Baan Jompra
ชื่อกระทู้:
“ธรรมชอบ โลกชัง” เรื่องเล่าของ หลวงปู่เจี๊ยะ
[สั่งพิมพ์]
โดย:
Sornpraram
เวลา:
2019-6-25 11:25
ชื่อกระทู้:
“ธรรมชอบ โลกชัง” เรื่องเล่าของ หลวงปู่เจี๊ยะ
“ธรรมชอบ โลกชัง”
เรื่องเล่าของ หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท
พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น
หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท
วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม จังหวัดปทุมธานี
หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท
มีปฏิปทาแตกต่างจากสมณะทั่วไป เรียกได้ว่าเป็นผู้มีกิริยาที่ธรรมชอบ แต่โลกชัง เพราะท่านไม่ยึดติดพิธีรีตองซึ่งเป็นของสมมติในทางโลก
เล่ากันว่า คราวหนึ่งท่านรับนิมนต์ไปเจริญพระพุทธมนต์ในพิธีมงคลสมรส เมื่อเดินทางไปถึงบ้านเจ้าภาพ แทนที่หลวงปู่จะขึ้นบันไดตามปกติ ท่านกลับโหนตัวปีนขึ้นทางลูกกรง เพราะเห็นว่ามีคนถอดรองเท้าวางระเกะระกะขวางบันได พอขึ้นไปนั่งบนอาสนะเรียบร้อย แทนที่จะเริ่มพิธีสงฆ์ตามปกติ ท่านกลับถามเจ้าภาพหน้าตาเฉยว่า
“จะสวดไหม ไม่สวดให้ยกมาประเคนกินกันเลย พระมากินให้เป็นมงคลแล้วเนี่ย”
หลังจากเจริญพระพุทธมนต์เสร็จ ท่านก็โหนตัวกลับลงไปทางลูกกรงตามเดิม สร้างเสียงฮือฮาแก่แขกเหรื่อในงาน ลูกศิษย์ผู้ติดตามต่างเก้อเขินกับกิริยาของพระอาจารย์ แต่ตัวท่านเองกลับไม่หวั่นไหวว่าโลกจะวิจารณ์ท่านอย่างไร
ครั้งหนึ่งหลวงปู่ขาเจ็บ เดินบิณฑบาตไม่สะดวกนัก แต่แทนที่จะอยู่วัดคอยให้คนนำเอาอาหารมาถวาย ท่านกลับนั่งรถออกมาบิณฑบาตที่บ้านลูกศิษย์ เมื่อมาถึงก็วางบาตรแล้วกางหนังสือพิมพ์อ่าน พลางออกปากสั่งว่า
“เอ้า เอาข้าวมาให้กูกิน”
เมื่อลูกศิษย์ทักท้วงจึงอธิบายสั้น ๆ ว่า
“ขากูเจ็บนี่หว่า”
“ท่านอาจารย์ไม่ต้องมาบิณฑบาตเลย นอนอยู่เฉย ๆ เลย จะจัดไปถวายที่วัดเอง”
“ไม่ได้ เดี๋ยวเขาจะด่า หาว่าขี้เกียจบิณฑบาต”
ลูกศิษย์จึงติงท่านทีเล่นทีจริงว่า
“นั่นละ เขาจะด่าหนักละ ไปอย่างนั้น”
เวลาบิณฑบาตไปบ้านญาติโยมที่คุ้นเคย ท่านจะถือวิสาสะเดินเข้าไปบอกเจ้าของบ้านว่า
“เฮ้ย ชงกาแฟถ้วยซิ”
ว่าแล้วท่านก็นั่งไขว่ห้าง จิบกาแฟพลางสูบบุหรี่ วันดีคืนดีก็ตะโกนบอกซ้ำอีกว่า
“เฮ้ย ตำน้ำพริกกุ้งแห้งเกลือให้กูหน่อย”
ลูกศิษย์ลูกหาต่างทราบดีว่า ปกติวิสัยของพระอาจารย์เป็นเช่นนี้เอง
การเดินทางไปไหนมาไหนของหลวงปู่เจี๊ยะ ซึ่งเป็นพระผู้ใหญ่ ก็ไม่ใช้พาหนะหรูหราเพื่อประกาศยศถาบารมี แต่ท่านมักประคองจีวรออกไปดักโบกรถสิบล้อขออาศัยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ลักษณะการโบกรถของท่านเป็นที่น่าหวาดเสียว เพราะท่านไม่ได้ยืนโบกอยู่ริมถนนอย่างคนปกติ แต่ก้าวออกไปโบกรถกลางถนน รถทุกคันที่ท่านหมายตาจะต้องเบรกตัวโก่ง แล้วจอดรับท่านด้วยความระทึกขวัญทุกคันไป บางครั้งโชคไม่ดี รถสิบล้อคันที่โบกมีผู้หญิงนั่งคู่กับคนขับมาด้วย หลวงปู่เจี๊ยะต้องปีนขึ้นไปนั่งบนหลังคา นั่งตากลมหนาวสั่นอยู่เช่นนั้นจนกว่าจะถึงที่หมาย การเดินทางของท่านนั้นเรียกว่า “เป็นผู้ไปง่ายมาง่าย” อย่างแท้จริง
ความไม่ยึดติดในลาภยศปรากฏชัดเจนในเหตุการณ์ที่หลวงปู่เจี๊ยะมีกิจนิมนต์เข้าวัง ครั้งนั้นท่านเข้ามาพักอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร โดยไม่ได้เอาพัดยศจากจังหวัดจันทบุรีติดมาด้วย ท่านจึงถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายศาสนพิธีว่าต้องใช้พัดยศหรือไม่
ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่าไม่ต้องใช้ แต่พอสวดเจริญพระพุทธมนต์เสร็จ กำลังจะลงมือฉันอาหาร ฝ่ายพิธีในวังกลับถามขึ้นว่า
“ทำไมพระองค์นั้นไม่เอาพัดยศมา”
เท่านั้นเอง ทุกคนก็ต้องหยุดชะงักเมื่อหลวงปู่เจี๊ยะ “โวย” ขึ้นว่า
“เฮ้ย! หยุดกินเดี๋ยวนี้นะ หยุดกินเดี๋ยวนี้เลย เดี๋ยวอาตมาจะไปเอาพัดยศที่จันทบุรีก่อน กูถามมึงแล้วว่ามึงจะเอาหรือเปล่าพัดยศน่ะ มึงบอกไม่เอา กูก็ไม่เอามา มึงหยุดเลย เดี๋ยวรอพัดยศจากจันทบุรี”
พิธีในวันนั้นดำเนินต่อไปโดยไม่มีใครต้องรอพัดยศจากจันทบุรี แต่ทุกคนต่างตระหนักดีว่า หลวงปู่ท่านไม่เอาธุระในทางโลกอย่างสิ้นเชิง ท่านประพฤติธรรมเพื่อธรรมเท่านั้น ไม่ยึดติดตำแหน่งลาภยศ แม้มีวาจาขวานผ่าซาก ไม่น่าฟัง แต่ท่านนอบน้อมในธรรม ยามท่านเทศน์สอนเรื่องการปฏิบัติจะสัมผัสได้ว่าท่านเข้าถึงธรรมอันเป็นที่สุด
ปฏิปทาของหลวงปู่เจี๊ยะเป็นไปในลักษณะ “เน้นธรรม แต่ไม่เน้นพิธีกรรม” อย่างไรอย่างนั้น
ที่มา
ชุดสุดยอดสงฆ์ 1 : หลวงปู่เจี๊ยะ
สำนักพิมพ์อมรินทร์ธรรมะ
ภาพ ลานธรรมจักร
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/)
Powered by Discuz! X3.2