Baan Jompra

ชื่อกระทู้: คุณโกหกเก่งรึเปล่า??? [สั่งพิมพ์]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-11-25 07:27
ชื่อกระทู้: คุณโกหกเก่งรึเปล่า???
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2014-3-15 08:00



แบบทดสอบ: ทายใจ... คุณโกหกเก่งรึเปล่า???

ถ้าเกิดว่าคุณกำลังหลงอยู่ในป่า แล้วคุณก็ไปเจอถ้ำที่ในป่า
และแล้วก็เห็นอะไร วับๆแวมๆ คุณคิดว่าในถ้ำจะมีอะไร





1.ศพ

2.ลูกหมาป่า

3.หีบสมบัติ

4.กระป๋องเปล่าๆ




โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-11-25 07:36

เฉลย
























V
V
V
V
V
V

เฉลย

1.ศพ คุณจะไม่หลอกลวงหวานใจคุณยังไงก็จะไม่ทำ และจะไม่ยอมให้หวานใจคุณตกใจเล่นเป็นแน่

2.ลูกหมาป่า คุณเจ้าอารมณ์ ถ้ามีโอกาสก็อยากลองนอกใจดูสักครั้ง

3.หีบสมบัติ คุณอาจจะคิดนอกใจแฟนคุณบ่อยๆ แต่แค่คิดเล่นๆ

4.กระป๋องเปล่าๆ คุณโกหกปริ้นปร้อนเก่งจริงๆ เผลอเป็นไม่ได้เชียว

โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-11-25 08:09
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-11-25 09:41

เรื่องของคนโกหก...ความจริงที่ควรรู้








เรื่องของคนโกหก...ความจริงที่ควรรู้ (มติชนออนไลน์)
โดย นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล จิตแพทย์โรงพยาบาลมนารมย์





          ช่วงนี้มีข่าวคราวอื้อฉาวในแวดวงบันเทิงบ่อยครั้งที่พูดถึงเรื่องของดารา และครอบครัวของดาราบางคน  มักไม่พ้นเรื่องส่วนตัว เรื่องเงินเรื่องทอง

          ที่เป็นข่าวโด่งดังก็เห็นจะเป็นเรื่องการให้ข้อมูลเท็จต่อสังคม เช่น งานที่ทำอยู่ ความมีชื่อเสียงหรือแม้แต่ชาติกำเนิดของตัวเอง

          นอกจากนี้บางคนก็เอาเรื่องในครอบครัวมาแฉมาเล่าสู่กันฟังเพราะเกิดความขัดแย้งในครอบครัว จนเกิดเรื่องเกิดราวถึงขั้นว่า จะฟ้องร้องกัน เพียงแค่นี้ก็พอจะให้สังคมตั้งคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับคนเหล่านี้ ใครพูดเรื่องจริง ใครพูดไม่จริง และที่แน่ๆ คนที่พูดไม่จริงหรือเช็คข่าวแล้วเรื่องราวไม่ตรงกับที่เคยบอกไว้ ก็กลายเป็นถูกตราหน้าว่าเป็นคน "ชอบโกหก"

          ที่มากไปกว่านั้นสื่อหลายเจ้าก็ตั้งคำถามว่า ตกลงคนชอบโกหกหรือไม่เล่าเรื่องจริงนั้นป่วยทางจิตหรือเปล่า ทั้งๆ ที่ในชีวิตของคนเรานั้นผมเชื่อว่า อย่างน้อยสักครั้งที่เราก็เคยพูดโกหก แต่จะเพื่อเหตุผลอะไรนั้นก็คงหลากหลายแต่ก็มิได้หมายความว่า การพูดโกหกนั้นจะเป็นการทำสิ่งที่เลวร้ายจนให้อภัยมิได้

          ก่อนจะไปถึงการวิเคราะห์ว่า ตกลงป่วยหรือไม่ป่วยนั้น อยากจะถามกลับเหมือนกันว่า เวลาที่คนที่อยู่ทางหน้าจอทีวีแทบทุกวัน เช่น นักการเมืองบางคน บุคคลที่มีชื่อเสียงบางคน กำลังเล่าเรื่องราวของตัวเอง บ้างก็ปฏิเสธแก้ตัวเรื่องที่คนอื่นจับได้ว่า ตนเองไปทำผิดอะไรมา บ้างก็พยายามสร้างภาพว่า เป็นคนดีของสังคมนั้น เหล่านี้เรียกว่าโกหกหรือเปล่า และจำเป็นต้องจัดการหรือประนามด้วยหรือไม่

          ผมเห็นคนไทยก็ยังบริโภคเรื่องราวเหล่านี้อยู่ทุกวันและดูเหมือนจะเฉยๆ แทบไม่ได้ให้ความสำคัญสักเท่าไรนัก  บ้างก็ปลื้มไปตามภาพที่คนเหล่านั้นสร้าง บ้างก็มีอารมณ์ร่วมกับคนที่ตนเองรักตนเองชอบ  จนในที่สุดความผิดก็เงียบหายไป คนไทยก็ลืมง่าย เรื่องก็ลงเอยไปด้วยดีหรือไม่ดี ไม่สำคัญ

          แต่ที่แน่ๆ พอมีข่าวใหม่เข้ามาให้วิพากษ์วิจารณ์ต่อก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจให้หยิบยกมากล่าวถึงอีก หมุนเวียนกันไปไม่รู้จบสิ้น






โกหก...เพราะจิตป่วยหรือจิตป่วน

          โดยทั่วไปแล้วในวัยผู้ใหญ่สามารถแบ่งกลุ่มคนที่ชอบโกหกออกมาตามสาเหตุได้เช่นเดียวกัน ดังนี้

          กลุ่มที่ป่วยเป็นโรคจิตเวช  ป่วยเป็นโรคจิต  คนที่ป่วยแบบนี้ เวลาที่มีอาการหลงผิด ก็มักจะมีความคิด ความเข้าใจไปตามอาการหลงผิด (delusion) ของตัวเอง ส่วนใหญ่ก็เล่าเรื่องและคล้อยตามความคิดที่ผิดปกติไปเรื่อยๆ ในขณะนั้น ดูเหมือนเป็นการพูดโกหก แต่ผมเองไม่อยากใช้คำนี้ น่าจะเรียกว่า พูดเรื่องที่ไม่จริงเสียมากกว่า(ซึ่งไม่ได้เป็นการเจตนา) หากมีใครขัดใจหรือใครจะมาลบล้างคงไม่ได้ และจะรู้สึกโกรธและไม่พอใจ

          โดยทั่วไป กลุ่มนี้เจอไม่มากนัก (ประมาณว่า ร้อยละ 1 ถึง 2 ของประชากรในประเทศ)  แต่ก็พบบ้างเวลาที่พูดออกมาเป็นเรื่องเป็นราว แต่พอฟังให้ดีๆ เรื่องราวก็ยังคงไม่ปะติดปะต่อหรือเล่าเรื่องที่เป็นโลกส่วนตัวของตัวเองมาก เกินไป และบางรายก็จะมีอาการประสาทหลอน เช่น หูแว่วร่วมด้วย

          กลุ่มที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ผู้ป่วยเหล่านี้บางครั้งมีการพูดเรื่องที่ไม่จริง เพราะมีความหวาดกลัว ไม่กล้าที่จะต่อสู้กับความจริง ทนไม่ได้กับความเจ็บปวดในโลกแห่งความเป็นจริง

          ดังนั้น การพูดเรื่องราวต่างๆที่ไม่เป็นจริงก็เหมือนกับการพูดให้ตัว เองรับรู้ในเรื่องที่ไม่เป็นจริง แต่ไม่เจ็บปวดคงจะดีกว่า ทำบ่อยๆจนกลายเป็นหลอกตัวเอง แต่ลึกๆในใจก็รู้ดี เพราะฉะนั้นแม้หน้าจะชื่น แต่ก็อกตรม อยู่ดีครับ

          กลุ่มที่มีปัญหาทางด้านบุคคลิกภาพ เรียกว่า  "พูดเท็จโดยกมลสันดาน"  ซึ่งอาจจะอยู่ติดตัวไปอีกนานจนแก่ชราเลยก็ได้ หากไม่คิดกลับตัวกลับใจ  ดังจะได้กล่าวโดยละเอียดต่อไป



โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-11-25 08:09
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-11-25 09:41

คนชอบโกหกกับสิบแปดมงกุฏ



          กรณีนี้คงเป็นกรณีที่พบมากที่สุดในสังคมไทย ผมมิได้บอกว่า คนที่พูดโกหกทุกคนเป็นสิบแปดมงกุฎทั้งหมด เพราะเชื่อว่า หลายคนก็เป็นคนที่มีจิตใจดี ไม่ได้ตั้งใจที่จะหลอกลวงใคร

          แต่บางครั้งที่ไม่ได้พูดความจริงก็ด้วยเหตุผลที่ชั่งน้ำหนักแล้วว่า การพูดความจริงออกไปอาจจะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าพูดโกหกไปก่อนชั่วคราว  ตัวอย่างเช่น กรณีที่ญาติยังไม่กล้าที่จะบอกความจริงว่า ผู้ป่วยคนนั้นป่วยเป็นโรคมะเร็งในระยะสุดท้าย ซึ่งจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน แต่หากบอกความจริงทันทีแก่ผู้ป่วยก็อาจจะทำให้ตกใจ ช็อค และอาจจะอาการแย่ลงอย่างรวดเร็วจนเสียชีวิตเร็วกว่าที่ควรจะเป็น

          อย่างไรก็ตาม แม้ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะรับรู้ความเจ็บป่วยของตนเองก็ตามการเลือกกาละเทศะในการพูดความจริงเพื่อบอกข่าวร้ายนั้นก็ถือว่า ยังมีความสำคัญอยู่



          ส่วนประเภทที่อ้าง (แบบแก้ตัว) ว่าไม่กล้าที่จะพูดความจริงหรือมีบางทีก็ฟังดูมีหลักการ ในความเป็นจริงแล้วเรื่องแบบนี้ส่วนใหญ่คนก็มักจะรู้ทัน แต่การจับให้ได้คาหนังคาเขาก็มิใช่เรื่องง่าย เพราะคนที่กระทำพฤติกรรมเหล่านี้อยู่นั้นมักจะมีความสามารถในการหลบหลีกได้ ไปเรื่อยๆ อาจจะใช้เวลานานมากที่จะจับผิดข้อมูลได้

          อย่างไรก็ตาม หากเราเชื่อว่าเวรกรรมมีจริงนั้น จะเห็นได้ว่าการโกหกต้องใช้พลังงานในการสร้างเรื่องราวต่างๆอย่างมากมายมหาศาลและต้องอาศัยความจำและสมาธิอย่างมากในการให้เรื่องราวปะติดปะต่อกันได้เหมือนในบทละครน้ำเน่าทั้งหลาย แต่ในที่สุดมักจะพลาดจนมุม เพราะการโกหกมากๆจนเรื่องราวบานปลายออกไปนั้นมักจะทำให้สิ่งที่ไม่สามารถจะ เป็นจริงได้โผล่ขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ก็ยังมีคนหลายคนที่แม้ว่าพยายามจะหลอกคนอื่นแล้วไม่สำเร็จ ก็เลยใช้กลไกทางจิตชนิดที่เรียกว่า Pseudologia Fantastica ในการหลอกตัวเองก่อนและพ่วงด้วยการหลอกผู้อื่นด้วย

         Pseudologia Fantastica  เป็นคำที่ใช้กันวงการจิตเวชและจิตวิทยา เป็นวิธีการอย่างหนึ่งของมนุษย์ในการบอกกล่าวเล่าเรื่องต่างๆตามที่ตนเอง เข้าใจหรือต้องการให้เป็นอย่างนั้น การพูดเรื่องราว ต่างๆ ที่ไม่เป็นความจริงกรอกหูตนเองอยู่ซ้ำๆบ่อยๆ บางคนใช้วิธีการแบบนี้มาตลอดทั้งชีวิต  จนในที่สุดคนคนนั้นก็จะคิดว่าเรื่องที่ตนเองพูดโกหกอยู่นั้นเกิดขึ้นจริงๆ และเป็นเรื่องจริง หากพูดออกสู่สาธารณะ ก็จะทำให้คนในสังคมเชื่อว่าเรื่องโกหกนั้นเป็นเรื่องจริงในที่สุด



          แต่ทั้งนี้หากมีการพิสูจน์ตามกระบวนการกฎหมายแล้วเป็นเรื่องไม่จริง ก็ต้องรับโทษในที่สุด  วิธีการแบบนี้พบได้มากในกลุ่มคนที่เป็น Psychopath หรือ Sociopath เรียกง่ายๆว่า "สันดานโจร" นั่นเอง  และไม่มีการเลือกชั้นวรรณะ การศึกษา และฐานะทางสังคม สามารถพบได้ทั่วไป  ที่สำคัญที่สุดคือ "ไม่ได้เป็นความเจ็บป่วยทางจิตเวช" เพื่อใช้ในการลดหย่อนหรือเป็นข้ออ้างในการไม่ต้องรับโทษ



          คนประเภทนี้มีความสามารถในการเล่นละครน้ำเน่า หลอกคนทั่วๆไป และที่สำคัญก็คือหลอกตัวเองด้วย  คนประเภทนี้เป็นกลุ่มที่ยากเกินการเยียวยา  จุดจบของคนชอบโกหกประเภทนี้มีอยู่ 2 ที่ คือ 1.ติดคุกหรือถูกดำเนินคดี และ 2.อาจจะถูกฆ่าตายในที่สุด
*


          เพราะฉะนั้นเวลาที่คุณดูข่าวคนพวกนี้ออกมาบีบน้ำตาร้องห่มร้องไห้ โกหกหลอกลวงคนทั้งประเทศ ก็ใช้สติพิจารณาสักนิดก็ได้ครับว่า คุณอาจจะกำลังดู "ละครน้ำเน่า" อยู่แค่นั้น


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ที่มา.http://hilight.kapook.com

โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-11-25 08:18
เนื้อแท้ของคนโกหก




ในชีวิตของคนเรานั้น ต้องมีสักครั้งละที่ โกหก ซึ่งโดยส่วนใหญ่เพื่อป้องกันตนเองไม่ให้เกิดความอับอาย หรืออันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากแรงกดดันภายนอกของสังคม เราลองมาแยกแยะประเภทของการโกหกดูสิครับว่าได้สักกี่ประเภท

1. โกหกเพื่อมารยาท เป็นประเภทที่มีผลเสียน้อยที่สุดเพราะไม่มีเจตนาจะทำให้คนอื่นเสียหายหรือเป็นอันตราย แต่มีเจตนาเพื่อจะทำให้คนอื่นพอใจเรียกว่าเป็นการรักษาน้ำใจกัน เช่น "ไม่ได้พบกันตั้งนาน สวยไม่เปลี่ยนเลย" คนส่วนใหญ่มักจะไม่คิดว่าเป็นการโกหกด้วยซ้ำ นอกจากคนที่จริงจังต่อโลกเกินไปต่อต้านพฤติกรรมนี้เพราะถือว่าไม่จริงใจต่อกัน


2. โกหกเพื่อป้องกันอันตราย เป็นการโกหกประเภทที่ใช้มากที่สุด เป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ที่จะต้องป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นเพื่อความอยู่รอด ลงไปถึงความเจ็บปวด ขมขื่น ละอายใจ อับอาย แม้กระทั่งเรื่องของศักดิ์ศรี


3. โกหกเพื่อผลประโยชน์ เป็นประเภทที่ใช้มากพอกัน เพื่อป้องกันอันตรายที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์โดยตรง เช่น ขู่ให้ฝ่ายตรงห้ามรู้สึกกลัว เป็นการป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้น และอาจมีผลในการเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยซึ่งถือเป็นผลประโยชน์ อย่างไรก็ตามการโกหกเพื่อผลประโยชน์อาจไม่จำเป็นต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องอันตรายเสมอเช่น การโฆษณาชวนเชื่อ เป็นต้น


4. โกหกเพื่อหาความยุติธรรม เป็นการโกหกเพื่อฝึกนิสัยมนุษย์ให้ไม่เห็นแก่ตัว มักจะเกี่ยวข้องกับคำมั่นสัญญา กฎเกณฑ์หรือกติกาต่าง ๆ เช่น พ่อแม่บอกกับลูก ๆ ว่ารักลูกเท่ากันหมดทุกคน , พ่อค้าสัญญาต่อกันว่าจะไม่ค้าขายทำลายกันเอง เป็นต้น กฎและกติกานี้ ยังรวมถึงเรื่องจริยธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชีพอีกด้วย


5. โกหกเพื่อหาความจริง การโกหกประเภทนี้มักเป็นพวกนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นักกฎหมาย และความศรัทธาในศาสนา มีนักวิทยาศาสตร์ไม่น้อยที่ต้องบิดเบือนความจริงในการทดลอง นักวิจัยไม่น้อยที่ได้ผลออกมาแล้วผิดเป้าหมายที่ตั้งไว้ จึงพยายามหาหลักฐานต่าง ๆ มาอ้างอิงมาแทนความจริงที่เกิดขึ้น หรือคนที่ต้องการเผยแผ่ศาสนาอาจใช้วิธีในการจูงใจให้ผู้อื่นคล้อยตาม


6. นักโกหกอาชีพ เป็นคนที่โกหกในเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องโกหกจนดูเป็นงานประจำไป คนประเภทนี้มีพรสวรรค์ในการพูด การสร้างเรื่อง เพราะตัวเขาเองยืนอยู่ระหว่างกลางของความจริงกับจินตนาการ นักโกหกอาชีพนั้นไวกว่านักโกหกจำเป็นมาก เขาจะรู้ทันทีว่ามีใครกำลังจับโกหกเขาอยู่ แล้วเขาก็จะหันมาเปลี่ยนเรื่องเป็นเรื่องจริงบ้างเรื่องแต่งบ้าง จนคนจับไขว้เขวไปเอง
ลักษณะของคนชอบโกหก



ดูเป็นคนน่าสนใจ น่าคบ มีลักษณะเชื่อมั่นในตนเอง โดยเฉพาะในด้านความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ เป็นคนมีเพื่อนมาก ท่าทางดูเป็นกันเอง แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นหน้ากาก เป็นบุคลิกปลอมที่สร้างขึ้นมา เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกอ่อนแอที่ซ่อนอยู่ภายในใจ
ความจริงแล้ว เขาเป็นคนว้าเหว่ มีปมด้อย ชีวิตไร้จุดหมาย ขาดความเชื่อมั่น ไม่สนิทกับใครได้อย่างจริงใจเพราะไม่ค่อยไว้ใจคน และเหนือสิ่งอื่นใดคือ ความรู้สึกละอายใจที่เกาะฝังอยู่ในส่วนลึกของความกลัวนั่นเอง


ข้อมูลจาก www.kunkroo.com

โดย: TATIE    เวลา: 2013-11-25 15:06
โกหก จะเป็นโกหกสีขาว สีดำ กุศโลบาย ฯลฯ
ไม่ว่าจะใช้คำไหนให้ดูดียังไง มันก็คือโกหก
โดย: matmee2550    เวลา: 2013-11-25 19:27
เยี่ยมๆๆๆ
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-12-4 22:56
มันเป็นกุศโลบาย
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-12-12 04:16
โกหกเพื่อในเราอยู่ในเกมที่เขากำหนด
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-12 05:28
เยี่ยม
โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-3-15 08:02
metha ตอบกลับเมื่อ 2013-12-12 05:28
เยี่ยม

โก 6
โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-3-15 08:06
[youtube]9ldf6ej7BHc[/youtube]
โดย: Metha    เวลา: 2014-3-17 23:10
[youtube]wJdFMDAXpYA[/youtube]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-10-19 10:50
[youtube]JQC5u54SuZU[/youtube]
โดย: matmee2550    เวลา: 2014-10-19 22:59
คนดีอย่างเราไม่ชอบโกหกใคร นอกจากจำเป็นครับ
โดย: AmAm    เวลา: 2014-10-20 00:31
3.หีบสมบัติ คุณอาจจะคิดนอกใจแฟนคุณบ่อยๆ แต่แค่คิดเล่นๆ
โดย: นาคปรก    เวลา: 2014-12-15 09:50
เคยโกหกน้องจาว ว่าไม่กินข้าว ผีจิหักคอ


โดย: majoy    เวลา: 2014-12-15 11:17
ยังไงก็ห้ามรับ ถ้าจำเป็นต้องรับก็รับแค่ครึ่งเดียว
โดย: App_9109    เวลา: 2014-12-15 14:27
ขอตอบข้อ 1 ค่ะ ศพ
โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-1-20 12:03
Go Six
โกซิกส์: โกหก ปลิ้นปล้อน กะล่อน ตอแหล

10 เหตุผล กะเทาะเปลือกว่าทำไมคนถึงชอบโกหกกันนัก



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          ทุกคนคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า "ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย" อยู่บ่อยครั้ง แต่ขณะเดียวกันคำโกหกก็เป็นสิ่งที่อยู่คู่สังคมมาอย่างยั่งยืนเช่นเดียวกัน และเชื่อว่าคุณเองก็เป็นหนึ่งในหลายล้านคนที่ต้องเคยใช้คำโกหกมาก่อน ทว่า...เคยถามตัวเองหรือนึกสงสัยไหมว่า เหตุใดคนเราถึงชอบโกหก? วันนี้เราเลยจะมาค้นหาสาเหตุกันแบบล้วงลับตับแตกเกี่ยวกับเรื่องนี้กัน

1. โกหกเพื่อรักษาน้ำใจ

          เราเชื่อว่าแทบจะทุกคนบนโลกเคยโกหกคนอื่นด้วยเหตุผลนี้กันมาบ้างอย่างแน่นอน ทั้งนี้ทั้งนั้น มันอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรนัก แต่เพื่อถนอมน้ำใจของผู้ฟังนั่นเอง เช่น คุณต้องตอบคำถามประมาณว่า "ชุดที่ฉันใส่วันนี้สวยไหม?" "ตอนนี้ฉันดูอ้วนขึ้นหรือเปล่า?" หรือ "คุณชอบของขวัญที่ฉันให้ไหม?" เป็นต้น ซึ่งคำตอบจากใจ๊ จากใจคุณจริง ๆ เนี่ย มันอาจทำให้ผู้ฟังรู้สึกขุ่นเคืองใจได้ หากตอบไปตามตรง ดังนั้น การโกหกด้วยเหตุผลนี้ จึงเป็นสิ่งที่เราจำเป็นต้องใช้อยู่บ้างยังไงล่ะ

2. โกหกเพื่อรักษาหน้าตัวเองไว้

          ต้องยอมรับความจริงอย่างหนึ่งว่า ในบางครั้งเรื่องบางเรื่องหากพูดออกไปก็อาจทำให้ตัวคุณเองรู้สึกขายหน้าได้ ซึ่งคงไม่มีใครหน้าไหนอยากพูดอะไรที่ทำให้ตัวเองดูแย่ในสายตาคนอื่นหรอก คงไม่แปลกที่เราจำเป็นต้องร่ายคำโกหกให้คนอื่นฟังเพื่อรักษาหน้าตัวเองเอาไว้บ้าง

3. โกหกเพื่อเลี่ยงการขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น

          เหตุผลนี้อาจจะเป็นเหตุผลที่คนนิยมใช้กันมากที่สุดข้อหนึ่งเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามที เมื่อใดก็ตามที่มีคนมาขอความช่วยเหลือจากคุณให้ทำโน้นทำนี้ให้หน่อย แต่คุณกลับบ่ายเบี่ยงปฏิเสธที่จะช่วยเหลือด้วยการโกหกแทน เช่น แฟนของคุณขอให้ช่วยแวะเอาของจากเพื่อนเธอ เนื่องจากเธอติดธุระทำให้ไม่สามารถไปรับได้ด้วยตัวเอง แต่คุณกลับโกหกว่าติดประชุม ทั้งที่จริง ๆ แล้วไม่มีการประชุมแต่อย่างใด เพียงเพราะคุณขี้เกียจเดินทางไปรับนั่นเอง


4. โกหกเพื่อเลี่ยงการสนทนาที่ยาวนาน

          ในบางครั้งการพูดความจริงบางอย่างทำให้เกิดบทสนทนาที่ยาวต่อเนื่องแบบที่คุณไม่คาดคิดมาก่อน ซึ่งคุณไม่มีเวลาจะมานั่งฟังหรือไม่อยากฟังคำแนะนำ การวิพากษ์วิจารณ์ หรือคำถามอื่น ๆ ที่ตามมาอีกมากมาย ฉะนั้น หลายคนจึงเลือกที่จะโกหกเพื่อตัดบท แล้วขอตัวเดินออกจากวงสนทนาไป

5. โกหกเพื่อคุยโวโอ้อวดตัวเอง

          ในชีวิตหนึ่งเชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะเคยประสบพบเจอคนที่มีลักษณะเช่นนี้กันมาบ้าง ประเภทที่คุยโวให้ผู้อื่นฟังว่าตัวเองมีดีอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นเจ้าของทรัพย์สินที่คนอื่น ๆ ไม่มีกัน เพื่อเป็นการสร้างภาพให้ตัวเองดูดีขึ้น ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้เป็นที่น่ารังเกียจของคนที่อยู่รอบข้างเอามาก ๆ เพียงแต่พวกเขาอาจไม่แสดงออกให้รู้ก็เท่านั้นเอง

6. โกหกเพื่อหวังผลประโยชน์

          อันที่จริงในชีวิตคนมันก็ต้องมีสักครั้งแหละ ที่เราจำเป็นต้องโกหกเพื่อหวังผลประโยชน์หรือรักษาผลประโยชน์ของตัวเองเอาไว้ ถึงแม้จะไม่ใช่สิ่งที่สมควรทำก็ตาม แต่ถ้าเป็นเรื่องนิด ๆ หน่อย ๆ ซึ่งไม่ได้ทำให้ใครต้องเดือดร้อน ก็เป็นเหตุผลที่คนมักจะหยิบยกมาใช้เป็นข้ออ้างในการโกหกได้เหมือนกัน เช่น คุณอาจจะโกหกเกี่ยวกับเรื่องคุณสมบัติหรือความสามารถของคุณ เพื่อให้มีโอกาสได้สัมภาษณ์งาน หรือแม้กระทั่งในระหว่างสัมภาษณ์ เป็นต้น

7. โกหกเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกลงโทษ

          ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้มากความสำหรับเหตุผลที่คนโกหกเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกลงโทษ ซึ่งมันเริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยที่คุณยังเป็นนักเรียนแล้ว ที่คุณเคยโกหกอาจารย์ในเรื่องต่าง ๆ เพื่อเลี่ยงการถูกทำโทษ รวมไปถึงการโกหกเจ้านาย, พ่อแม่ หรือแฟนก็ตาม ทั้งหมดนี้ก็เพราะคุณไม่อยากต้องรับโทษในการกระทำของคุณนั่นเอง



8. โกหกเพื่อต้องการเข้าสังคม

          ไม่น่าแปลกใจที่คนในสังคมสมัยนี้ต่างใส่หน้ากากเข้าหากัน เพื่อใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข หรือบางคนก็ยอมโกหกเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเอง เพียงเพราะต้องการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มไฮโซ เพื่อยกระดับฐานะของตนให้ดีขึ้น เนื่องจากไม่อยากถูกมองว่าเป็นคนนอกคอก จึงยอมที่จะละทิ้งความเป็นตัวตนที่แท้จริงของตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง

9. โกหกเพื่อยืนยันความคิดของตัวเอง

          หลาย ๆ ครั้งที่คนมักปักใจเชื่อว่าความคิดของตัวเองนั้นถูกต้องเสมอ ทั้งที่ในบางครั้งมันก็ไม่ถูกต้องเสมอไป แต่คนเหล่านี้ก็จะสรรหาคำโกหกมายืนยันความคิดของตัวเองว่าดีที่สุดแล้วอยู่เสมอ

10. โกหกเพื่อโน้มน้าวใจคน

          การโกหกลักษณะนี้พูดง่าย ๆ ก็เหมือนกับการปั่นหัวคนนั่นเอง โดยจะเข้าไปพูดโน้มน้าว ชักจูงใจคนด้วยถ้อยคำโกหกที่เรียงร้อยมาอย่างดีแล้ว จนทำให้ผู้ฟังเกิดอาการคล้อยตามไปโดยไม่รู้ตัว ทั้งนี้ก็เพื่อต้องการเปลี่ยนความคิดของพวกเขาเพื่อประโยชน์ของตนนั่นเอง

  
        หลังจากที่ได้ทราบถึงเหตุผลของการโกหกกันไปบ้างแล้ว น่าจะทำให้หลายคนเข้าใจและตั้งข้อสังเกตว่าทำไมคนถึงชอบโกหกได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม มุมมองในคำว่าโกหกของแต่ละคนคงไม่เหมือนกันซะทีเดียว เพราะบางคนเชื่อว่าคำโกหกเล็ก ๆ น้อย ๆ (หรือแค่ไม่บอกความจริง) เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน ทว่าในอีกแง่หนึ่งก็มองได้ว่า การโกหก ยังไงก็คือโกหกอยู่วันยังค่ำ จะเปลี่ยนความจริงตรงนี้ไปไม่ได้ แม้อาจให้เห็นผลเพื่อความสบายใจก็เถอะ ซึ่งจุดนี้ก็คงขึ้นอยู่กับวิจารณญาณและเหตุผลของคุณแล้วล่ะครับ




ที่มา..http://men.kapook.com





ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2