Baan Jompra
ชื่อกระทู้:
~ หลวงปู่ย้อย ปุญญมี วัดอัมพวัน ~
[สั่งพิมพ์]
โดย:
kit007
เวลา:
2013-4-3 23:17
ชื่อกระทู้:
~ หลวงปู่ย้อย ปุญญมี วัดอัมพวัน ~
[attach]865[/attach]
ประวัติหลวงพ่อย้อย ปุญญมี
วัดอัมพวัน อ.เสาไห้ จ.สระบุรี
พระอธิการย้อย
ฉายา ปุญญมี
ชื่อเดิม ย้อย นามสกุลชาติภูมิ
เกิดวันที่ 1 กรกฎาคม 2435 ปีมะโรง ที่บ้านโรงเหล้า (บ้านอัมพวัน) หมู่ที่ 3 ตำบลศาลารีไทย อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี เชื้อชาติไทย
สัญชาติไทย บิดาชื่อ นายนิ่ม เชื้อชาติไทย สัญชาติไทย ศาสนาพุทธ มารดาชื่อ นางแป๋ เชื้อชาติไทย สัญชาติไทย ศาสนาพุทธ
ก่อนบรรพชาอุปสมบท อยู่บ้านโรงเหล้า(บ้านอัมพวัน) หมู่ที่ 3 ตำบลศาลารีไทย อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี
การศึกษา
การศึกษา ประถมปีที่ 4 พ.ศ.2452 ที่วัดวังแดงเหนือ
บรรพชาที่วัดอัมพวัน อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี เมื่อ พ.ศ. 2452 อายุ 16 ปี เศษ มีพระครูสา วัดวังแดงเหนือ อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพระอุปัชฌาย์
อุปสมบท
อุปสมบทที่วัดอัมพวัน อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2456 อายุ 21 ปีมีพระครูสา วัดวังแดงเหนือ อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพระอุปัชฌาย์
มีพระใบฎีกาโป๋ วัดวังแดงเหนือ อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพระกรรมวาจาจารย์มีพระใบฎีกานาค วัดสมุหประดิษฐาราม อำเภอเสาไห้ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ตำแหน่งตามพรบ.คณะสงฆ์
ตำแหน่ง พระอธิการเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน เมื่อ พ.ศ.2461 อายุ 26 ปี
มรณภาพ
วันที่ 19 ธันวาคม 2525 รวมอายุ 90 ปี รวม 72 พรรษา
สำหรับประวัติหลวงพ่อย้อย ปุญญมี นั้น เป็นที่น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้ไม่มีผู้เขียนที่สามารถจะเขียนได้อย่าง ละเอียดได้ เพราะว่าลูกศิษย์หลายท่านที่จะนำไปทำประวัติ
รวมทั้งคุณไพบูลย์ ชมภูทัพ ผู้เขียนเรื่องของดีวัดอัมพวัน ในหนังสือพระธาตุเจติยานุสรณ์ ของวัดอัมพวัน ได้ไปสอบถามกับหลวงพ่อย้อยด้วยตัวเอง 2-3 ครั้ง
ท่านเพียงแต่บอกว่าไม่ต้องเอาไปลงหรอก ทุกครั้งไป จึงเป็นเรื่องจนปัญญาที่จะหาประวัติอย่างละเอียดของท่านได้ เท่าที่ค้นหาได้จากทะเบียนพระภิกษุวัดอัมพวันตามรายละเอียดที่
ปรากฎข้างต้นนี้ อาจารย์ผู้สั่งสอนเวทย์มนต์คาถา ตำราต่างๆ ให้แก่ท่านคือ หลวงพ่อโป๋ วัดวังแดงเหนือ ที่เป็นพระพระกรรมวาจาจารย์ ตอนที่ท่านอุปสมบทนั่นเอง
หลวงพ่อย้อยเป็นพระภิกษุผู้ทรงศีล บริสุทธิ์ ที่เจริญด้วยเมตตาอย่างยิ่ง ผู้ที่ได้พบท่านมาแล้วคงจะได้เคยเห็นว่าเวลาท่านฉันอาหารไม่ว่าเช้าหรือเพล
แทบจะกล่าวได้ว่าทุกเวลาที่ท่านฉันจะมี สุนัขและแมวล้อมรอบตัวท่านและสำรับกับข้าวของท่านจำนวนมาก ท่านไม่เคยไล่ให้หนีออกไปเลย ท่านฉันอาหารไป ท่านก็ให้อาหารสุนัข
แมวไปด้วยทุกครั้ง ยุงที่กัดท่านก็ไม่เคยที่กัดท่านไม่เคยถูกไล่หรือตี มีลูกศิษย์จะตีให้ก็ไม่ยอมให้ตีบอกแต่เพียงว่าเขาอิ่มแล้วเขาก็ไป คุณลักษณะพิเศษอีกอย่างหนึ่งของท่านก็คือ
ท่านไม่เคยขัดศรัทธาของผู้ที่ไปหาท่าน ต้องการให้ท่านทำ หรือช่วยอย่างไร ท่านทำให้ทุกอย่าง ท่านมีวิชาอาคมเวทย์มนต์คาถาแต่ใช้ในทางที่ถูกเท่านั้น ช่วยเหลือ,ป้องกันภัย
ไม่ว่าจะลงกระหม่อม ทำน้ำมนต์อาบให้ หรือปลุกเสกเครื่องลางของขลังไว้ป้องกันตัวจากภัย อันตรายต่างๆ ที่ถูกผู้อื่นทำใส่ หรือที่เรียกว่า”คุณไสย” ท่านเป็นทำให้ทั้งนั้น
ไม่เคยขัดคำขอร้องของผู้ไปหาเลย อีกประการหนึ่งท่านมีประสาทหูเสีย (หูหนวก) จึงมีสมาธิดีกว่าปกติ เพราะไม่สามารถฟังเสียงรบกวนจากบริเวณใกล้เคียง
ของขลังของท่านจึงศักดิ์สิทธิ์ มีพุทธานุภาพมาก แม้กระทั่งว่าท่านเจ้าคุณพระมหานายก วัดบวรนิเวศ ลูกศิษย์ในสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก
สมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน เล่าให้ฟังว่าท่านสมเด็จพระญาณสังวร ทรงมีและคาดตระกรุดหลวงพ่อย้อยที่เอวท่านประจำ ปรากฏการณ์ ผลศักดิ์ สิทธิ์และ
อภินิหารเป็นที่เลื่องลือในบรรดาลูกศิษย์และคนทั่วไปที่ได้เคยมีประสบการณ์มาแล้ว
โดย:
kit007
เวลา:
2013-4-3 23:18
เช่น 1.คุณศุกลรัตน์ ธนรัตน์ติกานนท์ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ได้เล่าให้ฟังว่า ได้กำลังเดินข้ามถนน
บังเอิญไปคนคนแก่กำลังข้ามจึงได้ อาสาช่วยจูงข้าม ระหว่างข้ามถนนนั้นมีรถตู้วิ่งมาอย่างเร็วเบรคอย่างแรงด้วยความตกใจ จนรถเกือบชนอีกไม่กี่นิ้วก็ถึงตัว
ซึ่งชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์นั้นคิดว่ายังไงๆ 2 คนต้องถูกรถชนตายอย่างแน่นอน หลังจากเกิดเหตุคุณศุกลรัตน์ ธนรัตน์ติกานนท์
ได้คุยกับคนขับได้ความว่าที่เบรคนั้น เห็นภาพพระแก่ๆ ข้ามถนนจึงเบรค ไม่ได้เห็นตนเองกับคนแก่ที่ได้จูงข้ามเลย ทั้งๆที่นั้นไม่ปรากฎพระรูปใดๆอยู่เลย
แสดงความแปลกใจให้กับคุณศุกลรัตน์ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้นึกขึ้นได้ว่าได้แขวนพระเหรียญหลวงพ่อย้อยรุ่น 2 ด้านหลังมีหลวงพ่อขาวไว้ในคอ เพียงองค์เดียว
เจ้าตัวจึงศรัทธาในบารมีของหลวงพ่อว่า ท่านได้มาช่วยเราปลอดภัย ตั้งแต่นั้นมาพระองค์นี้ไม่เคยห่างกายเลย และยังเป็นที่เคารพศรัทธาตลอดมา
2.ครั้งหนึ่งมีคุณป้าคนหนึ่งเดินทางไป ทัศนาจร นครเวียงจันทน์ และตอนกลับได้ซื้อของจากเวียงจันทน์ข้ามฝั่งมาไทยหลายสิ่งหลายอย่าง ปรากฎว่าในคณะที่ไปด้วยกันนั้นถูกด่านตรวจและยึดสิ่งของไปหมด ครั้นตรวจมาถึงคุณป้าคนนี้คนตรวจกลับถามว่าป้ามาจากไหน คุณป้าตอบว่ามาจากสระบุรี คนตรวจถามเพียงเท่านั้นแล้วก็เดินผ่านไป โดยไม่ได้ตรวจค้นสิ่งของและยึดของเหมือนคนก่อนๆ ปรากฎว่าเพราะคุณป้าคนนี้มีตระกรุดมหาจักรพรรตราธิราชติดตัวไปด้วย และมีเพียงอย่างเดียว ในขณะที่เขากำลังตรวจคนอื่นอยู่นั้นคุณป้าไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เลยยกมือจับที่ตระกรุดและนึกถึงหลวงพ่อย้อย พร้อมกับรำพึงขอให้หลวงพ่อย้อยช่วยให้แคล้วคลาดไปสักครั้งเถิด (มาจากเรื่องของดีวัดอัมพวัน ในหนังสือพระธาตุเจติยานุสรณ์ ของวัดอัมพวัน คุณไพบูลย์ ชมภูทัพ ผู้เขียน)
3.อีกรายหนึ่งรถคว่ำ ทุกคนบนรถบาดเจ็บล้มตามกัน แต่ตัวเขาเองไม่ได้รับอันตรายใดๆเลย และมีมหาจักรพรรตราธิราชเพียงดอกเดียว หลังจากนั้นไม่กี่วันปรากฎว่าเขาผู้นี้ได้ไปหาหลวงพ่อย้อยที่วัด และขอสั่งจองมหาจักรพรรตราธิราชอีกถึง 10 ดอก(มาจากเรื่องของดีวัดอัมพวัน ในหนังสือพระธาตุเจติยานุสรณ์ ของวัดอัมพวัน คุณไพบูลย์ ชมภูทัพ ผู้เขียน)
เคยมีผู้กล่าวว่า ใครมีของขลังของหลวงพ่อย้อยไว้กับตัวไม่ต้องกลัวภัย โดยเฉพาะตระกรุดมหาจักรพรรตราธิราชด้วยแล้ว มีคุณานุภาพมากมายแล้วแต่จะอธิฐานใช้เอา ย่อมเกิดผลให้ทันตาเห็น สมกับที่หลวงพ่อท่านเปรียบเทียบเท่ากับแก้วสารพัดนึกนั่นเทียว แต่ทั้งนี้ต้องใช้ในทางที่ถูกที่ควร และสิ่งที่เป็นไปได้
ที่มาเนื้อหา
http://www.ampawun.com/L1.htm
โดย:
Metha
เวลา:
2013-12-11 18:47
กราบนมัสการครับ
ขอบพระคุณข้อมูลครับ
โดย:
Sornpraram
เวลา:
2016-3-9 06:03
◎ ตะกรุดมหาจักรพรรดิตราธิราช ◎
“พิธีมหาจักรพรรตราธิราช จัดว่าเป็นมาหาพิธีกรรมที่สำคัญยิ่งที่รวมเอาพิธีกรรมที่สำคัญมาไว้ในมหาพิธีนี้ เช่นพิธีสวดพระปริตรนพเคราะห์ พิธีสวดภาณวาร พิธีสวดพุทธาภิเศก พิธีสวดทิพยมนต์ (สวดชัย) พิธีสวดพระคาถารัตนมาลา เป็นพิธีที่ได้ประกอบขึ้นในประเทศไทยนับแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ต้นฉบับเดิมเป็นของวัดประดู่โรงธรรม กรุงเก่า เป็นพิธีสำหรับประกอบขึ้นเพื่อสร้างพระยันต์วิเศษ “มหาจักรพรรตราธิราช” จารึกลงในแผ่นโลหะทำเป็นแผ่นตะกรุด ซึ่งประกอบขึ้นด้วยอำนาจ ของพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ
พิธีนี้เมื่อจะประกอบขึ้นจำเป็นจะต้องอาราธนาพระสงฆ์ และพระเถราจารย์มาร่วมประกอบพิธีเป็นจำนวนมาก เป็นพิธีที่ถือกันว่าสำเร็จขึ้นจากอิทธิฤทธิ์ และบุญญฤทธิ์ของพระมาหาบุรุษที่ทรงอานุภาพบรรลุถึงสมบัติบรมจักรพรรดิที่แท้จริง นั่นก็คือ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระมหาสาวกเท่านั้น เพราะท่านสมบูรณ์พร้อมด้วยอริยทรัพย์ และโลกียทรัพย์ ฉะนั้นพิธีนี้เมื่อจะประกอบขึ้นจึงจำเป็นต้องนิมนต์พระคณาจารย์มาให้ได้ครบ ๑๐๘ องค์โดยสมมติให้เป็นพระวิปัสสิสัมมาสัมพุทธเจ้า ๒๘ องค์ พระอสีติมหาสาวก ๘๐ องค์ รวม ๑๐๘ องค์ ด้วยกัน เพื่อจะร่วมประกอบพิธีนี้
นอกจากนั้นก็มีพระพิธีธรรมสำหรับสวดภาณวาร สวดพุทธาภิเศก สวดพระทิพยมนต์ และพระคณาจารย์สำหรับนั่งปรกบริกรรมจนกว่าจะสุดสิ้นพิธี เฉพาะพิธีมหาจักรพรรตราธิราชนี้ เท่าที่ทราบจากคำบอกเล่าของท่านเกจิอาจารย์ว่า เคยได้กระทำขึ้นแน่นอนครั้งหนึ่งสมัยกรุงศรีอยุธยา คือพระพรหมมุนี วัดปากน้ำประสพได้สร้างถวายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และในสมัยรัตนโกสินทร์นี้ ดูเหมือนจะได้กระทำขึ้นครั้งหนึ่งที่วัดประดู่โรงธรรม ในสมัยสมเด็จพระปิยะมหาราชรัชกาลที่ ๕ อันตะกรุดที่สร้างขึ้นด้วยพระยันต์มหาวิเศษ “มหาจักรพรรตราธิราช”
หลวงพ่อย้อยเป็นพระภิกษุผู้ทรงศีล บริสุทธิ์ ที่เจริญด้วยเมตตาอย่างยิ่ง ผู้ที่ได้พบท่านมาแล้วคงจะได้เคยเห็นว่าเวลาท่านฉันอาหารไม่ว่าเช้าหรือเพล แทบจะกล่าวได้ว่าทุกเวลาที่ท่านฉันจะมี สุนัขและแมวล้อมรอบตัวท่านและสำรับกับข้าวของท่านจำนวนมาก ท่านไม่เคยไล่ให้หนีออกไปเลย ท่านฉันอาหารไป ท่านก็ให้อาหารสุนัขแมวไปด้วยทุกครั้ง ยุงที่กัดท่านก็ไม่เคยที่กัดท่านไม่เคยถูกไล่หรือตี มีลูกศิษย์จะตีให้ก็ไม่ยอมให้ตีบอกแต่เพียงว่าเขาอิ่มแล้วเขาก็ไป
คุณลักษณะพิเศษอีกอย่างหนึ่งของท่านก็คือ
ท่านไม่เคยขัดศรัทธาของผู้ที่ไปหาท่าน ต้องการให้ท่านทำ หรือช่วยอย่างไร ท่านทำให้ทุกอย่าง ท่านมีวิชาอาคมเวทย์มนต์คาถาแต่ใช้ในทางที่ถูกเท่านั้น ช่วยเหลือ,ป้องกันภัย ไม่ว่าจะลงกระหม่อม ทำน้ำมนต์อาบให้ หรือปลุกเสกเครื่องลางของขลังไว้ป้องกันตัวจากภัย อันตรายต่างๆ ที่ถูกผู้อื่นทำใส่ หรือที่เรียกว่า”คุณไสย” ท่านเป็นทำให้ทั้งนั้น ไม่เคยขัดคำขอร้องของผู้ไปหาเลย อีกประการหนึ่งท่านมีประสาทหูเสีย (หูหนวก) จึงมีสมาธิดีกว่าปกติ เพราะไม่สามารถฟังเสียงรบกวนจากบริเวณใกล้เคียง
วัตถุมงคลชิ้นเอก ที่เจ้าคุณพระมหานายก(พระมหาฉลอง ชลิตกิจฺโจ) วัดบวรนิเวศ กรุงเทพมหานคร ลูกศิษย์ในสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังราชสกลมหาสังฆปริณายก
สมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน...เล่าให้ฟังว่า ท่านสมเด็จพระญาณสังวร ทรงมีและเคยคาดตะกรุดหลวงพ่อย้อยที่เอวท่านประจำ ตะกรุดมหาจักรพรรดิตราธิราช หรือที่ชาวบ้านเรียกสั้นๆว่า “ตะกรุดมหาจักรพรรดิ” นับได้ว่าเป็นของขลังชิ้นเอกของหลวงพ่อย้อย ปุญญมี...เพราะปรากฏพุทธานุภาพมากมาย เปรียบประดุจแก้วสารพัดนึกทีเดียว...บรรดาผู้ที่มีตะกรุดชนิดนี้ติดตัว ได้เคยเจอประสบการณ์อภินิหารมากมายแตกต่างกันไป
หลวงพ่อย้อยท่านทำตระกรุดชนิดนี้...เฉพาะวันพฤหัสข้างขึ้นเท่านั้น ซึ่งหนึ่งเดือนท่านทำได้ ๒ ครั้งๆละไม่กี่ดอก โดยทำในพระอุโบสถหลังเก่า วัดอัมพวัน ซึ่งจัดให้มีใบศรีครบเครื่องบริบูรณ์...ถูกต้องตามพิธีไสยศาสตร์ วัสดุที่ใช้ซึ่งจะเป็นทองคำ นาค เงิน ทองแดง หรือทองเหลือง นำมาตัดเป็นรูปจตุรัส มีความยาวประมาณ ๔ นิ้วเศษ...ตีเส้นตารางบนแผ่นโลหะ แล้วลงอักขระขอมตามลำดับแบบการเดินของม้าหมากรุกโบราณของไทย ลงให้ได้ครบ ๒๑๖ ช่องโดยไม่ให้ผิด จึงจะเป็นมหาจักรพรรตราธิราช ลงจารกว่าจะได้อักขระแต่ละตัว...อักขระเพียงตัวเดียว...ต้องเรียกสูตรกี่คาถา ลงจาร ๒๑๖ ตัว...เรียกสูตรกี่คาถา...ฝากท่านผู้รู้พิจารณาดู ถ้าลงผิดหรือลงไม่ครบ ๒๑๖ อักขระจะใช้ไม่ได้ ก็ไม่เรียกเป็น “มหาจักรพรรตราธิราช”
เมื่อลงเสร็จจะนำมาปลุกเสกอีกครั้งหนึ่ง..เมื่อท่านพิจารณาว่าใช้ได้แล้วจึงนำออกแจกลูกศิษย์ได้ ท่านพิถีพิถันกับการทำตระกรุดมาก...ก่อนหน้าที่ท่านทำตะกรดมหาจักรพรรตราธิราชนี้ ทั่วประเทศไทยดูเหมือนจะมีหลวงพ่อย้อย ปุญญมี เพียงองค์เดียว ที่ทำตระกรุดมหาจักรพรรตราธิราชได้...เพราะเคยปรากฏว่ามีอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่าน ได้เคยทำ...ปรากฎว่าลงได้เพียง ๑๐๘ อักขระ คือครึ่งเดียว ซึ่งไม่เรียก “มหาจักรพรรตราธิราช”
ท่านสร้างตลอดเรื่อยมา มาหยุดทำเมื่อปี ๒๕๒๑ เนื่องจากการทำตะกรุดมหาจักรพรรดิตราธิราชใช้พลังมากเสมอๆ หลังจากวันที่ท่านทำตะกรุดท่านจะอ่อนเพลียทุกครั้ง จนบางครั้งไข้ขึ้นเสมอๆ ดังนั้นตะกรุดนี้จึงเป็นของที่ทำยากมากๆ ดังที่ท่านพูดเสมอๆว่า
“เก็บรักษาให้ดีนะ...มันทำยาก”
หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน
เรื่องเล่าชาวสยาม
โดย:
Sornpraram
เวลา:
2018-8-10 06:31
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/)
Powered by Discuz! X3.2