Baan Jompra

ชื่อกระทู้: ~ หลวงปู่นิล อิสฺสริโก วัดครบุรี ~ [สั่งพิมพ์]

โดย: kit007    เวลา: 2013-4-1 15:21
ชื่อกระทู้: ~ หลวงปู่นิล อิสฺสริโก วัดครบุรี ~
[attach]552[/attach]

ประวัติของพระครูนครธรรมโฆสิต (นิล อิสฺสริโก)
วัดครบุรี ต.ครบุรีใต้ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา

พระครูนครธรรมโฆษิต หรือ หลวงปู่นิล อิสฺสริโก นามเดิม นิล แหวนครบุรี เกิดเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2445 บิดาท่านชื่อ สี มารดาท่านชื่อ พิมพ์ แหวนครบุรี มีพี่น้อง 3 คน ท่านเป็นคนที่สอง อุปสมบทเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ.2465 ณ พัทธสีมาวัดนกออก พระอุปัชฌาย์ของท่านคือ หลวงปู่กลิ่น วัดนกออก พระอธิการพรหม วัดป่าเลไลย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อแก้ว วัดนกออก เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับสมณฉายาว่า อิสฺสริโก ด้านวิชาอาคมขลังนั้นท่านได้ตำรามาจาก หลวงพ่อหว่าง ซึ่งเป็นตำราของ หลวงพ่อน้อย วัดบ้านไผ่ ครบุรี และ หลวงพ่อโต วัดปอแดง อาจารย์อีกรูปหนึ่งของ หลวงพ่อสอน วัดเสิงสาง ท่านได้ศึกษาจนมีวิชาอาคมแก่กล้า เชื่อกันว่าท่านสำเร็จกสิณและพระธาตุกรรมฐาน หลายคนกล่าวว่า เวลาท่านเข้าโบสถ์ปลุกเสกอธิษฐานจิตจะมีแสงไฟเปล่งประกายรอบกายท่าน

กิตติคุณ บางท่านเชื่อว่าท่านสำเร็จอภิญญา มีพลังจิตเข้มแข็ง อธิษฐานปลุกเสกจนวัตถุมงคลของท่านเป็นที่เลื่องลือ ที่โดดเด่นทางเมตตามหานิยม และ คุ้มครองป้องกัน นอกจากท่านเป็นครูบาอาจารย์ที่มากด้วยวิชาความรู้แล้ว เรื่องวิชาแพทย์แผนโบราณ ยาสมุนไพร ท่านเป็นหนึ่งมาโดยตลอด สุดยอดวัตถุมงคลที่ลูกศิษย์ลูกหาหวงแหนมากที่สุด คือ พระตะกั่วเถื่อน รูปถ่ายขาวดำ เหรียญรูปไข่ มหาอุตม์ไม้รวก สีผึ้งเจ็ดอังคาร ตะกรุดมหาอำนาจหนังเสือ
ท่านมรณภาพ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2537 รวมสิริอายุได้ 92 ปี 6 เดือน 72 พรรษา


โดย: kit007    เวลา: 2013-4-1 15:21
รายละเอียด :

..........ในวาระนี้จะขอนำชีวประวัติของพระครูนครธรรมโฆสิต (นิล อิสฺสริโก) วัดครบุรี ต.ครบุรีใต้ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา พระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่และเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ความเมตตาของท่านแผ่ไปทั่วทั้งจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดใกล้เคียง

..........หลวงปู่นิล อิสฺสริโก เกิดเมื่อ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2445 เป็นบุตรคนที่ 2 ในบรรดา 3 คนของ นายสี - นางทิม แหวนครบุรี
พี่น้องร่วมบิดามารดา 3 คน คือ

.....1.นายบุญ แหวนครบุรี
.....2.พระครูนครธรรมโฆสิต (หลวงปู่นิล อิสฺสริโก)
.....3.นายอูม แหวนครบุรี

หลวงปู่นิล อุปสมบทเมื่อ วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ.2465 ณ พัทธสีมาวัดนกออก โดยมีหลวงปู่กลิ่น วัดนกออกเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการพรม วัดป่าเลไลย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์แก้ว วัดนกออก เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "อิสฺสริโก" หลวงปู่นิลมาประจำอยู่ที่วัดครบุรี จนกระทั่งได้เป็น เจ้าอาวาสเมื่อ พ.ศ.2507 เรื่อยมาจวบจน มรณภาพ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2537 สิริอายุ 92 ปี 6 เดือน 72 พรรษา..........งานพิธีพระราชทานเพลิงศพเมื่อ วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2545 ณ เมรุชั่วคราว วัดครบุรี ต.ครบุรีใต้ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ศพของท่านได้เก็บไว้ประมาณ 8 ปี วันพระราชทานเพลิงนั้นก็เป็นวันเกิดของท่าน ครบรอบอายุ 100 ปี ศพของท่านบรรจุในโลงแก้วตั้งให้เคารพอยู่บนกุฏิหลังใหญ่ของวัด สิ่งที่น่าแปลกที่เกิดกับศพของท่านคือ "แข็งดังหิน"

..........หลวงปู่นิลเป็นพระในวัดชนบท งไกลความเจริญ การเดินทางก็ไม่สะดวกอย่างเช่นทุกวันนี้ เวลาชาวบ้านป่วยไข้ไม่สบายจะเข้าไปหาหมอที่อำเภอหรือในเมืองนั้นก็เป็นเรื่องลำบากมาก ดังนั้นที่พึ่งของชาวบ้านครบุรีและหมู่บ้านใกล้เคียงคือ หลวงปู่นิล ซึ่งท่านมีความรู้ด้านสมุนไพรเป็นอย่างดี ใครผ่านการรักษาจากท่านก็หายจากอาการป่วยอย่างอัศจรรย์ นอกจากนี้ท่านยังพัฒนาหมู่บ้านและขยายเป็นระดับอำเภอให้เจริญโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทางด้านการแพทย์ที่ท่านให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก และทางด้านการวิปัสนากรรมฐานและวิทยาคมของท่านก็เป็นที่กล่าวถึงเป็นอย่างมาก พระเถระชั้นผู้ใหญ่ของเมืองนครราชสีมาในปัจจุบันก็เคยไปฝึกปฏิบัติกับท่านมาแล้วมากมาย ดังเช่น หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ / หลวงปู่คง วัดตะคร้อ / หลวงพ่อพุธ วัดป่าสาลวัน / หลวงปู่เจือ วัดบ้านไผ่ และอีกหลายๆรูป หลวงปู่ท่านมีเมตตากับทุกคน ท่านเคยกล่าวว่า " เขาตั้งใจมาหาเรา อย่าให้เขาเสียกำลังใจเลย " ในยุคนั้นหลวงปู่นิลเป็นเสาหลักของชาวบ้านมาก ใครมีทุกข์โศกอะไรไปหาหลวงปู่ก็จะคลายหายพลัน

สมัยหนึ่งที่จังหวัดนครราชสีมาหรือประชาชนเรียกกันติดปากว่า “โคราช” นั้น มีพระเกจิอาจารย์ที่ยิ่งใหญ่อยู่ ๒ รูป โด่งดังอยู่สองฝั่งของนครราชสีมา ถ้าแบ่งเขตจากอำเภอเมืองฝั่งทิศเหนือของเขตอำเภอเมือง เรียกว่า “ฝั่งเหนือ” และฝั่งทิศใต้จากอำเภอเมืองลงมาเรียกว่า “ฝั่งใต้” ทั้งฝั่งเหนือและฝั่งใต้ต่างก็มีพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง มีลูกศิษย์ลูกหาให้ความเคารพนับถือมากมายด้วยกันทั้งสองฝั่ง

ทางฝั่งทิศใต้พระเกจิอาจารย์รูปนั้นก็คือ หลวงปู่นิล อิสฺสริโก แห่งวัดครบุรี อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา ถึงกับขนานนามกันเลยว่าเป็น “เทพเจ้าแห่งเมืองโคราชตอนใต้” ส่วนฝั่งทิศเหนือได้แก่ ท่านหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ แห่งวัดบ้านไร่ อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ได้รับฉายาว่า “เทพเจ้าแห่งเมืองโคราชตอนเหนือ” บรรดาเซียนพระต่างก็ให้ฉายาว่า “สิงห์เหนือ” กับ “เสือใต้” ทั้งสองรูปมีบารมีมากมีลูกศิษย์ลูกหามาก โดยเฉพาะเรื่องวิชาอาคมนั้นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย หลวงปู่นิลโด่งดังเรื่องอยู่ยงคงกระพัน วัตถุมงคลของท่านขึ้นชื่อลือชาเกรียวกราวมาแล้วทั่วฟ้าเมืองไทย ส่วนหลวงพ่อคูณท่านก็โด่งดังฝังตะกรุดใต้ท้องแขนวิชาอยู่ยงคงกระพันเป็นเลิศเช่นกัน สมัยนั้นหลวงพ่อคูณท่านเริ่มจะมีชื่อเสียงใหม่ๆ แต่หลวงปู่นิลนั้นมีชื่อเสียงมานานแล้ว


โดย: kit007    เวลา: 2013-4-1 15:22
มาวันหนึ่งหลวงปู่นิลเกิดอุบัติเหตุ รถที่ท่านนั่งไปเสียหลักตกข้างทางหลวงปู่นิลได้รับบาดเจ็บศีรษะแตกต้องหามเข้าโรงพยาบาล และนับแต่นั้นเป็นต้นมาชื่อเสียงของท่านก็ลดวูบวาบลงตามลำดับ แล้วตัวท่านก็อาพาธอยู่อีกไม่กี่ปีท่านก็ละสังขารจากไปชื่อเสียงของหลวงปู่นิลเด็กรุ่นใหม่ไม่รู้จัก แต่ถ้าถามนักเลงพระรุ่นเก่าๆ จะรู้จักกันดีว่า “เทพเจ้าโคราชตอนใต้” นั้นมีเรื่องราวกล่าวขานมากมาย จัดว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีวิชาอาคมแก่กล้ารูปหนึ่ง สาเหตุที่ชื่อเสียงของท่านลดลงเซียนพระผู้หนึ่งบอกว่าท่านไม่เหนียวจริง จึงเลือดตกยางออกมีนักข่าวไปถามเรื่องนี้กับหลวงปู่นิลเช่นกัน ท่านบอกว่า



“มันเป็นกฎแห่งกรรม เมื่อมีขึ้นก็ต้อง มีลง และเรื่องอุบัติเหตุนั้นเป็นเคราะห์กรรมของท่าน”

หลวงปู่นิลท่านเป็นชาวอำเภอครบุรีมาแต่กำเนิด สมัยก่อนเป็นถิ่นทุรกันดารไม่ค่อยมีใครอยากจะไปกัน ทั้งโจรผู้ร้ายก็ชุกชุม ไข้ป่า ไข้มาเลเรียก็ระบาดหนัก ท้องถิ่นย่านครบุรีจึงเป็นที่ปรารถนาของพระธุดงค์ที่จะฟันฝ่าธุดงค์ผ่านไปให้ได้ ถือว่าเป็นแหล่งทดสอบวิชาอาคมอีกแหล่งหนึ่ง เล่ากันว่า เสือ ช้าง สัตว์ป่านานา ชนิดชุกชุมยิ่งนัก ย่านนั้นพรานป่ามีฝีมือก็ถือกำเนิดจากที่นั่นหลายคน

หลวงปู่นิลนามเดิมว่า นิล โยมพ่อชื่อ สี โยมมารดาชื่อ พิม เกิดในสกุล หวิลครบุรี เมื่อ วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๔๔ ตรงกับวันพุธ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ ปีขาล ตรงกับวันมาฆบูชา ท่านมีพี่น้องทั้งหมด ๓ คน พี่ชายคนโตชื่อ ปู่บุญ น้องชายคนเล็กชื่อจูน ปัจจุบันทั้ง ๓ คนถึงแก่กรรมหมดแล้ว นอกจากนี้ท่านยังมีน้องต่างมารดาอีกคือ นางขำ นางแก้ว นายกา นายกลิ่น และนายจ้อย โยมบิดาท่านมีภรรยา ๒ คน

ในวัยเด็กท่านศึกษาเล่าเรียนโรงเรียนวัดครบุรีพออ่านออกเขียนได้เท่านั้น โรงเรียนประชาบาลยังไม่มีต้องอาศัยพระสงฆ์เป็นครูสอนหนังสือเรียนกันกลางศาลาวัดนั่นแหละ จากนั้นท่านก็ออกมาช่วยทางบ้านทำนาทำมาหากิน เล่ากันว่าเรื่องปาณาติบาตการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ท่านไม่ทำเลยตั้งแต่เด็กๆ ครั้นพอโตเป็นหนุ่มท่านก็เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยงานเพื่อนบ้านทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ จนเป็นที่รักของชาวบ้านเป็นยิ่งนัก

พอถึงเกณฑ์ทหารจับได้ใบแดงต้องเป็นทหารเกณฑ์อยู่ ๒ ปี ออกจากทหารเกณฑ์ทางบ้านก็ขอให้บวช ท่านจึงอุปสมบทที่ วัดสระน้อย มีหลวงพ่อบัว เป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ก็มาจำพรรษาอยู่ที่วัดครบุรี ในสมัยนั้น พระอธิการพูน เป็นเจ้าอาวาส

วัดครบุรี เป็นวัดเก่าวัดหนึ่ง แห่งจังหวัดนครราชสีมา พบหลักฐานใบพัทธสีมามีลายพระหัตถ์รัชกาลที่ ๕ ทรงลงพระปรมาภิไธยปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ ระบุปี พ.ศ.๒๔๓๒ สันนิษฐานว่าวัดสร้างก่อนปี พ.ศ.๒๔๓๒ แล้วจึงได้รับ พระราชทานวิสุงคามสีมา

สภาพวัดครบุรีสมัยก่อนผู้เฒ่าในหมู่บ้านละแวกวัดเล่าว่า เดิมทีเป็นป่าพงเจ้าของที่ไม่ทราบชื่อถวายที่ดินให้สร้างวัดชาวบ้านช่วยกัน สร้างกุฏิสงฆ์ ๑ หลัง มี ๓ ห้อง มีนอกชานแล่นกลางถึงกัน ตรงกลางเป็นหอฉัน หลังคาเป็นจั่วแหลมมุงด้วยหญ้าแฝก อุโบสถเป็นไม้หลังเล็กๆ หลังคามุงด้วยหญ้าแฝกมีพระประธานเก่าอยู่องค์หนึ่งไม่ทราบว่าใครนำมาจากไหน ชาวบ้าน เรียกกันว่า “หลวงพ่อใหญ่” ถือว่าเป็นพระประธานศักดิ์สิทธิ์คู่วัดมาตลอด


โดย: kit007    เวลา: 2013-4-1 15:23
หลวงปู่นิลเมื่อบวชแล้วท่านก็ศึกษาพระปริยัติธรรมสอบได้ นักธรรมตรีจากนั้นท่านก็หันมาศึกษาวิปัสสนากรรมฐาน ท่านไปร่ำเรียนวิชาจากพระอาจารย์หลายๆ รูป นอกจากทำวิปัสสนากรรมฐานเป็นนิจแล้ว ท่านยังเรียนวิชาสมุนไพรต่างๆ เรียนการรักษาโรคภัยไข้เจ็บจากสมุนไพร เพราะสมัยก่อนนั้นยาแพทย์แผนปัจจุบันยังมีน้อยและราคาแพงมาก ชาวบ้านเจ็บไข้ได้ป่วยมักไปหาหมอยากลางบ้านและพึ่งพระสงฆ์ หลวงปู่จึงเรียนการรักษาโรคภัยไข้เจ็บด้วยสมุนไพร
ท่านได้ตำรายาสมุนไพรพร้อมคาถาอาคมจากพี่ชายของท่าน แล้วก็ไปศึกษาเล่าเรียนจากหลวงปู่น้อย วัดบ้านไผ่ การเรียนตำรายาวิเศษนั้นต้องฝึกสมาธิทำวิปัสสนากรรมฐานควบคู่กันไปด้วยเพื่อ ให้พระคาถาที่กำกับยามีพลานุภาพ หลวงปู่เรียนอาคมควบคู่กับการปรุงยาตามตำรับยาวิเศษไปพร้อมๆ กัน เล่ากันว่าท่านวิปัสสนากรรมฐานถอดกระแสจิตไปคุยกับหลวงพ่อโต วัดปอแดง พระเกจิอาจารย์ดังแห่งอำเภอปักธงชัยเลยทีเดียว

เมื่อวิชาความรู้และวิชาอาคมแก่กล้ามากขึ้นหลวงปู่ก็เริ่มงานการรักษาคนไข้ ตอนนั้นหลวงพ่อพูนเจ้าอาวาสมรณภาพแล้ว หลวงปู่ได้ขึ้นเป็นสมภารปกครองวัดแทนการรักษาโรคให้กับผู้ป่วยท่านจะใช้การ นั่งทางในช่วยด้วย ต่อมาท่านก็เรียนทางไสยเวทย์ เพื่อขับไล่ภูติผีปีศาจ ต่างๆ จนเชี่ยวชาญ จนเป็นที่ยอมรับว่าหลวงปู่มีวิชาอาคมศักดิ์สิทธิ์นัก

กิตติศัพท์การรักษาโรคของท่านได้ผลแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว บรรดาชาวบ้านที่เจ็บไข้ได้ป่วยต่างก็พากันมาให้ท่านรักษา จนในที่สุดวัดเล็กๆ ก็แคบไปถนัดตา วันๆ จะมีคนป่วย ไปให้ท่านรักษาโรคมากมายศาลาทั้งศาลาแน่นไปด้วยผู้ป่วยวัดกลายเป็นโรงพยาบาล ไปโดยปริยาย

กิจวัตรประจำวันของหลวงปู่ท่านจะตื่นขึ้นมา ตอนตี ๒ ทุกวันไม่มีขาด ขึ้นมาทำน้ำมนต์ใส่โอ่งมังกรขนาดย่อมๆ ที่หน้ากุฏิท่าน ก่อนทำน้ำมนต์ท่านจะนั่งวิปัสสนากรรมฐานแล้วก็ทำน้ำมนต์เพื่อให้ญาติโยมนำ เอาไปใช้กัน รุ่งเช้าท่านก็สวดมนต์ออกบิณฑบาต สายหน่อยก็รักษาผู้ป่วยทั้งวันจนค่ำลงอุโบสถ แล้วก็พักผ่อนกลางดึกตื่นขึ้นมาทำสมาธิวิปัสสนากรรมฐานเป็นเช่นนี้ตลอด

รายได้จากการรักษาผู้ป่วย ท่านนำมาสร้างวัดทั้งหมด วัดครบุรีเจริญรุ่งเรืองเพราะฝีมือของหลวงปู่นิลโดยแท้ หลวงปู่ได้รับการแต่งตั้งจากทางคณะสงฆ์ให้เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๒ ได้รับการแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ให้ ดำรงสมณศักดิ์ที่ “พระครูนครธรรมโฆสิต” ในเวลาต่อมา

ที่มา http://audio.palungjit.com/f57/% ... %E0%B8%8A-4016.html


โดย: kit007    เวลา: 2013-4-1 15:26
อ.สรายุทธ เคยเล่าไว้ว่า
หลวงปู่นิลกับหลวงปุ่ชื่นท่านเคยพบเจอกันหลายครั้ง
หลวงปู่ชื่นท่านบอกว่า "หลวงตานิล" องค์นี้แกก็มีดีเหมือนกัน




โดย: Metha    เวลา: 2013-12-11 18:58

กราบนมัสการครับ

ขอบพระคุณข้อมูลครับ

โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-2-3 10:23
kit007 ตอบกลับเมื่อ 2013-4-1 15:26
อ.สรายุทธ เคยเล่าไว้ว่า
หลวงปู่นิลกับหลวงปุ่ชื่นท่า ...

ตามนั้นครับ
โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-2-3 10:29
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2017-4-23 06:52

รวมคาถาของหลวงปู่นิล อิสสริโก วัดครบุรี

(ต้องตั้ง นะโม 3 จบ  ก่อนภาวนาคาถา)






                                                         คาถาเมตตามหานิยม                                              

                                           อิติปูชา เมตตาสุขัง สัพพะลาพัง ปิยัง มะมะ


พระคาถานี้หลวงปู่เขียนให้ไว้เป็นบทอาราธนาก่อนที่ท่านจะละสังขารไป หลวงปู่บอกว่าให้หมั่นภาวนา

บูชาสวดมนต์ก่อนแล้วว่า พระคาถานี้ เช้า-เย็น 3 จบ 5 จบ 9 จบ สม่ำเสมออย่างนี้ ถ้าจะอธิฐานจิตขอสิ่งใด ให้กล่าวอธิฐานเวลา 21.00 นาฬิกา ก่อนจะขอต้องชำระร่างกายและจิตใจให้สะอาดก่อน แลจักเกิดผลสมความปรารถนาตามอัตภาพ เปรียบดังอุปมาหาค่ามิได้เลย

                                                         








โดย: kit007    เวลา: 2014-2-3 12:15
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2014-2-3 10:29
รวมคาถาของหลวงปู่นิล อิสสริโก วัดครบุรี

(ต้องตั้ง น ...

ขอบคุณครับ

รอฟังเรื่องราวหลวงปู่นิลกับหลวงปู่ชื่นครับ

โดย: ธี    เวลา: 2015-7-8 16:22





ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2