พระจันทร์ลอย เป็นชื่อของแผ่นศิลาโบราณขนาดมหึมา ประดิษฐานอยู่ในมณทปอันงดงามใจกลาง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งชาวอยุธยาเชื่อกันว่า ศักดิ์สิทธื บนบานขอสิ่งใด มักจะสัมฤทธิ์ผลทุกประการ มีประวัติความเป็นมาเหนือธรรมชาติอันสุดพิศดาร ด้วยลักษณะของศิลาโบราณแผ่นนี้เป็น แผ่นหินกลมมนราวกับใช้วงเวียนวาด แล้วตัดออกมาโดยช่างฝีมือชั้นยอดเยี่ยม ผสมผสานกับแผ่นทองคำที่ชาวบ้านนำมาปิด ด้วยความเลื่อมใสจนเหลืองอร่าม เปล่งประกายรัศมีเจิดจ้ายามที่กระทบกับแสง ได้อย่างน่าอศัจรรย์ ประดุจดั่งพระจันทร์ในคืนเดือนเพ็ญ สาเหตุที่เรียกขานกันว่า " พระจันทร์ลอย " จะว่าไปก็ดูเหลือเชื่อเกินความจริงตามธรรมชาติอยู่มากที่เดียว ที่ว่าหินกลมๆ ที่มีน้ำหนักเกือบ 1000 กิโลกรัม สามารถลอยน้ำมาด้วยพลังอำนาจ ที่แฝงเร้นอยู่ภายใน ลอยผลุบ ๆโผล่ ๆ เรื่อยมาตามลำน้ำลพบุรี จนมาหยุดอยู่ที่หน้า วัดปราสาท อ.นครหลวง จ. พระนครศรีอยุธยา เกจิอาจารย์ผู้ขมังเวทบริกรรมพระคาถา ใช้ด้ายสายสิญจน์เพียง 3 เส้นเท่านั้น ก็สามารถอัญเชิญขึ้นมาจากน้ำได้เป็นเรื่องมหัศจรรย์ ที่เกิดขึ้นในแผ่นดินสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ จึงถูกโยกย้ายไปอยู่ที่กรุงเทพ คราวหนึ่งตามวัตถุประสงค์ของพระมหากษัตริย์ แต่สิ่งที่แฝงเร้นนั้นไม่พอใจ จึงถูกนำกลับมาในสถานที่เดิมอีกครั้ง ดังที่มีปรากฎ ให้เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ เรื่องราวดังกล่าวถูกจารึกไว้ในแผ่นหินมีใจความว่า.... ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แผ่นศิลาศักดิ์สิทธิ์ลอยน้ำมาติดหน้าวัดประสาท ชาวบ้านต่างตะลึงกับสิ่งที่พบเห็น จึงนำเรื่องไปบอกกับอดีตเจ้าอาวาส ซึ่งชาวบ้านยกย่องให้ท่านเป็นเกจิอาจารย์สมัยนั้น พระคุณท่านได้บริกรรมพระคาถา ใช้ด้ายสายสิญจน์เพียง 3 เส้น คล้องอัญเชิญ ศิลาแผ่นมหึมาขึ้นมาจากแม่น้ำ มาประดิษฐานไว้กลางชุมชน เพื่อเป็นสิ่งเคารพ สักการะบูชา ข่าวความศรัทธาของชาวบ้านได้ล่วงรู้ถึงพระกรรณของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์จึงเสด็จมาทอดพระเนตร และทรงดำริว่า ควรอัญเชิญศิลาศักดิ์สิทธิ์นี้เข้าเมืองหลวง ศิลาพระจันทร์ลอย จึงได้รับการอัญเชิญไว้ที่ท่าเรือริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพราะเป็นชุมชนใหญ่ จะได้เป็นที่กราบไหว้บูชาของประชาชน ต่อมา พระจันทร์ลอย จึงกลายเป็น.. สัญลักษร์ของท่าเรือแห่งนี้ ผู้คนต่างขนานนามท่าเรือแห่งนี้ว่า..... " ท่าพระจันทร์ " แต่พระจันทร์ลอยก็อยู่ที่นี่ได้ไม่นานนัก เพราะพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสุบิน (ฝัน) ว่า ให้นำพระจันทร์ลอยกลับไปยังที่เดิม ด้วยเหตุนี้ พระจันทร์ลอยจึงถูกอัญเชิญกลับไปประดิษฐานไว้ในมณฑป กลางอำเภอนครหลวง ตามเดิม ตราบเท่าทุกวันนี้" ดังประวัติที่จารึกไว้ดังกล่าวนี้ ดูจะมีเค้าโครงความจริงอยูอย่างเปี่ยมล้นเพราะท่าเรือริมแม่น้ำเจ้าพระยาติดกับพื้นที่ ท้องสนามหลวง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อยู่ตรงข้าม ร.พ.ศิริราช กทม. ที่เรียกขานกันว่า "ท่าพระจันทร์" ซึ่งเกี่ยวโยงกับตำนานของแผ่นศิลาประหลาดนี้ยังคงมีอยู่ ![]() |
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2013-11-6 10:30
ต้องหาโอกาสแว๊บไปซะแล้ว
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) | Powered by Discuz! X3.2 |