Baan Jompra

ชื่อกระทู้: 10 อันดับแข้งตำนานทัพ 'ช้างศึก' [สั่งพิมพ์]

โดย: Metha    เวลา: 2013-12-8 10:54
ชื่อกระทู้: 10 อันดับแข้งตำนานทัพ 'ช้างศึก'
ในอดีตวงการฟุตบอลบ้านเรามีนักเตะฝีเท้าดีมากมาย และหลายคนสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ จนต่างชาติต้องย่องนิ้วให้ โดยเฉพาะในทวีปเอเชียและย่านอาเซียนรู้จักเป็นอย่างดี แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปหลังจากนักเตะเลิกเล่นไปแล้วพวกเขามักจะโดนลืมออกไปจากสารบบวงการฟุตบอลไทย
[color=rgb(51, 51, 51) !important]       มาในสกู๊ปชิ้นนี้ ทางทีมงาน Hikicker มาขอย้ำอดีตให้ผู้อ่านได้ทำความรู้จักกับอดีตนักบอลในตำนานสำหรับเหล่าบรรดาแข้งทัพ "ช้างศึก" อีกครั้ง โดยที่เลือกผลงานของตัวนักเตะที่มีความโดดเด่น มานำเสนอให้ผู้อ่านได้ทำความรู้จักกับพวกเขาในเรื่องของจุดเริ่มต้นของการเล่นฟุตบอล เกียรติประวัติ และผลงาน ทั้งการเล่นในนามสีเสื้อที่มีธงไตรรงค์ติดอยู่บนหน้าอก และในนามสโมสร





โดย: Metha    เวลา: 2013-12-8 10:55
10. ปิยะพงศ์ ผิวอ่อน "เพชรฆาตหน้าหยก"





          หากพูดถึงกองหน้าที่ดีที่สุดของประเทศไทยต้องมีชื่อเขาคนนี้ "เดอะตุ๊ก" ปิยะพงศ์ ผิวอ่อน แน่นอน โดยเขาผู้นี้เด็กชายมาจากจังหวัดประจวบ โดยเริ่มต้นเล่นฟุตบอลในทีมชุดเยาวชนสโมสรทหารอากาศ เมื่อปี 2522 ปีถัดมาเจ้าตัวได้ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ของสโมสร และก้าวขึ้นมาติดทีมชาติไทยในปี พ.ศ.2524 ลงเล่นในรายการเพสซิเด้นท์ คัพ ที่ประเทศเกาหลีใต้ เป็นรายการแรกของเจ้าตัว ระยะเวลาการติดทีมชาติทั้งหมด 17 ปี ซึ่ง "เดอะตุ๊ก" สามารถทำประตูไปได้ทั้งหมด 103 ประตูด้วยกัน ระดับสโมสรเจ้าตัวเคยเล่นกับทีม สโมสรลักกี้โกลด์สตาร์ ทีมในประเทศเกาหลีใต้ เป็นเวลา 2 ปี และย้ายมาร่วมทีมสโมสรปาหัง ของลีกประเทศมาเลเซีย



       
        อีกทั้งเจ้าตัวยังเคยมีอัลบั้มเพลงมาแล้ว 1 ชุด ในปี 2536 กับค่ายเพลงดังอย่าง นิธิทัศน์ โปรโมชั่น โดยใช้ชื่อว่า "ซัลโว" โดยตอนนี้เจ้าตัวก็ยังทำงานเกี่ยวกับด้านฟุตบอลอยู่ และเป็นพิธีกรรายการกีฬาตามช่องต่างๆอีกด้วย



ที่มา  http://www.hikicker.com/football/news/footballthai/9223.html

โดย: Metha    เวลา: 2013-12-8 10:56
9.นที ทองสุขแก้ว "เจ้าดำอุตรดิตถ์"






        นี้คืออีกหนึ่งนักเตะที่มีเอกลักษณ์ในการเล่นฟุตบอลที่ดุดัน สไตล์หนักแน่น ต้องยกให้เขาผู้นี้ "เจ้าดำอุตรดิตถ์" นที ทองสุขแก้ว เขาคือหนึ่งความภูมิใจของชาวจังหวัดอุตรดิตถ์อย่างแท้จริง ด้วยการเล่นบอลที่โดดเด่นในเรื่องของความโหด ดุดัน ทางบอลดี เขาจึงก้าวขึ้นมาติดทีมชาติในตำแหน่งกองหลังได้อย่างสง่าผาเผย หลังจากที่เจ้าตัวแขวนรองเท้าสตั๊ด ก็ได้เข้ารับราชการในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แล้วเขาได้หันหลังให้กับวงการฟุตบอลไปอย่างไม่หันกลับมาอีกเลย


ที่มา http://www.hikicker.com/football/news/footballthai/9223.html

โดย: Metha    เวลา: 2013-12-8 10:58
8. ประพันธ์ เปรมศรี "มนุษย์ไม้"





        เขาผู้นี้เริ่มเล่นฟุตบอลด้วยตำแหน่งกองหลัง ด้วยเหตุผลที่โค้ชมองเห็นว่าเจ้าตัวตำแหน่งนั้น เตะบอลแรง สามารถเคลียร์บอลให้ออกไปไกลๆได้ จากนั้นเจ้าตัวก็ได้เล่นในกองหลังตลอดจนเรื่อยมา จนมาติดทีมราชประชาฯ ในครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ.2517 จนฟอร์มของเขาไปถูกใจกับโค้ชในยุคนั้นจึงถูกเรียกมาติดทีมชาติไทยใน พ.ศ. 2521 และเคยได้แชมป์ในฟุตบอลรายการคิงส์คัพ 5 สมัยติดต่อกันในปี 2522-2527 และเกียรติยศกับทีมราชประชา คือ ถ้วยพระราชทานประเภท ก. 2 สมัย ปี 2523 และ 2525, แชมป์เอฟ เอ คัพ ปี2518,2519,2527, ถ้วยพระราชทานควีนส์คัพ ปี 2524, ตูกูมูด้าคัพ ปี 2525 และ 2527 นับว่าเป็นหนึ่งในนักเตะราชประชาที่ครองแชมป์กับสโมสรมากที่สุด
        หลังจากที่ ประพันธ์ เปรมศรี ยุติการค้าแข้ง เขาผู้นี้ก็ยังทำหน้าที่ในงานวงการด้านฟุตบอลอยู่เรื่อยๆ ด้วยการรับงานเป็นโค้ช ผู้ฝึกสอน


ที่มา http://www.hikicker.com/football/news/footballthai/9223.html


โดย: Metha    เวลา: 2013-12-8 10:58
7.สุทิน ไชยกิตติ "แบ็คหนวดหิน"






        สุทิน ไชยกิตติ เจ้าของฉายา "แบ็คหนวดหิน" เริ่มเล่นฟุตบอลในชุดเยาวชนราชประชา ชุดเดียวกับ ประพันธ์ เปรมศรี, ประพนธ์ พงษ์พานิช, วิทยา เลาหกุล, วรวรรณ ชิตะวณิช ซึ่งในยุคนั้นหากใครได้ติดตามฟุตบอลทีมชาติไทยคงรู้ดีและต้องรู้จักเขาคนนี้แน่นอน ซึ่งในตำแหน่งที่ประจำการของเขาคือ แบ็คขวา ส่วนพี่น้องร่วมสายเลือดของสุทิน ไชยกิตติ คือสุรัก ไชยกิตติ จะประจำอยู่ที่ตำแหน่งแบ็คซ้าย ในทีมชาติไทยยุดนั้นถ้าเปิดหน้าจอทีวีขึ้นมาแล้วทีมชาติเตะอยู่เจอทั้ง 2 พี่น้องประจำการอยู่ที่ริมเส้นซ้ายขวาอย่างแน่นอน โดยเขาถูกยกย่องให้เป็นตำนานแบ็คขวาของทีมชาติไทยมาจนถึงปัจจุบัน


ที่มา http://www.hikicker.com/football/news/footballthai/9223.html

โดย: Metha    เวลา: 2013-12-8 10:59
6. วรวรรณ ชิตะวณิช "มิดฟิลด์อัจฉริยะ"






        วรวรรณ ชิตะวณิช คือหนึ่งในสุดยอดกองกลางของทีมชาติไทย ด้วยการเล่นบอลอันฉลาดของเจ้าตัว และเซนต์บอลที่ยอดเยี่ยม ในยุคนั้นถ้าในตำแหน่งกองกลางไม่มีใครสามารถเบียดให้เขาลงไปสู่ตำแหน่งตัวสำรองได้เลย ทำให้เจ้าตัวถูกตั้งฉายาว่า "มิดฟิลด์อัจฉริยะ" โดยเขาเริ่มเล่นบอลกับสโมสรเยาวชนราชประชา ในปีพ.ศ. 2517 จากนั้นก็ติดทีมราชประชาชุดใหญ่ ในยุคที่มีนักเตะอย่าง วิทยา เลาหกุล , มาด๊าด ทองท้วม เป็นต้น ปัจจุบันเจ้าตัวยังทำงานในด้านวงการฟุตบอลด้วยการเป็นโค้ชฟุตบอลมาอย่างโชกโชน โดยเฉพาะการมีเอกลักษณ์การทำทีมที่ไม่เหมือนใคร คือไม่เคยง้อผู้ใหญ่ของทีม และเจ้าตัวยังต่อต้านกับวัฒนธรรมที่ผู้บริหารของทีมลงมายุ่งในเรื่องของการจัดตัวผู้เล่นอีกด้วย
        ซึ่งเขาสร้างชื่อจากการเป็นโค้ชฟุตบอลจาก เอส-ลีก ประเทศสิงค์โปร์ ด้วยเวลาการคุมทีม 11 ปีในประเทศสิงคโปร์ ปัจจุบันเจ้าตัวได้กลับมาอยู่ประเทศที่เป็นแผ่นดินเกิดแห่งนี้



ที่มา  http://www.hikicker.com/football/news/footballthai/9223.html

โดย: Metha    เวลา: 2013-12-8 11:00
5.มาด๊าด ทองท้วม "เจ้าบังตีนแมว"






        มาด๊าด ทองท้วม กับเจ้าของฉายาที่ว่า "เจ้าบังตีนแมว" ด้วยชื่ออันเป็นเอกลักษณ์ฉะเพราะตัวของเขาทำให้ชื่อของตัวติดปากแฟนบอลชาวไทยมากที่สุด โดยเขาผู้นี้เล่นฟุตบอลด้วยตำแหน่งปีกขวา ในความมีเอกลักษณ์ในการเล่นที่เร็ว ครองบอลกับเท้าได้ดี เปิดบอลแม่น ทำให้เขาก้าวขึ้นมาติดทีมชาติในยุคที่ฟุตบอลทีมชาติกำลังรุ่งเรืองที่สุด ด้วยเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ ชนะทีมชาติญี่ปุ่นชุดใหญ่ได้ 5-2 ในการเล่นฟุตบอลรายการปรีโอลิมปิกโซนเอเซีย รอบสุดท้ายที่สิงคโปร์ พ.ศ. 2526 ,ชนะ เกาหลีใต้ 2-1 ในการเล่นปรีโอลิมปิก โซนเอเซียรอบ คัดเลือกที่สนามศุภฯ พ.ศ. 2526,ชนะเลิศซีเกมส์ ครั้งที่ 12 ที่ สิงคโปร์ ปี พ.ศ. 2526 ในยุคเดียวกับ ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน(ศูนย์หน้า) และ  ชลอ หงษ์ขจร( ปีกซ้าย) เขาลงเล่นทีมชาติในช่วง พ.ศ.2526-2528



ที่มา http://www.hikicker.com/football/news/footballthai/9223.html

โดย: Metha    เวลา: 2013-12-8 11:01
5.มาด๊าด ทองท้วม "เจ้าบังตีนแมว"






        มาด๊าด ทองท้วม กับเจ้าของฉายาที่ว่า "เจ้าบังตีนแมว" ด้วยชื่ออันเป็นเอกลักษณ์ฉะเพราะตัวของเขาทำให้ชื่อของตัวติดปากแฟนบอลชาวไทยมากที่สุด โดยเขาผู้นี้เล่นฟุตบอลด้วยตำแหน่งปีกขวา ในความมีเอกลักษณ์ในการเล่นที่เร็ว ครองบอลกับเท้าได้ดี เปิดบอลแม่น ทำให้เขาก้าวขึ้นมาติดทีมชาติในยุคที่ฟุตบอลทีมชาติกำลังรุ่งเรืองที่สุด ด้วยเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ ชนะทีมชาติญี่ปุ่นชุดใหญ่ได้ 5-2 ในการเล่นฟุตบอลรายการปรีโอลิมปิกโซนเอเซีย รอบสุดท้ายที่สิงคโปร์ พ.ศ. 2526 ,ชนะ เกาหลีใต้ 2-1 ในการเล่นปรีโอลิมปิก โซนเอเซียรอบ คัดเลือกที่สนามศุภฯ พ.ศ. 2526,ชนะเลิศซีเกมส์ ครั้งที่ 12 ที่ สิงคโปร์ ปี พ.ศ. 2526 ในยุคเดียวกับ ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน(ศูนย์หน้า) และ  ชลอ หงษ์ขจร( ปีกซ้าย) เขาลงเล่นทีมชาติในช่วง พ.ศ.2526-2528


ที่มา http://www.hikicker.com/football/news/footballthai/9223.html



โดย: Metha    เวลา: 2013-12-8 11:02

3. เฉลิมวุฒิ สง่าพล "เท้าชั่งทอง"






        เฉลิมวุฒิ สง่าพล หรือที่ใครๆ เรียกกันติดปากว่า "โค้ชหนุ่ย" เป็นชาวกรุงเทพมหานคร โดยเขาผู้นี้เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ซึ่งโค้ชคนแรกคือ ชวลิต สง่าพล นักเตะกองกลังทีมชาติไทยที่เป็นพี่ชายแท้ๆของเขา ช่วยปลุกปั้นและสอนเบสิค ทักษะการเล่นบอลให้กับโค้ชหนุ่ย ซึ่งเขาเริ่มฉายแววในการเป็นยอดกองกลางเมื่อตอนสมัยเรียนอยู่โรงเรียนปทุมคงคา จนถูกชักชวนให้เข้ามาร่วมทีมสโมสร ธ.กรุงเทพ มาเล่นในถ้วยพระราชทานประเภท ค และก็สามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จ ก่อนเจ้าตัวจะสามารถขึ้นไปเล่นในระดับถ้วย ก  และเขาก็พาทีม ธ.กรุงเทพกวาดแชมป์ถ้วย ก มาได้ 4 สมัย แชมป์ควีนส์คัพ 1 สมัย และอีกมาย
        แน่นอนด้วยฟอร์มอันโดดเด่นทำให้เขาถูกเรียกติดทีมชาติไทยได้อย่างไร้ข้อกังขา โดยเขาติดทีมชาติครั้งแรกในศึกเยาวชนชิงแชมป์อาเซียนในปี 2520 จากนั้นก็ติดทีมเรื่อยมา โดยใช้เวลา 2 ปีเขาก้าวขึ้นมาติดทีมชาติชุดใหญ่สำเร็จด้วยวัยเพียง 21 ปี โดยรายการแรกที่เล่นชุดใหญ่คือรายการ เพรสซิเด้นท์ คัพ ที่ประเทศเกาหลีใต้ จากนั้น "โค้ชหนุ่ย" ก็ติดทีมชาติมาอย่างยาวนาน คว้าแชมป์ฟุตบอลในนามทีมชาติมาหลายรายการ จนกลายเป็นกองกลางที่ได้รับการยอมรับมากในเวลานั้น ด้วยฝีเท้าและมันสมอง รวมถึงการจ่ายบอล เปิดบอลที่แม่นยำ ทำให้ตัวเขาได้ฉายา "เท้าชั่งทอง" จากความสามารถของเขาทำให้มีชื่อติด ดาราเอเชีย ที่ถือว่าเป็นคนแรกของเมืองไทยในตำแหน่งกองกลางอีกด้วย


       
        หลังจากที่เจ้าตัวหันหลังให้กับการเป็นนักเตะ "โค้ชหนุ่ย" ก็ทำงานในวงการฟุตบอลมาตลอด ปัจจุบันเจ้าตัวเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนของทีมพัทยา ยูไนเต็ด ทีมในระดับไทยพรีเมียร์ลีก

ที่มา http://www.hikicker.com/football/news/footballthai/9223.html

โดย: Metha    เวลา: 2013-12-8 11:02
2.นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ "สิงห์สนามศุภ"






        นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ ปัจจุบันวัย 64 ปี ชื่อเล่น ต๋อง ซึ่งปัจจุบันเป็นหนึ่งในทีมงานของสโมสรท่าเรือ  เริ่มเล่นฟุตบอลในปี2507 ในสโมสรเยาวชนของวิทยาลัยพลศึกษา และโรงเรียนปานะพันธุ์วิทยา ก่อนจะเล่นในสโมสรราชวิถี และสโมสรการท่าเรือไทย พร้อมกับทีมชาติไทย ใช้ชีวิตการเป็นนักฟุตบอล 23 ปี ระหว่าง พ.ศ. 2509-2522 โดยโค้ชคนแรกของเขาคือ เหงียน วัน เดื๊อก อดีตดารานักเตะทีมชาติเวียดนามใต้ก่อนโอนสัญชาติเป็นไทย ซึ่งเป็นพ่อของเขาแท้ๆ นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ เป็นนักเตะทีมชาติปีกขวาร่างเล็ก แต่ฝีเท้ายอดเยี่ยม แกร่งเกินตัว เมื่อใดที่กระชากลูกบอลหลบกองหลังฝ่ายตรงข้าม ทุกคนภายในสนามศุภชลาศัยเป็นต้องระทึกใจและได้ส่งเสียงเฮลั่น จึงได้มาซึ่งฉายาจากเหล่ากองเชียร์ว่าเป็น "สิงห์สนามศุภฯ"  เขายิงประตูแรกให้กับตัวเองในนามทีมชาติไทยได้ เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2510 ซึ่งนัดนั้นทีมชาติไทยแพ้ทีมชาติเกาหลีใต้ 1-2 แต่ชื่อเสียงนิวัฒน์ก็โด่งดัง และหลังจากนั้นก็มีชื่อติดทีมชาติไทยมาตลอด 12 ปี



ที่มา http://www.hikicker.com/football/news/footballthai/9223.html

โดย: Metha    เวลา: 2013-12-8 11:03
1. อัศวิน ธงอินเนตร "จอมเหินหาว"





        อัศวิน ธงอินเนตร เป็นชาวจังหวัดปทุมธานี ซึ่งจริงๆแล้ว อัศวิน ไม่ได้มาทางด้านกีฬาฟุตบอลมาก่อน โดยเขา เล่นกีฬาประเภทกรีฑาประเภทลู่และลาน เมื่อครั้งที่ก้าวเข้าสู่รั้วธรรมศาสตร์ เขาได้เข้าไปขอโค้ชฟุตบอลธรรมศาสตร์เล่น ฟุตบอลในตำแหน่งกองหน้า แต่ด้วยความสูงของตัวเขาที่มีความสูงถึง 180 เขาจึงถูกจับไปเล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตู หลังจากนั้น อัศวิน จึงตัดสินใจเลือกที่จะเล่นฟุตบอลอย่างจริงจัง เมื่อเข้าร่วมสังกัดทีมธนาคารกรุงเทพ ที่เพิ่งเริ่มก่อตั้ง สโมสร โดยมี อ.สำเริง ไชยยงค์ เป็นโค้ช มาในปีพ.ศ.2505 อัศวิน ธงอินเนตร มีอายุในขณะนั้น 25 ปี จึงถูกเรียกติดทีม ชาติในชุดที่เดินทางไปแข่งขันฟุตบอลรายการเอกราชเวียดนามใต้ และนี้คือเกียรติประวัติรายการแรกของเจ้าตัว       
        และนัดที่สร้างชื่อเสียงให้กับเจ้าตัวได้อย่างแท้จริงคือนัด มูลนิธิอานันทมหิดลจัดแข่งขันฟุตบอลการกุศล นัด ที่ถือว่ายิ่งใหญ่ของวงการลูกหนังเมืองไทยสมัยนั้น เพราะเป็นการพบกันระหว่างสโมสรทหารอากาศแชมป์ถ้วยใหญ่ 7 ปี ซ้อน (พ.ศ. 2500 - 2506) ที่มีนักเตะดังอย่าง เล็ก อมฤตานนท์, ปราณีต ปราณีตบุตร, ล้วน พันธ์งาม, ประกอบ รัศมี มาลา, นักรบ โพธิ์แสง, ทองหล่อ เจริญเดช, ยรรยง นิลภิรมย์ ฯลฯ และทีมธนาคารกรุงเทพ ซึ่งประกอบด้วยเหล่าผู้เล่น ดาวรุ่งอนาคตไกล อาทิ อัศวิน ธงอินเนตร, อัษฎางค์ ปาณิกบุตร, วิชิต แย้มบุญเรือง, สมศักดิ์ อ่อนสมา, ยรรยง ณ หนองคาย, ประเดิม ม่วงเกษม เป็นต้น นอกจากนี้ ที่สำคัญเป็นการแข่งขันหน้าพระที่นั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระรามาธิบดีแห่งมาเลเซีย อีกด้วย ก่อนสโมสรบัวหลวงจะพลิกชนะลูกทัพฟ้า 5 - 1 โดยตลอดการแข่งขัน อัศวินได้รับเสียงปรบมือจากแฟนฟุตบอลรอบสนาม เมื่อสามารถพุ่งลอยตัวอยู่ในอากาศเพื่อป้องกันลูกอันตรายไว้ได้ หลายครั้งด้วยกัน และภายหลังเกมยังได้รับคำชมจากบรรดานักข่าวหนังสือพิมพ์เกือบทุกสำนัก จนมีหลายทีมหลาย สโมสรติดมาต่อมายังสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯให้ตามเจ้าตัวไปเล่นฟุตบอลอาชีพ โดยระบุเงินเดือน ๆ 8,000 บาท ซึ่งในสมัยนั้นถือเป็นเม็ดเงินที่สูงมาก แต่เขาก็ได้ปฏิเสธบอกปัดไป อัศวิน ธงอินเนตร ยังเคยได้เป็นผู้รักษาประตู "ALL STAR" คนแรกของทวีปเอเชีย อีกด้วย



      

        มาในวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2508 ข่าวร้ายก็มาถึงวงการฟุตบอลไทยจนได้ เมื่อทีมชาติไทยลงสนามซ้อมกับสโมสรธนาคารกรุงเทพ ณ สนามบางนา และใน น.15 ของการแข่งขัน อัศวิน ธงอินเนตร พุ่งตัวออกไปเพื่อทำหน้าที่ป้องกันประตูจากกองหน้าฝ่ายตรงข้าม แต่ทว่าเกิดปะทะกันอย่างแรงโดยไม่ได้ตั้งใจ อัศวินนอนนิ่งอยู่บนกรอบสี่เหลี่ยมหน้าเขตประตู ท่ามกลางความตกใจของเพื่อนนักฟุตบอลสองทีม ต่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน และช่วยกันนำร่างของเขาส่งโรงพยาบาล แต่ปรากฎว่าไม่ทันการณ์เสียแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้น หนังสือพิมพ์ทุกฉบับต่างลงข่าวการเสียชีวิตของ อัศวิน อย่างครึกโครม และเหตุการณ์นี้เองคือการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของวงการฟุตบอลไทย เขาได้ไปอย่างสงบแล้ว เหลือไว้แต่ชื่อและผลงานที่เขาสร้างไว้ "อัศวิน ธงอินเนตร" จอมเหินหาว      

        
        
       ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นการจัดอันดับโดย Hikicker เท่านั้น ซึ่งอาจจะไม่ตรงใจผู้อ่านบ้าง ก็ต้องขออภัย แต่สิ่งที่นำมาฝากกันนั้น ผลงานของนักเตะแต่ละคนนั้นโดดเด่นจริงๆ ยากที่จะปฏิเสธนำเรื่องราวมาเล่าต่อให้ท่านผู้อ่าน ๆ ในสกู๊ปหน้าจะมีเรื่องราวดีๆอะไร โปรดติดตามต่อไปครับ



ที่มา http://www.hikicker.com/football/news/footballthai/9223.html

โดย: lnw    เวลา: 2013-12-14 20:30
ขอบคุณ งับ

โดย: Metha    เวลา: 2013-12-14 20:34
lnw ตอบกลับเมื่อ 2013-12-14 20:30
ขอบคุณ งับ

ตอนนี้ฟุตบอลซีเกมส์ครั้งที่ 27
นาที่ 58 ไทยเสมอพม่า 1-1




ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2