Baan Jompra

ชื่อกระทู้: ตราแผ่นดิน [สั่งพิมพ์]

โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 15:35
ชื่อกระทู้: ตราแผ่นดิน
ตราแผ่นดิน
นพชัย วัดอักษร Ph.D.


บนธนบัตรแบบที่ ๑ ซึ่งเป็นธนบัตรแบบแรกของไทย มีการอัญเชิญตราแผ่นดิน หรือ ตราอาร์มแผ่นดิน มาพิมพ์ตรงเหนือคำว่าไว้ “รัฐบาลสยาม” และเป็นธนบัตรแบบเดียวที่มีการใช้ตรานี้พิมพ์บนธนบัตร
คลิกบนรูปเพื่อขยาย
ตราแผ่นดิน หรือ ที่เรียกกันว่า "อาร์มแผ่นดิน" ตามพจนานุกรมฉบับเฉลิมพระเกียรติ ให้ความหมายเอาไว้ว่า คำนาม หมายถึงตราประจำประเทศ
ตราแผ่นดิน
คลิกบนรูปเพื่อขยาย

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๑๖ เป็นตราที่รวมเอาสัญลักษณ์ต่าง ๆ ของข้าราชการและชนชาวสยามเชื้อสายต่าง ๆ ไว้ด้วยกัน เพื่อแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของสยามประเทศ ผู้ออกแบบคือเสวกเอกหม่อมเจ้าประวิช ชุมสาย พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าชุมสาย กรมขุนสีหราชวิกรม ในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ดังนี้
ส่วนบนเป็นรูปไอราพต อันหมายถึง ทิพย์สมบัติ แต่บางท่านว่า หมายถึง สยามประเทศ ส่วน ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคใต้
ส่วนล่างซีกซ้าย เป็นรูปช้างเผือก หมายถึง ประเทศลาว ส่วนล่างซีกขวา เป็นรูปกริช หมายถึง หัวเมืองมลายู (มาเลเซีย) ซึ่งอยู่ในขอบขัณฑสีมาในรัชสมัยนั้น แต่บางท่านก็ตีความรวมทั้งช้างเผือกและกริชว่า หมายถึง ราชสมบัติอันยิ่งใหญ่
เหนือโล่ห์ขึ้นไปเป็นรูปจักรและตรี อันหมายถึง พระบรมราชวงศ์จักรี อยู่ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ โดยมีฉัตร ๗ ชั้นอยู่ ๒ ข้าง ซึ่งพระมหาพิชัยมงกุฎและฉัตรนี้เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นพระเจ้าแผ่นดิน
ทางด้านซ้ายของโล่ห์เป็นรูปคชสีห์แบกพระแสงกระบี่อาญาสิทธิ์ อันหมายถึงฝ่ายทหาร อันเป็นหน่วยงานหลักในการรักษาประเทศ
ทางด้านขวาของโล่ห์เป็นรูปราชสีห์แบกพระแสงดาบอาญาสิทธิ์ อันหมายถึงฝ่ายพลเรือน คือ มหาดไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการรักษาประเทศอีกหน่วยหนึ่ง
รอบโล่ห์เป็นพระสังวาลของพระมหากษัตริย์ นอกจากนี้ยังมีเครื่องพระราชกกุธภัณฑ์ประดับอยู่ในตราแผ่นดิน คือ ฉลองพระบาทอยู่ใต้ฉัตรทั้งสองข้าง พระแส้จามรีอยู่คู่กับพระแสงกระบี่อาญาสิทธิ์ทางด้านซ้าย ส่วนพระแสงดาบอาญาสิทธิ์ทางด้านขวามีพัชนีฝักมะขามอยู่คู่กัน ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนแท่นสี่เหลี่ยม
ด้านล่างของแท่นมีแถบผ้า จารึกคาถาบาลี ว่า “สพเพ สงฆ ภูตาน สามคคี วฑฒิ สาธิกา” ที่แปลว่า "ความพร้อมเพรียงของบุคคลทั้งปวงผู้อยู่เป็นหมวดหมู่กัน ย่อมเป็นเครื่องทำความเจริญให้สำเร็จ" พร้อมทั้งมีพระฉลองภูษาเต็มยศของพระมหากษัตริย์คลุมโอบจากเบื้องหลัง
ได้มีการใช้ตราแผ่นดินนี้มาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๖) ที่ทรงมีพระราชประสงค์ให้เปลี่ยนมาใช้ตรา“พระครุฑพ่าห์เป็นตราแผ่นดินแทน เพราะทรงติว่าตราอาร์มเป็นอย่างฝรั่งเกินไป และมูลเหตุในการเปลี่ยนตราประจำชาติ นอกจากที่จะระบุไว้ข้างต้นแล้ว เป็นไปได้ว่าการเปลี่ยนแปลงตราแผ่นดินน่าจะมีมูลเหตุหลักมาจากการสูญเสียประเทศราชทั้งลาว เขมรและมลายูในรัชสมัยของพระองค์ จึงต้องเปลี่ยนแปลงตราเพื่อให้เหมาะกับกาลสมัย
อ้างอิง
ตราแผ่นดินของไทย http://th.wikipedia.org/wiki/ตราแผ่นดินของไทย  
      แก้ไขเมื่อ วันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๐; วันอังคารที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับตราแผ่นดิน สถานีตำรวจภูธรตำบลพัทยา วันพฤหัสบดีที่
      ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
ตราแผ่นดิน โรงเรียนนายเรืออากาศ วันอังคารที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐


ที่มา http://www.tanabat-thai.com/terms_of_use211111.htm



โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 15:37
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
ธนบัตรแบบที่ ๑ รุ่น ๒
เริ่มใช้เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๑ ถึง พ.ศ. ๒๔๖๘
พิมพ์โดยบริษัท โทมัส เดอ ลา รู ประเทศอังกฤษ
พิมพ์เพียงด้านเดียว เรียกกันว่า "ธนบัตรหน้าเดียว" หรือ "ธนบัตรหลังขาว" เหมือนแบบ ๑ รุ่น ๑ ต่างกันตรงที่มีการนำตราครุฑพ่าห์มาใช้แทนตราอาร์มแผ่นดิน เนื่องจากในขณะนั้นได้ประกาศเปลี่ยนตราแผ่นดินจากตราอาร์มมาเป็นตราครุฑพ่าห์แทน
มี ๒ ชนิดราคา คือ ๑ บาท และ ๕๐ บาท (ปรับปรุงราคา) ที่แก้ไขจากธนบัตรชนิดราคา ๑ บาท
เหตุที่มีการพิมพ์ธนบัตรราคา ๑ บาทออกใช้ เพราะในปี พ.ศ. ๒๔๕๙ ราคาแร่เงินได้เพิ่มสูงมากกว่าราคาที่กำหนดไว้บนเงินเหรียญ ทำให้ชาวบ้านหลอมเหรียญเงินเป็นเงินแท่งแล้วส่งไปขายต่างประเทศ เงินเหรียญหนึ่งบาทจึงขาดตลาด รัฐบาลจึงต้องพิมพ์ธนบัตรชนิดราคา ๑ บาทออกใช้


ที่มา http://www.tanabat-thai.com/terms_of_use211111.htm
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 15:38

[size=+1] F คลิกเพื่อดูราคา
[size=+1] F คลิกเพื่อดูราคา
[size=+1] F คลิกเพื่อดูราคา
[size=+1] F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
ธนบัตรแบบที่ ๒
เริ่มใช้เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๘ ถึง พ.ศ. ๒๔๗๑
พิมพ์โดยบริษัท โทมัส เดอ ลา รู ประเทศอังกฤษ
เป็นธนบัตรที่เปลี่ยนจากการพิมพ์ระบบเส้นราบเป็นเส้นนูน
ด้านหน้าเป็นรูปลายรัศมี ๑๒ แฉก
ด้านหลังเป็นรูปพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
ประชาชนทั่วไปจึงเรียกธนบัตรแบบที่ ๒ นี้ว่า "ธนบัตรแบบไถนา"
มี ๖ ชนิดราคา คือ ๑ บาท ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท ๑๐๐ บาท และ ๑,๐๐๐ บาท

ที่มา http://www.tanabat-thai.com/terms_of_use211111.htm
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 15:41

  F คลิกเพื่อดูราคา
[size=+1] F คลิกเพื่อดูราคา
[size=+1] F คลิกเพื่อดูราคา
[size=+1] F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
ธนบัตรแบบที่ ๒ รุ่น ๒
เริ่มใช้เมื่อวันที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๑ ถึง พ.ศ. ๒๔๗๗
โดยเปลี่ยนข้อความด้านหน้า จากเดิม "รัฐบาลสยามสัญญาว่าจะจ่ายเงินให้แก่ผู้นำธนบัตรนี้มาขึ้นเป็นเงินตราสยาม" เป็น "ธนบัตร์เป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย"
มี ๖ ชนิดราคา คือ คือ ๑ บาท ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท ๑๐๐ บาท และ ๑,๐๐๐ บาท

ที่มา http://www.tanabat-thai.com/terms_of_use211111.htm
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 15:42

F คลิกเพื่อดูราคา
[size=+1]
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
ธนบัตรแบบที่
เริ่มใช้เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗
พิมพ์โดยบริษัท โทมัส เดอ ลา รู ประเทศอังกฤษ
เป็นธนบัตรที่พิมพ์พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวไว้ด้านหน้าเป็นครั้งแรก
มีลายน้ำเป็นรูปช้างสามเศียรไอราพต บริเวณพื้นวงกลมสีขาวด้านหลัง
ด้านหลังเป็นรูปพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
มี ๔ ชนิดราคา คือ ๑ บาท ๕ บาท ๑๐ บาท และ ๒๐ บาท

ที่มา http://www.tanabat-thai.com/terms_of_use211111.htm
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 15:47

[size=+1]
  F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
[size=+1]
F คลิกเพื่อดูราคา
ธนบัตรแบบที่ ๓ รุ่น ๒
เริ่มใช้เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ถึง พ.ศ. ๒๔๘๑
พิมพ์โดยบริษัท โทมัส เดอ ลา รู ประเทศอังกฤษ
เป็นธนบัตรที่มีลักษณะลวดลายเช่นเดียวกับแบบ ๓ รุ่น ๑ ต่างกันตรงที่เปลี่ยนพระบรมฉายาลักษณ์จากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๗)  เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล (รัชกาลที่ ๘) สมัยทรงพระเยาว์
มี ๔ ชนิดราคา คือ ๑ บาท ๕ บาท ๑๐ บาท และ ๒๐ บาท


ที่มา http://www.tanabat-thai.com/terms_of_use211111.htm
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 15:50

F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
ธนบัตรแบบที่ ๔ รุ่น ๒
เริ่มใช้เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๒ ถึง พ.ศ. ๒๔๘๕
พิมพ์โดยบริษัท โทมัส เดอ ลา รู ประเทศอังกฤษ
เป็นธนบัตรที่มีลักษณะลวดลายเช่นเดียวกับธนบัตรแบบที่ ๔ ต่างกันตรงที่เปลี่ยนคำว่า "รัฐบาลสยาม" เป็น "รัฐบาลไทย" ทุกชนิดราคา
มี ๔ ชนิดราคา คือ ๑ บาท ๕ บาท ๑๐ บาท และ ๑,๐๐๐ บาท


ที่มา http://www.tanabat-thai.com/terms_of_use211111.htm
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 15:50

F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
[size=+1]
F คลิกเพื่อดูราคา

ธนบัตรแบบที่ ๔ รุ่น กรมแผนที่
เริ่มใช้เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๒ ถึง พ.ศ. ๒๔๘๕
พิมพ์โดยกรมแผนที่ทหารบก โดยใช้กระดาษจากโรงงานกระดาษกาญจนบุรี
เป็นธนบัตรที่มีลักษณะลวดลายเช่นเดียวกับธนบัตรแบบที่ ๔ ต่างกันตรงที่เปลี่ยนคำว่า "รัฐบาลสยาม" เป็น "รัฐบาลไทย" ในธนบัตรทุกชนิดราคา
มี ๔ ชนิดราคา คือ ๑ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท และ ๑๐๐ บาท


ที่มา http://www.tanabat-thai.com/terms_of_use211111.htm
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 15:52


F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
ธนบัตรแบบที่
เริ่มใช้เมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๕ ถึง พ.ศ. ๒๔๘๘
พิมพ์โดยบริษัท มิตซุยบุชซันไกซา ประเทศญี่ปุ่น
เป็นธนบัตรที่ใช้ระบบพิมพ์แบบเส้นราบ ไม่มีลายน้ำ
ได้ย้ายพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลมาพิมพ์ไว้ทางด้านขวาของธนบัตร แทนที่จะพิมพ์ทางด้านซ้ายตามที่เคยปฏิบัติมา
เนื่องจากประเทศอยู่ในภาวะสงคราม กระดาษและหมึกพิมพ์ขาดแคลน การพิมพ์ธนบัตรแบบที่ ๕ ออกมาใช้แต่ละครั้งจึงมีสีเข้มแตกต่างกัน โดยเฉพาะด้านหลังจะเป็นสีเขียว
มี ๗ ชนิดราคา คือ ๕๐ สตางค์ ๑ บาท ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท ๑๐๐ บาท และ ๑,๐๐๐ บาท


ที่มา http://www.tanabat-thai.com/terms_of_use211111.htm
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 15:55


[size=+1]
F คลิกเพื่อดูราคา
[size=+1]
F คลิกเพื่อดูราคา

ธนบัตรแบบที่ ๖
เริ่มใช้เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๗
พิมพ์โดยกรมแผนที่ทหารบก และ กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ
เป็นธนบัตรที่มีลักษณะลวดลายเช่นเดียวกับธนบัตรแบบที่ ๔
ที่สั่งพิมพ์จาก บริษัทโทมัส เดอ ลา รู ประเทศอังกฤษ

มี ๒ ชนิดราคา คือ  ๒๐ บาท และ ๑๐๐ บาท



ที่มา http://www.tanabat-thai.com/services8.htm

โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 15:57

F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา

ธนบัตรแบบที่ ๗
เริ่มใช้เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๘
พิมพ์โดยโรงพิมพ์ของราชการและเอกชนบางแห่ง โดยการแยกพิมพ์ตัวธนบัตร หมวดหมายเลข และลายเซ็นคนละแห่งกัน โดยธนาคารแห่งประเทศไทยควบคุมการพิมพ์ขึ้นเป็นกรณีฉุกเฉิน เพื่อใช้แก้ปัญหาการขาดแคลนธนบัตรในยามสงคราม
เป็นธนบัตรที่ใช้กระดาษคุณภาพต่ำในการพิมพ์ มีลักษณะลวดลายเหมือนกับธนบัตรแบบที่ ๔ ที่สั่งพิมพ์จาก บริษัทโทมัส เดอ ลา รู ประเทศอังกฤษ แต่มีขนาดเล็กกว่า มีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลที่เจริญพระชันษาแล้วมาพิมพ์บนธนบัตร
เนื่องจากขนาดธนบัตรที่เล็กกว่าธนบัตรทั่ว ๆ ไป ในขณะนั้น โดยขนาดของธนบัตรใกล้เคียงกับห่อขนมโก๋ บางครั้งประชาชนจึงเรียก "แบงก์ขนมโก๋"
มี ๔ ชนิดราคา คือ  ๑ บาท ๕ บาท ๑๐ บาท และ ๕๐ บาท

ที่มา http://www.tanabat-thai.com/services8.htm
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 15:58

F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
ธนบัตรแบบที่
เริ่มใช้เมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๙
พิมพ์โดยบริษัททิวดอร์ เพรส ประเทศสหรัฐอเมริกา
ลักษณะลวดลายบนธนบัตรคล้ายกับธนบัตรดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะชนิดราคา ๒๐ และ ๑๐๐ บาท มีสัดส่วนเหมือนธนบัตรดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา จึงมีคำเรียกธนบัตรรุ่นนี้ในหมู่นักสะสมว่า "แบงก์ดอลล่าร์"
ด้านหน้าเป็นลายพื้นรูปองค์พระปฐมเจดีย์
มี ๕ ชนิดราคา คือ  ๑ บาท ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท และ ๑๐๐ บาท

ที่มา http://www.tanabat-thai.com/services8.htm
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 16:00

F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
ธนบัตรแบบที่ ๙
เริ่มใช้เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๑
พิมพ์โดยบริษัทโทมัส เดอ ลา รู ประเทศอังกฤษ
เป็นธนบัตรที่มีลักษณะลวดลายบนธนบัตรเป็นแบบเดียวกันกับธนบัตรแบบที่ ๔ ที่จัดพิมพ์โดยบริษัทโทมัส เดอ ลา รู ประเทศอังกฤษ แต่เปลี่ยนพระบรมฉายาลักษณ์เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ และเพิ่มลายเซ็นของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยขึ้น ลายน้ำเป็นรูปพานรัฐธรรมนูญ พิมพ์หมายเลขหมวดด้วยหมึกสีแดง
มี ๖ ชนิดราคา คือ  ๕๐ สตางค์ ๑ บาท ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท และ ๑๐๐ บาท
สำหรับธนบัตรชนิดราคา ๕๐ สตางค์ ประเทศไทยได้สั่งพิมพ์ไว้และตกค้างตั้งแต่ก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง มีการนำออกมาใช้เพียงครั้งเดียว เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๑

ที่มา http://www.tanabat-thai.com/services8.htm
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 16:02

F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
ธนบัตรแบบที่ ๙
เริ่มใช้เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๑
พิมพ์โดยบริษัทโทมัส เดอ ลา รู ประเทศอังกฤษ
เป็นธนบัตรที่มีลักษณะลวดลายบนธนบัตรเป็นแบบเดียวกันกับธนบัตรแบบที่ ๔ ที่จัดพิมพ์โดยบริษัทโทมัส เดอ ลา รู ประเทศอังกฤษ แต่เปลี่ยนพระบรมฉายาลักษณ์เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ และเพิ่มลายเซ็นของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยขึ้น ลายน้ำเป็นรูปพานรัฐธรรมนูญ พิมพ์หมายเลขหมวดด้วยหมึกสีแดง
มี ๖ ชนิดราคา คือ  ๕๐ สตางค์ ๑ บาท ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท และ ๑๐๐ บาท
สำหรับธนบัตรชนิดราคา ๕๐ สตางค์ ประเทศไทยได้สั่งพิมพ์ไว้และตกค้างตั้งแต่ก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง มีการนำออกมาใช้เพียงครั้งเดียว เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๑

ที่มา http://www.tanabat-thai.com/services8.htm
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 16:04

F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
ธนบัตรแบบที่ ๙ เลขดำ
เริ่มใช้เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๑
พิมพ์โดยบริษัทโทมัส เดอ ลา รู ประเทศอังกฤษ
เป็นธนบัตรที่มีลักษณะลวดลายบนธนบัตรเป็นแบบเดียวกันกับธนบัตรแบบที่สี่ ที่จัดพิมพ์โดยบริษัทโทมัส เดอ ลา รู ประเทศอังกฤษ ที่เพิ่มลายมือชื่อของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยขึ้นอีกแห่งหนึ่ง
พิมพ์หมวดหมายเลขด้วยหมึกสีดำลายน้ำโดยยังคงลายน้ำเป็นรูปพานรัฐธรรมนูญ

มี ๕ ชนิดราคา คือ  ๑ บาท ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท และ ๑๐๐ บาท


ที่มา http://www.tanabat-thai.com/services8.htm
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 16:05

F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
ธนบัตรแบบที่ ๙ เลขดำ
เริ่มใช้เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๑
พิมพ์โดยบริษัทโทมัส เดอ ลา รู ประเทศอังกฤษ
เป็นธนบัตรที่มีลักษณะลวดลายบนธนบัตรเป็นแบบเดียวกันกับธนบัตรแบบที่สี่ ที่จัดพิมพ์โดยบริษัทโทมัส เดอ ลา รู ประเทศอังกฤษ ที่เพิ่มลายมือชื่อของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยขึ้นอีกแห่งหนึ่ง
พิมพ์หมวดหมายเลขด้วยหมึกสีดำลายน้ำโดยยังคงลายน้ำเป็นรูปพานรัฐธรรมนูญ

มี ๕ ชนิดราคา คือ  ๑ บาท ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท และ ๑๐๐ บาท


ที่มา http://www.tanabat-thai.com/services8.htm
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 16:07

F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
ธนบัตรแบบที่ ๙ เลขดำ ลายน้ำ ร.๙
เริ่มใช้เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๑
พิมพ์โดยบริษัทโทมัส เดอ ลา รู ประเทศอังกฤษ
เป็นธนบัตรที่มีลักษณะลวดลายบนธนบัตรเป็นแบบเดียวกันกับธนบัตรแบบที่ ๔ ที่จัดพิมพ์โดยบริษัทโทมัส เดอ ลา รู ประเทศอังกฤษ ที่มีการเพิ่มลายมือชื่อของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยขึ้นบนธนบัตร
หมวดหมายเลขพิมพ์ด้วยสีดำ เปลี่ยนพระบรมฉายาลักษณ์เป็นทรงเครื่องทรงยศจอมทัพ พิมพ์หมายเลขหมวดด้วยหมึกสีดำ และเปลี่ยนลายน้ำจากพานรัฐธรรมนูญเป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙

มี ๕ ชนิดราคา คือ  ๑ บาท ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท และ ๑๐๐ บาท


ที่มา http://www.tanabat-thai.com/services8.htm
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 16:07

F คลิกเพื่อดูราคา
ธนบัตรแบบที่ ๑๐
เริ่มใช้เมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๑
พิมพ์โดยโรงพิมพ์ธนบัตร ธนาคารแห่งประเทศไทย
เป็นธนบัตรชนิดราคา ๑๐๐ บาท โดยได้ย้ายพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมาไว้ด้านขวามือของธนบัตร
ด้านหลังธนบัตรเป็นรูปเรือสุพรรณหงส์
นักสะสมธนบัตรเรียกว่า "แบงก์ร้อยเรือหงส์"
มีชนิดราคา ๑๐๐ บาท ชนิดเดียว
บนธนบัตรไม่มีข้อความบอกโทษของการปลอมหรือแปลงธนบัตรเอาไว้ด้วย
      

ที่มา http://www.tanabat-thai.com/services8.htm
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 16:08


F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
F คลิกเพื่อดูราคา
ธนบัตรแบบที่ ๑๑
เริ่มใช้เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๒
พิมพ์โดยโรงพิมพ์ธนบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย
เป็นธนบัตรที่ฝังเส้นใยทึบแสงที่พิมพ์คำว่า "ประเทศไทย" ไว้เป็นระยะ ๆ
มี ๕ ชนิดราคา คือ ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท ๑๐๐ บาท และ ๕๐๐ บาท (นำออกมาใช้เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๘)

อ้างอิง: ธนาคารแห่งประเทศไทย


ที่มา http://www.tanabat-thai.com/services6.htm

โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 16:09

F คลิกเพื่อดูราคา
[size=+1]
F คลิกเพื่อดูราคา
[size=+1]
F คลิกเพื่อดูราคา

ธนบัตรแบบที่ ๑๒
เริ่มใช้เมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๑
พิมพ์โดยโรงพิมพ์ธนบัตร ธนาคารแห่งประเทศไทย
เป็นธนบัตรที่นำเอาพระบรมราชานุสาวรีย์ของอดีตพระมหากษัตริย์ไทยที่ทรงได้รับการถวายสมัญญานามว่าเป็น "มหาราช" มาเป็นภาพประธานด้านหลังธนบัตร
นักสะสมเรียกว่า "ธนบัตรชุดมหาราช"
มี ๓ ชนิดราคา เรียงตามลำดับการนำออกใช้ ดังนี้ คือ ๑๐๐ บาท ๒๐ บาท และ ๑๐ บาท

อ้างอิง: ธนาคารแห่งประเทศไทย

ที่มา http://www.tanabat-thai.com/services6.htm
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 16:11

F คลิกเพื่อดูราคา
[size=+1]
F คลิกเพื่อดูราคา
ธนบัตรแบบที่ ๑๓
เริ่มใช้เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒
พิมพ์โดยโรงพิมพ์ธนบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย
มี ๒ ชนิดราคา คือ ๕๐ บาท  และ ๕๐๐ บาท
ชนิดราคา ๕๐ บาท นำออกใช้เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๘
ชนิดราคา ๕๐๐ บาท นำออกใช้เมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๐


ที่มา http://www.tanabat-thai.com/services6.htm
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 16:12

F คลิกเพื่อดูราคา
[size=+1]
F คลิกเพื่อดูราคา
[size=+1]
F คลิกเพื่อดูราคา
ธนบัตรแบบที่ ๑๔
เริ่มใช้เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๕
พิมพ์โดยโรงพิมพ์ธนบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย
ธนบัตรแบบนี้จัดพิมพ์เพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ที่ทรงพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ
มี ๓ ชนิดราคา เรียงตามลำดับการประกาศใช้ ดังนี้ ๑,๐๐๐ บาท  ๑๐๐ บาท และ ๕๐๐ บาท

อ้างอิง: ธนาคารแห่งประเทศไทย

ที่มา http://www.tanabat-thai.com/services6.htm
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 16:13

F คลิกเพื่อดูราคา
[size=+1]


F คลิกเพื่อดูราคา
[size=+1]


F คลิกเพื่อดูราคา
[size=+1]


F คลิกเพื่อดูราคา
[size=+1]


F คลิกเพื่อดูราคา
ธนบัตรแบบที่ ๑๕
เริ่มใช้เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๐
พิมพ์โดยโรงพิมพ์ธนบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย
ธนบัตรแบบนี้จัดพิมพ์เพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ที่ทรงพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ
มี ๕ ชนิดราคา เรียงตามลำดับการประกาศใช้ คือ ๕๐ บาท ๑,๐๐๐ บาท
๕๐๐ บาท ๒๐ บาท และ ๑๐๐ บาท


อ้างอิง: ธนาคารแห่งประเทศไทย

ที่มา http://www.tanabat-thai.com/services6.htm
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 16:14

F คลิกเพื่อดูราคา
[size=+1]
F คลิกเพื่อดูราคา
[size=+1]
F คลิกเพื่อดูราคา
ธนบัตรแบบที่ ๑๕ ปรับปรุง
เริ่มใช้เมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๗
พิมพ์โดย โรงพิมพ์ธนบัตร ธนาคารแห่งประเทศไทย
ธนบัตรแบบนี้จัดพิมพ์เพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์
แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ที่ทรงมีคุณูปการกับประเทศในด้านต่าง ๆ

มี ๓ ชนิดราคา ตามลำดับการประกาศใช้ ดังนี้ ๕๐ บาท ๑,๐๐๐ บาท
และ ๑๐๐ บาท


อ้างอิง: ธนาคารแห่งประเทศไทย

ที่มา http://www.tanabat-thai.com/services6.htm
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 16:16

F คลิกเพื่อดูราคา
[size=+1]


F คลิกเพื่อดูราคา
ธนบัตรแบบที่ ๑๖
ธนบัตรชนิด ๕๐ บาท เริ่มใช้เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕
ธนบัตรชนิด ๒๐ บาท เริ่มใช้เมื่อวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖

พิมพ์โดยโรงพิมพ์ธนบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย
ธนบัตรแบบนี้จัดพิมพ์เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระมหากษัตริย์ไทย ตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ ที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันเป็นคุณูปการแก่ประเทศชาติ
มี ๒ ชนิดราคา เรียงตามลำดับการประกาศใช้ คือ ๕๐ บาท และ ๒๐ บาท

อ้างอิง: ธนาคารแห่งประเทศไทย

ที่มา http://www.tanabat-thai.com/services6.htm
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 16:17

Fคลิกเพื่อดูราคา
[size=+1]
Fคลิกเพื่อดูราคา
[size=+1]
[size=+1]
Fคลิกเพื่อดูราคา
[size=+1]
[size=+1]
Fคลิกเพื่อดูราคา
[size=+1]
Fคลิกเพื่อดูราคา
ธนบัตรแบบพิเศษ
จัดพิมพ์ขึ้นใช้ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ระหว่างวันที่ ๒๕ มิถุนายน๒๔๘๕ ถึงวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๔๘๖
แบบพิเศษ ชนิดราคา ๑ บาท จัดพิมพ์โดยกรมแผนที่ทหารบก นำออกมาใช้เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๕
แบบพิเศษ ชนิดราคา ๑,๐๐๐ บาท จัดพิมพ์โดยกรมแผนที่ทหารบก นำออกใช้เมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๖
แบบพิเศษ ชนิดราคา ๕๐ บาทนำออกใช้เมื่อเดือน กุมภาพันธ์ ๒๔๘๘ โดยนำธนบัตรที่พิมพ์เพื่อใช้ในรัฐ ไทรบุรี ปลิศ กลันตัน และตรังกานู ซึ่งเคยเป็นของไทย และญี่ปุ่นมอบคืนให้ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองมาใช้ในเวลาที่ธนบัตรในประเทศขาดแคลน
การพิมพ์หมึกดำคาดทับข้อความที่ไม่ต้องการให้ปรากฏบนธนบัตร ประชาชนจึงเรียกธนบัตรนี้ว่า "ธนบัตรไว้ทุกข์"
ธนบัตรแบบ "บุก" ราคาหนึ่งบาท (One Baht) เป็นธนบัตรที่รัฐบาลอังกฤษจัดพิมพ์ เพื่อเตรียมนำใช้หากยึดประเทศไทยจากญี่ปุ่นได้ ซึ่งเมื่อสงครามเลิกจึงได้มอบให้รัฐบาลไทยนำมาใช้ รัฐบาลไทยจึงพิมพ์ภาษาไทยว่า "รัฐบาลไทย ธนบัตรเป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย" พร้อมลายเซ็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงบนด้านหน้าธนบัตร


ที่มา http://www.tanabat-thai.com/services6.htm
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 16:22
ตราแผ่นดินของไทยตราแผ่นดินของไทย คือตราพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ เทพพาหนะของพระนารายณ์ ใช้เป็นสัญลักษณ์ของพระราชอำนาจแห่งพระมหากษัตริย์ผู้เป็นประมุขของชาติและเป็นองค์อวตารของพระนารายณ์ตามแนวคิดสมมุติเทพ โดยเริ่มใช้มาตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่หลังพ.ศ. 2436 เป็นต้นมา แต่มาใช้อย่างเต็มที่แทนตราแผ่นดินเดิมทั้งหมดเมื่อ พ.ศ. 2453

ประวัติตราพระครุฑพ่าห์[แก้]
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ใช้ตราอาร์มเป็นตราแผ่นดินใน พ.ศ. 2416 ต่อมาพระองค์มีพระราชดำริว่า ตราอาร์มที่ใช้เป็นตราแผ่นดินในเวลานั้นเป็นอย่างฝรั่งเกินไป และทรงระลึกได้ว่า พระเจ้าแผ่นดินสมัยกรุงศรีอยุธยาเคยใช้ตราพระครุฑพ่าห์มาก่อน (ตราที่กล่าวถึงคือตราพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์องค์เดิม) จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงเขียนพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ขึ้นเป็นตราแผ่นดินเพื่อใช้แทนตราอาร์ม โดยครั้งแรกทรงเขียนเป็นรูปตราพระนารายณ์ทรงครุฑจับนาค ตรานี้ได้ใช้อยู่ระยะหนึ่งก็โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงเขียนตราครุฑขึ้นใหม่อีกครั้งเป็นตราวงกลม โดยยกรูปพระนารายณ์และนาคออกเสีย คงเหลือแต่รูปครุฑ ซึ่งเขียนเป็นรูปครุฑรำตามแบบครุฑเขมร พื้นเป็นลายเปลวไฟ เมื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายก็ชอบพระราชหฤทัย และมีพระราชประสงค์ที่จะให้ใช้ตรานี้เป็นตราแผ่นดินถาวรสืบไป จะได้ไม่ต้องสร้างขึ้นใหม่เมื่อเปลี่ยนรัชกาล
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเทวาภินิมมิต (ฉาย เทียมศิลปชัย) เป็นผู้เขียนตราครุฑถวายใหม่ โดยยังคงใช้ตราครุฑเดิมแบบสมัยรัชกาลที่ 5 เพียงแต่เพิ่มพระปรมาภิไธยตามขอบพระราชลัญจกร และเปลี่ยนพระปรมาภิไธยที่ขอบพระราชลัญจกรให้ตรงตามรัชกาล และให้ยึดถือเป็นแบบอย่างต่อมาจนถึงปัจจุบัน โดยพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ประจำรัชกาลจะสร้างขึ้นใหม่เมื่อพระมหากษัตริย์ได้รับการบรมราชาภิเษกแล้วเท่านั้น ในสมัยรัชกาลที่ 8 จึงไม่มีการสร้างพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ประจำรัชกาลขึ้น เนื่องจากพระองค์มิได้กระทำพระราชพิธีบรมราชาภิเษก คงมีแต่พระราชลัญจกรประจำรัชกาลเท่านั้น และเชิญพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ รัชกาลที่ 5 ออกประทับแทน


ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/ตราแผ่นดินของไทย

โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 16:23
การใช้ตราพระครุฑพ่าห์[แก้]
พระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์นี้ใช้สำหรับประทับกำกับพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์หรือกำกับนามผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ซึ่งลงนามแทนในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ นอกจากนี้ก็ยังใช้เป็นตราประจำสถานที่ราชการต่างๆ ของรัฐบาลไทย ใช้พิมพ์เป็นตราบนหัวหนังสือและเอกสารต่างๆ ของทางราชการ และใช้เป็นตราสำหรับประทับในหนังสือราชการของกรมกองต่าง ๆ
อนึ่ง บริษัทห้างร้านใดที่จดทะเบียนโดยชอบตามกฎหมายที่ติดต่อค้าขายกับทางราชสำนัก ซึ่งปรากฏว่ามีฐานะทางการเงินดี เป็นที่เชื่อถือแก่มหาชน ไม่มีหนี้สินรุงรังนอกจากหนี้สินปกติจากการค้าขาย และจะต้องประกอบการค้าโดยสุจริต อาจได้รับพระบรมราชานุญาตให้ประดับตราพระครุฑพ่าห์เป็นตราตั้งห้างไว้ที่ห้างร้านของตนได้ โดยพระมหากษัตริย์ทรงไว้ในสิทธิที่จะเรียกคืนตราดังกล่าวได้
ภาพตราครุฑรูปแบบต่าง ๆ[แก้]
ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/ตราแผ่นดินของไทย
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 16:26
ตราแผ่นดินของไทยในอดีต
ก่อนหน้านั้นประเทศไทยไม่มีการกำหนดตราแผ่นดินที่ชัดเจนนัก มีแต่ตราประจำรัชกาลที่ประทับลงบนเงินพดด้วงซึ่งจะเปลี่ยนไปตามรัชกาลของพระมหากษัตริย์
นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าสยามนำรูปครุฑพ่าห์มาใช้เป็นตราพระราชลัญจกรประจำแผ่นดิน ตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา โดยนำแบบอย่างการใช้ตรามาจากประเทศจีน โดยอ้างอิงจดหมายเหตุลาลูแบร์ ซึ่งบันทึกว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยานั้น พระมหากษัตริย์มีตราประจำพระองค์ ในจดหมายเหตุดังกล่าวไม่ได้ระบุว่าตราเป็นรูปอะไร จึงสันนิษฐานกันว่าน่าจะเป็น ตราครุฑพ่าห์ คือ รูปพระนารายณ์ทรงครุฑ ทั้งนี้เพื่อให้เข้ากับคตินิยมที่ถือเอาองค์พระมหากษัตริย์เป็นผู้มีบุญบารมีเทียบเท่าพระนารายณ์ผู้ทรงครุฑเป็นพาหนะ
ในสายตาชาวต่างประเทศนั้นถือว่าประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรแห่งช้างเผือก จึงกำหนดรูปช้างเผือกลงในโล่ทำนองเดียวกับตราประจำตระกูลหรือตราแผ่นดินในยุโรป เพื่อสื่อความหมายถึงราชอาณาจักรสยาม ซึ่งดูได้จากแผนที่โบราณฉบับต่างๆ ที่กล่าวถึงสยามในบางฉบับ (ดูตัวอย่างได้ ที่นี่) เนื่องจากไม่ทราบชัดเจนว่าสยามใช้เครื่องหมายอะไรเป็นตราประจำประเทศ
ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ เสวกเอก หม่อมเจ้าประวิช ชุมสาย พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชุมสาย กรมขุนราชสีหวิกรม ผูกตราประจำประเทศขึ้นเป็นครั้งแรกใน พ.ศ. 2416 โดยอิงกับหลักการผูกตราของทางยุโรปที่เรียกกันว่า Heraldry(หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยแปลคำนี้ลงในหนังสือเรื่อง ฝรั่งศักดินา เอาไว้ว่า “มุทราศาสตร์”) ตรานี้เรียกกันโดยทั่วไปว่า ตราแผ่นดินหรือตราอาร์ม อันมีลักษณะดังต่อไปนี้


โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 16:28


โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 16:28


โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 16:29
พระราชลัญจกรประจำแผ่นดินสยาม
ตราอาร์มรุ่นต่างๆ
รอยประทับพระราชลัญจกรประจำแผ่นดิน (ตราอาร์ม) สมัยรัชกาลที่ 5
รายละเอียด
ผู้ใช้ตรารัฐบาลสยาม (สมัยรัชกาลที่ 5 - 6)
เริ่มใช้ใช้อย่างเต็มที่ตั้งแต่ พ.ศ. 2416 - 2436 แต่ยังคงมีการใช้ในบางหน่วยงาน เช่นสตช. ร.ร.จปร.มาจนถึงปัจจุบัน
เครื่องยอดพระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมี
โล่โล่แบ่งเป็นสามห้อง ห้องบนหนึ่งห้อง มีสีเหลือง บรรจุรูปช้างเผือกสามเศียร ห้องล่างสองห้อง ห้องล่างซ้ายสีแดง บรรจุรูปช้างเผือกเปล่า ห้องล่างขวาสีชมพู บรรจุกริชคดกับกริชตรงไขว้กัน
ประคองข้างคชสีห์และราชสีห์
ฐานรองข้างพระแท่นลา
คำขวัญบาลีอักษรไทย : "สพฺเพสํ สํฆภูตานํ สามคฺคี วุฑฺฒิสาธิกา" (ความพร้อมเพรียงของชนผู้เป็นหมู่ ยังความเจริญให้สำเร็จ)
อิสริยาภรณ์พระมหาสังวาลนพรัตน์รัตนราชวราภรณ์,เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า
ส่วนประกอบอื่นตราจักรี, ฉัตรเจ็ดชั้น 2 คัน, พระแสงขรรค์ชัยศรี, ธารพระกร, วาลวิชนี, พระแส้งหางจามรี, ฉลองพระบาทเชิงงอน, ฉลองพระองค์ครุย
การใช้ประทับหรือพิมพ์ในเอกสารของทางราชการ






ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2