Baan Jompra
ชื่อกระทู้:
ถ้ำนางสิบสอง' อเมซิ่งเมืองรองที่พนัสนิคม
[สั่งพิมพ์]
โดย:
oustayutt
เวลา:
2018-7-17 22:34
ชื่อกระทู้:
ถ้ำนางสิบสอง' อเมซิ่งเมืองรองที่พนัสนิคม
“ถ้ำนางสิบสอง” เป็นที่ท่องเที่ยวที่ลองมาเที่ยวดู แล้วก็แปลกใจ เคยได้ยินชื่อ “ถ้ำนางสิบสอง” มานานตั้งแต่สมัยยังเด็กแม่เล่าให้ฟังว่า...
เด็กหญิงสิบสองคน ถูกพ่อกับแม่ออกอุบายนำตัวไปปล่อยทิ้งไว้ในป่า เพราะหาได้ไม่พอกิน ปล่อยครั้งแรกเด็กหญิงสิบสองคนก็หาทางกลับมาได้ ต้องนำกลับไปปล่อยอีก 2 ครั้งถึงหาทางกลับบ้านไม่ได้ พากันร้องกระจองงอแง เสียงร้องของเด็กๆ ได้ยินมาถึง “นางยักษ์” ที่ชื่อ “สนธมาล” นางยักษ์พอเห็นเข้าเกิดเอ็นดูรักใคร่นำไปเลี้ยงเป็นลูกอุ้มชูอย่างดี ทั้งยังกำชับห้ามคนของตัวเปิดเผยร่างยักษ์ แต่ความลับไม่มีในโลกเด็กๆ ไปรู้ไปเห็นหลักฐานกองกระดูกมนุษย์มากมายจึงพากันหนี จนไปเจอ “ท้าวรถสิทธิ์” ก็เกิดพอใจกันอีก
“ท้าวรถสิทธิ์” เลยโชคดีมีภรรยาทีเดียวสิบสองคน แต่นางทั้งสิบสองหรือคนทั่วไปเรียกว่า “นางสิบสอง” โชคดีไม่นาน เพราะ “นางสนธมาล” มีแรงแค้นว่าถูกทรยศหลอกให้รักแล้วหนี สืบจนรู้ว่าอยู่ไหนก็ตามมาเอาคืน ใช้เล่ห์จน “ท้าวรถสิทธิ์” หลงงมงาย ออกคำสั่งจับนางทั้งสิบสองควักลูกนัยน์ตา ตอนนี้ค่อนข้างสยดสยอง
ตัวละครเอกของเรื่องมีนางสิบสอง พระรถลูกชายของนางเภากับท้าวรถสิทธิ์ และนางเมรี ลูกสาวบุญธรรมของนางยักษ์สนทมาล และตัวของนางยักษ์สนทมาลเอง ประวัตินางสิบสองนี้เดิมทีหลายคนเข้าใจว่าเป็นเพียงเรื่องเล่าต่อกันมา แต่ “ชาวพนัสนิคม” บอกว่าเป็นเรื่องจริงมีสถานที่จริง
ถ้ำที่ท้าวรถสิทธิ์จับนางทั้งสิบสองมาขังไว้ยังปรากฏปากทางเข้าถ้ำให้เห็น ปัจจุบันชื่อ “ตำบลหมอนนาง” ก็มีที่มาจากก้อนหินรูปร่างคล้ายหมอน 12 ก้อนที่อยู่หน้าถ้ำ “นางสิบสอง” เดี๋ยวนี้กระจัดกระจายไปอยู่ตามวัดต่างๆ ในเมืองพนัสนิคม
“ถ้ำนางสิบสอง” พบครั้งแรกมีสภาพเป็นป่าค่อนไปทางทึบ บรรจง คนที่เฝ้าสถานที่บอกว่าเดิมกินพื้นที่ถึง 80 ไร่ ปัจจุบันมีเพียง 4 ไร่ ถ้ำนางสิบสองในวันนี้อยู่ระหว่างฟื้นความหลังให้นักท่องเที่ยวมองเห็นภาพอดีต ลงทุนจำลองรูปนางทั้งสิบสองขึ้นมาในงานปั้น กำหนดจัดวางให้นั่งในศาลาที่เปิดโล่ง ความขลังและน่าค้นหาในวันนี้น่าจะเป็นป้ายปักบอกสถานที่ว่า “ถ้ำนางสิบสอง” และเกร็ดปาฏิหารย์สำหรับคนฝากความหวังไว้กับตัวเลข
ไปพนัสนิคมเที่ยวนี้ไม่เสียเปล่าได้เที่ยว “ถ้ำนางสิบสอง” ตำนานเมืองพระรถเมรี หนึ่งในตำนานเรื่องเล่าพระรถเสนชาดกในคัมภีร์พระเจ้า 50 ชาติของไทยล้านนา ที่เขียนและบอกเล่าโดยพระภิกษุชาวล้านนา ในปี พ.ศ.2000 จากบันทึกระบุถึงพื้นที่ทางประวัติศาสตร์เมืองพระรถเสน ครอบคลุมพื้นที่ถึง 4 อำเภอ คือ พนัสนิคม อำเภอพานทอง อำเภอบ่อทอง และอำเภอเกาะจันทร์
“ถ้ำนางสิบสอง” สถานที่ท่องเที่ยวอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ที่อัดแน่นในเมืองเล็กๆ ส่วน “หมอนนางสิบสอง” ที่กลายเป็นหิน แม่เคยพาไปดูมีไว้ให้เห็นอยู่ที่วัดโคก หรือวัดเนินหลังเต่า ตำบลหมอนนาง แม่เล่าว่ามีวัดไตรทองตั้งอยู่ ไม่มีหลักฐานว่ามีโบสถ์อยู่ตรงไหน มีแต่ปากถ้ำกว้างไม่เกินวา มีเครื่องใช้ไม้สอยของวัดเก็บไว้
บ้านไหนทำบุญก็จะมาจุดธูป 3 ดอก ตะโกนเสียงดังยืมของที่ต้องการ จุดธูปเช้าได้บ่าย จุดบ่ายได้เย็น ไม่มีใครเห็นว่าพระหรือเณรนำของมาวางให้ยืม แต่ที่แน่ๆ คนมายืมไม่ค่อยคืนของ เดี๋ยวนี้เลยไม่มีของให้ยืมอีกต่อไป จุดธูปหมดห่อก็อย่าได้หวังมีของมาให้ยืม
พระเครื่องดินเผาและพระพุทธรูปอยุธยาหลายสิบองค์ถูกขุดพบโดยบังเอิญในปี พ.ศ.2530 เป็นที่มาของพระเครื่องสมัยอยุธยามาจนทุกวันนี้
นโยบายของรัฐมนตรีท่องเที่ยวและกีฬา “วีระศักดิ์ โควสุรัตน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หนุนให้เที่ยวเมืองรอง พนัสนิคมไม่ใช่เมืองรองแต่ลองมาเที่ยวดู วันที่มาเช็งเม้งปีนี้เลยได้กำไร เที่ยวตามแนวคิดเจาะเมืองรองเที่ยวเมืองเล็ก ในทางเศรษฐกิจแล้วถือว่าคุ้มได้ทั้งไหว้บรรพบุรุษและเที่ยวไม่ไกล
ปัญหาการกระจุกตัวของนักท่องเที่ยวในที่เที่ยวหลักๆ มีทั้งปัญหาแย่งกันกินแย่งกันอยู่ ที่จอดรถไม่พอ เกิดมาเฟียในพื้นที่ เพราะผลประโยชน์สูง กระจายที่เที่ยวแบบนี้ ผลดีเกิดขึ้นเต็มๆ กับนักเที่ยวและท้องถิ่น เป็นทฤษฎีแห่งความสุขแบบไอน์สไตน์ เมื่อแหล่งเที่ยวถูกกระจายผู้คนก็ไม่ต้องแย่งกันพักผ่อน ไม่ต้องแย่งกินของอร่อย
เพราะของอร่อยที่ไม่เคยกินยังมีอีกมากที่เราไม่เคยรู้ อย่าง เมืองพนัสนิคม ที่มี “ถ้ำนางสิบสอง” มีก๋วยเตี๋ยวเป็ดตำรับพนัสนิคมที่อร่อยมาก กล้วยทอดที่นี่ก็ไม่เหมือนที่อื่นเป็นยังไงต้องหาโอกาสไปชิมกันเอง
ทฤษฎีกระจายความสุขของ “วีระศักดิ์ โค้วสุรัตน์” จึงสอดคล้องกันดีกับนโยบายรัฐบาล คืนความสุขให้ประชาชน ธุรกิจท่องเที่ยวปรับแนวเข้าหาอดีต หยิบประวัติศาสตร์มาช่วยดึงคนให้เที่ยวให้ใช้จ่าย “สงกรานต์” ปีนี้ความสุขจึงกระจายไปทั่วถึงคนขายชุดไทยย้อนยุค นโยบายเที่ยวเมืองรองของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจึงเปรี้ยงปร้าง เป็นการสร้างธีมท่องเที่ยวได้เหนือชั้นจริงๆ ยิงนกทีเดียวได้หลายตัว.
…............................................
คอลัมน์ : ชำเลืองเมือง
โดย “แรมทาง”... อ่านต่อที่ :
https://www.dailynews.co.th/article/637214
โดย:
oustayutt
เวลา:
2018-7-17 22:44
โดย:
Sornpraram
เวลา:
2019-8-16 06:58
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/)
Powered by Discuz! X3.2