Baan Jompra

ชื่อกระทู้: ทำไมพระพุทธเจ้าจึง บัญญัติ เป็นศีลข้อแรก [สั่งพิมพ์]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-11-6 16:18
ชื่อกระทู้: ทำไมพระพุทธเจ้าจึง บัญญัติ เป็นศีลข้อแรก
ทำไมพระพุทธเจ้าจึง บัญญัติ ห้ามฆ่าสัตว์(ปานาติปาตา เวรมณี) เป็นศีลข้อแรกใน ภัยเวรทั้ง ๕ ???
อะไรเป็นเหตุ เป็นปัจจัย เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทำไมไม่ บัญญติ ข้ออื่นขึ้นเป็นข้อแรก ???
มนุษย์กระทำผิด ไม่สำรวม ไม่ระวัง ไม่งดเว้น ไม่เว้นขาด ในภัยเวรข้อใดเป็นข้อแรก ทำให้ภัยเวรที่เหลืออีก ๕ ข้อ เกิดขึ้นตาม ๆ กันมา ???






[youtube]d9hJ82ljx7A[/youtube]





  ๑. พระพุทธเจ้า บัญญัติ ห้ามฆ่าสัตว์เป็น ข้อแรก ในภัยเวร ๕ ประการ เพราะ


     [๔๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย จักมีสมัยที่มนุษย์เหล่านี้มีบุตรอายุ ๑๐ ปี ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑๐ ปี เด็กหญิงมีอายุ ๕ ปี จักสมควรมีสามีได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑๐ ปี รสเหล่านี้คือเนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย และเกลือ จักอันตรธานไปสิ้น ดูกรภิกษุทั้งหลายในเมื่อมนุษย์ มีอายุ ๑๐ ปี หญ้ากับแก้ จักเป็นอาหารอย่างดี ดูกรภิกษุทั้งหลายเปรียบเหมือนข้าวสุก ข้าวสาลีระคนกับเนื้อสัตว์ จักเป็นอาหารอย่างดี ในบัดนี้ ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑๐ ปี หญ้ากับแก้ก็จักเป็นอาหารอย่างดี ฉันนั้นเหมือนกัน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑๐ ปี กุศลกรรมบถ ๑๐ จักอันตรธานไปหมดสิ้น อกุศลกรรมบถ ๑๐ จักรุ่งเรืองเหลือเกิน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ   ๑๐ ปี แม้แต่ชื่อว่ากุศลก็จักไม่มี และคนทำกุศลจักมีแต่ไหน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑๐ ปี คนทั้งหลายจักไม่ปฏิบัติชอบในมารดา จักไม่ปฏิบัติชอบในบิดา จักไม่ปฏิบัติชอบในสมณะ จักไม่ปฏิบัติชอบในพราหมณ์ จักไม่ประพฤติอ่อนน้อมต่อท่านผู้ใหญ่ในตระกูล เขาเหล่านั้นก็จักได้รับการบูชา และได้รับการสรรเสริญ เหมือนคนปฏิบัติชอบในมารดา ปฏิบัติชอบ
ในบิดา ปฏิบัติชอบในสมณะ ปฏิบัติชอบในพราหมณ์ ประพฤติอ่อนน้อมต่อท่านผู้ใหญ่ในตระกูล ในบัดนี้ ฯ


     ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑๐ ปี เขาจักไม่มีจิตคิดเคารพยำเกรงว่า นี่แม่ นี่น้า นี่พ่อ นี่อา นี่ป้า นี่ภรรยาของอาจารย์ หรือว่านี่ภรรยาของท่านที่เคารพทั้งหลาย สัตว์โลกจักถึงความสมสู่ปะปนกันหมด เปรียบเหมือน แพะ ไก่ สุนัขบ้าน สุนัขจิ้งจอก ฉะนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ  ๑๐ ปี สัตว์เหล่านั้นต่างก็จักเกิดความอาฆาต ความ

พยาบาท ความคิดร้าย ความ คิดจะฆ่าอย่างแรงกล้าในกันและกัน มารดากับบุตรก็ดี บุตรกับมารดาก็ดี บิดากับ   บุตรก็ดี บุตรกับบิดาก็ดี พี่ชายกับน้องหญิงก็ดี น้องหญิงกับพี่ชายก็ดี จักเกิดความอาฆาต ความพยาบาท ความคิดร้าย ความคิดจะฆ่ากันอย่างแรงกล้า นายพรานเนื้อเห็นเนื้อ เข้าเกิดความอาฆาต ความพยาบาท ความคิดร้าย ความคิดจะฆ่า อย่างแรงกล้าฉันใด ฉันนั้นเหมือนกัน ฯ


     [๔๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑๐ ปี จักมีสัตถันตรกัปสิ้น ๗ วัน มนุษย์เหล่านั้นจักกลับได้ความสำคัญกันเองว่าเป็นเนื้อ ศัสตราทั้งหลายอันคมจักปรากฏมีในมือของพวกเขา พวกเขาจะฆ่ากันเองด้วยศัสตราอันคมนั้นโดยสำคัญว่า นี้เนื้อ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้น สัตว์เหล่านั้น บางพวกมีความคิดอย่างนี้ว่า พวกเราอย่าฆ่าใครๆ และใครๆ ก็อย่าฆ่าเรา อย่ากระนั้น  เลย เราควรเข้าไปตามป่าหญ้าสุมทุมป่าไม้ ระหว่างเกาะ หรือซอกเขา มีรากไม้และผลไม้ในป่าเป็นอาหารเลี้ยงชีวิตอยู่ เขาพากันเข้าไปตามป่าหญ้าสุมทุมป่าไม้ ระหว่างเกาะหรือซอกเขา มีรากไม้และผลไม้ ในป่าเป็นอาหารเลี้ยงชีวิตอยู่ตลอด ๗ วัน เมื่อล่วง ๗ วันไป เขาพากันออกจากป่าหญ้าสุมทุมป่าไม้ ระหว่างเกาะ  ซอกเขา แล้วต่างสวมกอดกันและกัน จักขับร้องดีใจอย่างเหลือเกินในที่ประชุมว่า สัตว์ผู้เจริญ เราพบเห็นกันแล้ว ท่านยังมีชีวิตอยู่หรือๆ ฯ


     ดูกรภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้น สัตว์เหล่านั้น จักมีความคิดอย่างนี้ว่า เราถึงความสิ้นญาติอย่างใหญ่เห็นปานนี้ เหตุเพราะสมาทานธรรมที่เป็นอกุศล อย่ากระนั้นเลยเราควรทำกุศล ควรทำกุศลอะไร เราควรงดเว้นปาณาติบาต ควรสมาทาน กุศลธรรมนี้แล้วประพฤติ เขาจักงดเว้นจากปาณาติบาต จักสมาทานกุศลธรรมนี้แล้วประพฤติ เพราะเหตุที่สมาทานกุศลธรรม เขาจักเจริญด้วยอายุบ้าง จักเจริญด้วยวรรณะบ้าง เมื่อเขาเจริญด้วยอายุบ้าง เจริญด้วยวรรณะบ้าง บุตรของมนุษย์ทั้งหลายที่มีอายุ ๑๐ ปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึง ๒๐ ปี ฯ ฯลฯ

     เพราะเหตุนี้หรือไม่ ข้อแรกในภัยเวร ๕ ประการ จึงเป็น "ห้ามฆ่าสัตว์" (จงอย่าคิดว่าสิ่งนี้เท่านั้นจริง สิ่งอื่นเปล่า) จงใคร่ครวญ พิจารณา สอดส่องธรรมเอาเอง
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-11-6 16:19
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-11-6 16:22

๒. มนุษย์กระทำผิด ไม่สำรวม ไม่ระวัง ไม่งดเว้น ไม่เว้นขาด ในภัยเวรข้อใดเป็นข้อแรก
ทำให้ภัยเวรที่เหลืออีก ๕ ข้อ เกิดขึ้นตาม ๆ กันมา เพราะ
   



     [๓๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้น ท้าวเธอโปรดให้ประชุมอำมาตย์ราชบริพาร โหราจารย์และมหาอำมาตย์ นายกองช้าง นายกองม้าเป็นต้น จนคนรักษาประตู และคนเลี้ยงชีพด้วยปัญญา แล้วตรัสถามจักกวัตติวัตรอันประเสริฐ เขาเหล่านั้นอันท้าวเธอตรัสถามจักกวัตติวัตรอันประเสริฐแล้ว จึงกราบทูลแก้ถวายท้าวเธอ ท้าวเธอได้ฟังคำทูลแก้ของพวกเขาแล้ว จึงทรงจัดการรักษาป้องกัน และคุ้มครอง อันชอบธรรม แต่ไม่ได้พระราชทานทรัพย์ให้แก่คนที่ไม่มีทรัพย์  เมื่อไม่พระราชทานทรัพย์ให้แก่คนที่ไม่มีทรัพย์ ความขัดสนจึงได้ถึงความแพร่หลาย เมื่อความขัดสนถึงความแพร่หลาย บุรุษคนหนึ่งจึงขโมยทรัพย์ของคนอื่นไป เขาช่วยกันจับบุรุษนั้นได้แล้ว แสดงแก่ท้าวเธอพร้อมด้วยกราบทูลว่า พระพุทธเจ้าข้า บุรุษคนนี้ขโมย
เอาทรัพย์ของคนอื่นไป ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อเขาพากันกราบทูลอย่างนี้แล้ว ท้าวเธอจึงตรัสคำนี้กะบุรุษผู้นั้นว่า พ่อบุรุษ ได้ยินว่า เธอขโมยเอาทรัพย์ของคนอื่นไปจริงหรือ ฯ




     บุ. จริง พระพุทธเจ้าข้า ฯ
     ร. เพราะเหตุไร ฯ
     บุ. เพราะข้าพระพุทธเจ้าไม่มีอะไรจะเลี้ยงชีพ ฯ



     ดูกรภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้น ท้าวเธอจึงพระราชทานทรัพย์ให้แก่เขา แล้วรับสั่งว่า พ่อบุรุษ เธอจงเลี้ยงชีพ จงเลี้ยงมารดาบิดา จงเลี้ยงบุตรภรรยา จงประกอบการงานทั้งหลาย จงตั้งทักษิณาที่มีผลในเบื้องบน อันเกื้อกูลแก่สวรรค์ มีสุขเป็นผล เป็นไปเพื่อสวรรค์ ในสมณพราหมณ์ทั้งหลายด้วยทรัพย์นี้เถิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย เขาได้สนองพระราชดำรัสของท้าวเธอแล้ว ฯ



     ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้บุรุษอีกคนหนึ่งก็ได้ขโมยทรัพย์ของคนอื่นไป เขาช่วยกันจับบุรุษนั้นได้แล้วจึงแสดงแก่ท้าวเธอพร้อมด้วยกราบทูลว่า พระพุทธเจ้าข้า บุรุษผู้นี้ขโมยเอาทรัพย์ของคนอื่นไป ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อเขาพากันกราบทูลอย่างนี้แล้ว ท้าวเธอจึงตรัสคำนี้กะบุรุษผู้นั้นว่า พ่อบุรุษ ได้ยินว่า เธอขโมยเอาทรัพย์ของคนอื่นไป จริงหรือ ฯ



     บุ. จริงพระพุทธเจ้าข้า ฯ
     ร. เพราะเหตุไร ฯ
     บุ. เพราะข้าพระพุทธเจ้าไม่มีอะไรจะเลี้ยงชีพ ฯ



     ดูกรภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้น ท้าวเธอจึงพระราชทานทรัพย์ให้แก่เขา แล้วรับสั่งว่า พ่อบุรุษเธอจงเลี้ยงชีพ จงเลี้ยงชีพมารดาบิดา จงเลี้ยงบุตรภรรยา จงประกอบการงานทั้งหลาย จงตั้งทักษิณาที่มีผล ในเบื้องบน อันเกื้อกูลแก่สวรรค์ มีสุขเป็นผล เป็นไปเพื่อสวรรค์ ในสมณพราหมณ์ทั้งหลายด้วยทรัพย์นี้เถิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย เขาได้สนองพระราชดำรัสของ
ท้าวเธอแล้ว ฯ



     ดูกรภิกษุทั้งหลาย มนุษย์ทั้งหลายได้ฟังมาว่า ดูกรท่านผู้เจริญทั้งหลาย ได้ยินว่า คนขโมยทรัพย์ของคนพวกอื่นไป พระเจ้าแผ่นดินยังทรงพระราชทานทรัพย์ให้อีก เขาได้ยินมา จึงพากันคิดเห็นอย่างนี้ว่า อย่ากระนั้นเลย แม้เราทั้งหลายก็ควรขโมยเอาทรัพย์ของคนอื่นบ้าง ฯ


     [๔๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้น บุรุษคนหนึ่งขโมยเอาทรัพย์ของคนอื่นไป เขาช่วยกันจับบุรุษนั้นได้แล้ว จึงแสดงแก่ท้าวเธอพร้อมด้วยกราบทูลว่า พระพุทธเจ้าข้า บุรุษผู้นี้ขโมยเอาทรัพย์ของคนอื่นไป ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อเขาพากันกราบทูลอย่างนี้แล้ว ท้าวเธอจึงตรัสคำนี้กะบุรุษผู้นั้นว่า พ่อบุรุษ ได้ยินว่า เธอขโมยเอาทรัพย์ของคนอื่นไปจริงหรือ ฯ


     บุ. จริง พระพุทธเจ้าข้า ฯ
     ร. เพราะเหตุไร ฯ
     บุ. เพราะข้าพระพุทธเจ้าไม่มีอะไรจะเลี้ยงชีพ ฯ
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-11-6 16:21
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้น ท้าวเธอจึงทรงพระดำริอย่างนี้ว่า ถ้าเราจักให้ทรัพย์แก่คนที่ขโมยเอาทรัพย์ของคนอื่นเสมอไป อทินนาทานนี้จักเจริญทวีขึ้นด้วยประการอย่างนี้ อย่ากระนั้นเลย เราจะให้คุมตัวบุรุษผู้นี้ให้แข็งแรง จะทำการตัดต้นตอ ตัดศีรษะของบุรุษนั้นเสีย ดูกรภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้น ท้าวเธอตรัสสั่งบังคับราชบุรุษทั้งหลายว่า แน่ะพนาย ถ้าเช่นนั้น ท่านจงเอาเชือกเหนียวๆ มัดบุรุษนี้ให้มือไพล่หลังให้แน่น เอามีดโกนๆ ศีรษะให้โล้น แล้วพาตระเวนตามถนน ตามตรอก ด้วยบัณเฑาะว์เสียงกร้าว ออกทางประตูด้านทักษิณ จงคุมตัวให้แข็งแรง ทำการตัดต้นตอ ตัดศีรษะบุรุษนั้นเสียนอก  พระนครทิศทักษิณ ราชบุรุษทั้งหลาย รับพระราชดำรัสของเธอแล้ว จึงเอาเชือกเหนียวมัดบุรุษนั้นให้มือไพล่หลังให้แน่น เอามีดโกนๆ ศีรษะให้โล้น แล้วพาตระเวนตามถนน ตามตรอก ด้วยบัณเฑาะว์เสียงกร้าว ออกทางประตูด้าทักษิณ     คุมตัวให้แข็งแรง ทำการตัดต้นตอ ตัดศีรษะบุรุษนั้น นอกพระนครทิศทักษิณแล้ว ฯ


     [๔๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย มนุษย์ทั้งหลายได้ฟังมาว่า ดูกรท่านผู้เจริญทั้งหลาย ได้ยินว่า พระเจ้าแผ่นดินให้คุมตัวบุคคลผู้ขโมยเอาทรัพย์ของคนอื่นอย่างแข็งแรง ทำการตัดต้นตอ ตัดศีรษะพวกเขาเสีย เพราะได้ฟังมา พวกเขาจึงมีความคิดเห็นอย่างนี้ว่า อย่ากระนั้นเลย แม้พวกเราควรให้ช่างทำศัสตรา อย่างคม ครั้นแล้วจะคุมตัวบุรุษที่เราจักขโมยเอาทรัพย์ให้แข็งแรง จักทำการตัดต้นตอ ตัดศีรษะพวกมันเสีย พวกเขาจึงให้ช่างทำศัสตราอย่างคม ครั้นแล้ว จึงเริ่มทำการปล้นบ้านบ้าง ปล้นนิคมบ้าง ปล้นพระนครบ้าง ปล้นตามถนนหนทางบ้าง คุมตัวบุคคลที่พวกเขาจักขโมยเอาทรัพย์ไว้อย่างแข็งแรง ทำการตัด ต้นตอ ตัดศีรษะบุคคลนั้นเสีย ฯ



     [๔๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการดังพรรณนามานี้ เมื่อพระมหากษัตริย์ไม่พระราชทานทรัพย์ให้แก่คนที่ไม่มีทรัพย์ ความขัดสนก็ได้ถึงความแพร่หลาย เมื่อความขัดสนถึงความแพร่หลาย อทินนาทานก็ได้ถึงความแพร่หลาย เมื่ออทินนา ทานถึงความแพร่หลาย ศัสตราก็ได้ถึงความแพร่หลาย เมื่อศัสตราถึงความแพร่หลาย ปาณาติบาตก็ได้ถึงความแพร่หลาย เมื่อปาณาติบาตถึงความแพร่หลาย มุสาวาทก็ได้ถึงความแพร่หลาย เมื่อมุสาวาทถึงความแพร่หลาย แม้อายุของสัตว์เหล่านั้นก็เสื่อมถอย แม้วรรณะก็เสื่อมถอย เมื่อพวกเขาเสื่อมถอยจาก อายุบ้างเสื่อมถอยจากวรรณบ้าง บุตรของมนุษย์ที่มีอายุ ๘๐,๐๐๐ ปี ก็มีอายุถอยลง เหลือ ๔๐,๐๐๐ ปี ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๔๐,๐๐๐ ปี  บุรุษคนหนึ่งขโมยเอาทรัพย์ของคนอื่นไป เขาช่วยกันจับบุรุษนั้นได้แล้ว จึงแสดงแก่พระราชาผู้กษัตริย์ ซึ่งได้มูรธาภิเษกพร้อมด้วยกราบทูลว่า พระพุทธเจ้าข้า บุรุษผู้นี้ขโมยเอาทรัพย์ของคนอื่นไป ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อเขาพากันกราบทูลอย่างนี้แล้ว ท้าวเธอจึงตรัสคำนี้กะบุรุษนั้นว่า พ่อบุรุษ ได้ยินว่า เธอขโมยเอาทรัพย์ของคนอื่นไปจริงหรือ บุรุษนั้นได้กราบทูล คำเท็จทั้งรู้อยู่ว่า ไม่จริงเลยพระพุทธเจ้าข้า ฯ ฯลฯ



     อย่างนี้น่าจะพออ้างอิงได้หรือไม่ว่า "อทินนาทาน" เกิดเป็นอย่างแรก (จงอย่าคิดว่าสิ่งนี้เท่านั้นจริง สิ่งอื่นเปล่า)
     พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๑
     พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค  ๓. จักกวัตติสูตร (๒๖)
     หน้าที่ ๔๓- ๖๐    ข้อที่ ๓๓-๕๐



ทีมา..http://webboard.watnapp.com
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-11-6 16:25
การฆ่าเป็นการทำร้ายสิ่งที่รักที่สุดของสัตว์เพราะสัญชาตญาณ
อันดับแรกสุดของสัตว์ทั้งหลายคือรักตัวกลัวตายทั้งสิ้น


- การฆ่าไม่เพียงมีผลต่อสัตว์นั้นๆยังมีผลต่อพ่อแม่พี่น้องลูกหลานและผู้มีความผูกพันด้วย

-โอกาสในการเกิดเป็นคนนั้นยากยิ่งนัก

-หากคนนั้นมีจิตประสงค์จะบรรลุธรรมหากโดนฆ่าก็จะทำให้โอกาสหมดไป

โดย: เฟม...zonya    เวลา: 2013-11-6 16:58
เข้าใจ แจ่มแจ้งเลยค่ะ
ขอบคุณค่ะ

โดย: Metha    เวลา: 2013-11-7 16:20
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย metha เมื่อ 2013-11-7 16:25

คิดจะตั้งกระทู้ถามอยู่พอดีเลยครับ
สืบเนื่องมาจากเมื่อคืน หลังจากสวดมนต์ไหว้พระ เสร็จ
ในบทสวดก็มีอารธนาศิล ไหว้พระเสร็จ

ประมาณเที่ยงก็จะเข้านอน พักนี้กินเบียร์ก่อนนอนเกือบทุกวันเลย
สงสัยอยู่ว่าทำไม บทอารธนาศีลถึงไม่ขึ้นต้นด้วย
สุราเมระยะ ฯ
เพราะอาจารย์เคยถามผมว่าให้ทำชั่ว 1 อย่าง โดยมีตัวเลือกให้ดังนี้
1. ฆ่าเด็ก
2. เป็นชู้กับเมียคนอื่น
3. กินเหล้า
ผมก็เลือกกินเหล้าเลย เพราะคิดว่าคงเลวน้อยที่สุด
ผลก็คือโดนด่า...มึงนี้เลวจริงๆๆ  
เลวที่กินเหล้าพอกินเหล้าเมา ฆ่าเด็ก เป็นชู้ ก็ทำได้

โดย: Nujeab    เวลา: 2013-11-7 16:51
metha ตอบกลับเมื่อ 2013-11-7 16:20
คิดจะตั้งกระทู้ถามอยู่พอดีเลยครับ
สืบเนื่องมาจากเม ...

สรุปคือละเมิดศีลข้อ 5 หนักสุด เพราะมีโอกาสทำให้ศีลข้อที่เหลือขาดหมดใช่ไหมครับ
โดย: Metha    เวลา: 2013-11-7 19:16
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2013-11-7 16:51
สรุปคือละเมิดศีลข้อ 5 หนักสุด เพราะมีโอกาสทำให้ศีลข ...

ศีล ๕ ข้อ คือ
๑. ปาณาติปาตา เวรมณี งดเว้นจากการทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป
๒. อทินนาทานา เวรมณี งดเว้นจากการถือเอาของที่เจ้าของมิได้ให้
๓. กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
๔. มุสาวาทา เวรมณี งดเว้นจากการกล่าวเท็จ
๕. สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี งดเว้นจากการดื่มสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท

ถ้าเราทำผิดข้อห้า ก่อน หลังจากนั้นเราจะทำผิดข้ออื่นๆๆได้เลย
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-11-7 22:00
ศีลทุกข้อจะครอบคุมกันหมดครับ
หลวงปู่ชื่น. ท่านให้ศิษย์ถือศีลปรมันต์เพียงข้อเดียว
แต่เมื่อศีลเราละเอียดมากขึ้นจะได้ครบทั้งห้าข้ออย่างไม่รู้ตัว จริงๆ
โดย: oustayutt    เวลา: 2013-11-7 22:06
ครับ
โดย: Nujeab    เวลา: 2013-11-8 09:31
ครับผม
โดย: bigbird    เวลา: 2013-11-8 11:16
ข้อสอง ตอนแรกเลยก๊าบ
ต่อมาก้อข้อห้า
ล่าสุดนี่ข้อสาม
ข้อหนึ่งกะข้อสี่ตอนนี้ยังพยายามทำอยู่ก๊าบ
โดย: Metha    เวลา: 2013-11-8 18:36

พี่ๆ คศช ให้ศิษย์ถือศีลปรมันต์ข้อไหนกันครับ
โดย: Autsadakorn    เวลา: 2013-11-8 18:43
metha ตอบกลับเมื่อ 2013-11-8 18:36
พี่ๆ คศช ให้ศิษย์ถือศีลปรมันต์ข้อไหนก ...

เมธถือข้อไหนครับ
โดย: Metha    เวลา: 2013-11-8 18:45
Autsadakorn ตอบกลับเมื่อ 2013-11-8 18:43
เมธถือข้อไหนครับ

ยังไม่ได้เริ่มครับ กลัวทำผิด
เลยยังไม่กล้าสัญญา แต่จะทำให้ได้ครับ
โดย: lnw    เวลา: 2013-11-8 20:47
metha ตอบกลับเมื่อ 2013-11-8 18:45
ยังไม่ได้เริ่มครับ กลัวทำผิด
เลยยังไม่กล้าสัญญา แต ...

พี่เมธแอบลักมาตั้งนานแล้ว หรือเนี้ย
โดย: Metha    เวลา: 2013-11-9 05:50
lnw ตอบกลับเมื่อ 2013-11-8 20:47
พี่เมธแอบลักมาตั้งนานแล้ว หรือเนี้ย ...

ลักอะไรครับ
โดย: lnw    เวลา: 2013-11-9 06:16
metha ตอบกลับเมื่อ 2013-11-9 05:50
ลักอะไรครับ

[youtube]r48JnJvcBYc[/youtube]
โดย: Metha    เวลา: 2013-11-9 06:51
lnw ตอบกลับเมื่อ 2013-11-9 06:16

อ้ากกกรู้ได้ไง

โดย: Autsadakorn    เวลา: 2013-11-9 08:06
พอเริ่มคิดได้ว่าเรื่องที่ไม่ดีในชีวิตที่ผ่านมาล้วนเกิดขึ้นหลังดื่มเหล้าทั้งนั้นก็เลยเลือกข้อนี้ดีฝ่าเพราะเหล้าไม่ค่อยอร่อยด้วย ^_^
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-11-9 10:15
Autsadakorn ตอบกลับเมื่อ 2013-11-9 08:06
พอเริ่มคิดได้ว่าเรื่องที่ไม่ดีในชีวิตที่ผ่านมาล้วน ...

แล้วพี่รัชไปทำอะไร ต่อ กับใครหลังดื่มเหล้า
โดย: Autsadakorn    เวลา: 2013-11-9 17:28
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2013-11-9 10:15
แล้วพี่รัชไปทำอะไร ต่อ กับใครหลังดื่มเหล้า ...

พี่ศรถามแบบนี้ผมก็ไปไม่เป็นซิครับ
โดย: Metha    เวลา: 2013-11-9 19:45
Autsadakorn ตอบกลับเมื่อ 2013-11-9 17:28
พี่ศรถามแบบนี้ผมก็ไปไม่เป็นซิครับ ...

ตอบหลังไมค์ก็ได้ครับ
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-11-13 07:01
ศีลข้อ 2


"อทินนา ทานา เวรมณี สิกขาปทังสมาธิยามิ..."
ศีลข้อ 2 นี้ ไม่ได้ห้ามเพียงการลักขโมยอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่มีพฤติกรรมต้องห้ามถึง 18 อย่าง ท่านคิดว่าท่านเข้าใจศีลข้อ 2 นี้ถ่องแท้แล้วหรือยัง อ่านแล้วจะได้นำพาตนเองและคนรอบข้าง ให้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านั้น และเข้าใจศีลข้อสองอย่างกระจ่างแท้ด้วยเทอญ














โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-11-13 07:10
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-11-13 07:14













ขอขอบคุณที่มา
หนังสือ "ศีล 5"


ที่มา..http://www.gunkamoy.com

โดย: lnw    เวลา: 2013-12-9 16:52

โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-2-24 21:44
[youtube]fs6p-qaLswQ[/youtube]
โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-4-29 12:23
ทำไมพระพุทธเจ้าจึง บัญญัติ ห้ามฆ่าสัตว์(ปานาติปาตา เวรมณี)
เป็นศีลข้อแรกใน ภัยเวรทั้ง ๕ ???

อะไรเป็นเหตุ เป็นปัจจัย เกี่ยวกับเรื่องนี้

ทำไมไม่ บัญญติ ข้ออื่นขึ้นเป็นข้อแรก ??

มนุษย์กระทำผิด ไม่สำรวม ไม่ระวัง ไม่งดเว้น ไม่เว้นขาด

ในภัยเวรข้อใดเป็นข้อแรก ทำให้ภัยเวรที่เหลืออีก ๕ ข้อ เกิดขึ้นตาม ๆ กันมา ???




โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-10-10 20:33

โดย: En130    เวลา: 2014-10-13 08:04

โดย: ธี    เวลา: 2015-1-7 11:09

โดย: Nujeab    เวลา: 2015-1-7 12:31
ศีลทุกข้อจะครอบคุมกันหมดครับ
หลวงปู่ชื่น. ท่านให้ศิษย์ถือศีลปรมันต์เพียงข้อเดียว
แต่เมื่อศีลเราละเอียดมากขึ้นจะได้ครบทั้งห้าข้ออย่างไม่รู้ตัว จริงๆ

Sornpraram
โดย: sritoy    เวลา: 2015-1-7 12:55
สาธุครับ
โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-2-3 06:34

โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-6-1 09:46

.

"พวกเจ้าควรหยุดฆ่ามนุษย์ มันบาป"

พระถังซัมจั๋งกล่าว


โดย: En130    เวลา: 2015-6-3 01:08

โดย: Sornpraram    เวลา: 2018-10-8 08:07


โดย: Sornpraram    เวลา: 2018-10-8 08:08

โดย: Nujeab    เวลา: 2018-10-10 10:34

โดย: Sornpraram    เวลา: 2018-10-12 15:24

โดย: Metha    เวลา: 2018-10-15 02:40






ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2