Baan Jompra
ชื่อกระทู้:
~ หลวงพ่อหร่ำ กิตฺติสาโร วัดเขาดิน ~
[สั่งพิมพ์]
โดย:
kit007
เวลา:
2013-4-1 15:31
ชื่อกระทู้:
~ หลวงพ่อหร่ำ กิตฺติสาโร วัดเขาดิน ~
[attach]553[/attach]
หลวงพ่อหร่ำ กิตฺติสาโร
วัดเขาดิน สุพรรณบุรี
หลวงพ่อหร่ำ กิตฺติสาโร
“พระผู้มีวาจาสิทธิ์ ผู้ให้กำเนิดวัดเขาดิน”
สถานะเดิม ชื่อ หร่ำ นามสกุล เครือแก้ว
สูติกาล ชาตะ ปีระกา พ.ศ. 2427 เกิดที่บ้าน บางคาง ต. วังลึก อ. สามชุก จ. สุพรรณบุรี
เป็นบุตรของ นายรอด นางชัง เครือแก้ว มีพี่น้องร่วมบิดา 3 คน ดังนี้
1) นางฉัตร เครือแก้ว
2) นายหริ่ม เครือแก้ว
3) นายหร่ำ เครือแก้ว ( พระอธิการหร่ำ กิตฺติสาโร ) คู่แฝด
บรรพชาอุปสมบท
ณ พัทธสีมาวัดกระเสียว อ. สามชุก จ. สุพรรณบุรี โดยมี .... พระครูวิริยสุนทร ( หลวงพ่อเล็ก ) วัดวังหิน เป็นอุปัชฌาย์
“พระผู้มีวาจาสิทธิ์”
หลวงพ่อหร่ำ กิตฺติสาโร เป็นที่เคารพศรัทธาและรักใคร่ของญาติโยมสาธุชนทั้งหลายเพราะพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเป็นสุปฎิปันโนพระผู้ปฎิบัติชอบอยู่ในสีลาจารวัตรจนชาวบ้านหรือบุคลทั่วไป
ได้ขนานนามว่า“พระผู้มีวาจาสิทธิ์” มีวิทยาคมทางเมตตามหานิยมทางน้ำมนต์ต่างๆ จึงมีพุทธศาสนิกชนทั่วไปต่างหลั่งไหลมานมัสการท่านโดยมิได้ขาดสายทุกวัน
วันๆหลวงพ่อต้องมานั่งต้อนรับแขกวันละหลายชั่วโมงและมีเรื่องมากมายที่เป็นไปตามวาจาสิทธิ์ที่ท่านได้พูดต่อญาติโยม โดยเ[img]]ฉพาะคนที่ประพฤติผิดศีลธรรม ถ้าท่านทักใครคนนั้นต้องมีอันเป็นไป
ตามวาจาที่ท่านพูด
โดย:
kit007
เวลา:
2013-4-1 15:32
วันๆหนึ่งจะมีญาติโยมมาพูดคุยมาขอรดน้ำมนต์กับท่านทั้งวันมิได้ขาดทำให้หลวงพ่อท่านมีเวลาพักผ่อนน้อยปกติหลวงพ่อท่านชอบฉันหมากเป็นประจำและชานหมากของหลวงพ่อน้อยคนนักที่จะได้
และคนที่ได้ชานหมากไปแล้วก็ถือว่าได้วัตถุมงคลชั้นดีของหลวงพ่อไปบูชาและเมื่อได้มาพกติดตัวแล้วมักจะโชคดีและแคล้วคลาดจากอันตรายเสมอครั้งนั้นหลวงพ่อท่านได้สร้างเหรียญรูปของท่านเป็นครั้งแรก
เป็นเหรียญรูปดอกจิกครึ่งตัวด้านหลังเป็นยันต์ของหลวงพ่อและได้นำมาจ่ายให้กับทุกคนที่มากราบไหว้ท่านและอำนาจบารมีอันศักดิ์สิทธิ์เหรียญของหลวงพ่อนั่นใครได้ไปแล้วมักแคล้วคลาดจากอันตรายเสมอ
และได้สอบถามผู้ที่เคยมีเหรียญพกมาแล้วต่างก็พูดกันว่าศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก แม้แต่รูปถ่ายของหลวงพ่อที่มีกาน้ำ 3 ใบนั้นศักดิ์สิทธิ์มาก มีครั้งหนึ่งชาวบ้านวังลึกคนหนึ่งมีรูปถ่ายของหลวงพ่อไว้บูชากับบ้าน
วันหนึ่งมีลมพายุพัดในฤดูร้อนพัดมาอย่างรุนแรงมาทั้งลมมาทั้งฝน บ้านบางหลังได้รับความเสียหาย ชาวบ้านคนที่เกรงว่าพายุจะพัดบ้านตนเองจึงหยิบรูปถ่ายของหลวงพ่อมาอาราธนาขอบารมีหลวงพ่อหร่ำ
เป็นที่พึ่งขอให้ปัดเป่าลมพายุให้หายด้วย เป็นที่อัศจรรย์ลมพายุหายไปในชั่วอึดใจ
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ในปี พ.ศ. 2491 ในปีนั้นทางวัดวังจิกมีงานประจำปี และในขณะนั้นจะเป็นยุคโจรผู้ร้ายชุกชุม เสือร้ายในยุคนั้นคือ เสือดำ เสือฝ้าย เสือใบ เสือชม ออกปล้นชาวบ้านอยู่เสมอจนชาวบ้านขยาดกลัว
และเรียกว่า “ชุมเสือ” ในชุมเสือฝ้าย และเรียกสั้นๆว่า พวกเสือ งานวัดปีนี้ก็มีพวกเสือต่างๆมาคุมงานแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนตำรวจไม่กล้ามาเพราะอิทธิพลเสือร้ายมีมาก เสือร้ายพวกนี้ไม่กลัวบารมีหลวงพ่อหร่ำ
ได้พาพวกมาปล้นวัดวังจิกเพราะได้ทราบข่าวว่านายย้อยเศรษฐีมีเงินแห่งบ้านวังลึกได้นำทรัพย์สินไปมาฝากกับหลวงพ่อเพราะเก็บเอาไว้เกรงว่าจะไม่ปลอดภัยพวกเสือชุมหนึ่งจึงพาพวกมาปล้นวัดหลวงพ่อหร่ำ
ได้ทรัพย์สินไปมากและเป็นช่วงที่พระในวัดได้ฝากเสื้อผ้าข้าวของที่จะลาสิกขาในวันสองวันจึงถูกเสือปล้น ขนใส่กระทะใบบัวขนาดใหญ่ที่ทางวัดมีไว้เพื่อหุงข้าวในงานวัดขนไปหมดและประกาศห้ามมิให้ชาวบ้านมองดู
ถ้าใครมองดูจะยิงให้ตายหลวงพ่อมิได้ทำอะไรปล่อยให้พวกเสือขนของไปหมดจนพระในวัดรูปหนึ่งได้พูดกับหลวงพ่อว่าหลวงพ่อมันเอาให้หมดเลยหลวงพ่อตอบว่าช่างมันเอาไปใช้ไม่ได้หรอกเป็นจริงดังคำที่หลวงพ่อพูด
เสือที่ปล้นของไปนั้นยังไม่พ้นเขตบ้านวังจิกก็ถูกเสืออีกชุมหนึ่งซุ่มยิงจนตายหมดทั้งสองฝ่าย
มีอยู่วันหนึ่งขณะหลวงพ่อนั่งคุยกับญาติโยมบนวัด มีพวกเสือชุมหนึ่งประมาณ 10 คน เดินสะพายปืนผ่านหน้าวัดไป หลวงพ่อมองดูแล้วถามว่า “ใคร” ญาติโยมด้วยกันที่นั่งคุยด้วยก็บอกว่า พวกเสือปล้น
หลวงพ่อพูดว่า มันไปไม่ถึงบ้านมันหรอก เป็นจริงดังคำพูด พวกเสือที่ปล้น เดินพ้นเขตวัดเข้าทุ่งนา ก็ถูกอีกพวกหนึ่งยิงตายจนหมด
มีอยู่วันหนึ่งชาวบ้านวันลึกคนหนึ่งไปเกี่ยวข้าวบ้านปากดงหนุ่มคนที่มีเหรียญหลวงพ่ออยู่เพียงเหรียญเดียวขณะเกี่ยวข้าวอยู่เหรียญหลวงพ่อหล่นหายต่อมาเจ้าของนาเองได้เผาวังข้าวเพื่อทำนาใหม่ปรากฏว่า
มีซังข้าวกอหนึ่งไฟไม่ไหมเจ้าของนาไปดูพบเหรียญหลวงพ่อหร่ำที่คนเกี่ยวข้าวทำหายไว้เองต่อมาเจ้าของนาคนที่ได้เหรียญหลวงพ่อหร่ำใส่กระเป๋าเสื้อติดตัวไว้ขณะนำฟ่อนข้าวมาใส่เครื่องรูดข้าวเหรียญหลวงพ่อหล่น
ลงในถังเครื่องทำให้เครื่องยนต์ดับเจ้าของนาแปลกใจจึงค้นดูในกองข้าวพบเหรียญหลวงพ่อตกอยู่
[attach]554[/attach]
โดย:
kit007
เวลา:
2013-4-1 15:34
อิทธิปาฎิหารย์หลวงพ่อหร่ำ กิตฺติสาโร นั้นมีมากนัก ได้คัดมาเฉพาะบางเรื่องเท่านั้นและขอบคุณท่านผู้ใหญ่ ผู้อาวุโสทุกท่านที่ได้กรุณาให้ข้อมูลนี้มาเขียนเล่าสู่กันฟัง และขอขอบคุณ คุณพ่อกรี เกิดสมบูรณ์
ที่กรุณาให้ข้อมูลมาในครั้งนี้
สาเหตุมรณภาพ
เมื่อครั้นอายุหลวงพ่ออย่างเข้าสู่วัยชราภาพ คือเป็นไปตามอายุสังขารของมนุษย์ต้องมีโรคภัยมาเบียดเบียน หลวงพ่อได้ประสบกับโรคต่อมลูกหมากอักเสบขึ้น
เมื่อคืนวันที่27 มกราคมพ.ศ.2510 เวลาประมาน20.30น.ท่านเกิดอาพาธหนักกะทันหันท่านพระครูทองหยดปวโรพร้อมด้วยญาติโยมได้นำท่านส่งโรงพยาบาลสุพรรณบุรีสารครินทร์เพื่อทำการรักษา
แพทย์จึงได้ทำการผ่าตัดรักษาโรคที่หลวงพ่อประสบอยู่ และรักษาตัวอยู่ที่โรงบาล ถึง 15 วัน
ท่านจึงมรณภาพ เมื่อวันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2510 เวลา 09.30 น. ด้วยอาการสงบ รวมอายุได้ 83 ปี 46 พรรษา
หลวงพ่อหร่ำกับวัดเขาดิน
หลวงพ่อหร่ำกิตฺติสาโรนอกจากเป็นพระปฎิบัติดีปฎิบัติชอบเป็นที่เคารพศรัทธาเลื่อมใสของบรรดาศิษยานุศิษย์แล้ว ท่านยังเป็นพระนักพัฒนาที่ทำคุณประโยชน์แก่พระพุทธศาสนาได้สร้างวัดวาอาราม
ให้เป็นที่พักสงฆ์นอกจากวัดที่ท่านอยู่แล้วท่านยังมาริเริ่มสร้างวัดอีก 2แห่งคือวัดลำพระยา และวัดเขาดินท่านเป็นผู้ที่ทำงานเห็นคุณประโยชน์ของส่วนรวมมาโดยตลอดสร้างสาธารณูปการมากมายแม้กระทั่ง
วัดเขาดินก็ยังได้รับความเมตตาอนุเคราะห์จากท่าน จึงได้มีวัดเขาดินทุกวันนี้
ตามประวัติที่ท่านผู้เม่าผู้แก่ได้เล่นให้ฟังว่าในสมัยนั้นบ้านเขาดินก็เป็นหมู่บ้านหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเดิมบางนางบวชลักษณะของหมู่บ้านที่ภูเขาดินและรกเป็นป่าธรรมชาติเขาและวัดสำนักสงฆ์ในบริเวณหมู่บ้าน
ก็ไม่มีทางชาวบ้านเขาดิน ในสมัยนั้นก็มีคณะกรรมการ คือ ผู้ใหญ่เทียบ เหมือนแก้ว นายโปร่ง สุดสงวน นายยวน โสขุมา นายน้อม รอดไผ่ ครูชื่น น้ำดอกไม้ นายไล้ นายหล่อ เหมือนแก้ว นายทวี เหมือนแก้ว
นายสนิท เทียนเบ็ญจะ นายสิริ ทองเครือ นายจุน สว่างศรี ทั้งหมดนี้เป็นคระกรรมการที่ริเริ่มจะสร้างวัดเขาดิน
เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2508 คณะกรรมการเหล่านี้ได้เดินทางกันไปทางเรือ เพราะสมัยนั้นหนทางยังไม่มีต้องใช้เส้นทางเรือ คณะกรรมการเหล่านั้นได้แจวเรือ ซึ่งมีนายบุญธรรม แจวท้ายเรือ
และมีนายพะยอมมะรุมเมืองเป็นผู้แจวหัวเรือแล้วคณะกรรมการได้ขึ้นไปกราบนมัสการหลวงพ่อหร่ำที่กุฎิเพื่อให้หลวงพ่อได้มาช่วยนำศรัทธาของญาติโยมมาสร้างเสนาสนะเพื่อใช้เป็นที่พำนักสงฆ์
หลวงพ่อหร่ำ กิตฺติสาโร ได้มาทำการสร้างพระประธานบนยอดเขา เมื่อปี พ.ศ. 2509 จนเสร็จตอนนั้นการก่อสร้างมีความยากลำบากมาก เพราะไม่มีเครื่องมือทันสมัยเหมือนอย่างปัจจุบัน
หลังจากนั้นปีพ.ศ.2510หลวงพ่อก็ถึงแก่กรรมมรณภาพถือว่าหลวงพ่อได้สร้างหัวใจสำคัญของวัดเขาดินนั้นคือ”พุทธปฎิมา”อันศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านหลวงพ่อได้มองการไกลของการก่อสร้าง
พระประธานไว้บนยอดเขา การสร้างอะไรไว้ที่สูงเสี่ยงต่อการโดนฟ้าผ่า หลวงพ่อได้สลักคาถาไว้เพื่อป้องกันฟ้าผ่าที่หลังพระประธาน นั้นคือ
“ พุทโธ กัญจะ กัญจะ พุทโธ อากาเสจะ ธีปัง กะโรมิ ”
คาถาบทนี้ ถือว่าเป็นคาถาที่บรรนดาลูกศิษย์ใช้ป้องกันอันตรายต่างๆทางกรรมการก็ได้สืบสานเจตนาของหลวงพ่อได้ช่วยบริจาคทรัพย์บ้าง ที่ดินบ้าง เพื่อสร้างเสนาสนะ กุฎิสงฆ์ เป็นต้นมา
โดย:
kit007
เวลา:
2013-4-1 15:37
วัตถุมงคลหลวงพ่อหร่ำ
อาจารย์สมจิตเคยลงไว้ในลานโพธิ์หลวงพ่อหร่ำท่านนอกจากสร้างเหรียญรุ่นแรก เหรียญพระปัจเจกพระพุทธเจ้าแล้วท่านยังสร้างพระแก้บนฐานอุดด้วยเทียนชัยหลวงพ่อหร่ำเป็นศิษย์สายหลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์
รุ่นพี่หลวงพ่อกวย พระเกจิที่มีอาคมขลัง วาจาสิทธิ์ยิ่งนัก ลำพังเหรียญรุ่นเเรกก็หาชมยากมาก โดยเฉพาะเหรียญบล็อกประจวบ ซึ่งเอาบล็อกเหรียญหลวงพ่อเปี่ยม วัดเกาะหลักมาทำ จึงปรากฎรอยตามเหรียญพระผงนั้น
พระผงหลวงพ่อหร่ำ วัดวังจิก สุพรรณบุรี หลวงพ่อไม่ได้สร้างเอง เเต่พระในวัดช่วยกันทำ ผสมมวลสารต่างๆ เเล้วนำไปถวายหลวงพ่อ ท่านก็ปลุกเสก พระองค์นี้เป็นชุดที่พระในวัดที่หลวงตาพัวสร้างถวาย
เอกลักษณ์คือด้านหลังจะมียันต์เเละบอกชื่อวัด ว.วังจิก พระลักษณะเดียวกันนี้ หลังหลวงพ่อมรณภาพก็มีทำมาอีก เเต่มีการบอกพ.ศ.ไว้ด้วย พระเนื้อผงของหลวงพ่อหร่ำ จัดว่าเป็นของดี ที่หาชมได้ยากมากๆ
องค์นี้ได้มาตั้งเเต่ปี ๒๕๓๖
ตั้งเเต่นั้นมา ยังไม่เจอองค์ที่สองอีกเลย สอบถามนักสะสม คนท้องถิ่น ก็ได้คำตอบมาว่า หายากมากๆ คนที่มีก็หวงมากๆด้วย เนื้อหา มวลสาร ดีจริงๆครับสำเร็จวิชาชาตรี เเต่หลังๆ เปลี่ยนมาเน้นทางเเค้ลวคลาด
หลวงพ่อหร่ำศิษย์หลวงพ่อศรี
ต่อไปจะขอกล่าวถึงครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อเท่าที่มีกลักฐานแน่ชัดตลอดจนมนต์และคาถาที่หลวงพ่อเรียนมาว่าเรียนมาจากสายไหนกรืออาจารย์องค์ใดถ้าไม่กล่าวถึงอาจารย์ของท่านพระประวัติก็จะไม่สมบูรณ์
แต่จะขอกล่าวถึงอาจารย์หรือครูบาอาจารย์ที่สอนทางวิปัสสนาและอาคม ตลอดจนการทำเครื่องรางของขลังเท่านั้น แต่เดิมเมื่อ หลวงพ่อบวชตั้งแตพรรษาแรก อายุท่าน ๒๐ ปี พอพรรษาต่อ ๆ มาท่านก็เรียนเทศน์มหาชาต
ิและเรียนนักธรรม จนกระทั่งพรรษา ๘ หรือ อายุท่านได้ ๒๘ ปี ท่านจึงเรียนวิปัสสนากรรมฐาน ครูบาอาจารย์ของท่านเท่าที่ทราบ คือหลวงพ่อศรี วิริยะโสภิต หรือหลวงพ่อสี อดีตเจ้าอาวาสวัดพระปรางค์ อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี
หลวงพ่อได้มาเรียน วิปัสสนา จะเรียนอยู่กี่พรรษาไม่แน่ชัด แต่มีหลักฐานแน่ชัดคือปีแรกที่เรียนวิปัสสนา แสดงว่าหลวงพ่อได้เรียนวิปัสสนาและอาคมเพียงปีเดียวก็สำเร็จ นอกจากนั้นหลวงพ่อศรียังมีศิษย์ที่เป็น
พระมีวิชาดีหลาย องค์ เช่น หลวงพ่อทอง วัดพระปรางค์, หลวงพ่อหร่ำ วัดวังจิก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี หลวงพ่อเฟื่อง วัดแหลมคาง, หลวงพ่อ ฟัง วัดสะเดา สิงห์บุรี, พระครูพิมพ์ วัดสนามชัย อ.สรรคบุรี, หลวงพ่อบัว
วัดแสวงหา อ่างทอง, หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง หลวงปู่ปรง วัดธรรมเจดีย์ จ.สิงห์บุรี ฯ หลวงพ่อศรีนี้ ปัจจุบันเหรียญท่านรุ่นแรกและรุ่นเดียวของท่านมีราคาแพงมาก แพงอันดับ ๑ ของจังหวัดสิงห์บุรี
เมื่อท่านมรณ ภาพ ได้ทำฌาปนกิจ ปรากฏว่ามีดาวขึ้นใจเวลากลางวัน แม้รูปหล่อท่านกับสถูป ที่เก็บอัฐิของ ท่านปัจจุบันศักดิ์สิทธิ์มา
[attach]555[/attach]
โดย:
Metha
เวลา:
2013-12-11 18:55
กราบนมัสการครับ
ขอบพระคุณข้อมูลครับ
โดย:
Metha
เวลา:
2013-12-11 19:11
กราบนมัสการครับ
ขอบพระคุณข้อมูลครับ
โดย:
Sornpraram
เวลา:
2015-9-2 06:54
มีรูปแบบนี้กับเขา อยู่บานหนึ่ง
โดย:
Sornpraram
เวลา:
2019-9-28 08:27
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/)
Powered by Discuz! X3.2