การวิเคราะห์จริตมนุษย์ 6 ประเภท |
เราคงจะได้ยินกันบ่อยว่า สามีหรือภรรยา ต่างไม่เข้าใจกันแม้จะอยู่ด้วยกันมานับสิบๆปี หรือ พ่อแม่ มาบ่นให้ผู้เขียนฟังว่าไม่ค่อยเข้าใจ ลูกเลย ทำไมถึงมีพฤติกรรมแปลกๆ ส่วนในที่ทำงาน หลายคนกำลังกลุ้มกับ หัวหน้า ที่ดูเหมือนจะศรศิลป์ไม่กินกัน จนแทบอยากจะลาออกจากงาน ส่วนหัวหน้าก็กลุ้มใจกับ ลูกน้องที่ดูเหมือนจะสั่งงานไม่ไป พูดอย่างไปอีกอย่าง หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้เราเข้าใจบุคคลที่อยู่รอบตัวท่านได้ดีขึ้น ปัญหาส่วนหนึ่งมาจากการที่ คนเรามักมองตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล และมองออกไปหาคนอื่น เราแทบไม่ได้คิดจากคนอื่นกลับมาหาเรา หรือถ้าคิดก็มักคิดว่า ทุกคนต้องคิดเหมือนเราทำเหมือนเรา ถ้าไม่ทำอย่างอย่างที่เราคิดหรือคาดหวังว่าจะทำแล้วก็จะรู้สึกไม่สบอารมณ์ ที่จริงแล้ว มนุษย์เราแต่ละคนมีระบบความคิด ระบบการมองโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าจะเป็นพี่น้องกัน หรือว่าอยู่ในครอบครัวเดียวกัน การที่เราสามารถเข้าใจระบบการมองโลกและระบบความคิดของเขา เราสามารถอ่านใจสามีหรือภรรยา ลูก หัวหน้าหรือลูกน้องได้ เราสามารถคาดว่าถ้าเราพูดอย่างนี้ เขาจะโต้ตอบมาว่าอย่างไร จะไม่มีการแปลกประหลาดใจ โดยเฉพาะผู้เป็นคุณพ่อคุณแม่จะได้เข้าใจถึงลูกของตัวเองดีขึ้น หัวหน้าจะได้มอบหมายลูกน้องให้ทำงานตรงกับลักษณะนิสัย จะได้ไม่ประหลาดใจกับผลที่ได้เมื่อสั่งงานไปแล้ว ส่วนหากเราเป็นลูกน้องก็จะสามารถเข้าใจนายว่าทำไม่เขาถึงพูดถึงทำเช่นนั้น และเราจะมีทางหนีทีไล่ได้อย่างไรเมื่อไปเจอกับหัวหน้ารูปแบบแตกต่างๆ หากคนเรามีความเข้าใจกันแล้ว สามารถคาดคะเนพฤติกรรมของกันละกันแล้ว รู้ว่าจะพูดอย่างไรทำเช่นไรกับคนประเภทต่างๆ แล้ว ความขัดแย้งก็จะลดน้อยหายไป ในทางกลับกัน เราจะรู้สึกสงสารเห็นใจ รู้จักจักประนีประนอม ถนอมน้ำใจคนอื่น เพื่อให้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ที่สำคัญที่สุด เราจะได้รู้จักตัวเองดีขึ้นว่า เราเป็นคนเช่นไร คนเราส่วนใหญ่มองตัวเองไม่ออก เพราะเรามักจะมองออก เราไม่คอยได้มองกลับมาหาตัวเอง เราแทบจะเคยสังเกตว่าเราใส่แว่นสีอะไร เพราะเราใส่มันมาตั้งแต่เกิดแล้ว เราแทบไม่เคยสังเกตระบบการมองโลก ระบบความคิด และนิสัยว่าเป็นอย่างไร เพราะเราคุ้นเคยกับมันหรือไม่ก็คิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งส่วนเดียวกับความเป็นตัวเราจนแยกไม่ออก เราไม่เคยคิดจะเปลี่ยนความคิดเพราะคิดว่ามันหมายถึงเปลี่ยนความเป็นตัวของเรา หรือเพราะคิดว่ามันเป็นธรรมชาติของเรา หนังสือเล่มนี้ จะช่วยให้เราเข้าใจจิตใจ ความรู้สึก เข้าใจอารมณ์พื้นฐาน และระบบความคิดของตัวเองได้ดีขึ้น เมื่อเราเข้าใจตัวเองอย่างถ่องแท้เท่านั้น ท่านจึงจะสามารถเข้าใจผู้อื่น เมื่อเราเข้าใจและเกิดความเมตาในตัวเองเท่านั้น เราจึงจะสามารถมีความเมตราต่อผู้อื่นได้ และเราจะต้องรู้และเข้าใจตัวเราเองแล้ว เราถึงจะปรับเปลี่ยนตัวเราเองได้ แนวความคิดเกี่ยวกับประเภทของจิตมนุษย์ในหนังสือเล่มนี้มีรากฐานจากคัมภีร์วิสุทธิมรรคซึ่งผู้ประพันธ์เป็นพระอรหันต์ชาวลังกา ในคัมภีร์ดังกล่าวได้อธิบายถึงสภาวจิตของคนเราหรือจริตมีอยู่ด้วยกัน 6 ประเภท ได้แก่ โทสะจริตหรือสภาวจิตที่โกรธง่าย โมหะจริตหรือจิตที่มักอยู่ในสภาพง่วงนอนซึมเศร้า วิตกจริตหรือสภาวจิตที่ช่างกังวลสงสัยฟุ้งซ่านเป็นอารมณ์ ราคะจริตคือสภาวจิตที่หลงติดในรูปรสกลิ่นเสียง ศรัทธาจริตคือสภาวจิตที่มีปรัชญาหรือหลักการของตัวเองและพยายามให้บรรลุถึงจุดนั้น ประการสุดท้าย พุทธิจริตคือสภาวจิตที่ เน้นการใช้ปัญญาในการหาเหตุหาผลแก้ปัญหา คำว่าจริตในที่นี้จึงหมายถึงสภาวจิตของเรา จากการแบ่งจริตมนุษย์เป็น 6 ประเภทใหญ่ ท่านจะสามารถสังเกตได้ว่าตัวท่านเองและคนรอบๆ ตัวท่านเป็นคนประเภทใด แม้ว่าคนเราอาจมีหลายจริตประสมประสานกันอยู่ แต่จะมีจริตใดจริงหนึ่งที่เด่นกว่าจริตอื่นในแต่ละขณะเวลา |
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) | Powered by Discuz! X3.2 |