Baan Jompra

ชื่อกระทู้: ~ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ~ [สั่งพิมพ์]

โดย: kit007    เวลา: 2013-3-18 15:12
ชื่อกระทู้: ~ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ~
ประวัติหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน

[attach]21[/attach]
รูปหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร

หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน วัดวังตะโก และวัดท้ายน้ำ เทพเจ้าแห่งอำเภอโพทะเลและเพชรน้ำเอกของจังหวัดพิจิตร

ชาติกำเนิด

         หลวงพ่อเงิน เดิมท่านชื่อเงิน เมื่อสมัยก่อนยังไม่ได้ใช้นามสกุล ท่านเกิดเมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2351 ตรงกับศุกร์เดือน 10 ปีมะโรง บิดาของท่านชื่อ อู๋ เป็นชาวบ้านบางคลาน มารดาของท่านชื่อฟัก เป็นชาวบ้านแสนตอ จังหวัดกำแพงเพชร ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งรัตนโกสินทร์

หลวงพ่อเงิน ท่านมีพี่น้องร่วมสายโลหิตทั้งหมด 6 คน ดังนี้

คนที่ 1 ชื่อพรม ชาย

คนที่ 2 ชื่อทับ หญิง

คนที่ 3 ชื่อทอง(ขุนภุมรา) ชาย

คนที่ 4 ชื่อเงิน(หลวงพ่อเงิน)

คนที่ 5 ชื่อหล่ำ ชาย

คนที่ 6 รอด หญิง

          เมื่อปี พ.ศ. 2356 หลวงพ่อเงิน อายุได้ 5 ขวบ นายช่วงซึ่งเป็นครูของท่าน ได้หาหลวงพ่อเงินไปอยู่กรุงเทพฯ จนกระทั่งหลวงพ่อเงินเติบโตเข้าศึกษาเล่าเรียนได้ จึงได้นำหลวงพ่อเงินไปฝากไว้ที่วัดตองปู (วัดชนะสงคราม) เพื่อให้เล่าเรียนหนังสือที่วัดชนะสงครามตลอดมาจนถึงปี พ.ศ. 2363 หลวงพ่อเงิน อายุได้ 12 ปีจึงได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่ออายุครบบวชท่านก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดชนะสงคราม ฉายา พุทธโชติ แล้วท่านได้จำพรรษา เพื่อปฏิบัติธรรมวินัยเรียนทางวิปัสสนากรรมฐานอยู่ได้ 3 พรรษาขณะที่ท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดชนะสงครามท่านได้ไปถวายตัวเป็นศิษย์เพื่อศึกษาศิลปวิทยาคมตลอดจนเรียนวิปัสสนาธุระ ในทางเมตตามหานิยมและคงกระพันชาตรีจากเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒจารย์(โต) พรหมรังสีวัดระฆังโฆสิตารามจนเป็นที่พอใจแล้ว ท่านจึงได้กลับไปจำพรรษาที่วัดคงราราม (วัดบางคลานใต้) บ้านบางคลาน ตำบลบางคลาน อำเภอบางคลาน จังหวัดพิจิตร บ้านเดิมของท่านอยู่ได้ 1 พรรษา

         ที่วัดคงคารามนี้มีหลวงพ่อพระอุปัชฌาย์ให้ เป็นเจ้าอาวาสอยู่ก่อนแล้ว ท่านเป็นพระที่เรืองวิชาแก่กล้าองค์หนึ่งเหมือนกันและท่านชอบเล่นแร่แปรธาตุด้วย แต่หลวงพ่อท่านอุปัชฌาย์ให้ท่านชอบเทศน์แหล่ เป็นทำนองการเทศน์แหล่หรือการซ้อมแหล่ ทำให้เกิดเสียงดังมาก หลวงพ่อเงินท่านไม่พอใจ เพราะท่านเป็นพระที่เคร่งครัดทางธรรมวินัยและทางวิปัสสนากรรมฐานชอบแต่ทางสงบ


โดย: kit007    เวลา: 2013-3-18 15:12
ประวัติวัดวังตะโก

          ท่านจึงได้ย้ายจากวัดคงคารามไปอยู่ยังหมู่บ้านวังตะโก ซึ่งลึกเข้าไปในทางลำน้ำแควพิจิตรเก่า โดยท่านได้หักกิ่งโพธิ์ไปด้วย 3 กิ่งและปักลงตรงบริเวณป่าตะโก แล้วท่านก็ได้อธิษฐานจิตว่า ถ้าข้าพเจ้าได้มาสร้างวัด ณ สถานที่แห่งนี้ ถ้ามีความเจริญรุ่งเรืองต่อไปในอนาคตข้างหน้า ขอให้กิ่งโพธิ์ทั้ง 3 กิ่ง จงเจริญงอกงามตามไปด้วย ก็ปรากฏว่าเป็นไปตามคำอธิษฐานของหลวงพ่อทุกประการ ได้สร้างกุฏิวิหารจนอุโบสถและเสนาสนะภายในวัดจนสมบูรณ์แบบครบถ้วนทุกประการ

          เพราะได้มีประชาชนให้ความเคารพนับถือท่านมาก มีคนมาหาท่านมาก มีคนมาหาท่านมิได้ขาด เพื่อถวายตัวเป็นศิษย์ และมาขอเครื่องรางขอขลัง และขอให้หลวงพ่อได้รักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ด้วย หลวงพ่อให้ความเมตตาโดยไม่เลือกชั้นวรรณะ เหมือนกันทุกระดับชั้น

          โดยเฉพาะพวกชาวเรือที่ขึ้นล่องไปมา ได้พากันมาจอดเรือที่หน้าวัดหลวงพ่อเป็นประจำจะเพื่อขอพรและขออาบน้ำมนต์ ผู้เขียนได้รับคำบอกเล่าจากท่านพระครูพิทักษ์ศีลคุณ(น้อย) เจ้าคณะอำเภอบางบุญนาค ซึ่งท่านเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเงินอีกรูปหนึ่ง และพ่อพริ้ง เป็นครูซึ่งเป็นพ่อของเพื่อนของผู้เขียนเอง ที่จอดเรืออยู่หน้าวัดวังตะโก น้ำมนต์ของท่านมีประชาชนเอามาอาบได้ไหลลงสู่แม่น้ำแควพิจิตรเก่ามิได้ขาดสาย (ผู้เขียนเกิดไม่ทันจึงต้องเขียนตามที่เขาเล่า)

โดย: kit007    เวลา: 2013-3-18 15:13
ประวัติการสร้างพระเครื่องและรูปเหมือนของหลวงพ่อเงิน (รูปหล่อ หลวงพ่อเงิน)

         ท่านพระครูพิทักษ์ศีลคุณได้เล่าให้ฟังว่า ท่านได้สร้างเป็นรูปหล่อลอยองค์ขึ้นเป็นรุ่นแรกครั้งที่ 1 เนื้อทองเหลืองรูปองค์พระจะขรุขระผิวไม่เรียบร้อย ตามภาษาชาวบ้านเรียกว่าพิมพ์ขี้ตา คณะกรรมการวัดได้ให้เช่าบูชาองค์ละ 1 บาท

รูปหล่อหลวงพ่อเงิน พิมพ์ขี้ตา

ครั้งที่ 2 สร้างเป็นรูปหล่อลอยองค์ หลวงพ่อเงิน โดยให้ช่างแก้พิมพ์ให้สวยงามขึ้น จึงเรียกว่าพิมพ์นิยมหรือพิมพ์เบ้าทุบ

รูปหล่อหลวงพ่อเงิน พิมพ์นิยมหรือพิมพ์เบ้าทุบ

          เมื่อรูปหล่อ หลวงพ่อเงิน พิมพ์ขี้ตาและรูปหล่อ หลวงพ่อเงิน พิมพ์นิยม ได้จำหน่ายจ่ายแจกให้ผู้ที่เคารพนับถือเลื่อมใสต่อหลวงพ่อ ต่างก็ได้รับความนิยมชมชอบ สำหรับผู้ชายสำหรับผู้หญิงและเด็กๆ ไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้รูปหล่อทั้งสองพิมพ์ดังกล่าวมาแล้ว ทางคณะกรรมการวัดจึงได้จัดให้สร้างขึ้นเป็นครั้งที่ 3เป็นเหรียญหล่อไข่ปลาเรียกว่าจอบใหญ่กับเหรียญหล่อจอบเล็ก เพื่อให้ผู้หญิงและเด็กๆ ได้มีโอกาสเช่าบูชาให้ติดตัวไปได้ ปรากฏว่าเหรียญไข่ปลาและเหรียญจอบเล็กจำหน่ายดีมีความนิยมสูงมากกว่ารูปลอยองค์ เพราะเหรียญสองชนิดนี้มีห่วงอยู่ในตัวเมื่อเช่ารับจากหลวงพ่อมาแล้วก็คล้องคอได้เลย ปัจจุปัน เหรียญหล่อจอบเล็ก หลวงพ่อเงิน และ เหรียญหล่อจอบใหญ่  หลวงพ่อเงิน มีราคาเล่นหาสูงมาก

การสร้างพระรูปหล่อของหลวงพ่อเงิน

         จะเป็นพิมพ์ใดก็ตาม ช่างมิได้สร้างครั้งเดียวและปีเดียว เมื่อปีนี้สร้างมาแล้วหมดไปเมื่อถึงงานแระจำปีปิดทองไหว้พระในเดือน 11 ของทุกๆ ปี หลวงพ่อท่านได้จัดให้มีงานแข่งเรืออย่างสนุกสนาน ได้มีประชาชนทั่วทุกอำเภอและจังหวัดใกล้เคียงได้พากันมาเที่ยวงานที่วัดวังตะโกเป็นจำนวนมาก ท่านก็ได้ให้ช่างหล่อรูปพิมพ์ต่างๆ ขึ้นมาตามลำดับเรียกร้องของประชาชนและผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาต่อองค์หลวงพ่อเงิน

โดย: kit007    เวลา: 2013-3-18 15:13
การสร้างรูปหล่อหลวงพ่อเงินเป็นกรณีพิเศษ

          ยังมีข้าราชการ พ่อค้าประชาชนที่เคารพนับถือหลวงพ่อเงินมาขออนุญาตท่านหล่อรูปเหมือนโดยนำช่างไปทำการหล่อขึ้นที่วัดวังตะโก และหล่อไปจากกรุงเทพฯ ก็มีแล้วนำไปมอบให้หลวงพ่อเงินท่านได้แพเมตตาปลุกเสกให้ มีทั้งเนื้อ ทองคำ,เงิน ,สำริด,ทองเหลือง ,ทองแดงและตะกั่ว เป็นต้น แล้วแต่ฐานะของแต่และบุคคล ส่วนมากจะเป็นพวกชาวเรือเวลานำข้าว ขึ้น-ล่อง ไปขายที่กรุงเทพฯ

         ก็จะพากันมาจอดเรือที่หน้าวัดเป็นประจำ แล้วขออนุญาตจากหลวงพ่อนำเบ้าและพิมพ์พระไปให้ช่างที่กรุงเทพฯ ทำการหล่อแล้วนำกลับมาให้หลวงพ่อได้ปลุกเสกให้ จะสร้างมากน้อยเท่าไรไม่สามารถจะทราบจำนานได้

การหล่อรูปจำลองของหลวงพ่อเงิน

          เมื่อหลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ ประชาชนเห็นความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อ จึงได้ให้ช่างมาทำการหล่อรูปจำลองของท่านไว้จำนวน 2 องค์ ด้วยกัน ตามหลักฐานที่ได้ปรากฏอยู่จนทุกวันนี้

องค์ที่ 1 ประจำอยู่วัดวังตะโก บ้านบางคลานหรือวัดหิรัญญาราม

องค์ที่ 2 ประจำอยู่ที่วัดท้ายน้ำ

ประวัติท้ายน้ำ

          เป็นอีกวัดหนึ่งที่หลวงพ่อเงินท่านได้ไปทำการบูรณะก่อสร้างกุฏิ ศาลา วิหาร อุโบสถให้เจริญรุ่งเรืองเหมือนๆ กับวัดวังตะโก และหลวงพ่อท่านได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดท้ายน้ำพอๆ กัน กับวัดวังตะโกขณะที่หลวงพ่อได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดท้ายน้ำ ก็ได้มี

         ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนพากันมาหาหลวงพ่อเงินเป็นประจำเหมือนกับกับที่ท่านอยู่ที่วัดวังตะโก แล้วคณะกรรมการวัดก็ได้ให้ช่างมาทำการหล่อรูปหลวงพ่อเงินขึ้นที่วัดท้ายน้ำเหมือนกับที่วัดวังตะโกทุกๆ พิมพ์ เพื่อแจกจ่ายจำหน่ายเป็นที่ระลึกแก่ผู้ที่ศรัทธาเลื่อมใสต่อองค์หลวงพ่อเมื่อหลวงพ่อเงินได้กลับไปจำพรรษาอยู่วัดวังตะโด ท่านได้แต่งตั้งและมอบหมายให้พระครูวัตฏะสัมบัญ (ฟุ้ง) ซึ่งเป็นลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดกับหลวงพ่อองค์หนึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดท้ายน้ำและต่อมาท่านได้เป็นเจ้าคณะอำเภอโพทะเล ที่อำเภอบางคลานได้ยกเลิกมาตั้งที่ใหม่

โดย: kit007    เวลา: 2013-3-18 15:15
พระครูวัฏะสัมบัญสร้างรูปหล่อหลวงพ่อเงิน

          กาลต่อมาพระรูปหล่อหลวงพ่อเงินทุกๆ พิมพ์ ที่จัดสร้างขึ้นที่วัดท้ายน้ำได้หมดไป แต่ยังมีผู้ที่ต้องการอีกเป็นจำนวนมาก ท่านพระครูวัฏะสัมบัญจึงได้ให้ช่างมาทำการหล่อขึ้นอีกทุกๆ พิมพ์คือ พิมพ์ขี้ตา พิมพ์นิยม พิมพ์จอบใหญ่ไข่ปลา และพิมพ์จอบเล็ก แล้วท่านก็ได้นำไปให้หลวงพ่อเงินแผ่เมตตาปลุกเสกให้แล้วนำมาแจกจ่ายที่วัดท้ายน้ำ

พระอาจารย์ชุ่มสร้างหลวงพ่อเงินที่วัดท้ายน้ำ

          ต่อมาพระอาจารย์ชุ่ม หรือพระปลัดชุ่มที่เป็นลูกศิษย์อุปสมบทกับพรครูวัฏะสัมบัญได้จัดสร้างรูปหล่อหลวงพ่อเงินขึ้นมารุ่นหนึ่ง เป็นรูปหล่อลอยองค์แบบพิมพ์นิยม โดยนำพระพิมพ์นิยมของพระครูวัฏะสัมบัญมาถอดพิมพ์ ขณะนี้กำลังได้รับความนิยมและเสาะแสวงหากันมากพอสมควร

ข้อระวัง

         พระหลวงพ่อเงินของพระอาจารย์ชุ่ม เวลานี้บรรดาพวกเซียนพระสมองใสทั้งหลายได้ลบตัว ช. ออก แล้วก็ยืนยันว่าเป็นพระหลวงพ่อเงินพิมพ์นิยมของวัดวังตะโกและวัดท้ายน้ำ ผู้ที่ดูพิมพ์ไม่ออกหลงเชื่อ

         ผู้เขียนได้พบเห็นมาหลายรายแล้วก็อดสงสารไม่ได้เพราะฉะนั้น เรื่องหลวงพ่อเงินที่มีผู้เข้าใจกันว่าวัดบางคลานนั้นความจริงแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน วัดบางคลานไม่มี คำว่าบางคลานหมายถึงตำบลอำเภอที่อยู่ของวัด ปัจจุบันนี้มีวัดวังตะโกได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดหิรัญญาราม และอำเภอบางคลานก็ได้เปลี่ยนมาเป็นอำเภอโพทะเลแล้ว

โดย: kit007    เวลา: 2013-3-18 15:15
สำหรับหลวงพ่อเงิน วัดวังตะโกกับหลายพ่อเงิน วัดท้ายน้ำบางพิมพ์ก็เหมือนกัน แต่บางพิมพ์อาจจะไม่เหมือนกัน เพราะมิได้สร้างในคราวเดียวกัน และไม่ใช้พิมพ์บล็อกเดียวกันด้วยเล็ก-ใหญ่ไม่เท่ากัน

          ผู้เขียนขอให้ข้อคิดและแนะนำ แก่ผู้เสาะแสวงหาหลวงพ่อเงินวัดวังตะโก หลวงพ่อเงินวัดท้ายน้ำ ตลอดจนกระทั่งหลวงพ่อเงินที่พระครูวัตฏะสัมบัญจัดสร้างขึ้นที่วัดท้ายน้ำจะเป็นพิมพ์ใดก็ตาม มีอภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์เหมือนกันทุกประการข้อสำคัญขอให้เป็นของแท้ เพราะหลวงพ่อเงินท่านเป็นพระเถระที่บริบูรณ์ไปด้วยศีลจารวัตรและมีสมาธิจิตอันมั่นคง โดยเฉพาะเวทมนต์คาถาและวิปัสสนาธุระ ท่านมีความเชี่ยวชาญและแก่กล้าเรื่องวิทยาคมรูปหนึ่งของจังหวัดพิจิตร และท่านได้เป็นพระอาจารย์ของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ด้วย กิตติศัพท์ของท่านเลื่องลือขจรขจายไปทั่วทุกภาคจากเหนือจดใต้จากตะวันออกจดตะวันตกมาเนิ่นนานแล้วตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ถึงแม้หลวงพ่อเงินจะมรณภาพจากไปนานแล้วก็ตาม แต่ก็ยังอยู่ในความทรงจำ ศรัทธา ปรารถนาที่จะได้ของหลวงพ่อทุกๆ คนเสมอมาเพราะวัตถุมงคลของหลวงพ่อทุกๆ อย่าง ถ้าผู้ใดมีไว้ครอบครอง จะได้รับแต่ความเจริญรุ่งเรือง เป็นศิริมงคล และแคล้วคลาดจากภัยพิบัติทั้งหลายทั้งปวงแม้แต่ชื่อของท่านก็เป็นมงคลนามอยู่แล้ว โดยเฉพาะชาวพิจิตรและจังหวัดใกล้เคียง ทุกๆ คนจะเคารพบูชาและหวงแหนวัตถุมงคลของหลวงพ่อเงินกันมาก เมื่อมีผู้ใดมาขอเช่าในราคาแพง ผู้ที่เป็นเจ้าของจะไม่ยอมให้เพราะเป็นของที่หาได้ยากยิ่ง เปรียบเสมือนหนึ่งแก้วสารพัดนึกก็ว่าได้

โดย: kit007    เวลา: 2013-3-18 15:16
พระอาจารย์และวัดที่จัดสร้างพระหลวงพ่อเงินพิมพ์ต่างๆ มีด้วยกัน 7 วัดคือ

1. วัดวังตะโก หลวงพ่อเงินสร้าง มีทุกๆ พิมพ์ พระอาจารย์แจ๊ะสร้างพิมพ์พระผงแบบจอบเล็ก

2. วัดท้ายน้ำ หลวงพ่อเงินสร้างมีทุกๆ พิมพ์ พระครูวัตฏะสัมบัญ (ฟุ้ง) สร้างมีครบทุกพิมพ์ พระปลัดชุ่มสร้างเฉพาะพิมพ์นิยมกับมีตัว ช. เพียงพิมพ์เดียวเท่านั้น

3. วัดหลวง หลวงพ่อเงินหอมสร้างมีพระพิมพ์ต่างๆ ประเภทเนื้อดินล้วน มีพิมพ์สมเด็จพระเจ้าห้าพระองค์พิมพ์ขี้ตา พิมพ์นิยม พิมพ์ซุ้มกอ พิมพ์สังกัจจายน์

4. วัดขวาง หลวงปู่ไข่ มีพิมพ์ขี้ตา พิมพ์นิยม และพิมพ์สังกัจจารน์

5. วัดห้วยเขน พระครูล้อมสร้างพิมพ์ขี้ตา พิมพ์นิยม ไข่ปลา จอบเล็ก และเนื้อดินมีทั้งนั่ง,นอน,ยืน

6. วัดบางมูลมาก พระครูพิทักษ์ศัลคุณ (น้อย) กับหลวงพ่อพิธ สร้างพิมพ์ขี้ตา พิมพ์นิยม จอบใหญ่ ไข่ปลา จอบเล็ก

7. วัดคงคาราม หลวงพ่อน้อย (ตาบอด)สร้างพิมพ์ขี้ตา พิมพ์นิยม โดยจ้างเจ๊กชัยหล่อ แล้วมีพิมพ์ขี้ตา พิมพนิยมเนื้อดินด้วย

โดย: kit007    เวลา: 2013-3-18 15:16
มรณภาพ

หลวงพ่อเงินท่านได้มรณภาพ ด้วยโรคชรา และโรคริดสีด้วยทวาร เมื่อวันศุกร์เดือน 10 แรม 11 ค่ำ ปีะมะแมเวลา 5.00 น.ตรงกับวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2462รวมอายุได้ 111 ปีพรรษา 90 การมรณภาพของหลวงพ่อเงินครั้งนั้น นับว่าวัดวังตะโก-วัดท้ายน้ำ-ชาวพิจิตรและศิษยานุศิษย์ตลอดจนสาธุชนคนทั่วไปที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวท่าน ได้รับความโศกเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง นับเป็นการสูญเสียพระคณาจารย์ที่ยิ่งใหญ่และพระเถระที่เป็นกำลังสำคัญของพระศาสนาอันมีความหมายยิ่งรูปหนึ่ง

รูป ชีรติ มจจานํ นามโคลตํ ชีรติ

http://www.wadtrynum.pongcompute ... id=25&Itemid=36

โดย: kit007    เวลา: 2013-3-18 15:17
คาถาบูชาหลวงพ่อเงิน พุทธโชติ

คาถาบูชาหลวงพ่อเงิน  พุทธโชติ
วัดท้ายน้ำ  (วัดเก่าหลวงพ่อเงิน)  อ.โพทะเล  จ.พิจิตร

ให้ตั้งนะโมฯ  ๓  จบ  แล้วสำรวมจิตกล่าวคาถา
สิทธิพุทธัง  กิจจังมะมะ  ผู้คนไหลมา  นะชาลีติ
สิทธิธัมมัง  จิตตังมะมะ  ข้าวของไหลมา  นะชาลีติ
สิทธิสังฆัง  จิตตังมะมะ   เงินทองไหลมา  นะชาลีติ
ฉิมพลี  มหาลาภัง  ภะวันตุเม

วันนมัสการหลวงพ่อเงิน  วันอังคาร  วันพฤหัสบดี  วันศุกร์  พร้อมด้วยดอกบัวหรือดอกมะลิ  ๙  ดอก  หมาก  ๓  คำ  จัดใส่พาน  และธูป  ๙  ดอก  เทียน  ๑  คู่  ให้ตั้งจิตอธิษฐานขอบารมีพุทธคุณของหลวงพ่อเงินคุ้มครอง  ป้องกันภัยจากโจรผู้ร้าย  ตลอดจนค้าขายของดีเลิศมีเมตตามหานิยม  พุทธคุณของหลวงพ่อเงินเป็นที่รู้จักและเคารพนับถือของประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะวัตถุมงคล  อาทิเช่น  รูปหล่อลอยองค์หลวงพ่อเงินพิมพ์นิยมและพิมพ์ขี้ตา  ไข่ปลาหน้าจอบ  หน้าจอบเล็ก  ตะกรุด  และความศักดิ์สิทธิ์ของน้ำมนต์  เป็นต้น  ยังมีความอภินิหารอีกมากสุดที่จะนำมากล่าวนี้

คาถาหลวงพ่อเงิน สำหรับคงกระพัน

คาถาหลวงพ่อเงิน  สำหรับคงกระพัน
ว่าดังนี้  พรุทธัง  พระเจ้าคงกระพัน  พระธัมมัง  พระเจ้าคงเนื้อ  พระสังฆัง  พระเจ้าคงกระดูก  โอม  เพชรคงคง  ตรีคงสวาหะ

คาถาหลวงพ่อเงิน เวลาเดินไปไหนใช้ภาวนา

คาถาหลวงพ่อเงิน  เวลาเดินไปไหนใช้ภาวนา
  “สุสูสัง  อะระหัง  ภคะวา” บทนี้ใช้สำหรับเมตตา  หรือเวลาสูบบุหรี่  ว่าดังนี้  “มัคคะยาเทวัง”

โดย: kit007    เวลา: 2013-3-18 15:17
หลวงพ่อเงินกับสมเด็จพุฒาจารย์โต

พระเถระนามอุโฆษ  ๒  องค์นี้  ได้ไปร่ำเรียนหาความรู้จากวัดตองปุ  (วัดชนะสงคราม) ด้วยกันทั้งคู่  สมเด็จพระพุฒาจารย์โตมีอายุแก่กว่าหลวงพ่อเงิน  ๒๐  ปี  คือ  ท่านชาตะเมื่อ  พ.ศ.๒๓๓๑  หลวงพ่อเงินชะตะเมือ  พ.ศ.๒๓๕๑  สมเด็จพระพุฒาจารย์โตสิ้นชีพตักษัยเมื่อ  ปี  พ.ศ.๒๔๑๕  นั้นหลวงพ่อเงินอายุได้  ๖๕  ปีพอดี
ที่แน่นอนก็คือ  หลวงพ่อเงินเป็นศิษย์ผู้น้อง  แต่จะเป็นศิษย์โดยตรงของสมเด็จโตหรือไม่ไม่มีหลักฐานใดระบุไว้  ชาวบางคลานก็ไม่เคยได้ยินหลวงพ่อเงินพูดถึง
วัดตอบปุ  เป็นวัดเก่าแก่ที่มีอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิจำพรรษาอยู่มากในยุคนั้น  ส่วนใหญ่เป็นพระมอญ และวัดนี้ก็มีชื่อเป็นภาษามอญมาแต่เดิมตั้งแต่ยุคกรุงศรีอยุธยา  และชาวบ้านทั่ว ๆ ไป  ไปเรียกว่า “วัดกลางนา”  มาตั้งดั้งเดิมอยู่แล้ว

หลวงพ่อเสกใบมะขามเป็นต่อเป็นแตน

มีอยู่ครั้งหนึ่งจะเป็นวันเดือนปีใดไม่ปรากฏ  มีพระอาจารย์ทองซึ่งอยู่ที่วัดใดไม่ทราบแต่ต่อมาภายหลังมาทราบที่อยู่ของท่านว่าอยู่ที่กรุงเทพฯ  ไม่ทราบที่อยู่แน่นอนว่าอยู่ที่ไหนพระอาจารย์ทองได้ยินคำเล่าลือหรือไม่  ท่านเดินทางมาหลายวัน  โดยได้นำเอาใบมะขามห่อผ้าติดตัวมาด้วย  เมื่อเดินทางมาถึงวัดท้ายน้ำไม่พบหลวงพ่อเงิน  จึงได้ถามพระในวัดว่า  หลวงพ่ออยู่ที่ไหน  ซึ่งได้รับคำชี้ แจงว่า  หลวงพ่อเดินทางไปทุ่งอ่างทองหัวหนองยาวใต้ร่มไทรนั้น  หนทางจากวัดท้ายน้ำไม่ไกลนัก  พระอาจารย์ทองก็เดินทางต่อไปตามที่พระได้บอกไว้  เมื่อเดินทางไปถึงก็แลเห็นหลวงพ่อเงินกำลังนอนเล่นอยู่  จึงตรงเข้าไปกราบคารวะถึง  ๓  ครั้ง  ตามแบบอย่างการไปมาหาสู่แบบพระทั่ว ๆ ไป  พระอาจารย์ทองยังไม่ทันได้กล่าวว่าอย่างไรเลย  แต่หลวงพ่อเงินท่านรู้ด้วยฌานอะไรไม่ทราบท่านจึงพูดขึ้นว่า  “ก็ปล่อยมันไปซี่”  พระอาจารย์ทองรู้สึกตกใจเพราะไม่ทราบว่าหลวงพ่อเงินรู้ได้อย่างไรว่าตนจะมาทดลอง  โดยเอาใบมะขามมาปลุกเสกให้เป็นตัวต่อตัวแตน  พระอาจารย์ทองจึงแก้ห่อผ้าดู  ปรากฏว่าใบมะขามที่ตนห่อมานั้นกลายเป็นต่อเป็นแตนบินกันกรูไปสู่ต้นไม้ที่ชายหนองนั้นแสดงว่าหลวงพ่อเงินท่านเก่งทางเวทมนต์คาถาได้หลายอย่าง  และล่วงรู้เหตุการณ์ภายหน้าได้ด้วยถ้าใครจะลิงดีท่าน  ๆ  ต้องแสดงให้เห็น  คุณหมอพะยอมได้เล่าให้คุณหมอเย็น  อิ่มสุข  ฟัง  คุณหมอเย็น  อิ่มสุข  ได้มาเล่าให้อาตมาฟังต่อ  จึงได้บันทึกตามคำบอกเล่าดังนี้  (เฉพาะปรากฏที่วัดท้ายน้ำ)

โดย: kit007    เวลา: 2013-3-18 15:18
หลวงพ่อเงินมีชื่อในทางคงกระพัน

คุณลุงแปลกกับคุณครูจิตได้เล่าให้ท่านเจ้าอาวาสวัดท้ายน้ำองค์ก่อน (ทานพระครูวิจิตร วุฒิกร) ฟังว่า หลวงพ่อเคยทะเลาะกับชายของท่าน คือ ตาภุมรา ซึ่งเป็นหมอใหญ่มีชื่อในเขตนั้นหรืออำเภอบางคลาน ตาภุมราผู้นี้ชอบดื่มสุรามากที่สุด วันหนึ่งควายของตาภุมรามาขวิดกับควายของหลวงพ่อ ขวิดกันอยู่นานมาก ผลปรากฏว่า ควายของตาภุมราแพ้และมีเลือดออกตามบาดแผลมาก ส่วนควายของหลวงพ่อนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บเลย ตาภุมราโมโหควายของหลวงพ่อมาก ในตอนเย็นวันนั้นตาภุมราจึงได้ดื่มสุราเมาจนถึงขนาดหนักมาจากไหนไม่ทราบได้ข้ามฟากไปหาหลวงพ่อ และร้องเรียกหลวงพ่อว่า ?ท่านเงิน ๆ เขาว่าท่านเก่งหรือ? หลวงพ่อเห็นพี่ชายเมาสุรามากก็ถามว่า ?พี่ภุมรา ข้าจะเก่งอย่างไร ข้าเป็นพระเป็นสงฆ์? ตาภุมราคงจะโมโหในเรื่องที่ควายของตนแพ้จึงพูดต่อไปว่า ?เขาลือว่าท่านเก่ง และอยู่ยงคงกระพันชาตรีหรือ? หลวงพ่อตอบไปว่า ?ข้าไม่มีดีอะไรหรอก?
ตอนนี้ตาภุมราจะคิดอย่างไรไม่ทราบ หรือเพราะฤทธิ์สุราก็เป็นได้ จึงข้ามฟากกลับไปบ้านเพื่อเอาปืน แต่ปืนสมัยนั้นคงเป็นปืนคาบหินหรือไม่ก็ปืนแก๊ป เมื่อได้ปืนแล้วก็กลับมาที่หลวงพ่อเพื่อจะทดลอง เมื่อถึงวัดก็เรียกหาหลวงพ่อว่า ?ท่านเงินอยู่ไหน ผมเอาปืนมาจะลองท่าน? หลวงพ่อก็แน่เหมือนกัน ตอบพี่ชายไปว่า ?ข้าอยู่นี่ พี่ภุมราเลือกยิงเอาให้เหมาะก็แล้วกัน? ฝ่ายตาภุมราไม่รอช้าเอาปืนประทับไหล่ยิงทันที เสียงสับนกอยู่ ๓-๔ ครั้ง ไม่ดังเลย เมื่อยิงไม่ดังแล้วก็ลดปืนลงจากบ่า ปรากฏว่ามีน้ำไหลออกมาจากปากกระบอกปืน หลวงพ่อคงโมโหมากจึงพูดว่า ?ถ้าไม่ใช่พี่ชายจะตีเสียให้? แล้วภุมราจึงกลับบ้าน เหตุนี้เองที่ทำให้ชาวบ้านทราบว่า หลวงพ่อเงินมีความศักดิ์สิทธิ์ จึงพากันไปขอเครื่องรางของขลังจากหลวงพ่อ เช่น ตะกรุด ฯลฯ ต่อมาจนวันเดือนปีใดไม่ทราบ เมื่อตาภุมราถึงแก่กรรม ปรากฏว่า หลวงพ่อเงินมิได้ไปเผาศพพี่ชายเลยแต่ให้ลูกศิษย์นำผ้าไตรไปช่วยในงานศพ นับว่าหลวงพ่อมีใจเด็ดเดี่ยวมาก

ความศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับการเทน้ำไม่ออก

ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อเงินเลื่องลือไปถึงไหน ก็ทำให้คนที่ทราบอยากได้เครื่องรางของขลังจากท่านเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลวงพ่อเงินนี้เป็นที่เคารพนับถือของประชาชนทั่วไปทั้งใกล้ไกล รวมทั้งชาวจีนก็นับถือมากเช่นกัน วันหนึ่งชาวจีนคนหนึ่งได้มาหาหลวงพ่อเพื่อขอน้ำมนต์เอาไปอาบที่บ้านเพื่อจะให้เป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว ทั้งจะทำให้การประกอบอาชีพร่ำรวยยิ่ง ๆ ขึ้นไป จึงเอาน้ำใส่กระบอกไม่ บางทานก็บอกว่าใส่กระถางน้ำ เมื่อชาวจีนผู้นั้นบอกความประสงค์แก่หลวงพ่อแล้ว หลวงพ่อก็จุดเทียนไว้ แล้วนั่งคุยกับชาวจีนผู้นั้นนับว่าชาวจีนผู้นี้คุยถูกคอท่านมาก คุยกันอยู่เป็นเวลานาน ชาวจีนผู้นั้นเห็นว่านานมากแล้ว จังเอ่ยถามหลวงพ่อว่า ?เมื่อไรหลวงพ่อจะทำน้ำมนต์สักที? หลวงพ่อตอบว่า ?ทำเสร็จแล้ว? ชาวจีนผู้นั้นก็เถียงว่าไม่เห็นหลวงพ่อลงมือทำเลย ก็นั่งคุยอยู่ด้วยกันตลอดเวลา หลวงพ่อก็ตอบยืนยันไปว่า ?ทำเสร็จแล้ว? ตามคำเดิม ชาวจีนผู้นั้นคงจะนึกฉุนก็ลุกขึ้นเทน้ำออกจากถัง ปรากฏว่าน้ำในถังนั้นไม่ไหลออกจึงเป็นเหตุให้เลื่องลือมากขึ้น หลวงพ่อองค์นี้แปลกกว่าพระองค์อี่น ๆ ตรงที่ว่า ท่านเป็นพระที่ไม่ถือเนื้อถือตัวและไม่ดุด้วย แต่มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ คนที่ไปหำม่ว่าจะมาจากไหน ท่านก็ให้การปฏิสันถารเป็นอย่างดีแก่ชนทุกเหล่า ไม่เลือกวรรณะใด ๆ ทั้งสิ้น

โดย: kit007    เวลา: 2013-3-18 15:19
ใช้ให้ลูกศิษย์แย่งอาหารจากปากจระเข้

คุณลุงแปลก สุขนวล ได้เล่าว่า หลวงพ่อชอบเลี้ยงสัตว์บกตลอดจนสัตว์น้ำ คือหลวง พ่อได้เลี้ยงจระเข้ไว้ เพราะในสมัยนั้นแถวบ้านบางคลานมีจระเข้ชุกชุมมากและดุร้ายด้วย วันหนึ่งหลวงพ่อจะไปธุระ ได้เห็นจระเข้กำลังจะกินปลาอยู่กลางแม่น้ำ หลวงพ่อนึกสนุกอย่างไรไม่ทราบ จึงใช้ให้ลูกศิษย์ของทานชื่อนายกลิ้ง (ไม่ทราบนามสกุล) ให้ไปแย่งปลาจากปากจระเข้ และสามารถแย่งมาได้โดยไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด ข้าพเจ้าเข้าใจว่า หลวงพ่อคงจะทำอะไรคุ้มกันให้นายกลิ้งก็เป็นได้

ยิงกระสุนทางอ้อมได้

มีลูกศิษย์วัดของหลวงพ่อคนหนึ่งชื่อ ตานาค ซึ่งตานาคผู้นี้เป็นคนชอบนอนตื่นสายเสมอหน้าที่ของตานาคก็คือ เป็นคนหาบสำรับของหลวงพ่อเวลาออกบิณฑบาต วันหึ่งตานาคนอนตื่นสายผิดปกติ เมื่อหลวงพ่อทราบจึงเอากระสุนยิงไปในทางตรงข้ามที่ตานาคอยู่ แต่ปรากฏว่ากระสุนนั้นไปถึกตานาคที่นอนอยู่ในกุฏิจนต้องร้องโอย หลังจากวันนั้นมีคนไปถามว่า หลวงพ่อยิงกระสุนมานั้นเจ็บไหม ตานาคบอกว่าไม่เจ็บแต่ก็โนเหมือนกัน

ฟันตะกั่วและกระดาษไม่ถูก

เรื่องมีอยู่ว่า วันหนึ่งหลวงพ่อสั่งให้ตาเจี้ยมตัดตะกั่ว เพื่อจะทำอะไรนั้นไม่ทราบแน่ชัดหลวงพ่อบอกว่า ?ให้ตาเจี้ยมแค่นั้นแหละ? เมื่อตาเจี้ยมใช้มีดฟันลงไปที่ตะกั่วกลับไม่ถูกตะกั่วเลยฟันอยู่หลายครั้งหลายคราว และอีเรื่องหนึ่ง ตาแพ (ไม่ทราบนามสกุล) ศิษย์ของหลวงพ่อเงินอีกคนหนึ่ง กลวงพ่อได้เขียนอักขระใส่ในกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ไว้ แล้วให้ตาแพฟันกระดาษนั้นปรากฏว่า ตาแพฟันกระดาษแผ่นนั้นไม่ถูก หลวงพ่อเงินหัวเราะชอบใจมาก เพราะสิ่งที่ท่านได้ทำไปเป็นเพียงขั้นทดลองดูวิชาเท่านั้นเอง

โดย: kit007    เวลา: 2013-3-18 15:19
อภินิหารหลวงพ่อเงินย่นระยะทางได้

การย่นนะยะทางได้นั้น จะกระทำได้ก็ต้องเป็นพระที่เชี่ยวชาญทางวิปัสสนากรรมฐานหลวงพ่อนี้มีวิชาที่สามารถย่นนะยะทางไกลให้เป็นระยะทางใกล้ได้ ครั้งหนึ่งหลวงพ่อได้ชวนอาจารย์แก้วไปเอาตำราที่เกาะศรีมาลา ณ เมืองพิจิตรเก่า อาจารย์แก้วนี้คงจะเป็นญาติพี่น้องกับหลวงพ่อ เพราะเป็นคนบ้านแสนตอ หลวงพ่อและอาจารย์แก้วเดินทางเพียง ๓ ก้าวเท่านั้นก็ถึงเกาะศรีมาลา พบตำราและมีดหมอ ๑ เล่มอยู่ในโอ่ง ส่วนของหลวงพ่อจะเอาตำรา แต่อาจารย์แก้วจะเอามีดหมอ ซึ่งหลวงพ่อไว้มิให้เอามาเพราะเจ้าของไม่อนุญาต อาจารย์แก้วเอามีดหมอมาได้เพียงคืนเดียวก็ต้องเอาไปคืน เพราะเหตุว่า เจ้าของมีดมารบกวน ครั้นต่อมาอีกหลายเดือนอาจารย์แก้วได้กลับไปที่เกาะศรีมาลาอีกครั้งหนึ่ง แต่ไม่พบโอ่งและมีด ไม่ทราบว่าหายไปข้างไหนเที่ยวเดินหาอยู่ก็ไม่สามารถพบเห็นอีก

ช่างถ่ายรูปหลวงพ่อไม่ติด

ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อเลื่องลือไปไกล คนที่อยู่ไหล ๆ ก็อยากจะได้รูปของท่านไว้สักการบูชาจะได้เป็นศรีสวัสดิ์แก่ครอบครัว แรถ่ายรูปในสมัยนั้นก็ไม่ค่อยแพร่หลายเช่นในปัจจุบันนี้ เพราะประชาชนทั่วไปเกรงว่า การถ่ายรูปทิ้งไว้จะทำให้อายุสั้น จึงเป็นเหตุให้พวกรุ่นเราท่านไม่ค่อยได้รูปปู่ย่าตายายเก็บได้ดังนี้เป็นต้น วันหนึ่งได้มีช่างถ่ายรูปเดินทางมาจากกรุงเทพฯ เพื่อจะถ่ายรูปหลวงพ่อ ซึ่งช่างถ่ายรูปนั้นมิใช่คนไทยเป็นชาวอินเดีย (ตามภาษาชาวบ้านเรียกว่า ?แขก?) หลวงพ่อก็ยินดีให้ถ่าย แต่การถ่ายครั้งแรกนั้นไม่ติดเพราะกระจกแตก แขกเห็นเช่นนั้นก็นึกอัศจรรย์ จึงของหลวงพ่อถ่ายใหม่ หลวงพ่อก็ให้ถ่ายอีกเช่นเดิม ปรากฏว่าการถ่ายครั้งนี้รูปของหลวงพ่อติดเพียงซีกเดียว แขกนั้นก็หาได้ลดละความพยายามไปไม่ คนนั้นเลยนอนค้างที่วัด ๑ คืน (คือวัดวังตะโก) จนรุ่งเช้า หลวงพ่อก็ให้แขกถ่ายรูปเป็นครั้งที่สาม รูปหลวงพ่อจึงติดสมประสงค์ของแขกหรือช่างถ่ายรูป นี่ก็ได้แสดงความศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน

หลวงพ่อใบ้หวยได้

ข้าพเจ้าบันทึกตามคำบอกเล่าของครูบุหรง นิ่มทอง ครูโรงเรียนวัดบ้านบางลายใต้ ต.บางลายใต้ อ.โพทะเล จ.พิจิตร ว่ามารดาของครูบุหรงเคยเล่าให้ฟังเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ (หมายถึงคุณแม่) ท่านเคยเป็นชาวเรือได้ล่องเรือไปมาค้าขาย ซึ่งในเวลานั้นหลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่วันหนึ่งมารดาของครูบุหรงและพี่สาวได้ล่องเรือข้าวจะไปขายที่ปากน้ำโพหรือที่กรุงเทพฯ ไม่ทราบแน่ชัดและพูดไว้ว่า ล่องเรือไปเที่ยวนี้จะไปขอลาภจากหลวงพ่อ เมื่อเรือล่องไปถึงบ้านบางคลานจึงขึ้นจากเรือไปหาหลวงพ่อวัดวังตะโก เมื่อนมัสการหลวงพ่อเสร็จแล้ว ก็พูดว่า ?หลวงพ่อฉันมาเที่ยวนี้ จะมาขอลาภจากหลวงพ่อ? หลวงพ่อก็ตอบไปว่า ?ฉันไม่มีอะไรให้ดอก แต่ขามาเที่ยวนี้ขอให้โยมซื้อจากมาฝากด้วย? ขากลับมารดาของครูบุหรงได้ขอน้ำมนต์ไปด้วย เมื่อถึงเรือก็เทน้ำมนต์ใส่โหลเก็บไว้ท้ายเรือ ป้าของครูบุหรงมาดูดอกน้ำมนต์ในโหลเห็นเป็นตัว ?จ? จึงบอกมารดาของครูบุหรงว่า ?หนูง้วย หลวงพ่อให้ลาภ? มารดาครูบุหรงไม่ยองเชื่อ เลยไม่ได้ซื้อหวยและแย้งว่า ?ถ้าท่านจะให้ คงบอกตรง ๆ นี่คงไม่จริง? แต่ปรากฏให้เห็นว่า เมื่อหวย ก.ข.ออกรุ่นนั้น ออกเป็นตัว ?จ? จริงๆ

โดย: kit007    เวลา: 2013-3-18 15:19
สมเด็จพระมหาสมณะเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส

พระองค์เจ้าชายมนุษย์นาคมานพ หรือ สมเด็จพระมหาสมณะเจ้า กรมพระยาวชิรญาณ
วโรรสซึ่งเป็นโอรสในรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแห่งรัตนโกสินทร์ เป็นพระราชโอรสองค์ที่ ๔๗ ในเจ้าจอมมารดาแพ ครั้งหนึ่งท่านสมเด็จพระมหาสมณะเจ้าออกตรวจตามวัดต่าง ๆ ในเขตมณฑลภาคเหนือ ตอนที่มานั้นท่านจะดำรงตำแหน่งอะไรไม่ทราบชัดแต่ท่านตรวจงานคณะสงฆ์ทั่วไป การมาก็ไม่ปรากฏชัดว่าจะมาในปีเดือนวันอะไรอีกเช่นกันแต่สมเด็จพระมหาสมณะเจ้าได้เสด็จมาทางชลมารค เรือมาตามลำน้ำยม ผ่านวัดต่าง ๆ มาโดยลำดับ พอมาถึงวัดวังตะโก สมเด็จฯ ถามหาหลวงพ่อเงิน เพราะได้ยินกิตติศัพท์ของหลวงพ่อเมื่อพระองค์ผ่านมา จึงใคร่จะดูรูปโฉมโนมพรรณของหลวงพ่อเงินว่าเป็นอย่างไร พอดีเวลานั้นหลวงพ่อเงินไม่อยู่ ท่านไปอยู่ที่วัดท้ายน้ำ (วัดเก่าของหลวงพ่อเงิน) เพราะที่วัดท้ายน้ำนี้ หลวงพ่อท่านได้สร้างถาวรวัตถุไว้มากมาย และประกอบกับมีญาติพี่น้องอยู่แถวนั้นมาก เมื่อมีคนมาส่งข่าวให้หลวงพ่อทราบ หลวงพ่อท่านก็ให้พระรูปหนึ่งที่มีความชำนาญในการเข้าหาพระผู้ใหญ่ในสมัยนั้นนำดอกไม้ ธูปเทียน ไปถวายสมเด็จพระมหาสมณะเจ้าฯ สมเด็จฯ ท่านรับแล้วถามว่า หลวงพ่อเงินไปไหน พระก็ตอบว่า อยู่ที่วัดท้ายน้ำ มีธุระยังทำไม่เสร็จ ท่านใช้ให้กระหม่อมนำธูปเทียนแพ ดอกไม้มาถวาย เมื่อท่านรับธูปเทียนดอกไม่แล้ว สมเด็จฯจึงมอบผ้าไตรแพร ๑ ไตรให้นำไปถวายกลวงพ่อเงิน พระรูปนั้นเมื่อกลับมาวัดท้ายน้ำ และนำผ้าไตรแพรมาให้หลวงพ่อเงิน หลวงพ่อท่านยังสัพยอกกับพระรูนั้นว่า ?สู้ข้าไม่ได้? (ข้าไม่ได้ไปก็ยังได้ไตรแพร) ส่วนสมเด็จฯ ก็ได้เดินทางตรวจเยี่ยมขึ้นไปจนสุดคณะสงฆ์ภาคเหนือเมื่อหมดภาคเหนือแล้ว ได้ล่องกลับตามลำน้ำยมอย่างเดิม พอมาถึงวัดวังตะโกได้แวะพักอีก ๑ คืน เพื่อรอหลวงพ่อเงิน พอหลวงพ่อเงินได้ทราบข่างว่า สมเด็จพระมหาสมณะเจ้าฯ ไม่ยอมเสด็จกลับกรุงเทพฯ หลวงพ่อจึงเดินทางจากวัดท้ายน้ำกลับไปวัดวังตะโก เมื่อมาถึงหลวงพ่อเงินได้ทักทายปราศรัยพอสมควรและได้อยู่สนทนากันจนตลอดแจ้งซึ่งไม่มีใครทราบ ดู ๆ ไม่มีเวลาหลับนอนเลย ทราบมาภายหลังว่า สมเด็จในกรมท่านขอเรียนวิปัสสนาธุระกับหลวงพ่อจนสำเร็จ เมื่อพระองค์เรียนสำเร็จแล้ว ท่านจึงเสด็จกลับกรุงเทพฯ สมเด็จในกรมเมื่อตอนเสด็จกลับ ได้ขอธูปเทียนมาจุดเวียนพระอุโบสถ ๓ รอบ (ได้คำบอกเล่าจากคูณหมอแปลก สุขนวล) ซึ่งเล่าว่า ขณะนั้นคุณหมอยังได้เห็นสมเด็จในกรมฯ เวียนพระอุโบสถแต่พระองค์เดียว เห็นแต่ธูปและเทียนเท่านั้น ส่วนองค์สมเด็จฯ แลไม่เห็น นี่ก็ย่อมแสดงว่า พระองค์ได้ศึกษาทางวิปัสสนาจนสำเร็จ เมื่อสมเด็จ ฯ จะเสด็จกลับ หลวงพ่อเงินที่ท่านให้พระลูกวัดเจริญชัยมงคลคาถา (ชะยันโต) เพื่อเป็นสิริมงคลแด่สมเด็จและวัดสืบต่อไป

ทางคลาดแคล้ว

ในวัดของหลวงพ่อมีภิกษุองค์หนึ่งมีนามว่า  อาจารย์ท้วม  ซึ่งมีความสามารถพิเศษในการยิงกระสุนแม่นยำที่สุด  ไม่มีใครจะสู้ท่านได้  วันหนึ่งมีไก่ขึ้นไปเขี่ยหาอาหารบนหลังคากุฏิจนกระจุยกระจายไปหมด  หลวงพ่อโมโห  จึงเรียกหาอาจารย์ท้วมลูกศิษย์ให้ยิงไก่บนหลังคากุฏิ  เมื่ออาจารย์ท้วมได้ทราบความประสงค์ของหลวงพ่อแล้ว  จึงหยิบกระสุนออกมายิงไก่บนหลังคาประมาณ  ๔-๕  ครั้งแต่ไม่ถูกไก่เลย  ซึ่งตามธรรมดาแล้วอาจารย์ท้วมนี้ในเรื่องการยิงกระสุนนั้นยกไว้ให้ว่าแม่นยำมาก  แต่มาครั้งนี้ยิงผิดพลาดไปมาก  นี่ย่องแสดงว่าหลวงพ่อต้องการให้ลูกศิษย์ทราบว่า ท่านมีความขลังแค่ไหน

โดย: kit007    เวลา: 2013-3-18 15:20
หลวงพ่อเงินทราบเหตุการณ์ล่วงหน้า

คุณครูจิตร ปั้นเพ็ง ได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า ในรัชกาลที่ ๕ หรือที่ ๖ ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าวันหนึ่งหลวงพ่อเงินได้สั่งให้ลูกศิษย์หรือพระลูกวัดจัดการกวาดลานวัดให้สะอาดเรียบร้อยโดยหลวงพ่อท่านบอกกับพระลูกวัดว่า ?เสือจะมา? ให้เตรียมรัวไว้ให้ดีเสียก่อนจะอายเขา เมื่อทำความสะอาดวัดเรียบร้อยแล้วก็ยังไม่มีเหตุการณ์อะไร ต่อมาไม่กี่วัน หลวงพ่อก็มาบอกกับพระลูกวัดอีกว่า ?วันนี้เสือจะมาถึง? ให้คอยเตรีนมตัวต้อนรับด้วย ซึ่งคำว่าเสือในที่นี้หมายถึง ?พระองค์เจ้าชายอาภากรฯ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์เป็นโอรสองค์ที่ ๒๘ ยองพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาบที่ ๕ แห่งนครหลวงกรุงเทพธนบุรี ในเจ้าจอมมารดาโหมดต้นตระกูล? ?อาภากร ณ อยุธยา? ได้เสด็จมากับมหาดเล็ก โดยทางเรืออย่างเงียบ ๆ ก่อนที่จะถึงวิดวังตะโกได้แวะที่วัดมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท เพื่อศึกษาวิชากับหลวงพ่อวัดมะขามเฒ่า (หลวงพ่อศุข) เป็นเวลา ๑๕ วัน จนสำเร็จนี่ก็แสดงให้เห็นความศักดิ์สิทธิ์ของท่านโดยชัดแจ้งแล้วว่า หลวงพ่อเงินท่านสามารถนั่งวิปัสสนาทราบว่าจะมีผู้มาหาและสามารถรู้ด้วยว่าเป็นวันนั้นวันนี้ เมื่อกรมหลวงชุมพรฯ ได้เล่าเรียนวิชาต่าง ๆ จนสำเร็จแล้ว ท่านจึงเสด็จกลับ วันที่กรมหลวงชุมพรฯ เสด็จกลับ หลวงพ่อเงินได้จัดทำพิธีให้พระภิกษุเจริญชัยมงคลคาถา (ชะยันโต) เพื่อเป็นสิริมงคลแก่กรมหลวงชุมพรฯ

ความศักดิ์สิทธิ์ของชานหมากที่วัดท้ายน้ำ

คุณหมอเย็นได้เล่าให้ฟังว่า ? ตามปกติหลวงพี่เงินชอบฉันหมากมาก บรรดาลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดต้องตำหมากกันทุกวัน วันไหนอารมณ์ดี ตอนเย็น ๆ ท่านจะออกมานั่งที่ที่สำหรับรับแขกร้องเรียกเด็กวัดให้มาใกล้ ๆ แล้วหว่านชานหมากที่ท่านฉันนั้นให้เด็ก ๆ บรรดาเด็กเหล่านั้นก็จะเข้าแย่งกัน จนถึงขนาดต่อยกันตกใต้ถุน บางคนก็ตีกัน แต่ก็ปรากฏว่าไม่มีใครได้รับบาดเจ็บและถ้าใครได้ชานหมากไว้ เท่าที่ได้เห็นกับตา ชานหมากของท่านนั้นเป็นทองแดง ซึ่งอาตมาเคยประสมมาหลายครั้ง

โดย: kit007    เวลา: 2013-3-18 15:20
ความศักดิ์สิทธิ์ของต้นโพธิ์หน้าวัดท้ายน้ำ

พูดถึงความศักดิ์สิทธิ์ของต้นโพธิ์  ถึงนะไม่ใช่ต้นโพธิ์ตรัสรู้ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่งประทับก็ตามเถิด  เพราะความศักดิ์สิทธิ์และมีอภินิหารพอสมควรเท่าที่ได้พบมา  และได้ทราบมาว่าต้นโพธิ์ต้นนี้เกิดก่อนวัดท้ายน้ำเสียอีก  คล้ายกับว่าเป็นของคู่วัดท้ายน้ำมาเลย  ก่อนตั้งวัดท่านผู้เฒ่าผู้แก่ได้เล่าลือต่อกันมาว่า  ตอนมาสร้างวัดใหม่ ๆ ก็แลเห็นจ้นโพธิ์ต้นนี้สูงราว  ๆ๕  เมตรมีใบดกเป็นพุ่มสวยงามมาก  บริเวณใต้ต้นโพธิ์ก็สะอาด  ต่อมาการก่อสร้างวัดท้ายน้ำก็คือหน้ามี  กุฏิ  ศาลา  หอสวดมนต์  แพที่อาศัยของสมภาร  (สมัยแรกเรียกอย่างนั้น)  เป็นหลักฐานติดต่อกันมาเป็นลำดับ  และต่อมาอีกครั้งหนึ่งจะเป็นวันเดือนปีอะไรไม่ปรากฏ  วัดท้ายน้ำมีสมภารชื่อหลวงพ่อเขียว  ท่านเป็นผู้เปรื่องปราชญ์ไปด้วยความรู้  และเรืองวิชาทางไสยศาสตร์มาก  ท่านมาอยู่ที่กุฏิเรือนแพ  ใต้ต้นโพธิ์หน้าวัด  และท่านยังริเริ่มเปิดสอนหนังสือไทยให้แก่เด็ก ๆ ที่หาคนสอนหนังสือไม่ได้  ส่วนหลวงพ่อเงินท่านไป ๆ มา ๆ  เพาะเหตุว่าญาติโยมของทานอยู่แถบนี้มาก  เมื่อท่านสร้างวัดวังตะโก  (หรือวัดหิรัญญาราม)  เสร็จแล้ว  ท่านยังไปมาหาสู่ที่วัดท้ายน้ำอยู่เสมอ  เพราะมีความสนิทชิดชอบกับหลวงพ่อเขียว  เจ้าอาวาสวัดท้ายน้ำ  สมัยที่ท่านมาที่วัดนี้ใหม่ ๆ  ท่านยังอุทานดัง  ๆ  ว่า  “ที่นี่ดีจริง ๆ “  ท่านยังดั้งชื่อว่า  “วัดช่องลม”  (คือวัดท้ายน้ำในปัจจุบัน)  เวลาหลวงพ่อเงินมาพัก  ท่านจะพักที่แพแต่อยู่รูปละห้องกับหลวงพ่อเขียว  บางครั้งผู้ที่เป็นลูกศิษย์เช่าว่า  หลวงพ่อเงินชวนว่าคืนนี้ไปไหว้พระจุฬามณีเจดีย์กันเถิด  แล้วท่านทั้งสองก็ลงมาสู่ต้นโพธิ์นั่งเข้าสมาธิทำวิปัสสนาธุระที่ใต้ต้นโพธิ์นี้  และบางครั้งจะสอนวิปัสสนาแก่บรรดาพระเณร  และประชาชนที่ใต้ต้นโพธิ์ทุกครั้ง  แสดงว่าหลวงพ่อเงินทานโปรดปรานต้นโพธิ์นี้มากและเมื่อตอนที่ท่านอยู่นั้น  ท่านเคยนำของมาฝังไว้ที่ใต้ต้นโพธิ์หลายอย่าง  แต่ไม่ปรากฏที่แน่ชัด  เพราะคนที่ลงมือฝังกับท่านนั้นต้องทำการสาบานเสียก่อนว่า  จะไม่เปิดเผยให้ใครทราบเป็นหูที่สอง  ถ้าบอกกับใครตาจะแตก  หูจะหนวก  ต้องคอยให้ถึงเวลาเสียก่อน  นี่เป็นคำบอกเล่าจากผู้รู้มาจึงกล่าวได้ว่า  ต้นโพธิ์ต้นนี้เป็นของคู่วัดจริง  ฟ  และมีความศักดิ์สิทธิ์มาก  มีครั้งหนึ่งสมัยปี  พ.ศ.  ๒๔๘๑  นี้เอง  ยังมีชาวบ้านที่มีอาชีพขายควาย  ไล่ควายมาพักที่หลังวัดท้ายน้ำ  ตอนเย็นเดินผ่านมาที่หน้าวัดพร้อมกับถืออาวุธปืนมาด้วย  พอดีแลไปเห็นนกยางเกาะอยู่บนต้นโพธิ์  จึงยกปืนแก๊ปเล็งไปที่นก  น้าวไกเสียงดังฉาด ๆ  ถึง  ๓  ครั้งแต่ไม่ดัง  พอบ่ายกระบอกปืนไปทางอื่นก็มีเสียงดัง  แสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่  และอีกครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้เอง  ในบริเวณวัดท้ายน้ำมีไก่ที่ชาวบ้านนำมาปล่อยถวายหลวงพ่อเงินเป็นจำนวนมาก  รวมทั้งลูกไก่  นกเหยี่ยว  จึงชอบมาโฉบจิกลูกไก่ไปกินจนเกือบหมด  ชาวบ้านตามแถบนั้นจึงเอาปืนลูกซองมาหวังเพื่อจะยิงเหยี่ยวพอดีนกเหยี่ยวตัวนั้นบินไปเกาะที่ต้นโพธิ์หน้าวัด  ชาวบ้านจึงเล็งปืนไปที่นกดังกล่าว  พอได้จังหวะก็ลั่นไกฉาด ๆ ๆ  แม้จะเปลี่ยนลูกใหม่แล้วปืนก็ยิงไม่ดัง  ทำเอาชาวบ้านกลุ่มนั้นแปลกใจมากเหตุการณ์ต่อมามีเรือหางยาวมาผูกกับรากต้นโพธิ์แล้วลืมแก้โซ่ออก  เวลาติดเครื่องปรากฏว่าจะทำอย่างไรเครื่องก็ไม่ติด  เจ้าของแปลกใจ  จึงปล่อยให้เรือลอยไป  พอพ้นชายต้นโพธิ์ก็ติดอย่างลำบาก

โดย: kit007    เวลา: 2013-3-18 15:21
และเคยปรากฏอีกอย่างหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้  ได้มีการปล้นกันขึ้นที่บ้านใต้  (หมายถึงใต้วัด)  พวกปล้นนี้จะมาจากไหนไม่ทราบ  แต่มาทางเรือ  โดยนำเรือมาจอดที่ใต้ต้นโพธิ์  เพราะตอนนั้นมีสะพาน  พวกโจรทั้งหลายก็ขึ้นบันไดที่ใต้ต้นโพธิ์  พอทำการปล้นเสร็จไม่นานพวกโจรทั้งหลายก็ถูกจับ บางคนถึงตายและบางคนที่รอดไปก็อยู่ในสภาพบ้านแตกสาแหรกขาดพลันที่นาคาที่อยู่นี่แสดงว่าไม่เคารพต้นโพธิ์ที่หลวงพ่อเงินและหลวงพ่อเขียวโปรดปรานมาก  มีบางคนที่ไปดูหมอดูมา  และถูกทำนายว่าเคราะห์ร้าย  ก็มารดน้ำต้นโพธิ์บ้าง  และใช้ไม้ค้ำต้นโพธิ์บ้าง  ดวงชะตาก็ดีขึ้นมีความสุขขึ้น  ตอนพรรษาตอนเช้า ๆ  พระและเณรทุกรูปจะต้องมาทำการคารวะทุก ๆ ปีไป  สามารถเป็นที่พึ่งทางใจของประชาชนได้เป็นอย่างดี  (จากหนังสือของวัดท้ายน้ำเกี่ยวกับ  “ประวัติหลวงพ่อเงินวัดท้ายน้ำ  วัดเก่าหลวงพ่อเงิน  หน้า  ๒๑-๒๒  พิมพ์เมื่อปี  ๒๕๑๕)

หลวงพ่อชอบเลี้ยงสัตว์

จากคำบอกเล่าของญาติโยมอาวุโสที่วัดท้ายน้ำ  และคำบอกเล่าของลุงแปลก  สุขนวล ทำให้ทราบว่า  หลวงพ่อชอบเลี้ยงสัตว์มาก  ตั้งแต่  ช้าง  วัว  ควาย  ม้า  กวาง  ละมั่ง  กระทิง  ชะนี  หมี  ลิงเผือก  กระต่ายป่า  นกเขา  นกกระทา  หลวงพ่อสามรถทำให้สัตว์ป่าเล่านี้เชื่องได้โดยง่าย  คือมีพวกชาวบ้านเกเรได้ลักช้างชื่อนบของท่านไป  ทำให้ท่านโมโหมากถึงกับสาป่งให้ยากจนไปเจ็ด  ชั่วโคตร  ท่านบอกด้วยว่า  ช้างของท่านถูกคนนำไปขายที่บ้านระแหง  นอกจากนี้ที่วัดท้ายน้ำยังมีตะลุงเสาช้างของหลวงพ่อเงินอยู่เป็นหลักฐานอีกด้วย

สิ่งปรากฏในตัวของหลวงพ่อที่วัดท้ายน้ำ

ตามคำบอกเล่าของญาติโยมที่อยู่ใกล้ชิดบอกว่า เวลาหลวงพ่อจะสรงน้ำตอนไหนก็ตามจะมีบรรดาชาวบ้านที่เป็นโรคกลาก เกลื้อน หรือเป็นผื่นคันประเภทต่าง ๆ คอยเฝ้าดู และบางคนจะตักน้ำมาให้ท่านสรง เพื่อจะคอยรองน้ำที่ใต้ถุน ขณะที่หลวงพ่ออาบอยู่ ถ้าใครได้น้ำที่พ่อหลวงพ่อใช้สรงเพียง ๒-๓ ครั้ง ก็ปรากฏว่า เกลื้อนหรือกลากเหล่านั้นจะอันตรธานไปหมดสิ้นแม้แต่เดี่ยวนี้ก็ยังมีผู้ทำกันอยู่ คือที่รูปจำลองของหลวงพ่อเงินที่วัดท้ายน้ำ
เวลานำเอารูปจำลองของหลวงพ่อเงินออกสรงน้ำในยามเทศกาลปรากฏว่าประชาชนยังลงไปรองน้ำที่ใต้ถุนเป็นจำนวนมาก เพราะเคยได้รับคำบอกเล่าจากผู้ใหญ่ถึงเรื่องความศักดิ์สิทธิ์


ที่มา  http://www.wadtrynum.pongcomputer.com

โดย: kit007    เวลา: 2013-9-5 07:45
[youtube]rSJAPuQfND4[/youtube]

[youtube]a-d5ihdf-Ds[/youtube]


โดย: kit007    เวลา: 2013-9-5 07:46
[youtube]ky9q7CTYV54[/youtube]

[youtube]nL7cIDsBSmA[/youtube]


โดย: kit007    เวลา: 2013-9-5 07:47
[youtube]RDw8agnP_KE[/youtube]

[youtube]HDDcJ5rgOu8[/youtube]


โดย: kit007    เวลา: 2013-9-5 07:47
[youtube]feiqQjWUPXw[/youtube]

[youtube]jzlIuojMAf8[/youtube]


โดย: kit007    เวลา: 2013-9-5 07:48
[youtube]zypM2Ed2gmg[/youtube]

[youtube]J7lR34ywpUc[/youtube]


โดย: Metha    เวลา: 2013-12-11 00:45

ขอบคุณครับ
โดย: oustayutt    เวลา: 2015-5-25 12:46
หลวงพ่อเงิน แก้กลมนต์อาถรรพณ์
ในสมัยที่หลวงพ่อเงินสร้างศาลาการเปรียญที่ วัดบางคลาน (วัดหิรัญญารามในปัจจุบัน)
เสร็จเรียบร้อยแล้ว ครั้งหนึ่งมีคาระวานช้างของชาวไทยอีสานมาขอพักช้างที่วัดท่าน เกียรติศัพท์และความศักดิ์สิทธิ์ของท่านขจรขจายไปทั่ว ทำให้ควานช้างที่มาพักช้าง หาญที่จะลองวิชากับท่าน โดยทำทีเป็นเอามีดพร้ามาถากหน้าแข้งตนเองแล้วเอาฟืนที่ออกมาจากหน้าแข้งนั้นไปหุงข้าวกินกัน พฤติกรรมนี้หลวงพ่อเงินท่านเห็นโดยญาณว่า พวกชาวขะแม กำลังลองวิชากับท่าน โดยแท้จริงแล้วพวกควานช้างนั้นไปถา...กเสาศาลา ของท่านมิได้ถากหน้าแข้งเลย แต่ใช้วิชามหากำบังหลวงใหญ่อยู่ หลวงพ่อเงินจึงให้เด็กวัดไปหากะลา
มะพร้าวตาเดียวมา เมื่อได้แล้วท่านก็เสกกะลามะพร้าวตาเดียวนั้น แล้วให้เด็กวัดเอากะลาไปคล่ำไว้ที่กลางลานวัด ปรากฏว่า เมื่อควานช้างชาวขะแมเหล่านั้นตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็พากันตกใจเพราะหาช้างไม่พบแม้แต่ตัวเดียว ทั้งๆ ที่ช้างก็ยันกินหญ้าอยู่ในที่เดิมนั้น นี่เป็นวิธีหนามยอก เอาหนามบ่ง ของหลวงพ่อเงิน พวกควานช้างทั้งหลายเมื่อจนปัญญาแล้ว จึงพากันขึ้นไปหาหลวงพ่อเงินบนกุฎิ คำแรกที่หลวงพ่อทักทาย ทำให้ควานช้างทุกคนต้องขนหัวลุก ท่านพูดว่า เออ..หาช้างไม่เจอกันรึ ทุกคนรู้ทันทีว่าหลวงพ่อรูปนี้ไม่ใช่
เป็นพระธรรมดา แต่เป็นพระที่เรืองวิชาอาคม และศักดิ์สิทธิ์ตามคำเล่าลือจริงๆ หลวงพ่อพูดต่อไปว่า ถ้าอยากจะได้ช้างคืน ทุกคนจะต้องรับสัจจะกับท่านโดยจะต้องเปลี่ยนเสาศาลาให้ท่านใหม่ ควานช้างทุกคนก็รับสัจจะกับหลวงพ่อ หลวงพ่อเงินจึงให้เด็กวัดไปหงายกะลามะพร้าวที่คว่ำอยู่กลางลานวัด ปรากฏว่าช้างทุกตัวมิได้หายหรือถูกขโมยไป ยังยืนกินหญ้ากันที่เดิมตามปกติ เป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก
ดูเพิ่มเติม











ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2