ก่อนอื่นก็ต้องมารู้จักเจ้ายา Diclofenac กันก่อนนะครับ เพราะว่าเจ้ายาตัวนี้หลายคนคงไม่รู้จักทั้งที่ไม่รู้ว่าเคยโดนฉีดมาแล้วด้วยซ้ำครับ
Diclofenac ตัวมันเองคือยาแก้ปวดประเภท Nsaid ชนิดหนึ่งครับ เป็นยาที่มีอยู่ในท้องตลาดมาเกือบยี่สิบปีแล้ว เวลาที่เราปวดหลัง ปวดเอว ปวดนิ่ว ปวดขา ปวดไมเกรน ปวดท้องเมนส์แล้วไปรพ.หรือคลินิก ส่วนใหญ่เค้าก็จะฉีดยาตัวนี้แหละครับ ด้วยข้อดีที่ว่ามันออกฤทธ์เร็วมาก 10 นาทีเห็นผล ราคาไม่แพง ค่ายารวมค่าอุปกรณ์ต้นทุนไม่เกิน 50 บาท แถมฉีดง่ายแค่ปักที่ก้นหรือต้นแขนจึ๊กเดียวก็เรียบร้อย ก็เลยทำให้ยาตัวนี้มันได้รับความนิยมแพร่หลายมานานมากละครับ
แล้วเกิดอะไรขึ้น
ระยะหลัง ทางกระทรวงสาสุขเริ่มได้รับรายงานเคสผลข้างเคียงจากการฉีดยาตัวนี้มากขึ้นครับ เช่นฉีดแล้วบวม ขาชา ขาลีบ จนมากสุดขาข้างที่ฉีดอ่อนแรงไปเลยซึ่งเค้าพบว่าส่วนใหญ่เกิดจากการฉีดยาตัวนี้แล้วมันไปโดนเส้นประสาท sciatic nerve ซึ่งวิ่งผ่านตรงก้นไปเลี้ยงขาครับ
ซึ่งอาการเหล่านี้ถึงเจอได้ไม่มาก ปีละสิบกว่าเคสจากที่ฉีดเป็นหมื่น ๆ แต่เจอทีก็เป็นฝันร้ายของคนไข้รวมถึงหมอและพยาบาลที่ฉีดเลย มีคดีฟ้องร้องเรียกค้าเสียหายผ่านกระทรวงสาสุขปีนึง 4-5 รายครับ
ดังนั้นช่วงนี้หลายฝ่ายเค้าก็เลยมีหนังสือเวียนให้ระงับการใช้ยาฉีดตัวนี้ไปก่อนครับ คือถ้าใช้ก็ให้ใช้เฉพาะรพ.ใหญ่ ๆ เท่านั้น และแนะนำให้ผสมแล้วฉีดทางหลอดเลือดดำแทน ขณะเดียวกันสภาพยาบาลก็มีคำสั่งให้พยาบาลห้ามฉีด ถ้าจำเป็นให้หมอเป็นคนฉีดเอง เพื่อลดความเสี่ยงในการถูกฟ้องร้องของพยาบาลไปอีกครับ
ซึ่งอนาคตยาตัวนี้จะถูกระงับใช้ยาวเลยหรือไม่ก็ยังบอกไม่ได้นะครับ เพราะทุกวันนี้ก็ยังไม่มียาแก้ปวดตัวไหนที่ออกฤทธ์เร็วและราคาถูกเท่านี้มาแทน (คืออาจมีเร็วกว่าแต่ก็แพงกว่ามากไรงี้เหมือนที่จะให้เลิกสามสารยาฆ่าหญ้านั่นแหละ คือไม่รู้จะให้ใช้อะไรแทน) ดังนั้นระหว่างนี้ก็รักษาสุขภาพกันดี ๆ อย่าพึ่งมาแปดตวดอะไรกันตอนนี้นะครับ