Baan Jompra
ชื่อกระทู้:
เครื่องราง'ตะกรุดใบลาน'หลวงพ่อแก้ว'
[สั่งพิมพ์]
โดย:
oustayutt
เวลา:
2013-9-26 16:01
ชื่อกระทู้:
เครื่องราง'ตะกรุดใบลาน'หลวงพ่อแก้ว'
พระเกจิอาจารย์ชื่อดังเมืองสมุทรสงคราม มีมาตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน เหมือนการแตะมือเมื่อมีรูปไหนมรณภาพก็จะมีรูปใหม่เสริมขึ้นมาแทน เป็นทายาทสายพุทธาคมสืบต่อกันมา พระเครื่องและเครื่องรางของขลังยอดนิยมจึงมีอยู่เป็นจำนวนมาก
ณ ที่นี้จะขอเอ่ยถึง "หลวงพ่อแก้ว" วัดพวงมาลัย ต.แม่กลอง อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม พระเกจิอาจารย์ชื่อดังมีลูกศิษย์ลูกหาเลื่อมใสศรัทธาเป็นจำนวนมาก วัตถุมงคลประเภทเครื่องรางของขลังของท่านก็ได้รับความนิยม สนนราคาเล่นหาในปัจจุบันสูงมาก โดยเฉพาะ "ตะกรุดใบลาน"
"สมุทรสงคราม" เป็นจังหวัดในภาคกลาง ซึ่งหน่วย งานบางแห่งถือเป็นส่วนหนึ่งของภาคตะวันตก มีขนาดพื้นที่เล็กที่สุดของประเทศ คือประมาณ 416.7 ตารางกิโลเมตร ทั้งยังมีจำนวนประชากรน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศด้วย นับเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากร ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และมีชายฝั่งทะเลติดอ่าวไทยยาว ประมาณ 23 กิโลเมตร ไม่มีภูเขาหรือเกาะ มีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มโดยพื้นที่ฝั่งตะวันตกจะสูงกว่าฝั่งตะวันออกเล็กน้อย
ปลายปี พ.ศ. 2550 ผลการสำรวจดัชนีความมั่นคงของมนุษย์พบว่า สมุทรสงครามเป็นจังหวัดที่มีความมั่นคงของมนุษย์สูงที่สุดในประเทศไทย
จังหวัดสมุทรสงครามหรือเมืองแม่กลอง เข้าใจกันว่าเป็นแขวงหนึ่งของราชบุรี มีชื่อเรียกว่าสวนนอก ต่อมาในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยาต่อเนื่องกับสมัยกรุงธนบุรี จึงแยกออกจากจังหวัดราชบุรี เรียกว่า "เมืองแม่กลอง" สมุทรสงครามมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในช่วงที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี พม่าส่งกองทัพผ่านเข้ามาถึงบริเวณตำบลบางกุ้ง พระเจ้าตากสินมหาราชทรงรวบรวมผู้คนสร้างค่ายป้องกันทัพพม่าจนข้าศึกพ่ายแพ้ไป ณ บริเวณค่ายบางกุ้ง
นับเป็นการป้องกันการรุกรานของพม่าเข้ามายังไทยครั้งสำคัญในช่วงเวลานั้น ชื่อ "เมืองแม่กลอง" เปลี่ยนเป็น "สมุทรสงคราม" ในปีใดนั้นไม่ปรากฏแน่ชัด แต่สันนิษ ฐานไว้ว่าเปลี่ยนราวปี พ.ศ.2295 ถึงปี พ.ศ.2299 เพราะจากหลักฐานในหนังสือกฎหมายตราสามดวงว่าด้วยพระราชกำหนดเรื่อง การเรียกสินไหมพินัยความ ได้ปรากฏชื่อเมือง แม่กลอง เมืองสาครบุรี และเมืองสมุทรปราการ อยู่
ต่อมาพบข้อความในพระราชกำหนดซึ่งตราขึ้นในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เมื่อปี พ.ศ. 2299 ความระบุว่า โปรดเกล้าฯ ให้พระยารัตนาธิเบศท์ สมุหมณเฑียร บาล เอาตัวขุนวิเศษวานิช (จีนอะปั่นเต็ก) ขุนทิพ และหมื่นรุกอักษร ที่บังอาจกราบบังคมทูลขอตั้งบ่อนเบี้ยในแขวงเมืองจังหวัดสมุทร สงคราม เมืองราชบุรี และเมืองสมุทรปราการ ทั้งๆ ที่มีกฎหมาย สั่งห้ามไว้ก่อนแล้ว มาลงโทษ
"จังหวัดสมุทรสงคราม" เป็นแผ่นดินที่เกิดขึ้นใหม่จากการทับถมของโคลนตะกอนบริเวณ ปากแม่น้ำ เกิดเป็นที่ดอนจนกลายมาเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำขนาดใหญ่ ปรากฏชื่อครั้งแรกในนาม "แม่กลอง" เดิมสันนิษฐานว่าเป็นแขวงหนึ่งของจังหวัดราชบุรี มีชื่อเรียกว่า "สวนนอก" ต่อมาในราวปลายสมัยกรุงศรี อยุธยาต่อกับสมัยกรุงธนบุรี จึงแยกออกจากจังหวัดราชบุรี เรียกว่า "เมืองแม่กลอง"
"หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย" ท่านเกิดเมื่อปีมะแม ณ ต.บางแค อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ตรงกับวันพฤหัสบดี เดือนอ้าย ปีระกา พ.ศ.2392 มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน เป็นผู้ชายทั้งหมด ท่านเป็นลูกคนกลาง ในวัยเด็กหลวงพ่อแก้วได้ศึกษาวิชาจากบิดา ซึ่งเคยเป็นทหารวังหน้า และเป็นผู้มีวิชาแก่กล้าเชี่ยวชาญในคาถาอาคมมาก
ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร ตั้งแต่อายุได้ 10 ขวบ ที่วัดบางแคใหญ่ และได้อุปสมบทที่วัดเดียวกัน โดยมี หลวงพ่อเพ็ง วัดบางแคใหญ่ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังอุปสมบทได้ 1 พรรษา ได้ย้ายไปอยู่กับพระอาจารย์เกตุ ผู้เป็นพี่ชาย และได้อุปสมบทอยู่ที่วัดทองนพคุณ ต.บาง จาก อ.เมือง จ.เพชรบุรี
ต่อมาท่านได้ย้ายมาอยู่ที่วัดช่องลม อ.เมือง จ.สมุทร สงคราม และได้รับนิมนต์มาเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดพวงมาลัย จนถึง พ.ศ.2461 ท่านจึงมรณภาพ สิริอายุได้ 69 ปี
โดย:
oustayutt
เวลา:
2013-9-26 16:02
วัดพวงมาลัย
ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแม่กลองด้านตะวันตก ต.แม่กลอง อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี ระหว่าง พ.ศ.2415-2430 โดย "ท่านสัสดีพ่วง" และภรรยา "นาง มาลัย" ได้มีจิตศรัทธาถวายที่ดินให้สร้างเป็นวัด ชื่อว่า "วัดพ่วงมาลัยสุนทราราม" ต่อมาภายหลังเรียกกันสั้นๆ ว่า "วัดพ่วงมาลัย" จนกลายมาเป็น "วัดพวงมาลัย" ในทุกวันนี้
เมื่อสร้างวัดเสร็จแล้วได้นิมนต์ พระครูวินัยธรรม (หลวงพ่อแก้ว พรหมสโร) มาเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก ซึ่งขณะนั้นท่านเป็น เจ้าอธิการวัดช่องลม ต.บ้านปรก อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม
หลวงพ่อแก้ว เป็นพระธุดงค์ที่มีความเชี่ยวชาญทางสายวิปัสสนากัมมัฏฐาน มีคนนับถือมาก เชื่อกันว่าท่านสำเร็จญาณวิเศษ สามารถล่วงรู้เหตุการณ์ต่างๆ ได้ทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต ท่านเป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่อง "ตะกรุด" ที่ทำจาก "ใบลาน" รวมทั้งเหรียญ ผ้ายันต์ และลูกอม มีผู้นิยมกันมาก เลื่องลือกันว่า มีพุทธคุณด้านคงกระพันชาตรีดีเป็นเลิศ ปัจจุบันแต่ละอย่างล้วนมีราคาเล่นหาสะสมสูงมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ตะกรุดใบลาน" ที่หลวงพ่อแก้วเจาะจงทำให้บรรดาลูกศิษย์ และญาติโยมใกล้ชิด ที่เคารพนับถือท่านเป็นการเฉพาะ "ตะกรุด" ของท่านจะยึดถือเอาใบลานเป็นหลักในการทำ โดยท่านเจาะจงจะต้องนำมาจากต้นตาลที่ขึ้นอยู่ที่ปากคลองบางปืนเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันบ้านบางปืนอยู่ที่หมู่ 6 ต.นางตะเคียน อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม โดยใบลานที่ได้นี้จะเป็นยอดใบลานเดือน 5 เป็นใบลานอ่อน ตากแห้งม้วนไม่แตก
"ต้นตาล" ที่ว่านี้ขึ้นโดดเดี่ยวกลางทุ่งบ้านบางปืน
สาเหตุที่ต้องใช้ใบลานปากคลองบางปืน หลวงพ่อแก้วบอกว่า เพราะชื่อ "บางปืน" เป็นมงคลนามฟังว่าเป็น "บังปืน" ได้ ให้ความหมายในการข่มนาม ใช้ชื่อในการสะกดลงอักขระเลขยันต์ เพื่อบ่งบอกให้ เทพ เทวดา ฟ้าดิน ได้รับรู้ว่าของของท่านใช้ดีทางไหน เป็นอุปเท่ห์ในการลงวิชาอาคม อันเป็นเคล็ดลับของการลงเครื่องรางของขลังประการหนึ่ง คือ การข่มนามแจ้งเทพ ในสมัยนั้นดงใบลานของบางปืน การคมนาคมลำบากยากยิ่ง ไม่ง่ายเหมือนอย่าง สมัยนี้ เมื่อท่านสั่งให้ลูกศิษย์เดินทางไปตัด ใบลานจากบ้านบางปืน มักมีผู้ถามหลวงพ่อแก้วว่า "ทำไมถึงต้องไปเอาไกลขนาดนั้น"
หลวงพ่อแก้วตอบว่า "อยากได้ของดีก็ต้องรี่ไปเอา ไกลแค่ไหนถ้าไม่ไป ก็ไม่ได้ของดี"
เมื่อได้ใบลานจากบางปืนมาแล้ว ท่านจะตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ขนาดประมาณ 5-6 นิ้ว แล้วนำไปผึ่งแดดให้แห้ง จากนั้นจึงนำมาลงอักขระบนใบลาน ด้วยตัวขอม อ่านได้ว่า "ภู ภิ ภู ภะ" ล้อมรอบด้วยตัว "มิ" ไว้ตรงกลาง ประกอบด้วยอักขระหนุนตามสมควร สำหรับคาถาในการอาราธนาตะกรุดใบลานบังปืน ให้ตั้งนะโม 3 จบ เอาตะกรุดจบที่หน้าผาก แล้วว่าคาถา ดังนี้ "ภูภิ ภูภะ อะมิ อุทถัง อัดโธ นะโมพุทธายะ" เมื่อคาดเข้าติดตัว ให้ว่าคาถาเวลาผูกปมเชือก ดังนี้ "ภูภิ ภูภะ อะมิ มิมังกายะพัทธนัง อธิษฐานมิ"
ถ้าเป็นตะกรุดดอกเล็กๆ เเบนๆ จะเรียกว่า "ตะกรุดพิสมร"
ส่วนดอกยาวขึ้นมาหน่อย ป้อมๆ อ้วนๆ ลักษณะเหมือนกลองเพลวัด จะเรียกว่า ตะกรุดลูกกลอง ถ้าดอกยาวๆ มีทั้งถักเชือก และไม่ถักเชือกเป็นใบลานเปล่าๆ ลงอักขระแล้วม้วนมีที่ปิดทองเก่าก็มี แต่พบเห็นได้น้อย โดยมากจะเสียหายหมดเรียกว่า "ตะกรุดใบลาน"
ตะกรุดทั้งหมดนี้ เรียกรวมๆ กันว่า "ตะกรุดใบลานบังปืน" ม้วนด้วยคาถาหัวใจเสือสมิง "ภู ภิ ภู ภะ" ด้วยเวลาค่ำคืนดึกสงัด ปราศจากเสียงหวีดร้องของเหล่าสรรพสัตว์ ถือเป็นฤกษ์มหาอุตม์ ตะกรุดใบลานบังปืนของหลวงพ่อแก้ว จะพันด้วยด้ายสายสิญจน์ ไม่ใช่การถักลาย การพันเเบบนี้ ผู้เฒ่าผู้แก่บอกว่า หลวงพ่อจะพันด้วยตัวท่านเอง ระหว่างการพันด้าย ท่านจะบริกรรมคาถาไปด้วย ให้สังเกตจะเป็นการพันแบบง่ายๆ แล้วจึงนำมาจุ่มรักในภายหลัง
"ตะกรุดใบลานบังปืน" ของหลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย คนสมัยก่อนยกให้เป็นสุดยอดนิยมเครื่องราง 1 ใน 10 ชนิด ประกอบด้วย 1.หมากทุยวัดหนัง 2.เบี้ยแก้หลวงปู่บุญ-หลวงปู่เพิ่ม 3.ไม้ครูหลวงปู่ภู 4.มีดหมอหลวงพ่อเดิม 5.ตะกรุดพิสมรหลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย 6.ครั่งหลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง 7.ราหูหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง 8.แหวนพิรอด หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว 9.ลูกแร่หลวงปู่จัน วัดบางไผ่ 10.หนุมานหลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน
ล้วนเป็นวัตถุมงคลสุดยอดทั้งสิ้น!!!
โดย:
Sornpraram
เวลา:
2013-9-26 16:40
เกือบจะมีวาสนาได้ครอบครอง
โดย:
Sornpraram
เวลา:
2015-7-7 06:29
โดย:
oustayutt
เวลา:
2015-7-7 07:42
เหมือนกันเลยเกือบ มีวาสนาได้ครอบครองครับ
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/)
Powered by Discuz! X3.2