Baan Jompra
ชื่อกระทู้:
เขี้ยวเสือหลวงพ่อปาน
[สั่งพิมพ์]
โดย:
oustayutt
เวลา:
2013-10-8 22:06
ชื่อกระทู้:
เขี้ยวเสือหลวงพ่อปาน
[youtube]izWDXgO_HtM&feature[/youtube]
โดย:
oustayutt
เวลา:
2013-10-8 22:07
[youtube]UquBq2fv1vE&feature[/youtube]
โดย:
oustayutt
เวลา:
2013-10-8 22:26
[youtube]Iy1_SoDw2Gs[/youtube]
โดย:
oustayutt
เวลา:
2013-10-8 22:27
[youtube]0Ll1vKZtCjU&feature[/youtube]
โดย:
oustayutt
เวลา:
2013-10-8 22:28
[youtube]Va_iG09MVn0&feature[/youtube]
โดย:
AUD
เวลา:
2014-10-9 21:10
[attach]9121[/attach]
'เขี้ยวเสือของหลวงพ่อปาน' นั้น ท่านแกะจากเขี้ยวเสือโคร่ง แล้วลงเหล็กจารด้วยตัวเองปลุกเสกโดยใส่ 'พระคาถาหัวใจเสือโคร่ง' ลูกศิษย์ลูกหาได้ยินท่านท่องว่า พยัค โฆ พยัคฆา สูญญา สัพติ อิติ ฮัมฮิมฮึม...แต่ตรง 'ฮัมฮิมฮึม' นี้ ผู้เขียนเข้าใจเอาเองว่าน่าจะเป็นเสียงเสือคำรามหรือลูกศิษย์อาจจะฟังไม่ออก...
มีช่างที่แกะเสือแล้วเป็นศิษย์ท่านด้วยกัน 5 คน แต่ละคนจะแกะไม่เหมือนกันซะทีเดียว และมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก นั่งปากเม้มหุบสนิท ตากลม ขาหน้าทั้งสองใหญ่ เล็บจิกลงบนพื้น ถ้าเป็นต่างจังหวัดก็จะมีช่างแกะคอยเวลาหลวงพ่อปานไปธุดงค์ก็จะให้ปลุกเสก ประการสำคัญ ให้ดูรอยจารใต้ฐาน ท่านมักจะจารเองเป็น "นะขมวด" ที่เรียกกันว่า 'ยันต์กอหญ้า' และตัว 'ฤ ฤๅ'
ลักษณะที่บอกเอกลักษณ์ในปัจจุบันก็คือ เสือหน้าแมว หูหนู ตาลูกเต๋า ยันต์กอหญ้า ซึ่งมีทั้งเสือหุบปาก และเสืออ้าปาก เขี้ยวต้องกลวง มีทั้งแบบซีกและเต็มเขี้ยว เขี้ยวหนึ่งอาจแบ่งทำได้ถึง 5 ตัว ตัวเล็กๆ เรียก "เสือสาริกา" เป็นปลายเขี้ยว ส่วนใหญ่พบว่าเป็นซีก คนโบราณนิยมเลี้ยงไว้ในตลับสีผึ้งทาปาก
ทีนี้มาดู 'วิธีจาร' ของท่าน ท่านจะจารตัว "อุ" มีทั้งหางตั้งขึ้นและลง ที่ขาหน้าค่อนไปทางด้านบน และลงอักขระคล้ายเลข "๓" หรือเลข "๗" ขยักๆ หางลากยาวหน่อย ตรงสีข้างส่วนใต้ฐาน ท่านจะจาร 'ยันต์กอหญ้า' ถ้าเสือตัวใหญ่หน่อยท่านจะลงยันต์กอหญ้า 2 ตัว ตรงข้ามกัน และลงตัว ฤ ฤๅ พร้อมตัวอุณาโลม บางตัวมีรอยขีด 2 เส้นขนานกัน ดูให้ดีจะเห็นเป็นเส้นลึกและคมชัด
นอกจากนี้ ต้องดูความเก่าของเขี้ยวเสือให้เป็น คือ ต้องแห้งเป็นธรรมชาติ วรรณะเหลืองใส มีรอยหดเหี่ยวโบราณเรียก 'เสือขึ้นขน' เห็นเป็นเสี้ยนเล็กๆ อาจมีรอยแตกอ้า หากผ่านการใช้สียิ่งเข้ม ส่วนของปลอมจะเอาเขี้ยวหมี เขี้ยวหมูป่า มาเคี่ยวด้วยน้ำมันงา แต่ถ้าดูเป็นจะเห็นว่าอมน้ำมัน ของจริงจะแห้ง ใส เหลือง ไม่อมน้ำมัน ผิวเป็นมันวาวไม่ด้าน บางพวกคั่วน้ำมันงาเสร็จจะมาต้มในน้ำร้อนไล่น้ำมันแต่ผิวจะด้าน ถ้าเจอมีสีเขียวใสๆ จับ นั่นนะเป็นรอยไหม้ตอนคั่ว
ตอนหลังหาเขี้ยวสัตว์ยากเลยเอากระดูกสัตว์มาทำ บางอันเป็นเรซิ่นไปแช่ด่างทับทิม หรือทิงเจอร์ แช่แป๊บเดียวรอยคราบเหลืองเก่าจะจับตามซอกและผิว จากนั้นจะนำมาขัด ถ้ารู้วิธีก็จะดูได้ง่ายขึ้น และสีของเขี้ยวจะไม่เป็นสีเดียวกัน จะมีอ่อนแก่ ยิ่งใกล้ รูกลวงสีจะอ่อน และรูเขี้ยวเสือจะเป็นวงรีหรือกลมค่อนไปทางรี ถ้าเห็นรูแสดงว่าเป็นเต็มเขี้ยว ของปลอมจะใช้สว่านเจาะให้เป็นรู ถ้ารูค่อนไปทางเหลี่ยมสามเหลี่ยมจะเป็นเขี้ยวหมี
เท่าที่พบ "เขี้ยวเสือหลวงพ่อปาน" จะไม่มีอักขระอื่นๆ ปะปนซับซ้อนมากนัก เพราะคณาจารย์เก่าก่อนท่านจะไม่ลงซ้ำ มีกิตติคุณเลื่องลือเป็นที่ปรากฏ ทั้งเมตตามหานิยม โชคลาภและมหาอำนาจ แต่ของทำเทียมมีมากมายก่ายกองทีเดียว ถ้าดูไม่ขาดพึ่งพาอาศัยผู้ชำนาญการจะดีกว่า
แล้วเรื่องราคาไม่ต้องพูด แพงระยิบระยับแล้วกันครับผม
[attach]9122[/attach]
ที่มา
http://www.itti-patihan.com/
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/)
Powered by Discuz! X3.2