คนทุกคนต่างมีปาก บางคนใช้ปากสร้าง เสน่ห์ให้กับตน บ้างใช้ปากสร้างเสนียดแก่ตน เสน่ห์หรือเสนียดไม่ได้อยู่ ที่ไหน แต่อยู่ที่ปากของเรา | |
ชนะศัตรูพันคนพันครั้ง ก็ยังไม่นับเป็นแม่ทัพที่ยอดเยี่ยม ต่อเมื่อใดชนะใจตนเพียงคนเดียว จึงนับเป็นยอดขุนพล | |
คน โง่ที่รู้ตัวว่าเป็นคนโง่ ยังมีโอกาสเป็นคนฉลาด ส่วนคนโง่ที่สำคัญตน เป็นปราชญ์ คนนั้นแหละบรมโง่ | |
ไม่มีใคร ได้ทุกอย่างดั่งใจ หวัง ไม่มีใครพลาดหวังทุกอย่างไป ในได้มีเสีย ในเสียมีได้ | |
ขอบคุณความไม่มี | ที่ทำให้รู้วิธีลุกขึ้นสู้ |
ขอบคุณความยากจน | ที่ทำให้เป็นคนมีมุมานะ |
ขอบคุณความล้มเหลว | ที่ทำให้เกิดความเชียวชาญ |
ขอบคุณความผิดพลาด | ที่ทำให้ฉลาดยิ่งกว่าเดิม |
ขอบคุณความริษยา | ที่ทำให้กล้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่ |
ขอบคุณคำวิพากษ์วิจารณ์ | ที่ทำให้ผลิบานอย่างไร้ข้อตำหนิ |
ขอบคุณความไม่รู้ | ที่ทำให้รู้จักครูชื่อประสบการณ์ |
ขอบคุณความผิดหวัง | ที่ทำให้ัตั้งสติเพื่อลุกขึ้นมาใหม่ |
ขอบคุณศัตรูที่แกร่งกล้า | ที่ทำให้เรารู้ว่ายังไม่ใช่มืออาชีพ |
ขอบคุณมหกรรมคอรัปชั่น | ที่ทำให้เราอยากสร้างสรรค์การเมืองใหม่ |
ขอบคุณความป่วยไข้ | ที่ทำให้เราตั้งใจดูแลสุขภาพ |
ขอบคุณความทุกข์ | ที่ทำให้เรารู้ว่าความสุขมีค่าแค่ไหน |
ขอบคุณความพลัดพราก | ที่ทำให้เราสละจากความยึดติดถือมั่น |
ขอบคุณเพลิงกิเลส | ที่ทำให้เรามีเหตุอยากถึงพระนิพพาน |
ขอบคุณความตาย | ที่ทำให้ฉากสุดท้ายของชีวิตสมบูรณ์แบบ |
หลวงปู่โตแนะนำเรื่องการสวดมนต์ | ![]() | |||||||||
ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโต ได้กล่าวว่า “ยังมีคนส่วนใหญ่เข้าใจว่า การสวดมนต์มีประโยชน์น้อยและเสียเวลามากหรือฟังไม่รู้เรื่อง ความจริงแล้วการสวดมนต์มีประโยชน์อย่างมากมาย เพราะการสวดมนต์เป็นการกล่าวถึงคุณงามความดีแห่งพระรัตนตรัย ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีคุณวิเศษเช่นไร พระธรรมคำสอนของพระองค์มีคุณอย่างไร และพระสงฆ์อรหันต์อริยเจ้ามีคุณเช่นไร การสวดมนต์ด้วยความตั้งใจจนจิตเป็นสมาธิ แล้วใช้สติพิจารณาจนเกิดปัญญาและความรู้ความเข้าใจธรรมที่แท้ ประโยชน์สูงสุดของการสวดมนต์ นั่นคือ จะทำให้ท่านเป็นผลจนสำเร็จจนเป็นอรหันต์ | ||||||||||
ที่อาตมากล่าวเช่นนี้ มีหลักฐานปรากฏในพระธรรมคำสอนที่กล่าวไว้ว่า โอกาสที่จะบรรลุธรรมเป็นอรหันต์ ๕ โอกาสด้วยกันคือ ๑. เมื่อฟังธรรมที่ถูกต้อง ซึ่งสอนเรื่องกรรม ศีล ภาวนา ๒. เมื่อแสดงธรรม คือ เมื่อเข้าใจถึงธรรมที่ถูกต้องแล้ว (รู้ได้เองว่าเป็นโสดาบัน) ก็พอใจจะสอนธรรมให้ผู้อื่นรู้ด้วย ๓. เมื่อสาธยายธรรม นั่นคือ การสวดมนต์อย่างมีสมาธิ ๔. เมื่อตรึกตรองธรรม หรือเพ่งธรรมอยู่ในขณะนั้น หมายความว่า รู้ถึงความหมายโดยรวมของธรรมนั้น ๕. เมื่อเจริญวิปัสสนาญาณ คือ พิจารณาทุกสิ่งด้วยธรรม โสดาบันขึ้นไปเท่านั้นจึงจะวิปัสสนาได้ การสวดมนต์ในตอนเช้าและตอนเย็นเป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันมา ตั้งแต่สมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระพุทธศาสนา บรรดาพุทธบริษัททั้งหลายต่างพากันมาเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ โดยแบ่งเวลาเป็น ๒ เวลา นั่นคือ ตอนเช้าเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อฟังธรรม การฟังธรรมเป็นการชำระล้างจิตใจที่เศร้าหมองให้หมดไป การสวดมนต์นับเป็นการดีพร้อมซึ่งประกอบไปด้วยองค์สาม นั่นคือ ๑. กาย มีอาการสงบเรียบร้อยและสำรวม ๒. มีความเคารพนบนอบต่อคุณพระรัตนตรัย ๓. วาจา เป็นการกล่าวถ้อยคำสรรญเสริญถึงพระคุณอันประเสริฐของพระรัตนตรัย พร้อมเป็นการขอขมาในความผิดพลาดหากมี และเป็นการกล่าวสักการะเทอดทูนที่สูงยิ่ง ซึ่งเราเรียกว่าเป็นการสร้างกุศล อาตมาภาพขอรับรองแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าหากบุคคลใดได้สวดมนต์เช้าแลเย็นไม่ขาดแล้ว บุคคลนั้นย่อมเข้าสู่แดนพระอรหันต์” |
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) | Powered by Discuz! X3.2 |