Baan Jompra

ชื่อกระทู้: ตำนาน เสือสมิง [สั่งพิมพ์]

โดย: AUD    เวลา: 2013-9-12 21:42
ชื่อกระทู้: ตำนาน เสือสมิง
[attach]4655[/attach]

ตำนาน เสือสมิง

เป็นตำนานที่กล่าวขานกันมาแต่นมนาน ถึงความน่ากลัวของศาสตร์อาถรรพ์ ที่มีปรากฏเกิดขึ้นว่า เสือที่ดุร้ายและมักชอบจับคนกินเป็นอาหาร เมื่อกินคนมากเข้าวิญญาณคนที่เสือกินเข้าไปนั้น ก็อยู่สิงสู่ในกายเสือ ทำให้เสือตัวนั้นมีความเป็นอาถรรพ์ ที่สามารถจำแลงแปลงกายบิดเบือนตนเสือให้กลายเป็นใครต่อใครก็ได้ เพื่อเที่ยวหลอกล่อคนที่เป็นเหยื่อให้หลงกล ทำให้จับกินได้ง่ายขึ้น ครั้นยิ่งกินคนมากขึ้น วิญญาณก็ยิ่งสิงสู่ในตัวเสือมากเข้าเท่าใด เสือตัวนั้นก็ยิ่งมีฤทธิ์มีอำนาจมากขึ้นเป็นทวีคูณ ซึ่งเรื่องความเป็นมาของเสือมิใช่มีแต่เสือมันกินคนแล้วมันจะกลายเป็นเสือสมิงได้เท่านั้น มีอีกอย่างที่ทำให้เกิดความเป็นเสือสมิง คือ พวกที่เรียนวิชาเสือ คือการเรียกเอาวิญญาณเสือนั้นมาเข้าสิงในตน ผนวกกับคนผู้นั้นร่ำเรียนอาคมในทางเดรัจฉานวิชาด้วย เมื่อนานเข้า เกิดการรวมตัวในทั้งสองเรื่องที่กล่าว คือ ทั้งวิชาเรียกเสือ และอาคม ทำให้คนผู้นั้นกลายเป็นเสือสมิง ครั้นเสือตนนี้ได้ไปกินคนเข้า ก็กลายเป็นเสือสมิงโดยสมบูรณ์ มีเรื่องเล่าขานและค่อนข้างดังมาก เมื่อประมาณ 30 กว่าปีที่แล้ว และดูเหมือนว่า กลายเป็นข่าวลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ที่ยักษ์ของประเทศ ว่า มีชาวบ้านทางภาคเหนือได้รับความเดือดร้อนที่ว่า มีเสือตัวใหญ่เข้าไปทำร้ายคนในหมู่บ้านแห่งหนึ่งนั้น เป็นที่หวาดกลัวแก่ชาวบ้านมาก จึงได้ไปขอความคุ้มครองจากทหารหน่วย ตชด. เพื่อเข้ามาดูแลความปลอดภัยภายในหมู่บ้าน ฝ่ายทหารหน่วย ตชด. จึงส่งกำลังเข้าไปคุ้มครองและได้ล่าเสือตัวนั่นไปในตัว กลางดึกคืนหนึ่งนั้นฝ่าย ตชด. ได้จัดกำลังตรวจตราหน่วยหนึ่ง และส่วนที่เหลือก็เข้าที่พัก บนศาลาที่จัดกันไว้ เป็นที่พักผ่อนนอนหลับ และในตอนดึกคืนนั้น ศาลาที่หน่วย ตชด. พัก เกิดสั้นไหวโยกเอน เมื่อทหารที่นอนตื่นกันลุกขึ้นมาดู กลับเห็นเสือโคร่งขนาดใหญ่ พิงสีตัวอยู่ที่โคนเสาศาลา ทหารกำลังหน่วยนั้นได้ยิงใส่เสือโคร่งใหญ่นั้น ทำให้เสือตัวนั้น บาดเจ็บและหายไปในความมืดนั้น ครั้นรุ่งเช้า หน่วยทหารจึงทำการติดตามแกะรอยเลือดเสือตนนั้นไป จากการติดตามรอยเลือดนั้นผลปรากฏว่า รอยเลือดนั้นไปสิ้นสุดที่หลุม เนินดินแห่งหนึ่ง แล้วไม่ปรากฏรอยเลือดนั้น ไปทางไหนอีก ทหารที่ติดตามนั้นเห็นเนินดินแล้วจึงตัดสินใจในความสงสัยกันบางอย่าง จึงขุดหลุมเปิดเนินดินนั้น เมื่อขุดไปลึกพอประมาณ ก็ต้องอึ้งกันไปทั้งหมด เพราะสิ่งที่เห็นในหลุมนั้นปรากฏว่า เป็นศพผู้ชายคนหนึ่งแต่ตัวท่อนล่างนั้นเป็นสภาพของเสื่อลายพาดกลอน ดูเหมือนว่า เป็นการกลายร่างจากเสือเป็นคนที่ยังไม่สมบูรณ์นั้นเอง จากการถามที่มาของศพชายผู้นี้ ได้ความว่า เป็นคนในหมู่บ้านย่านนั้น และสาเหตุที่ตายเพราะผิดผี จึงตาย ประเด็นน่าสนใจอยู่ที่ว่า ชายผู้นี้ผิดผีอะไร อย่างไร ซึ่งหนังสือนั้นมิได้กล่าวถึง จึงยากต่อการวิเคราะห์ได้ ในช่วงสมัยนั้นก็มีวิชาที่คล้ายกันอีกอย่างหนึ่ง คือวิชาแปลงร่างเป็นจระเข้ ซึ่งเรื่องนี้ ถ้าสนใจก็ลองค้นในประวัติและเรื่องราวของหลวงปู่สุข วัดมะขามเฒ่า อยุธยา ดูก็จะเห็นความใกล้เคียงในเรื่องความเป็นไป เรื่องของวิชาแปลงร่างนี้ ก็มีปรากฏในเรื่องขอกสินดิน แต่โดยเฉพาะวิชาเสือสมิง และวิชาจระเข้แปลงรูปนี้ ได้สาบสูญไปแล้ว เพราะที่จริงวิชาอย่างนี้ที่สุดแล้วให้โทษมากกว่าให้คุณครับ ปัจจุบันคณาจารย์ หรือผู้เรียนอาคม มักนิยมปลุกเรียกเสือ ลงเครื่องรางมากกว่า เรียกลงคน


โดย: AUD    เวลา: 2013-9-12 21:44

  เรื่องราวของเสือสมิงมีบันทึกเอาไว้ในพระราชหัตถเลขาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อเสด็จประพาสต้นไปถึงจันทบุรี เป็นที่รู้กันว่าทรงโปรดที่จะเสด็จเยี่ยมเยียนราษฎรในหัวเมืองต่างๆ หลายจังหวัดด้วยกัน เพื่อจะได้ทรงเห็นทุกข์สุขของราษฎรได้ใกล้ชิดมากกว่าจะทรงรับรายงานจากทางราชการเพียงอย่างเดียว และอีกอย่างก็เป็นการแปรพระราชฐานเพื่อพระพลานามัยจะได้แข็งแรงสมบูรณ์ขึ้นด้วย

        เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๙ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จเรือพระที่นั่งอรรคราชวรเดชลัดเลาะไปตามชายฝั่งทะเลด้านตะวันออก พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ ไปถึงจันทบุรี

        ตอนนั้นจันทบุรีเป็นป่าเสียมากกว่าเป็นเมืองและสวนผลไม้อย่างเดี๋ยวนี้ มีสัตว์ป่าชุกชุมทั้งช้าง ม้าป่า และเสือ โดยเฉพาะเสือถือว่ามีมากเป็นอันดับหนึ่ง ถ้าทางกรุงเทพต้องการเสือก็ต้องมาดักเอาที่นี่ เพราะเป็นสินค้าที่ต่างประเทศต้องการมาก เพราะเหตุนี้ เจ้าเมืองจันทบุรีนอกจากจะต้องดูแลราษฎรต่างพระเนตรพระกรรณแล้วยังมีหน้าที่คล้ายๆรพินทร์ ไพรวัลย์ คือต้องคอยปราบเสือไม่ให้มารังควานชาวบ้านอีกด้วย

        ใน พ.ศ. ๒๔๑๙ เสือที่จันทบุรีอุกอาจมาก บุกเข้าไปในบ้านคนแล้วคาบคนในบ้านไปกินเสียดื้อๆ ขนาดในเมืองมันก็ยังไม่กลัว กล่าวกันว่าเป็นเสือแก่ที่ไม่ว่องไวพอจะวิ่งไล่จับสัตว์อื่นๆได้ ก็เลยเข้าบ้านมาจับคนกินแทนเพราะง่ายกว่า ทำเอาชาวเมืองจันท์ระส่ำระสายเสียขวัญกันไปทั้งเมืองแทบไม่เป็นอันทำมาหากิน

        พระยาจันทบุรีเห็นเสือชักจะกำแหงก่อกวนคนมากเกินไปเสียแล้ว ก็ตัดสินใจเปิดศึกขั้นเด็ดขาดด้วยการประชุมพรานมือดีมาหลายคน แจกปืนให้ แยกย้ายกันออกไปล่าเสือ คนไหนไม่มีปืนก็ทำจั่นดัก ล่ากันเอาจริงเอาจังฆ่าเสือตายไปมาก ที่เหลือก็เตลิดหนีเข้าป่าลึก ทำให้ชาวบ้านหายขวัญเสียกลับมาทำมาหากินอย่างสงบได้อีกครั้ง



โดย: AUD    เวลา: 2013-9-12 21:45

  เรื่องเสือจริงสงบลงไม่ทันไร ชาวบ้านก็เริ่มขวัญเสียกันใหม่เพราะมีข่าวเล่าลือเรื่องเสือสมิง ประจวบกับเวลาที่พระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปพอดี ในพระราชนิพนธ์ ทรงบันทึกไว้ว่า

"…ราษฎรชาวเมืองเชื่อถือกลัวเสือสมิงกันมาก เล่ากันว่าที่เมืองเขมรมีอาจารย์ทำน้ำมันเสือสมิงได้ ศิษย์ได้ลักน้ำมันนั้นทาตัวเข้า กลายเป็นเสือสมิงไปถึง ๓ คน พลัดเข้ามาในแขวงเมืองจันทบุรี ตัวหนึ่งเป็นเสือดุร้าย เที่ยวขบกัดคนตายที่พลิ้ว ๒ คน ที่ปากจั่น ๑ คน ที่ป่าสีเซ็น ๒ คน รวม ๕ คน อาจารย์เที่ยวตาม ได้บอกชาวบ้านว่าศิษย์สามคนลักน้ำมันเสือสมิงทาตัวเข้า กลายเป็นเสือไปทั้งสามคน บิดามารดาของศิษย์นั้นเขาจะเอาลูกของเขา จึงมาเที่ยวตามหา แล้วสั่งไว้ว่าใครพบปะเสือนี้แล้วให้เอาไม้คานตี ฤๅมิฉะนั้นให้เอากะลาครอบรอยเท้าเสือนั้น ก็จะกลับเป็นคนได้ แต่วิธีจะแก้นี้ทำได้ก็แต่เมื่อเสือนั้นยังไม่ทันกินคน รังควานทับเสียแล้ว ถึงจะทำวิธีที่บอกก็ไม่อาจกลับเป็นคนได้"

อ่านแล้วก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือหลอกลวงกัน เพราะดูๆแล้วอาจารย์คนนี้คิดน้ำมันทาตัวคนให้เป็นเสือขึ้นมาเพื่อประโยชน์อะไรก็ยังแปลกๆอยู่ แล้วเสือลูกศิษย์ทำไมวิ่งถึงข้ามชายแดนมาไกลขนาดนี้แทนที่จะอยู่ถิ่นเดิมในเขมร อีกอย่าง ในเมื่อตอนนี้เสือกินคนเสียแล้วกลับคืนร่างเดิมไม่ได้ อาจารย์จะทำอย่างไรก็ยังไม่มีคำตอบ พระเจ้าอยู่หัวท่านก็คงจะไม่ทรงเชื่อข่าวลือนี้เท่าไร เพราะทรงบันทึกต่อไปว่า

"…เหมือนเมื่อครั้งก่อนเรามาสัตหีบครั้งหนึ่ง น้ำจืดในเรือหมด ต้องเกณฑ์ให้ทหารขึ้นไปตักน้ำที่หนองบนบกไกลฝั่งประมาณ ๓ เส้น พวกชาวบ้านบอกว่าที่นี่มีเสือสมิงมาเที่ยวอยู่ พระสงฆ์ผู้เป็นอาจารย์มาติดตามเวลากลางคืน แล้วก็ไปนั่งอยู่ที่ใต้ต้นตาลริมหนองน้ำนั้น คอยจะแก้ศิษย์ซึ่งกลับเป็นคน ในเวลานั้นก็ยังอยู่ พวกทหารพากันกลัว กลับมาเล่าจนเรารู้ เราอยากจะให้ไปตามตัวลงมาให้เห็นหน้าอาจารย์สักหน่อยหนึ่ง ก็เป็นเวลาดึกเสียแล้ว ครั้นเวลาเช้าก็ไปเสียจากสัตหีบ ท่านขรัวอาจารย์นั้นป่านนี้เสือมันจะเอาไปกินเสียแล้วฤๅอย่างไรก็ไม่รู้ "


ที่มา http://www.tumnandd.com
โดย: oustayutt    เวลา: 2013-9-25 10:08
เรื่องเล่า วัวธนูอาถรรพ์สู้เสือสมิง...
วัวธนู หรือบางแห่งเรียกว่า ควายธนู เข้าใจว่าน่าจะเป็นเพราะมีควายมากกว่า เป็นเครื่องรางโบราณของคนในภูมิภาคนี้อีกชนิดหนึ่ง ที่นิยมสร้างสืบทอดกันมาตั้งแต่อดีต เป็นเครื่องรางที่จำเป็นของพรานป่าที่มีวิถีชีวิตเกี ่ยวพันกับผืนป่าในสมัยที่ยังอุดมสมบูรณ์

ไม่มีประวัติการสร้างที่แน่นอนนักว่าเริ่มตั้งแต่สมั ยใด แต่ก็พบเห็นกันตามบ้านชาวชนบททั่วไป เล่ากันว่า นอกจากนิยมใช้พกพาติดตัวเข้าป่าล่าสัตว์ คนดีมีวิชาอาคมยังสร้างวัวธนูไว้รับคุณไสยที่ถูกส่งม าลองดีจากคนมีวิชาอาคมต่างถิ่น
เมื่อเป็นเด็กผมเคยเห็นควายปั้นปิดทองบนหิ้งพระของปู ่ ด้วยความสงสัยจึงแกถามว่า
“ทำไมปู่เอารูปไอ้หลาง (ควายคู่ทุกข์คู่ยากของปู่) มาบูชา หรือปู่นับถือควายซะแล้ว”
“ไม่ใช่รูปไอ้หลางโว้ย นี่เป็นควายธนู ของกายสิทธิ์ อย่าไปถูกต้องเป็นเด็ดขาด”
“ทำไมถูกไม่ได้ มันอยู่บ้านเราแท้ๆ ไม่เห็นมีธนูสักอัน”
“ถูกแล้วมันจะเข้าตัวเอา จุกแน่นท้องตายไม่มีใครช่วยได้จะบอกให้ ห้ามเป็นคำขาดเข้าใจไหม”

ผมโชคดีอยู่อย่างมีลุง อา ตา ปู่ ที่ใจดีน่ารัก ไม่มีใครรำคาญความช่างซักช่างถามของผม และจะอธิบายเล่าให้ฟังด้วยความเมตตาเสมอ ราวกับจะรู้ว่าหลานรักจะได้เอามาเล่าหากินในอนาคต ปู่เล่าว่าควายธนูตัวนี้เป็นสมบัติตกทอดมาจากทวดอีกท ีหนึ่ง พร้อมกับห้ามผมถามว่าทวดเอามาจากไหน เพราะแกไม่คิดว่าจะมีหลานช่างซักช่างถามอย่างผม เลยไม่ได้ถามเผื่อไว้ เอาเป็นว่าฟังเฉยๆ

ควายธนูตัวนี้เคยช่วยชีวิตทวดและเพื่อนที่เป็นพรานป่ าไว้หลายหน ครั้งหนึ่งทวดเข้าป่ากับเพื่อนบ้าน 2 คน ทำห้างดักยิงสัตว์ที่มากินดินโป่งในป่าลึกแถบเมืองกา ญจน์ เรียกกันว่าซุ่มโป่ง ดินโป่งเป็นดินเค็มที่สัตว์จำพวกเนื้อ เก้ง กวาง หรือกระทิงป่า ชอบมากิน พวกพรานมักจะมาดักยิงที่นี่ ทวดกับเพื่อนผูกห้างอยู่บนคาคบไม้สูงเพื่อป้องกันตัว เองให้พ้นภัยจากสัตว์ร้าย เช่น เสือ สาง ผมอดไม่ได้ถามปู่ว่าเสือนั้นเคยรู้จัก แต่สางนั้นตัวแบบไหนหรือ แกบอกว่ามันร้ายกว่าเสือมากนัก เพราะสางเป็นผีวิญญาณร้ายของเสือ เรียกกันว่า เสือสมิง มันสามารถแปลงกายเป็นคนได้ และมักจะแปลงเป็นคนที่พรานบนห้างรู้จัก หรือไม่ก็แปลงเป็นหญิงสาวหน้าตาสวยงาม มากวักมือเรียกให้ลงจากห้าง ถ้าพรานป่าคนใดหลงกล หรือว่าหลงความสวย ก็จะถูกเสือสมิงทำร้ายเอาถึงตายได้ ปู่เล่าว่าเสือสมิงคือเสือที่กินคนมามากจนวิญญาณคนที ่ตายสิงสู่อยู่ในร่าง กลายเป็นวิญญาณร้าย สามารถแปลงเป็นคนได้ แต่ไม่ได้เกิดจากวิชาอาคม เป็นเพียงการอิงอาศัยกันอย่างลงตัวของเสือและวิญญาณผ ู้ตายเท่านั้น วันนั้นหลังจากทวดเปลี่ยนเวรให้เพื่อนเฝ้าและงีบหลับ ไป โดยนอนหนุนย่ามที่มีควายธนูและของขลังต่างๆ อยู่ ทวดรู้สึกว่าควายธนูในย่ามมีอาการเคลื่อนไหว จึงตื่นขึ้น มองไม่เห็นเพื่อนจึงคว้าปืนมามองลงไปด้านล่าง พลันสายตาก็เห็นเพื่อนกำลังไต่พะองเดินไปหาหญิงสาวคน หนึ่ง ในมือเธอมีถือห่อผ้า ทวดตัดสินใจยิงไปที่ห่อผ้าก่อนที่เพื่อนจะเดินไปถึง ทันใดนั้นหญิงสาวก็กลายร่างเป็นเสือกระโจนหนีเข้าป่า เพื่อนทวดวิ่งไต่ขึ้นพะองอย่างรวดเร็ว รอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด แต่เสือสมิงไม่ได้หายไปไกลนัก ยังคงวนเวียนคำรามขู่อยู่รอบห้างๆ ได้กลิ่นสาบเสือโชยมาเป็นระยะ ทวดเห็นไม่ได้การจึงหยิบควายธนูมาจากในย่าม ท่องคาถาปลุกและปล่อยไป ทันใดนั้นวัวเล็กที่ทำจากดินศักดิ์สิทธิ์พอคลั่งก็กล ายเป็นตัวใหญ่มหึมา พุ่งลงจากห้างดุจธนูออกจากแล่งเข้าห้ำหั่นกับเสือสมิ งอย่างอาจหาญ เสียงการต่อสู้ดังลั่นป่า ในที่สุดเป็นเสียงเสือร้องบาดเจ็บอย่างโหยหวน รุ่งเช้าทวดลงมาตรวจดูบริเวณนั้นเห็นร่องรอยการต่อสู ้ราบเป็นแปลง พร้อมกับเสือตัวใหญ่นอนตายไส้ทะลัก ถูกขวิดพรุนไปทั้งตัว ถัดไปเห็นควายธนูตัวเก่งยืนอยู่อย่างสง่า

เมื่อทวดตายจึงเป็นมรดกตกทอดมาถึงปู่อีกทีหนึ่ง มาสมัยปู่ป่าไม้ถูกทำลายไปมากแล้ว จึงไม่ได้มีอาชีพเหมือนทวด เข้าไปหาของป่าก็นำควายธนูติดตัวไปด้วยแต่ไม่มีเหตุก ารณ์ร้ายอะไร แต่ปู่ก็เชื่อว่าควายธนูจะช่วยป้องกันคุณไสย สิ่งอัปมงคล ที่ถูกส่งมาตามลมเพลมพัด จะช่วยคุ้มครองคนในบ้านให้ปลอดภัย ปู่ผมยังได้บอกคาถาปลุกควายธนูว่า โอมอุตเทตะยัง โอม มะหาโคโณ อาสะภะโคโณ จัณฑะโคโณ อิทธิโคโณ ปะริสัมปันโน มะหิทธิยา มัญเจวะ มะมะ ปะริวารัญจะ ปะริกขะติ พุทธานุภาเวนนะ ธัมมานุภาเวนะ สังฆานุภาเวนะ ชะยะตุ สัพพะทิสังฯ เมื่อต้องการให้คุ้มครองป้องกัน ให้นำลงสรงน้ำแล้วนำไปสาดเป็นเขตกั้นรอบบริเวณบ้าน ปลอดภัยจากสิ่งอัปมงคลทั้งปวง ควายธนู หรือวัวธนู น่าจะได้สร้างเป็นเครื่องรางมานานแล้ว แต่ที่ขึ้นชื่อและเป็นที่รู้จักของคนในวงการผู้นิยมเ ครื่องรางของขลัง เป็นวัวธนูของหลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง จ.นครปฐม ที่สร้างราหูอมจันทร์นั่นเอง



โดย: นาคปรก    เวลา: 2013-10-29 14:29
โอม มหาโคโณฯ
โดย: oustayutt    เวลา: 2013-10-29 19:20
นาคปรก ตอบกลับเมื่อ 2013-10-29 14:29
โอม มหาโคโณฯ

หัวใจสมิงรึ
โดย: นาคปรก    เวลา: 2013-10-29 19:24
oustayutt ตอบกลับเมื่อ 2013-10-29 19:20
หัวใจสมิงรึ

เปล่าครับ ตอนหนึ่งของคาถา วัวธนู
โดย: oustayutt    เวลา: 2013-10-29 19:48
นาคปรก ตอบกลับเมื่อ 2013-10-29 19:24
เปล่าครับ ตอนหนึ่งของคาถา วัวธนู ...

ยังว่าไหงเป็นมหาโค^^
โดย: kit007    เวลา: 2014-9-27 11:01
เสือสมิง                                       



เสือสมิง เป็นผีตามความเชื่อของชาวไทยและชาวกะเหรี่ยง ที่เกี่ยวข้องกับป่าและภูติผีวิญญาณสิ่งชั่วร้าย

มีความเชื่อว่าเสือสมิง ถือว่าเป็นเสือชนิดหนึ่ง ที่มีคำสาปอาถรรพ์สถิตอยู่ในตัว สามารถแปลงกายเป็นเสือได้ เพื่อหลอกผู้ที่พบเห็น โดยเฉพาะนักเดินป่า หรือนายพราน ผู้ที่เป็นเสือสมิงอาจเป็นได้หลายแบบ คือ
- เกิดจากดวงวิญญาณของเสือที่ตายแล้ว มาสิงสู่ร่างคน หรือวิญญาณคนที่ตายแล้วยังไม่ไปเกิด จึงได้สิงสถิตและจองจำในร่างของเสือร้าย
- เกิดจากเสือที่อาละวาดกินคนเข้าไปมาก จนมีวิญญาณคนสิงอยู่ในร่าง
- ผู้มีวิชาอาคมแก่กล้า สามารถแปลงกายเป็นเสือแต่อาจจะทำผิดครูจึงทำให้เวทมนตร์เข้าหาตัว หรือ ผู้ที่มีวิชาอาคมแก่กล้าแต่ไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้ของเข้าตัวกลายเป็นเสือได้ เสือสมิงพวกนี้จะเรียกว่า สมิงอาคม

เสือสมิง คนทั่วไปมักเข้าใจผิดว่า ต้องเป็นเฉพาะผู้หญิง แต่ในความจริงเสือสมิงเป็นได้ทั้งชายและหญิง
- เสือสมิงที่มีฤทธิ์แรง สามารถแปลงกายเป็นเสือตัวใหญ่ในช่วงเวลาไหนก็ได้ ทั้งกลางวันและกลางคืน มีแรงอาฆาตพยาบาทมาก
- เสือสมิงที่มีฤทธิ์ปานกลาง จะแปลงกายได้ในตอนหวาดกลัวสุดขีด หรือในคืนที่พระจันทร์เต็มดวงแล้วกลายเป็น เสือลายพาดกลอน

ผู้ที่เป็นเสือสมิง จะมีพฤติกรรมลึกลับในส่วนลึกของจิตใจ ทั้งบุคลิกท่างการแสดงออก จะมีลักษณะคล้ายกับเสือโคร่ง ชอบกินเนื้อสัตว์แบบสุกๆ ดิบๆและมีกลิ่นคาว ถ้าสัตว์อื่นที่ได้พบเห็นจะต้องหวาดกลัวทันที บางรายก็ไม่ปรากฏอาการแต่จะมีการมองด้วยสายตาที่น่ากลัว ผู้คนทั่วไปไม่ค่อยกล้าสบตา

เสือสมิง เป็นความเชื่อที่อาจคล้ายคลึงกับความเชื่อของชนชาติอื่น อาทิ มนุษย์สิงโต (นรสิงห์), มนุษย์หมาป่า , มนุษย์เสือดาว เสือดำ, มนุษย์จระเข้, สกินวอร์คเกอร์

ส่วนวิธีจัดการกับเสือสมิงนั้น
- โยนกล่องไม้ขีดไฟให้ลองจุดดู ถ้าไม่สามารถจุดไม้ขีดไฟได้ แปลว่าเป็นเสือสมิง เพราะเสือสมิงไม่มีนิ้วแบบมนุษย์ มีแต่อุ้งเท้าเป็นเสือตรงบริเวณแขน แลมีฟันเขี้ยวแหลมคม สามารถงอกยาวและหดเล็กได้ รูปแบบที่พบเห็นทั่วไป มักปรากฏตัวออกมาในรูปร่างเหมือนคนปกติทุกประการ แม้กระทั่งนายพรานและผู้อื่นไม่สามารถล่วงรู้ได้เลย จึงจำเป็นต้องสังเกตพฤติกรรมของคนๆนั้นให้ดี

- ใช้มีดหมอลงอาคมแทง หรือใช้กระสุนปืนศักดิ์สิทธิ์สำหรับฆ่าเสือสมิง เป็นการทำลายวิญญาณของมันให้ไปเกิดใหม่ และไม่ให้วิญญาณไปสถิตร่างเสือตัวอื่น

เสือสมิงตามความเชื่อของชาวกะเหรี่ยง เชื่อว่าเป็นเจ้าป่าเจ้าเขาหรือพระภูมิเจ้าที่ ที่ดูแลรักษาปกป้องป่า จึงมีความเชื่อและข้อปฏิวัติว่า ห้ามล่าสัตว์หรือตั้งห้างบริเวณที่เป็นโป่ง ซึ่งเป็นแหล่งที่เป็นที่ชุมนุมของสัตว์ป่า มีผู้ที่เคยพบเห็นเจ้าของโป่งในเวลากลางคืน อ้างว่า มีดวงตาสามดวง ตาดวงที่สามอยู่กลางหน้าผากและเป็นสีเขียวเรืองแสงในความมืด มีเรื่องเล่ากันของชาวกะเหรี่ยงว่า ผู้ที่พบเจอกับเสือสมิง มักจะปรากฏเป็นผู้หญิงหรือเมียเข้ามาตามถึงในป่าแจ้งว่า ลูกป่วยให้กลับบ้าน เป็นต้น ถ้าลงไปก็จะถูกฆ่าตาย บ้างถึงกับว่า เมื่อมีผู้ไม่ยอมลงไป สักพักก็กลับมาใหม่พร้อมด้วยคนอีกสี่คนหามคานใส่ศพของลูกหรือเมียมาก็มี มีบางคนที่ยิงปืนใส่ เช้ามาเมื่อลงจากห้างพบว่า มีรอยเท้าเสือขนาดใหญ่เพ่นพ่านอยู่บริเวณนั้น โดยเชื่อว่าคนสี่คนที่เห็นว่าหามคานนั้น คือ ขาทั้งสี่ข้างของเสือ เป็นต้น


ที่มา: http://noo-ddd.exteen.com/


โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-1-23 14:59
ตำนานเสือสมิง


https://www.youtube.com/watch?v=9omesmAwpl4






โดย: ธี    เวลา: 2015-1-23 15:58

โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-1-23 17:02
ธี ตอบกลับเมื่อ 2015-1-23 15:58

คุณธี ไม่มีเรื่องเล่า เสือสมิงบ้างหรอ  
โดย: ธี    เวลา: 2015-1-23 19:09
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ธี เมื่อ 2015-1-23 21:34

มีครับ..... แต่คนละแบบกับที่อ่าน ผมเคยลงไว้ เป็นเรื่องเล่าบรรพบุรุษของผมเองผ่านยายของผมครับ ยายผมท่านเล่าว่า เสื่อสมิงมี 2 แบบ คือ เสือที่กลายร่างเป็นคนได้ กับคนที่กลายร่างเป็นเสือได้ กรณีที่ 2 อาจเกิดได้ 2 แบบ คือ คนที่มีอาคมแกร่งกล้าก็กลายร่างเป็นเสือได้แต่เป็นประเภทดุร้าย อีกประเภทหนึ่งคือคนที่มีอายุยืนยาว สร้างบุญบารมีมากๆ จนถึงกับมีบุญไม่มีวันตาย(อมตะ) แต่คนเหล่านี้ไม่สามารถคงร่างเป็นคนต่อไปได้ ต้องเปลียนแปลงตนเอง(เหมือนหนังเรื่อง ลีดซิ ที่เข้าฉายพูดถึงเลยครับ) จนเป็นเสือสมิง(ไม่ดุร้าย) และจะตายเมื่อสิ้นศาสนาด้วยไฟบรรไลกันต์ที่ล้างโลก คนไม่สามารถพบเห็นได้เพราะพวกเหล่านี้อาศัยอยู่ในป่าเขาและกัมบังกายได้ ถ้าเขาจะให้เห็นก็สามารถปรากฎได้ คนทั่วไปไม่รู้ มักรวมกันเป็นประเภทที่มีอาคมและกลายร่างเป็นเสือ

ผมขอเล่าเกี่ยวกับความเชื่อที่บ้านผมก่อน.....ธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมาว่า เมื่ออายุสมควร ผู้ชายต้องบวชพระ ผู้หญิงต้องบวชชี(โกนหัว) ถ้าไม่บวชจะมีผู้มาเตือน เหมือนลุงผม ไม่ย่อมบวช จนเจอกับตนเอง ในขณะที่ลุงจะออกจากบ้าน ปรากฎผู้ชายคนหนึ่งตัวใหญ่มาก เอามือสองข้างจับประตูและพูดว่า "มึงจะบวชไม่บวช" และหายไป ลุงตกใจต้องมาหายาย และยายก็ต้องจุดธูปเทียนบอกกล่าวให้ ยายเล่าให้ผมฟังว่า คงเป็นพระกาฬ (ที่บ้านผมนับถือครับ) ท่านต้องการเตือนให้ลุงบวช เพราะเป็นธรรมเนียมของบ้านที่จะให้ลูกหลานสืบทอดพระพุทธศาสนา ก็มีบางคนที่บวชไม่สึกครับ ตายในผ้าเหลืองเลย ผมเองก็คิดจะบวชไม่สึกเหมือนกัน ถ้าลาออกจากราชการแล้ว

ที่เล่าเรื่องนี้เพราะเกี่ยวกับการเรื่องที่บ้านผมที่นับถือพระ เทวดา และเชื่อเรื่องบุญกรรมมากเป็นพิเศษ ตระกูลทางยายผมอายุยืนยาว 90 ปีขึ้นไป บางคนเช่นทวดหญิงอายุถึง 114 ปี (ตาย) ขนาดแก่แล้วมองไม่เห็นท่านก็เดินไปวัดทุกวัน ไม่มีคนไปด้วย ท่านก็เดินไปคนเดียว จนต้องปิดประตูบ้านไม่ให้ไป(กลัวถูกรถชน) และนำอาหารที่ท่านจัดไปวัดให้...... เรื่องนี้เกี่ยวกับเสือสมิงเพราะยายผมเล่าเกี่ยวกับเสือสมิงที่เป็นบรรพบุรุษของผมว่า สมัยยายเด็กๆ มีพ่อของทวดของพ่อยาย ท่านอายุยืนมากมีหลาน เหลน โหลน... ยายว่าอายุอาจประมาณ 150 ปีขึ้นไปได้(ทวด) วันหนึ่งท่านต้องการไปอยู่ที่ชายป่า ลูกหลานจึงสร้างกระท่อมให้ และผลัดกันนำอาหารไปให้ แรกๆท่านก็ออกมากิน นานๆเข้า ได้ยินเสียงให้วางอาหารที่ชายเรือนหน้ากระท่อม ลูกหลานสงสัยก็แอบดู ปรากฎว่า ท่านออกมาแต่มีขนตามร่างกายเป็ขนสัตว์ลายของเสือ เอาอาหารไปให้ทุกครั้งก็แอบดูครับ จนท่านคลานออกมา มือหุบเข้าไป ขาเริ่มกลายเป็นขาสัตว์ ต่อมาก็ก็กลายเป็นเสือเต็มตัวแต่ไม่มีหาง คืนหนึ่งทุกคนได้ยินเสียงเสือร้องลั่นชายป่า แต่ไม่มีใครไปดู หลังจากวันนั้น เอาอาหารไปให้ก็เห็นเสือออกมากินอาหาร แต่มีหางสมบูรณ์แล้ว ทุกคนเลยคุยกันว่า ท่านร้องเพราะเจ็บที่หางงอกออกมา วันหนึ่งท่านเขาฝันบอกลูกหลานว่า ท่านจะไปแล้วมีอะไรก็จุดธูปบอก ท่านจะมาช่วย ลูกหลานไปดูที่กระท่อม ปรากฎไม่มีตัวท่านอยู่ จนกระทั้งวันหนึ่ง มีเสือมากินวัว ลูกหลานจึงจุดธูปบอกกล่าว ท่านมาเข้าฝันว่า พรุ่งนี้ไปที่ชายนา มีเสือ 2 ตัวสู้กันอยู่ ตัวมันใหญ่กว่าท่านมาก ท่านอาจสู้มันไม่ได้ ให้ช่วยท่านด้วย ท่านจะเป็นตัวที่อยู่ด้านตะวันตก รุ่งเช้าลูกหลานไปดูที่ชายนา ปรากฎมีเสือ 2 ตัวสู้กันอยู่ แต่ไม่มีใครกล้ายิงหรือช่วยเพราะกลัวถูกทวด ใครหาอะไรได้ก็นำมาตีบ้างก็โหร้อง จนเสืออีกตัวตกใจหนีไป ท่านก็เข้าไปในกระท่อม ต่อมาก็เข้าฝันว่า ท่านจะไปแล้ว ลูกหลานไปที่กระท่อมก็ไม่พบ ยายผมบอกว่าที่บริเวณกระท่อมปัจจุบัน ใครยิงสัตว์หล่นแถวนั้นจะหาไม่พบสัตว์ที่ถูกยิง และให้โทษต้องขอขมาจึงหาย คงมีคนหลายคนรู้จัก"ปู่เจ้าสมิงพลาย" ซึ่งเข้าใจว่า คนกลายร่างเป็นเสือ และมีคาถาเวทย์มนต์สูง ลิลิทพระลอก็พูดถึงความศรัทธาในปู่เจ้าสมิงพลาย ซึ่งท่านน่าจะเป็นคนที่มีสภาพเดียวกับแบบที่ผมเล่าก็ได้ ....เพราะไม่มีใครรู้ที่มาแต่รูว่า เป็นบรมครูด้าเวทย์มนต์คาถาและเสน่ห์
ผมเคยรับรู้ว่า มีทวดเสือที่เป็นคนอิสลามผัวเมียกลายร่างเป็นเสือสมิง ก็น่าจะเป็นประเภทเดียวกัน....ปล. ความเชื่อครับพิจารณา...

เรื่องนี้ยายเล่าให้ฟังสมัยเด็กว่า หากเราสะสมบุญมากๆ มั่นทำไป ถ้ามีบุญมากอาจถึงขั้นที่เป็นอมตะได้ แต่คนมักไม่รู้ คิดว่า ต้องมีอาคมขลังมากๆจึงจะกลายร่างเป็นเสือแต่ก็เพราะอาคมที่ใช้เป็นทางไสยดำจึงทำใหเดุร้ายแตกต่างจากคนที่กลายร่างได้เพราะบารมีของบุญทำให้มีความเป็นอมตะได้เช่นกัน พระพุทธองค์เคยตรัสกับพระอานนท์ว่า พระพุทธองค์สามารถกำหนดให้อายุยืนยาวเพียงใดก็ได้ แต่จะทำให้คนไม่ได้เห็นอริยสัจสี่ ท่านจึงรับพญามารที่มาเชิญให้นิพาน บุญทำให้คนอายุยืนยาวได้เกินกว่าที่เราทุกคนคิด แต่ให้ปฏิบัติให้ถูกตามคำสอนพระพุทธองค์ และสั่งผมไว้ว่า ต่อไปคนจะฆ๋ากันเพราะไม่มีศีล โบราณว่า คนจะเหลือเท่ากิวคอสาก ที่พึ่งมีร่มโพธิ์เดียว คำว่า "ร่มโพธฺ์เดียว คือ ศีลห้า" คนที่เหลืออยู่คือผู้มีศีลห้าเท่านั้น ให้ผมพิจารณาและรักษาศีลห้าให้ดีจะอยู่รอดไม่มีอันตราย ยายผมตายตอนอายุ 90 ปี ครับ เป็นคำสอนที่ท่านบอกผมเสมอๆๆ ก่อนยายผมตาย ท่านเล่าให้ผมฟังว่า ท่านฝันว่า มีคนเดินมาจำนวนมากนำเกี้ยวมาหาท่านและบอกท่านว่า มาเชิญกลับไปที่อยู่ เขาจะไปเกิดแล้วไม่เฝ้าบ้านให้ ให้ยายกลับไปบ้านที่สร้างไว้  ยายผมเล่าให้ผมฟังว่า บ้านที่สร้างสวยงามมาก มีคนรับใช้และทุกอย่างครบ แต่ท่านก็ไม่บอกอะไร ต่อว่าไม่นานท่านก็ป่วย นำไปรักษาที่โรงพยาบาล (ป้าเป็นนางพยาบาล) ยายบอกว่า จะกลับบ้าน ที่โรงพยาบาล ผีมากนัก บางคนไม่ใส่เสือ บางคนก็มีสายห้อยตามตัว ยายบอกว่า คนเหล่านี้ ตอนตายสภาพแบบใหน วิญญาณก็มีสภาพแบบนั้น ท่านไม่ขอตายที่โรงพยาบาล ขอกลับบ้าน หลังจากกลับบ้านไม่นานก็สิ้นใจ ก่อนท่านตาย แม่ก็อาบน้ำ หวีผม ใส่เสื่อผ้าใหม่ให้ พรหมน้ำอบลูบที่ร่างตามแขนขา  ใส่เงินในกระเป๋า เอาเครื่องยาสมุนไพรที่ท่านทำไว้วางที่มือ ท่านก็สิ้นใจ ทุกครั้งที่ท่านมาเยียม ที่บ้านจะได้กลิ่นน้ำอบไทยทั้งๆที่ไม่มีใครใช้ ครั้งหนึ่ง ป้าผมเข้าบ้านได้กลิ่นน้ำอบไทยหลานตัวเล็กบอกป้าว่า ทวดมาๆๆ ทำให้ผมเชื่อว่า คนเราถ้ามีบุญก็จะตายอย่างสงบและมีสภาพที่สมบูรณ์ ถ้าตายที่โรงพยาบาลกขณะที่หมอรักษาถอดเสื้อออกทำไม่ใส่เสือผ้าหลังตาย ตายในขณะที่มีสายห้อย ก็มีสายห้อยติดไปด้วย ปล. มีลูกหลานจะบวช มีญาติฝันครับ ว่าฝันเห็นยายเดินถือตะลาบัตรพระที่คันนา ยายท่านชอบให้ลูกหลานบวชมากครับ




โดย: ธี    เวลา: 2015-1-23 20:04
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ธี เมื่อ 2015-1-23 21:42

ขอเล่าอีกครับเรื่องทำบุญ...... ยายผมบอกว่า ถ้าคนมาเรียไรเงินทำบุญก็ให้ทำ แม้้ไม่มีเงินก็ต้องทำ 1 บาทหรือห้าสิบสตางค์ก็ยังดีกว่าไม่ทำ เราจะได้มีส่วนรวมด้วย หากไม่ทำเราจะไม่ได้อะไร..... ผมจึงมักเก็บเหรียญบาทไว้มากๆ ไปวัดก็ทำทุกอย่างที่เขามีกล่องให้ใส่(1-2 บาท) และซื้อทองคำแท้(ทองเปลวแท้) ใส่กระเป๋าไว้เพื่อติดทองพระครับล.ชื่นบอกให้พรหมน้ำหอม ผมก็เอาหลอดน้ำหอมใส่น้ำอบไปวัดก็ฉีดพรมพระพุทธรูปที่วัดด้วย (ชาติหน้าจะได้เกิดในที่มีกลิ่นหอม) ผมยังทำพิธีต่ออายุด้วยตนเองตามที่ยายผมสอนคือ ถ้าเดือนใดที่ว่างก็จะไปซื้อปลาในตลาดที่เขาจะฆ๋าไปปล่อยที่แม่น้ำ ยายว่า ให้ชีวิตจะได้ชีวิต คนอื่นปีชงเขามีประสบการณ์แต่ผมไม่มีเลย อาจเพราะบุญที่ปล่อยปลา เหมือนกับที่พระพุทธอาจารย์โตบอกว่า ถ้าทำบุญมากๆ ไม่ต้องขอเทวดช่วย บุญก็ช่วยเราเอง เทวดาก็ช่วยเราเองโดยไม่ต้องขอ ผมเคยอ่านพระอรหันต์จิกงพูดว่า เมื่อมีเคราะห์และปล่อยปลา ก็ได้บุญแต่บุญน้อย อาจช่วยไม่ได้ แต่ถ้าสะสมไว้ให้มาก ไม่ต้องกลัวเคราะห์กรรมก็ทำอะไรไม่ได้ ปล....เป็นความเชื่อครับพิจารณา....



โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-1-23 22:39
ธี ตอบกลับเมื่อ 2015-1-23 19:09
มีครับ..... แต่คนละแบบกับที่อ่าน ผมเคยลงไว้ เป็นเ ...

ขอบคุณครับ ที่ช่วยนำสาระดีๆ มาเติมสีสันให้เวป

น่าจะรวบรวม เรื่องเล่าทั้งหมดของคุณธีรวมไว้ในกระทู้เดียวกัน

น่าจะมีคนติดตามอ่านเยอะ

ตั้งชื่อกระทู้ว่า เรื่องเล่าจากนายธี

คงจะดีมิใช่น้อย



โดย: ธี    เวลา: 2015-1-23 22:44
คงใกล้หมดเรื่องเล่าแล้วครับ....ฟังมาเห็นเป็นเรื่อดี มีประโยชน์ ทำให้ทุกคนมีแนวทางสร้างบุญจึงนำมาเล่าให้ฟัง
โดย: kit007    เวลา: 2015-1-24 11:58
ธี ตอบกลับเมื่อ 2015-1-23 20:04
ขอเล่าอีกครับเรื่องทำบุญ...... ยายผมบอกว่า ถ้าคนม ...

ขอบคุณครับ
โดย: oustayutt    เวลา: 2015-1-24 15:03
ธี ตอบกลับเมื่อ 2015-1-23 20:04
ขอเล่าอีกครับเรื่องทำบุญ...... ยายผมบอกว่า ถ้าคนม ...

เยี่ยม




ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2