Baan Jompra
ชื่อกระทู้: ตำนาน จำปาสี่ต้น (สี่ยอดกุมาร) กำเนิดจังหวัดหนองบัวลำภู [สั่งพิมพ์]
โดย: รามเทพ เวลา: 2019-6-6 06:15
ชื่อกระทู้: ตำนาน จำปาสี่ต้น (สี่ยอดกุมาร) กำเนิดจังหวัดหนองบัวลำภู
วรรณคดี เรื่อง “จำปาสี่ต้น” เป็นเรื่องการสอนให้ทำดี ใครทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว มีเมืองหนึ่งชื่อเมืองปัญจา มีพระมหากษัตริย์ นามว่า จุลนี มเหสีชื่อ อัคคี เมืองใกล้กันชื่อเมืองจักขิน เจ้ากรุงจักขินมีพระมเหสีชื่อแก้วเทวี มีธิดาชื่อนางปทุมมา
ตำนาน จำปาสี่ต้น (สี่ยอดกุมาร) กำเนิดจังหวัดหนองบัวลำภู
เมื่ออายุได้ 14 ปี พระเจ้ากรุงจักขิน ทรงพระสุบินว่า พระอาทิตย์ถูกเขาบดบัง ฝนตกน้ำท่วมหน้าเมืองยอดปราสาทราชวังพังทลาย เหล่าบรรดาประชาราษฏร์ ทั้งข้าทาส วัว… สัตว์ต่าง ๆ จมน้ำตายอนาถ โหรหลวงทำนายว่าจะเกิดกลี ยุค มีกาลีบ้านกาลีเมือง และแล้วก็เกิดเหตุการณ์นกยักษ์ได้บินมาทำลายเมืองผู้คนล้มตาย พระเจ้าจักขินเห็นว่าเผ่าพันธุ์ชาวเมืองจะสูญสิ้นไป
และเมื่อได้ช่วยพระธิดาจึงนำพระธิดาซ่อนไว้ในกลองใบใหญ่ พร้อมเสบียงอาหารกล่าวถึง พระเจ้าจุลนี แห่งเมืองปัญจาได้เสด็จประพาสป่าตามล่ากวางหลงทางเข้าไปในเมืองร้าง และได้พบนางประทุมมา ที่ซ่อนอยู่ในกลอง และได้รับนางประทุมมาเป็นมเหสี คนที่สองพระนางอัคคี
ซึ่งอัครมเหสีไม่มีพระโอรส พระธิดา อยู่ร่วมกันมา พระนางปทุมมาก็เริ่มตั้งครรภ์ จึงเป็นเหตุให้พระนางอัคคีวางแผนทำลาย พระนางปทุมมาในขณะที่กำลังจะประสูตรกาลโดยอ้างว่า พระนางปทุมมา ครรภ์แรกเกรงว่าเห็นเลือดจะตกใจกลัว จึงให้เอาผ้ามาผูกตา พร้อมนัดคนใช้เอาลูกหมามาเตรียมไว้
เมื่อคลอดออกมาแล้วปรากฏว่ามีจำนวน 4 คน แล้วให้คนใช้ไปเอากุมารทั้ง 4 นั้นลงไปในไหแล้วเอาไปลอยน้ำ แล้วเอาลูกหมา 4 ตัวนั้นใส่พรานนำไปถวาย พระเจ้าจักขินทอดพระเนตรเห็นดังนั้น ก็ทรงกริ้วโกธรมาก จะลงพระอาญาแก่พระนางปทุมมาโดยให้ประหารชีวิต บูชาผีโขมด หรือเนรเทศเหล่าบรรดาเสนาอำมาตย์ก็ทูลว่า ควรลงโทษโดยให้ไปเป็นนางทาสเลี้ยงหมู พระนางปทุมมาก็ต้องทนทุกข์อย่างแสนสาหัส ถูกเหล่านางกำนัลใช้งานสารพัด ทั้งหาบน้ำ เก็บฟืน ตำข้าวกล่าวถึง กุมารน้อยทั้ง 4 ที่อยู่ในไห
เมื่อพระมเหสีอัคคีได้ให้คนนำไปลอยน้ำไหก็ไหลไป จนถึงอุทยานสวนดอกไม้ สองตายายที่อยู่ดูแลรักษาสวน ก็พบไห เอากุมารทั้ง 4 ก็นำไปเลี้ยงฝ่ายนางอัคคี นับตั้งแต่กำจัดนางปทุมมาได้สำเร็จแล้วก็มีความสุขเป็นอย่างมาก เป็นเวลาหลายเดือน หลายวัน ที่ไม่เคยเห็นคนชราสองผัวเมียนำดอกไม้มาถวายดังที่เคยทำ จึงให้นางกำนัลไปสืบดู ก็ทราบว่ามัวแต่เลี้ยงเด็กที่ได้มา ถึง 4 คน นางอัคคีก็แน่ใจว่าเด็กทั้ง 4 คนนั้น คือเด็กที่ตนเองให้นำไปลอยน้ำนางอัคคีจึงคิดอุบายอันชั่วร้าย โดยทำขนมยาเบื่อ แล้วให้นางกำนัลนำไปให้กุมารทั้ง 4 กิน
ในขณะที่สองตายายไม่อยู่ ออกไปหาซื้อเสื้อผ้า ขนม เมื่อกลับมาถึงก็พบว่ากุมารน้อยทั้ง 4 ได้ตายแล้ว สองตายายก็ร้องให้จนรุ่งสางด้วยความเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมาก เมื่อแน่ใจว่ากุมารทั้ง 4 ได้ตายแล้ว ดังนั้น ก็ได้จัดการเผาศพกุมารทั้ง 4 เมื่อไฟดับแล้ว ทั้งสองก็กลับขึ้นเรือน ไม่เป็นอันกินอันนอนจนรุ่งสางรีบไปดูที่เผาศพ ก็ปรากฏว่าเห็นจำปาสี่ต้นเกิดอยู่ตรงที่เผานั้นแทน ชูดอกใบโชยกลิ่นไปทั้งสวนต้นที่ 1 ขาวอ่อนสีบริสุทธิ์ต้นที่ 2 สีเหลืองต้นที่ 3 สีนิลต้นที่ 4 สีแดง ดำฝ่ายนางอัคคี เมื่อได้วางแผนใช้ยาเบื่อฆ่ากุมารน้อยทั้ง 4 แล้ว ก็ได้ให้คนใช้ไปดูแลเพื่อให้ได้ความว่ากุมารน้อยทั้ง 4 ตายจริงหรือไม่ แต่เมื่อทราบว่าตายจริง และสองผัวเมียได้เอาไปเผา รุ่งเช้ากลับเกิดเป็นต้นจำปาสี่ต้น
สองผัวเมียจะเฝ้าดูแล และหวงแหนเป็นอย่างมากเมื่อทราบดังนั้น นางอัคคี จึงจำต้องเดินทางไปทำลายต้นจำปาทั้งสี่ต้น โดยออกอุบายว่าต้องการดอกจำปา สองตายายก็ได้บอกว่าดอกไม้มีเต็มสวน แต่ทำไมจะมาต้องการแต่ดอกจำปา ก็ให้เสียใจเศร้าโศก นางกำนัลก็พากันปีนเก็บดอกไม้ ก็ไม่สามารถเด็ดได้ ถึงขนาดมีดฟันก็ไม่เข้า ใช้จอบเสียมขุดก็ไม่เข้าแข็งปานหิน
นางอัคคีก็ให้โกรธสั่งให้ไปจับตัวสองตายายมามัดแล้วเฆี่ยนตี สองตายายจึงจำต้องร้องขอให้จำปาทั้งสี่ต้นช่วยโดยการยอมให้นางอัคคีถอนต้นจำปาทั้งสี่ จึงยอมนางอัคคีก็นำไปลอยน้ำ สองตายายก็ติดตามหาแต่ไม่พบว่าติดอยู่ยังที่ใด จำปาสี่ต้นเมื่อถูกนำไปลอยน้ำ ก็ปรากฏว่าเทวดาอินทร์ พรหม ครุฑนาค ได้บันดาลให้จำปาไหลทวนน้ำขึ้นไปพบกับฤาษีตาไฟ ทำให้ และได้ชุบชีวิตกุมารทั้งสี่คืนชีพ และตั้งชื่อกุมารทั้งสี่คนที่ 1 ชื่อ เสกราชกุมาร คนที่ 2 ชื่อ ปัตตะราชกุมาร คนที่ 3 ชื่อ สุวรรณกุมาร คนที่ 4 ชื่อ เพชรราชกุมาร ปรากฏว่าคนน้องเป็นผู้มีฤทธิ์เดชมาก เพราะตอนที่ตาเถรศิษย์พระฤาษี ไปดึงดอกจำปาออกมายางเหนียวมาก
เมื่อดึงขาดแล้วยางจำปา เป็นสีเลือดเมื่อพระฤาษีชุบชีวิตคืนแล้วยังมือข้างขวาด้วน พระฤาษีต้องทำพิธีปลุกเสกใหม่ นิ้วด้วนจึงกลายเป็นนิ้วมงคลเพชร ชี้คนเป็นให้ตาย ชี้คนตายให้ฟื้นจากการประสิทธิ์ประสาทศิลปวิทยาคมของพระฤาษี เมื่อกุมารทั้งสี่เจริญวัยเป็นหนุ่ม จึงมีฤทธิ์มาก ประกอบกับได้รับการอุปการะอุ้มชู จากพระอินทร์และได้เล่าความหลังให้พวกกุมารทั้งสี่ทราบความจริง กุมารทั้งสี่จึงได้วางแผนที่จะกลับบ้านเมืองเดิม
ในระหว่างเดินทางกลับไปยังบ้านเมือง ได้ผ่านการต่อสู่กับศึก อาณาจักรของยักษ์มารจนได้ธิดายักษ์เป็นมเหสีทุกพระองค์เมื่อถึงเมืองปัญจานครแล้ว ได้ไปหาสองตายายที่เคยเลี้ยงดูทั้งสี่มาก่อน จากนั้นได้ไปช่วยพระนางปทุมมา ผู้เป็นมารดาจากนั้น ได้ไปเข้าเฝ้าพระเจ้ากรุงจักขิน พระบิดา และได้ทูลเล่าความเป็นจริงให้แก่บิดา จึงได้สั่งลงโทษนางอัคคี ให้เป็นข้าเลี้ยงหมู ชดใช้กับที่เคยทำกับพระนางปทุมมา ในคราวก่อน
ในที่สุดทั้งเพชรราชกุมารก็ได้ใช้นิ้วเพชรอันศักดิ์สิทธิ์ ชุบชีวิตพระเจ้ากรุงจักขิน และพระนางแก้วเทวี ซึ่งเป็นตาและยาย ตลอดจนไพร่ฟ้าประชาชน กรุงจักขินให้คืนชีพดังเดิมทุกประการชื่อ จำปาสี่ต้น เป็นเค้าที่มาของชื่อเมืองเจ้าชายจำปาสี่ต้น และที่เกี่ยวกับชื่อเมือง จำปานครกาบแก้วบัวบาน ที่พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งอาณาจักรล้านช้าง อพยพผู้คนมาสร้างบ้านแปลงเมือง ทั้งสร้างพระพุทธรูป วิหาร ขุดบ่อน้ำ ที่วัดศรีคูณเมือง และยกฐานะเป็นเมืองจำปานครกาบแล้วบัวบาน
ประมาณ พ.ศ. 2106 ตรงกับสมัย พระมหาจักรพรรดิและประมาณ พ.ศ. 2302 พระวอ-พระตา ได้อพยพหนีจากการปกครองพระเจ้าสิริบุญสาร มาที่เมืองจำปานคร กาบแก้วบัวบาน ได้บูรณะสร้างบ้านแปลงเมือง แล้วตั้งชื่อว่า นครเขื่อนขัน กาบแก้วบัวบาน ตรงกับสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ แห่งกรุงศรีอยุธยาประมาณปี พ.ศ. 2434 พระประทุมเทวาภิบาลเจ้าเมืองหนองคาย ได้แต่งตั้งพระวิชโยดม กมุทเขตมาครองเมืองนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน ฐานะเป็นเมืองเอก และเปลี่ยนชื่อเมืองใหม่ว่า เมืองกมุทธาสัยพ.ศ. 2449
ร.5 โปรดเกล้าให้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็น เมืองหนองบัวลำภู พ.ศ. 2450 ให้มีฐานะเป็นอำเภอหนองบัวลำภู ขึ้นกับจังหวัดอุดรธานี (ดูในเกร็ดความรู้ เรื่องตำนานเมือง จำปานครกาบแก้วบัวบาน เพิ่มเติม)วันที่ 1 ธันวาคม 2536 ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัดหนองบัวลำภู
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) |
Powered by Discuz! X3.2 |