวงไม่ เห็นด้วย เพราะเป็นการทรมานคน ทรมานสัตว์ เห็นแล้วเกิดความสังเวชใจ


           อย่างไรก็ตามหลวงปู่สรวงหรือมหาโยคีสรวงในครั้งนั้นก็ได้แต่เก็บความรู้สึก ไว้ภายใน และด้วยอำนาจฌานสมบัติที่ท่านสำเร็จสำเร็จแล้ว จึงทำให้ท่านสามารถมีชิวิตยืนยาวนับแต่รัชกาลของพระเจ้าชัยวรมันที่ 1 จนมาถึงพระเจ้าชัยวรมันที่ 2,3,4,5,6และ 7



         ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 นี่เองความเจริญรุ่งเรืองในพระพุทธศาสนาแบบมันตรยานกำลังก่อตัวและเจริญ อย่างสุงสุด ในช่วงต้นสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ยังนับถือลัทธิพราหมณ์ จนกระทั่งมหาโยคีสรวงได้ปลงใจว่าควรจะหันมานับถือพระพุทธศาสนา เพราะเป็นศาสนาที่มีการบำเพ็ญสมณธรรมและมีหลักธรรมอันลึกซึ้ง เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับลัทธิโยคีที่ตนนับถืออยู่ แต่ดีกว่าลัทธิพราหมณ์ตรงที่ไม่เน้นการสร้างปราสาทเพื่อบูชาพระผู้เป็นเจ้า ไม่มีการบูชายัญ ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต






             ดังนั้นองค์มหาโยคีสรวงจึงขอออกบวชเป็นพระภิกษุในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 โดยมีพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นองค์ประธานในการบวชและเมื่อมหาโยคีสรวงกลายมาเป็นหลวงปู่สรวงแล้วท่านก็ ชักชวนให้พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หันมานับถือพระพุทธศาสนา



            จนกระทั่งพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีพระราชศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง พระองค์ทรงนับถือในคติพระโพธิสัตว์ตามแนวมันตรยานที่นับถือองค์อวโลกิเตศวร พระองค์มีความเชื่อว่าพระองค์คือองค์อวตารของพระอวโลกิเตศวรเจ้า



               ทั้ง นี้จึงเกิดแรงบันดาลใจให้พระองค์จำหลักหน้าพระองค์เองไว้ตามปรางค์ปราสาท ต่างๆ เรียกหน้าแบบ “บายน” จัดเป็นกลุ่มๆละ 9 กลุ่มละ 72 กลุ่มละ 81 ทุกกลุ่มเมื่อเอาเลขสองตัวบวกกันจะรวมแล้วได้ 9 ทุกครั้งไปการสร้างการจำหลักพระพักตร์ของพระองค์ไปทุก ๆ ทิศเป็นไปตามคติที่ว่า องค์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรทรงเป้นผู้มองสรรพสัตว์และเงี่ยหูฟังสรรพสัตว์ ทั้งหลายด้วยปรารถนาจะสงเคราะห์ช่วยเหล่าสรรพสัตว์ให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวง โดยเฉพาะทุกข์แห่งการเวียนว่ายตายเกิดนั้นแล







            หลวงปุ่สรวงเมื่อบวชเข้ามาในบวรพระพุทธศาสนาแล้วก็เจริญกรรมฐานตามแนวทางของพระพุทธองค์จนบรรลุธรรมสูงสุด เป็น “จตุปฏิสัมภิทาญาณ” แก่กล้าในอิทธิฤทธิ์ในเดชสูงสุด ดำเนินตนตามแนวทางพระโพธิสัตว์ คือ แม้บรรลุหลุดพ้นแล้วก็ยังไม่เข้านิพพานจะยังโปรดสรรพสัตว์ผู้ยากทั้งหลาย ดูแลพระพุทธศาสนาต่อไปก่อน อีกนานเท่าไรไม่มีกำหนดแล้วแต่ความปรารถนาขององค์หลวงปู่สรวงท่านเอง



        หลวงปู่สรวงมีชีวิตอยู่อย่างไร้กาลเวลาไม่มีกำหนดเวลาถึงความสิ้นสุด ท่านชำนาญในการเข้านิโรธ เข้าสมบัติ 8 ถอดจิตชำนาญในมโนมยิทธิการแสดงฤทธิ์ทางใจ ชำนาญในกสิณอภิญญา ควบคุมบังคับธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ ได้อย่างเด็ดขาด สามารถเนรมิตวัตถุ  สามารถเรียกของจากอีกที่หนึ่งมายังอีกที่หนึ่งได้ สามารถชนะแรงโน้มถ่วงของโลก ชนะกาลเวลา มีความเป็นอิสระจากพันธนาการทุกชนิด ชนะกฏเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ทางโลกวัตถุทุกประการ นี่คืออภิญญาส่วนหนึ่งอันยกตัวอย่างมาน้อยนิดในองค์พระหลวงปู่สรวงมหามุนี   ดาบสผู้ทรงอิทธิ์ฤทธิ์บุญฤทธิ์เหนือโลกเหนือวิลัยแห่งปถุชนคนธรรมดา



                 หากจะนับอายุของหลวงปู่สรวงตั้งแต่เกิดมาในสมัยพระเจ้าชัยวรมัน จนมาถึงสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 อายุท่านก็นับพันปีแล้ว และหากนับช่วงระยะเวลาจากยุคของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 จนถึงปัจจุบันก็ไม่ต่ำกว่า 1,200 ปี



                       ลองคำนวณดูแล้วอายุของท่านก็ยาวนานนับพันปี เป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่เรื่องที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเรื่องที่หลวงปู่โป๊ะ วัดบ้านบิงถ่ายทอดเอาไว้ “





ที่มา..http://aseanline.blogspot.com
โดย: Metha    เวลา: 2015-3-16 11:34


โดย: Nujeab    เวลา: 2015-3-16 12:05
ดวงตราอาถรรพ์ ตรงกลางเป็นรูปองค์เสด็จพ่อศรีราชาเวท ปางเต็มบารมี เนื้อนี้สวยมากๆครับ น่าจะมีตะกรุดด้วย
โดย: Metha    เวลา: 2015-3-16 12:57
majoy ตอบกลับเมื่อ 2015-3-16 12:51
งดงามเหลือเกิน อยากได้ๆๆ

อยากได้เพิ่มอ่ะครับ...ตอนนี้มีแค่ตะกรุดทองคำ 4 ดอก
โดย: Nujeab    เวลา: 2015-3-16 13:00
Metha ตอบกลับเมื่อ 2015-3-16 12:57
อยากได้เพิ่มอ่ะครับ...ตอนนี้มีแค่ตะกรุดทองคำ 4 ดอก

ตะกรุดทองคำ 4 ดอก
โดย: Metha    เวลา: 2015-3-17 10:17




โดย: Metha    เวลา: 2015-3-28 03:35


โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-3-29 07:44
พระเจ้าศรีชัยวรมัน เปรียบ ดั่ง พระเจ้าอโศก แห่งเอเชีย
โดย: Nujeab    เวลา: 2015-3-30 16:52
กราบสักการะองค์เสด็จพ่อ
โดย: Metha    เวลา: 2015-3-30 19:05


โดย: Metha    เวลา: 2015-4-1 08:56


โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-4-8 07:26
“ หลวงปู่สรวงเป็นชาวเขมรเป็นเชื้อพระวงศ์ของพระเจ้าชัยวรมัน องค์หลวงปู่สรวงท่านมีศักดิ์มีฐานันดรเป็นลูกชายคนโตครองตำแหน่งอุปราชผู้จะ ขึ้นครองราชย์สมบัติแห่งเมืองขอมคนต่อไป    ท่านเป็นพี่ชายของพระเจ้าชัยวรมันที่ 1

และแน่นอนว่าถ้าท่านอยู่ตามทางโลกท่านย่อมเป็นพระเจ้าชัยวรมันที่ 1 อย่างไม่ต้องสงสัยเลย               แต่องค์หลวงปู่สรวงมีจิตใจใผ่ในทางเนกขัมมะคือออกบวชมาแต่เยาว์วัยด้วยวาสนา ที่สั่งสมมาตั้งแต่อดีตชาติ และไม่ปรารถนาจะอยู่ตามทางโลกอีกต่อไปทั้งเล็งเห็นว่าการมีชีวิตอยู่ตามทาง โลกโดยเฉพาะการขึ้นครองราชย์สมบัตินั้นเป็นสิ่งที่มีภาระมากต้องตัดสินลง อาญา ต้องก่อกรรมทำบาปโดยใช่เหตุ ดังนั้นท่านจึงตัดสินใจออกบวช
         















การออกบวชครั้งแรกของหลวงปู่สรวงนั้นท่านออกบวชเป็นฤาษี ท่านท่องเที่ยวไปตามป่าเขาลำเนาไพรจนไปพบเจออาจารย์ที่เป็นมหาฤาษีผู้สำเร็จ อภิญญาสมบัติ มีอายุยืนยาวนับพันปี มีญาณสมาบัติกล้าแข็งมีฤทธิ์อภิญญาสามารถเหาะเหินเดินฟ้า เดินไต่น้ำ ดำดิน เดินทะลุภูผากอไผ่หินผาศิลาแลงที่ทึบทั้งแท่งก็เดินทะลุได้ มีตาทิพย์หูทิพย์ ล่วงรู้ในสิ่งต่างๆได้อย่างน่าอัศจรรย์



       หลวง ปู่สรวงร่ำเรียนวิชากับองค์มหาฤาษีผู้ทรงฤทธิ์จนสำเร็จวิชาต่าง ๆ ครบถ้วน ทรงอภิญญามีอายุยืนยาวนานไม่จำกัดกาลเวลาได้ ที่สำคัญคือองค์หลวงปู่สรวงมีอภิญญาแก่กล้าทางด้านการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ต่าง ๆ หลวงปู่สรวงเมื่อสำเร็จเป็นมหาโยคีผู้มีฤทธิ์อำนาจทางจิตอย่างสมบูรณ์แล้ว ท่านก็เที่ยวโปรดชาวบ้านที่ตกทุกข์ได้ยากจากการเป็นโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ







      องค์หลวงปู่สรวงท่านจะประจำอยู่ตามอโรคยาศาลาโดยอโรคยาศาลานี้เป็นปราสาทหิน ขนาดเล็กสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานพยาบาล แก่ประชาชนชาวบ้านทั้งหลาย ที่ได้รับทุกขเวทนาจากอาการเจ็บป่วยต่างๆ องค์หลวงปู่สรวงท่านก็โปรดชาวบ้านด้วยเวทย์มนต์คาถา ตัวยาสมุนไพร พลังอำนาจจิต ทำให้ชาวบ้านพ้นจากทุกข์ของเจ็บไข้ได้อย่างน่าอัศจรรย์



           ใน ช่วงสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที 1 ชนชาติขอมยังนับถือลัทธิพราหมณ์ บูชาเทพยดา และภูตผีเป็นสรณะ พระเจ้าแผ่นดินยอมให้สร้างปราสาทเพื่อบูชาเทพเจ้า การสร้างปราสาทต้องใช้แรงงานทั้งคนทั้งสัตว์จำนวนมากมาย นอกจากนี้การบูชาเทพเจ้าในสมัยนั้น ยังนิยมการบูชายัญ และพิธีกรรมอีกมากมาย ทัศนคติการใช้แรงงานคนในการสร้างปราสาทหินและการบูชายัญนั้นหลวงปู่สรวงไม่ เห็นด้วย เพราะเป็นการทรมานคน ทรมานสัตว์ เห็นแล้วเกิดความสังเวชใจ


           อย่างไรก็ตามหลวงปู่สรวงหรือมหาโยคีสรวงในครั้งนั้นก็ได้แต่เก็บความรู้สึก ไว้ภายใน และด้วยอำนาจฌานสมบัติที่ท่านสำเร็จสำเร็จแล้ว จึงทำให้ท่านสามารถมีชิวิตยืนยาวนับแต่รัชกาลของพระเจ้าชัยวรมันที่ 1 จนมาถึงพระเจ้าชัยวรมันที่ 2,3,4,5,6และ 7



          ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 นี่เองความเจริญรุ่งเรืองในพระพุทธศาสนาแบบมันตรยานกำลังก่อตัวและเจริญ อย่างสุงสุด ในช่วงต้นสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ยังนับถือลัทธิพราหมณ์ จนกระทั่งมหาโยคีสรวงได้ปลงใจว่าควรจะหันมานับถือพระพุทธศาสนา เพราะเป็นศาสนาที่มีการบำเพ็ญสมณธรรมและมีหลักธรรมอันลึกซึ้ง เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับลัทธิโยคีที่ตนนับถืออยู่ แต่ดีกว่าลัทธิพราหมณ์ตรงที่ไม่เน้นการสร้างปราสาทเพื่อบูชาพระผู้เป็นเจ้า ไม่มีการบูชายัญ ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต







             ดังนั้นองค์มหาโยคีสรวงจึงขอออกบวชเป็นพระภิกษุในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 โดยมีพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นองค์ประธานในการบวชและเมื่อมหาโยคีสรวงกลายมาเป็นหลวงปู่สรวงแล้วท่านก็ ชักชวนให้พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หันมานับถือพระพุทธศาสนา



            จนกระทั่งพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีพระราชศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง พระองค์ทรงนับถือในคติพระโพธิสัตว์ตามแนวมันตรยานที่นับถือองค์อวโลกิเตศวร พระองค์มีความเชื่อว่าพระองค์คือองค์อวตารของพระอวโลกิเตศวรเจ้า



               ทั้ง นี้จึงเกิดแรงบันดาลใจให้พระองค์จำหลักหน้าพระองค์เองไว้ตามปรางค์ปราสาท ต่างๆ เรียกหน้าแบบ “บายน” จัดเป็นกลุ่มๆละ 9 กลุ่มละ 72 กลุ่มละ 81 ทุกกลุ่มเมื่อเอาเลขสองตัวบวกกันจะรวมแล้วได้ 9 ทุกครั้งไปการสร้างการจำหลักพระพักตร์ของพระองค์ไปทุก ๆ ทิศเป็นไปตามคติที่ว่า องค์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรทรงเป้นผู้มองสรรพสัตว์และเงี่ยหูฟังสรรพสัตว์ ทั้งหลายด้วยปรารถนาจะสงเคราะห์ช่วยเหล่าสรรพสัตว์ให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวง โดยเฉพาะทุกข์แห่งการเวียนว่ายตายเกิดนั้นแล








            หลวงปุ่สรวงเมื่อบวชเข้ามาในบวรพระพุทธศาสนาแล้วก็เจริญกรรมฐานตามแนวทางของพระพุทธองค์จนบรรลุธรรมสูงสุด เป็น “จตุปฏิสัมภิทาญาณ” แก่กล้าในอิทธิฤทธิ์ในเดชสูงสุด ดำเนินตนตามแนวทางพระโพธิสัตว์ คือ แม้บรรลุหลุดพ้นแล้วก็ยังไม่เข้านิพพานจะยังโปรดสรรพสัตว์ผู้ยากทั้งหลาย ดูแลพระพุทธศาสนาต่อไปก่อน อีกนานเท่าไรไม่มีกำหนดแล้วแต่ความปรารถนาขององค์หลวงปู่สรวงท่านเอง



        หลวงปู่สรวงมีชีวิตอยู่อย่างไร้กาลเวลาไม่มีกำหนดเวลาถึงความสิ้นสุด ท่านชำนาญในการเข้านิโรธ เข้าสมบัติ 8 ถอดจิตชำนาญในมโนมยิทธิการแสดงฤทธิ์ทางใจ ชำนาญในกสิณอภิญญา ควบคุมบังคับธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ ได้อย่างเด็ดขาด สามารถเนรมิตวัตถุ  สามารถเรียกของจากอีกที่หนึ่งมายังอีกที่หนึ่งได้ สามารถชนะแรงโน้มถ่วงของโลก ชนะกาลเวลา มีความเป็นอิสระจากพันธนาการทุกชนิด ชนะกฏเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ทางโลกวัตถุทุกประการ นี่คืออภิญญาส่วนหนึ่งอันยกตัวอย่างมาน้อยนิดในองค์พระหลวงปู่สรวงมหามุนี   ดาบสผู้ทรงอิทธิ์ฤทธิ์บุญฤทธิ์เหนือโลกเหนือวิลัยแห่งปถุชนคนธรรมดา



                 หากจะนับอายุของหลวงปู่สรวงตั้งแต่เกิดมาในสมัยพระเจ้าชัยวรมัน จนมาถึงสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 อายุท่านก็นับพันปีแล้ว และหากนับช่วงระยะเวลาจากยุคของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 จนถึงปัจจุบันก็ไม่ต่ำกว่า 1,200 ปี



                       ลองคำนวณดูแล้วอายุของท่านก็ยาวนานนับพันปี เป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่เรื่องที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเรื่องที่หลวงปู่โป๊ะ วัดบ้านบิงถ่ายทอดเอาไว้ “





ที่มา..http://aseanline.blogspot.com

โดย: Metha    เวลา: 2015-4-8 08:54
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Metha เมื่อ 2015-4-8 08:55


ที่มา https://www.facebook.com/poosuang




โดย: Metha    เวลา: 2015-5-11 07:45
พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (พ.ศ. 1724 - 1763) เจ้าชายวรมันเป็นโอรสของพระเจ้าธรณินทรวรมันที่ 2
ประสูติในระหว่างปี พ.ศ. 1663 – 1668 ทรงเสกสมรสตั้งแต่ทรงพระเยาว์กับเจ้าหญิงชัยราชเทวี
สตรีที่มีบทบาทและอิทธิพลสำคัญที่สุดเหนือพระองค์ รวมทั้งโน้มนำให้พระองค์หันมานับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน



ราว พ.ศ. 1720 – 1721 พระเจ้าชัยอินทรวรมันแห่งอาณาจักรจามปา ทรงนำทัพจามบุกเข้าโจมตียโศธรปุระ
กองทัพเรือจามบุกเข้าถึงโตนเลสาบ เผาเมือง และปล้นสะดมสมบัติกลับไปเป็นจำนวนมาก
รวมทั้งจับพระเจ้าตรีภูวนาทิตวรมันประหารชีวิต เชื่อกันว่า การรุกรานเมืองยโศธปุระครั้งนั้น
เจ้าชายวรมันได้วางเฉยยอมให้เมืองแตก จากนั้นพระองค์จึงกู้แผ่นดินขึ้นมาใหม่ โดยนำทัพสู้กับพวกจามนานถึง 4 ปี
จนสามารถพิชิตกองเรือจามผู้เชี่ยวชาญการเดินเรือได้อย่างราบคาบ ในยุทธการทางเรือที่โตนเลสาบ



ปี พ.ศ. 1724 ยโศธปุระกลับสู่ความสงบ พระองค์ทรงปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์ ทรงพระนามว่า
พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 พร้อมกับบูรณปฏิสังขรณ์ราชธานีขึ้นมาใหม่ รู้จักกันในชื่อ “เมืองพระนครหลวง”
หรือ “นครธม” หรือ “นครใหญ่” และย้ายศูนย์กลางของราชธานีจากปราสาทปาปวนในลัทธิไศวนิกาย
มายังปราสาทบายนที่สร้างขึ้นใหม่ ให้เป็นศาสนสถานในลัทธิมหายานแทน จากนั้นมา
ศูนย์กลางแห่งอาณาจักรเขมรโบราณก็คือ ปราสาทบายน หรือนครธม



พระองค์ทรงสถาปนาคติ “พระพุทธเจ้าที่ยังมีชีวิต” หรือ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรขึ้นมา
ซึ่งหมายถึงตัวพระองค์เองคือพระโพธิสัตว์ที่เกิดมาเพื่อปัดเป่าทุกข์ภัยให้แก่ราษฎร
ภาพสลักรูปใบหน้าที่ปรากฏตามปรางค์ในหลายปราสาทที่ทรงสร้างขึ้น เชื่อว่าคือใบหน้าของพระองค์ใ
นภาคพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรนั่นเอง



หลังจากสถาปนาศูนย์กลางอาณาจักรแล้ว พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 จึงทรงแก้แค้นศตรูเก่าคืออาณาจักรจามปา
ใน พ.ศ. 1733 กองทัพของพระองค์ก็สามารถยึดเมืองวิชัยยะ เมืองหลวงของจามปาได้





นอกเหนือจากการสงครามแล้ว พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ได้สร้างพุทธสถานไว้มากมาย เช่น
ปราสาทบันทายคดี ปราสาทตาพรม ที่สร้างถวายพระมารดา ปราสาทพระขรรค์ สร้างถวายพระบิดา
ปราสาทตาโสม ปราสาทนาคพัน ปราสาทบันทายฉมาร์



ในเขตประเทศไทยปัจจุบัน พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นผู้บูรณะปราสาทหินพิมายและปราสาทเขาพนมรุ้ง
ให้เป็นศาสนสถานในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน




นอกจากนี้ พระองค์ยังโปรดให้สร้าง “บ้านมีไฟ” หรือที่พักคนเดินทาง ซึ่งก่อด้วยศิลา และจุดไฟไว้ตลอด
ศาสตราจารย์ หลุยส์ ฟิโนต์ ผู้อำนวยการคนแรกของสำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบูรพาทิศ เรียกอาคารแบบนี้ว่า “ธรรมศาลา”

จารึกที่ปราสาทพระขรรค์ กล่าวถึงที่พักคนเดินทางว่ามีจำนวน 121 แห่ง อยู่ตามทางเดินทั่วราชอาณาจักร
และตามทางเดินไปเมืองต่างๆ ในจำนวนนั้น มี 17 แห่งอยู่ระหว่างการเดินจากเมืองพระนครไปยังเมืองพิมาย
ซึ่งศาสตรจารย์ ม.จ. สุภัทรดิศ ดิศกุล พบว่าที่พักคนเดินทางเท่าที่ค้นพบแล้วมี 7 แห่ง แต่ละแห่งห่างกันประมาณ
12 – 15 กิโลเมตร .. เข้าใจว่าอาจารย์เจี๊ยบ ค้นพบเพิ่มเติมอีกหลายแห่ง



จารึกปราสาทพระขรรค์ระบุอีกว่า มีการสร้างโรงพยาบาล หรือที่จารึกเรียกว่า “อโรคยาศาลา” จำนวน 102 แห่ง
กระจายอยู่ทั่วราชอาณาจักร ซึ่งมีส่วนหนึ่งอยู่ในเขตประเทศไทย



พระองค์ปกครองอาณาจักรได้อย่างเบ็ดเสร๊จ ทั้งในทางโลกและทางธรรม อย่างที่ไม่เคยมีกษัตริย์พระองค์ใด
เคยทำได้มาก่อน ทั้งก่อนและหลังยุคของพระองค์


พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงสิ้นพระชนม์ในระหว่างปี พ.ศ. 1758 – 1762 เชื่อกันว่าทรงมีพระชนม์ชีพยืนยาวถึง 94 ปี
ได้ฉลองพระนามหลังสวรรคตว่า “มหาบรมสุคตะ” หมายความว่า พระพุทธเจ้าผู้ยิ่งใหญ่




โดย: Nujeab    เวลา: 2015-5-11 12:31
กราบสักการะ องค์เสด็จพ่อศรีราชเวท สาธุ
โดย: Pee    เวลา: 2015-6-24 08:09
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Pee เมื่อ 2015-6-24 08:14

จะว่าไป พระเจ้าชัยวรมันที่7พระองค์ก็ทรงเหมือน พระนารายณ์อวตาลเหมือนกันนะ

โดย: Metha    เวลา: 2015-6-24 12:15
กราบ ขอบารมีพระเจ้าชัยวรมัน ปกป้องครองให้ลูกพ้นภัยด้วยเทอญ
โดย: Nujeab    เวลา: 2015-6-26 12:24
กราบสักการะ องค์เสด็จพ่อศรีราชาเวท
โดย: majoy    เวลา: 2015-6-26 23:40
เสด็จพ่อศรีราชาเวทย์ ประสิทธิเม ภะวันตุเม
โดย: Metha    เวลา: 2015-6-28 08:24


โดย: Pee    เวลา: 2015-6-28 08:39
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Pee เมื่อ 2015-6-28 08:44

กราบองค์พ่อ ด้วยหัวใจ  ศรัทธา สาธุ[attach]11035[/attach]






ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2