Baan Jompra
ชื่อกระทู้: พระขรรค์โสฬส หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า [สั่งพิมพ์]
โดย: รามเทพ เวลา: 2019-10-13 19:58
ชื่อกระทู้: พระขรรค์โสฬส หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
พระขรรค์โสฬส หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
ศาสตราวุธสำคัญ!! "พระขรรค์โสฬส"หลวงปู่ศุข
สร้างให้เสด็จเตี่ยด้วยโลหะพิเศษ
กระดูกผีและเส้นผมผีตายโหง7ป่าช้า
อานุภาพเหนือโลก!!!
นอกจากตะกรุดสามกษัตริย์ ที่หลวงปู่ศุข ระเบิดน้ำลงไปทำให้ แล้วยังมีวัตถุมงคลอีกอย่างหนึ่ง ที่ท่านทำถวายเสด็จเตี่ย แม้แต่อ.ขุนพันธ์ จอมขมังเวท ยังอยากได้ ตามอยู่นานแต่ก็ไม่ได้ครอบครอง วัตถุมงคลนั้น คือพระขรรค์โสฬส
พระขันธ์โสฬส คือศาสตราวุธ ที่หลวงปู่ศุข ท่านได้อัญเชิญทวยเทพ ทั้ง16ชั้นฟ้า มาอำนวยพร ในการทำพิธีกรรมในการจัดสร้างที่มีพิธีเข้มขลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา พระขรรค์โสฬส จึงจัดเป็นเทพศาสตราวุธ อย่างแท้จริงโดยจำลองรูปแบบมาจากพระขรรค์โบราณของพระมหากษัตริย์ ซึ่งเสด็จในกรมได้นำมาจากในวัง เพื่อเป็นต้นแบบ ซึ่งมีลักษณะที่สวยงามมากๆ
อีกทั้งมีพิธีกรรมในการจัดสร้างที่เร้นลับ ซับซ้อน ยิ่งกว่ามีดหมอ และเครื่องรางของขลังใดๆ ที่เคยมีการจัดสร้างมา ซึ่งเชื่อกันว่า มีเพียงแค่ 7เล่มเท่านั้น เมื่อสร้างเสร็จแล้ว เสด็จในกรม ท่านได้ถวายคืนให้ หลวงปู่ศุขหนึ่งเล่ม ซึ่งพระขรรค์เล่มนี้เองได้สร้างความมหัศจรรย์ให้ปรากฏแก่สายตา ของผู้ที่ได้พบเห็นมามากแล้ว และหนึ่งในนั้นก็คือ ท่านขุนพันธ์ นั่นเอง
พระขรรค์โสฬสนี้ มีความยาว 7นิ้ว ถ้ารวมด้ามด้วยก็จะยาว 11นิ้ว ตัวพระขรรค์ ทำจากยอดเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ที่หลวงปู่ศุข ท่านได้รวบรวมไว้นานแล้ว ผสมกับโลหะมงคล และวัสดุอาถรรพ์ อีกหลายชนิด
โดยในการหล่อโลหะ ก่อนนำมาตีเป็นพระขรรค์นั้น เสด็จในกรมท่านได้ ทรงนำเครื่องทองนากส่วนพระองค์ เทผสมลงไปเป็นมงคลอีกต่างหาก ผสมกับแผ่นทองคำ เงิน และนาก ที่จารึกอักขระโดยหลวงปู่ศุข ทำพิธีปลุกเสก ข้ามพรรษา
ที่ตัวพระขรรค์ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง จารึกอักระ และเลขยันต์ ประจำตัว ของหลวงปู่ศุขมีผู้ถอดความเป็นภาษาขอม ออกมามีความหมาย บอกเล่า ความเป็นมา ของพระขรรค์ ลึกซึ้งมาก
ด้ามพระขรรค์ ทำจากฝักคูน ตายพราย ภายในแก่นพระขรรค์ บรรจุกระดูกผีและเส้นผม ผีตายโหง 7 ป่าช้า กับของอาถรรพ์อีกหลายอย่าง เมื่อสร้างพระขรรค์เสร็จเป็นเล่มสมบูรณ์แล้ว หลวงปู่ศุขท่านได้ทำพิธีปลุกเสกเดี่ยว นานตลอดพรรษาก่อนที่จะนำมาถวายให้แด่เสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ทั้งนี้เป็นที่เข้าใจกันว่า พระขรรค์โสฬสนี้ อยู่ที่เสด็จในกรมฯหนึ่งเล่ม หลวงปู่ศุขหนึ่งเล่ม ส่วนเล่มที่เหลือ อีก5 เล่ม อยู่กับพระบรมวงศานุวงษ์ ซึ่งไม่มีใครได้พบเห็นพระขรรค์ทั้ง5เล่มนั้นอีกเลย
ในขณะที่พระขรรค์ประจำพระองค์ เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ นั้นมีผู้พบเห็นทรงใช้ เป็นศาสตราวุธ ประจำพระองค์ ในบางครั้งโดยเฉพาะเวลาทรงเดินทางออกทะเล ส่วนพระขรรค์โสฬสเล่มที่อยู่กับหลวงปู่ศุขต่อมาได้ตกทอด มาอยู่ในครอบครอง ของหลวงตาแววลูกศิษย์ก้นกุฏิ ของหลวงปู่ศุข
เมื่อหลวงปู่ศุขได้มรณภาพแล้วหลวงตาแววได้นำพระขรรค์โสฬส ติดตัวออกจากวัดปากคลองมะขามเฒ่ามาด้วย และพระขรรค์นี้เป็นเครื่องรางของขลังที่หลวงตาแววรักและหวงแหน มากที่สุด โดยจะนำใส่ย่าม หรือพกไว้ที่เอว ตลอดเวลา
ความอัศจรรย์ของพระขรรค์นี้มีมากมาย สามารถใช้ได้สารพัดนึก มีความคงกระพัน สามารถแก้ไข และป้องกันคุณไสย ทำน้ำมันมนต์ไล่ภูติผี ปีศาจ และที่สำคัญเป็นมหาอุด ปกป้องคุ้มครองอันตราย ได้ทั้งหมู่คณะ
หลวงพ่อหลิมเคยเล่าว่าเมื่อคราวที่เกิดพายุกลางทะเล เสด็จในกรมฯ ท่านเคยอธิษฐานใช้พระขรรค์นี้กวัดแกว่งเพื่อสลายคลื่นลม ได้ผลมาแล้ว ภายหลังจากหลวงตาแววมรณภาพไป พระขรรค์เล่มนี้ ตกทอดไปยังลูกศิษย์ จนเกิดการ ยื้อแย่งกันและน่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ในช่วงหนึ่งพระขรรค์นี้ได้ตกไปอยู่ในหมู่โจร ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจากที่ท่านขุนพันธ์เดินทางกลับจากภาคใต้แล้ว ขุนพันธ์ท่านเคยขอพระขรรค์เล่มนี้จากหลวงตาแวว แต่ท่านผัดผ่อนไว้ก่อน จนท่านมรณภาพ ขุนพันธ์ได้เพียรพยายามหาพระขรรค์ที่เหลืออยู่แต่ก็ไม่พบ ทั้งได้ให้เพื่อนสนิทที่พิจิตรช่วยตามหาพระขรรค์เล่มของหลวงปู่ศุขด้วย ซึ่งทราบมาภายหลังว่าลูกศิษย์ ของหลวงตาแววซึ่งเอาดีทางนักเลง เป็นผู้ขโมย ต่อๆกันไป จนในที่สุด ไปตกอยู่ที่ชุมโจรแห่งหนึ่ง
จากคำบอกเล่าของเสือออง ซึ่งปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ (ได้กลับตัวเป็นคนดีแล้ว) ได้เล่าไว้ว่าตนเองและพรรคพวกโจรได้ผลัดกันถือพระขรรค์นำหน้ากองโจร เวลาออกปล้น เคยปะทะกับเจ้าทรัพย์และตำรวจ แต่กระสุนปืน ไม่สามารถ ทำอะไรพวกเขาได้ หากโดนจ่อยิงใกล้ๆ ปืน ก็จะไม่ลั่น หรือไม่ดังหากอยู่นอกรัศมีออกไป กระสุนก็จะพลาดเป้าหมายไปหมด
เสืออองเล่าถึง การลองของความศักดิ์สิทธ์ของพระขรรค์เล่มนี้ ด้วยการใช้ปืนนานาชนิดมายิงเพื่อทดสอบ แต่กระสุนปืนไม่ลั่น แม้แต่นิดเดียว
การที่พระขรรค์ไปอยู่ในมือโจรนั้น ต้องใช้เวลานานหลายปีเลยทีเดียว กว่าจะแย่งเอากลับคืนมาได้
โดยหลวงพ่อหลิมได้ให้ศิษย์รุ่นน้องของท่านขุนพันธ์ ผู้หนึ่งซึ่งเป็นอดีตนายตำรวจมือปราบ ชาวพิจิตร ปัจจุบันเกษียณอายุราชการแล้ว ออกติดตามหา เกิดการปะทะต่อสู้กัน อยู่นานหลายปีจึงยึดพระขรรค์นี้มาจากมือโจรได้และหลังจากนายตำรวจท่านนี้เกษียณอายุราชการแล้วพระขรรค์นี้ก็ตกไปเป็นของผู้บังคับบัญชาระดับสูง ต่อไปและจนในวาระสุดท้าย ท่านขุนพันธ์ท่านก็ยังไม่มีโอกาสได้ครอบครองพระขรรค์โสฬสเล่มนี่ อยู่นั่นเอง
โดย: รามเทพ เวลา: 2019-10-13 20:02
พระขรรค์โสฬส หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
พระขรรค์โสฬส สุดยอดแห่งพระขรรค์ และเครื่องรางของขลังศักดิ์สิทธิ์ ถูกสร้างขึ้นด้วย หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ครั้งนั้นว่ากันว่า สมเด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ (เสด็จเตี่ย) ได้นำแบบพระขรรค์โบราณในพระราชวัง มาให้ช่างจำลอง ซึ่งพิธีการและมวลสารที่ใช้สร้าง บางท่านว่าเป็นมวลสารอย่างดาบฟ้าฟื้น ในวรรณคดีขุนช้างขุนแผนเลยทีเดียว โดยได้ประพันธ์ไว้ดังนี้
"จะจัดแจงตีดาบไว้ปราบศึก
ตรองตรึกหาเหล็กไว้หนักหนา
ได้เสร็จสมอารมณ์ตามตำรา
ท่านวางไว้ในมหาศาสตราคม
เอาเหล็กยอดพระเจดีย์มหาธาตุ
ยอดปราสาททวารามาประสม
เหล็กขนันผีพรายตายทั้งกลม
เหล็กตรึงโลงตรึงปั้นลมสลักเพชร
หอกสัมฤทธิ์กริชทองแดงพระแสงหัก
เหล็กปฏักสลักประตูตะปูเห็ด
พร้อมเหล็กเบญจพรรณกัลเม็ด
เหล็กบ้านพร้อมเสร็จทุกสิ่งแท้
เอาเหล็กไหลหล่อบ่อพระแสง
เหล็กกำแพงน้ำพี้ทั้งเหล็กแร่
ทองคำสัมฤทธิ์นากอแจ
เงินที่แท้ชาติเหล็กทองแดงดง
เอามาสุมคุมควบเข้าเป็นแท่ง
เผาให้แดงตีแผ่แช่ยาผง
ไว้สามวันซัดเหล็กนั้นเล็กลง
ยังคงแต่พองามตามตำรา
ซัดเหล็กครบเสร็จถึงเจ็ดครั้ง
พอกระทั่งฤกษ์เข้าเสาร์สิบห้า
ก็ตัดไม้ปลูกศาลขึ้นเพียงตา
แล้วจัดหาสารพัดเครื่องบัตรพลี"
พระขรรค์โสฬส มีความยาวรวมด้ามจับ ๑๑ นิ้ว เฉพาะคมยาว ๗ นิ้ว ด้ามพระขรรค์ ทำจากฝักคูน ตายพราย ภายในแก่นพระขรรค์ บรรจุกระดูกผีและเส้นผม ผีตายโหง ๗ ป่าช้า กับของอาถรรพ์อีกหลายอย่าง
ที่รู้กันทั่วไป ได้จัดสร้างขึ้นเพียง ๗ เล่ม โดยหลวงปู่ศุขได้ทำการปลุกเสกทั้งพรรษา เสร็จแล้วเสด็จเตี่ยท่านได้มอบให้ไว้กับหลวงปู่ศุข ๑ เล่ม ท่านเก็บไว้เอง ๑ เล่ม อีก ๕ เล่มได้แจกให้กับพระบรมวงศานุวงษ์
ความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ของ "พระขรรค์โสฬส" มีมากมายจาระไนไม่หมด สามารถใช้ได้สารพัดนึก มีความคงกระพัน แก้ไขป้องกันคุณไสย์ ทำน้ำมนต์ไล่ภูตผีปีศาจ และที่สำคัญเป็นมหาอุดที่ปกป้องคุ้มครองอันตรายได้ทั้งหมู่คณะ
ครั้งหนึ่งเสด็จเตี่ยท่านล่องเรืออยู่กลางทะเล เกิดเจอกับคลื่นพายุ จนเรือแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ท่านจึงเอาพระขรรค์โสฬสมาพนมมืออธิฐาน แล้วกวัดแกว่งพระขรรค์โสฬสในอากาศ ปรากฏว่าคลื่นพายุสงบลงในฉับพลัน
พ่อหลิม หรือ เสือไท เคยเป็นทหารเสือของเสด็จเตี่ย ท่านได้เล่าเรื่องพระขรรค์โสฬสนี้ให้กับ ท่านขุนพันธ์ ได้ทราบ ทำให้เป็นที่ปราถนาแก้ท่านขุนพันธ์เป็นอย่างมาก หลังจากท่านได้ตามหาพระขรรค์โสฬสเล่มที่อยู่กับหลวงปู่ศุขนั้นมายาวนาน แต่สุดท้ายท่านก็ไม่มีโอกาสได้ครอบครอง
พระขรรค์โสฬส ด้ามที่อยู่กับหลวงปู่ศุข วัดปาดคลองมะขามเฒ่า เมื่อท่านละสังขาร ก็ได้ตกไปอยู่กับหลวงตาแวว ซึ่งเป็นลูกศิษย์ และต่อมาก็ได้ตกไปอยู่กับหัวหน้าชุมโจร เสือออง หนึ่งในกลุ่มโจรนั้นเล่าว่า เมื่อออกปล้น จะให้ผู้พกพระขรรค์โสฬสเดินนำหน้า ไม่ว่าใครจะยิงมาเท่าไหร่ ความศักดิ์สิทธิ์ของพระขรรค์โสฬสจะช่วยป้องกันทั้งหมู่คณะ โดยไม่มีใครโดนกระสุนปืนเลยแม้แต่นัดเดียว หากยิงระยะประชิดตัว ก็จะยิงไม่ออก
เสือออง เล่าว่าเคยนำพระขรรค์ไปปักไว้ที่หัวคันนาปรากฎว่าฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาใกล้ๆ จากนั้นใช้ปืนพระรามหก และปืนนานาชนิดยิงทดสอบ กระสุนปืนไม่ลั่นแม้แต่นัดเดียว
ภายหลัง พ่อหลิม จึงให้ศิษย์รุ่นน้องของท่านขุนพันธ์ ซึ่งเป็นนายตำรวจมือปราบเมืองพิจิตร ออกตามหากลุ่มโจร เพราะในขณะนั้น ท่านขุนพันธ์ได้กลับลงภาคใต้ไปแล้ว นายตำรวจมือปราบเมืองพิจิตร ศิษย์รุ่นนองท่านขุนพันธ์ ได้ปะทะกับกลุ่มโจร ต่อสู้กันอย่างดุเดือดหลายปี จนสามารถปราบและแย่งพระขรรค์โสฬสกลับมาได้ และครอบครองอยู่หลายปี เมื่อเกษียณอายุราชการผู้บังคับบัญชาการระดับสูงก็ขอพระขรรค์เล่มนี้ไป หลังจากนั้นไม่มีใครพบเห็นพระขรรค์โสฬสจริงๆ อีกเลย.
http://thai-magic.blogspot.com/2018/04/blog-post.html
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) |
Powered by Discuz! X3.2 |