Baan Jompra

ชื่อกระทู้: อาถรรพ์แลกชีวิต ! เปิดตำนานสยอง”สะพานมิตรภาพไทย-ลาว2″ จนต้องมีพิธีขอขมา”องค์พญานาค [สั่งพิมพ์]

โดย: oustayutt    เวลา: 2017-11-29 20:58
ชื่อกระทู้: อาถรรพ์แลกชีวิต ! เปิดตำนานสยอง”สะพานมิตรภาพไทย-ลาว2″ จนต้องมีพิธีขอขมา”องค์พญานาค

เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญของภาคตะวันเฉียงเหนือเลยก็ว่าได้ สำหรับ ” สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 2″ ที่ เชื่อมต่อจังหวัดมุกดาหารของประเทศไทย เข้ากับแขวงสุวรรณเขตของประเทศลาว เป็นสะพานข้ามแม่น้ำโขง ที่สร้างความสะดวกสบายในการสัญจรไปมาระหว่างได้เลย

โดยสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 2 ได้เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2547 แต่เรื่องราวความหลอนก็เริ่มต้นขึ้นเช่นกัน เมื่อระหว่างการก่อสร้างนั้นได้เกิดเรื่องสยองมากมาย จนกลายเป็นตำนานความเชื่อที่ชาวบ้านแถวน้ำร้ำลือถึง “ความอาถรรพ์” !!
โดยการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 2 นี้ มีกระแสข่าวว่าจะสร้างนานแล้วก็จริง แต่เพิ่งจะลงตัวเรื่องพื้นที่ที่จะสร้าง เริ่มต้นสร้างจริงๆในปี 2543 และสะพานเปิดให้สาธารณะใช้เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ในระหว่างก่อสร้างได้เกิดอุบัติเหตุจากเครื่องเครนที่ทำให้ ที่ปรึกษา วิศวกรและคนงานเสียชีวิต 9 คน (ชาวไทย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และลาว) บาดเจ็บ 10 คน (ชาวไทย ญี่ปุ่น และลาว) และหายสาบสูญ 1 คน (ชาวลาว) เมื่อ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2548

และการเริ่มต้นก่อสร้างก็ได้พบว่า “มีลางร้ายทำลายขวัญคนงาน” จนใครก็ต้องขนหัวลุก “เมื่อมีคนไปผูกคอตายใน Office ที่เพิ่งสร้างใหม่ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มใช้ ” การผูกคอตายนี้ไม่มีใครทราบสาเหตุแน่ชัด จนทำให้พนักงานที่จะต้องมาใช้ Office หวาดกลัวกันมาก จนทำให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบต้องตัดสินใจ สั่งทำการรื้อถอน Office ทั้งหมด แล้วเอาเหล็กกระเบื้องและวัสดุที่เกี่ยวกับการสร้าง Officeใหม่ แต่นำหลังนี้ไปบริจาคถวายให้กับวัดของกระผมแทน จากนั้นทางบริษัทผู้รับเหมา ก็ได้สั่งอุปกรณ์ก่อสร้างเข้ามาใหม่ เพื่อสร้าง Office ในพื้นที่ตำแหน่งเดิม หลังจากนั้นอีก 4-5 เดือน

หลังจากนั้นก็มี “ลางร้ายครั้งที่ 2 ” อีกครั้ง “เมื่อคนงานก่อสร้างที่กำลังสร้างสะพานอยู่นั้น ได้ตกนั่งร้านตาย” และไม่นานต่อมาก็ได้เกิด “ลางร้ายครั้งที่ 3” เกิดการตายขึ้น “หลังคนงานที่ออกไปทำงานสร้างเสาที่กลางลำน้ำ รู้สึกร้อนอยากล้างหน้า จึงได้ก้มลงไปตักน้ำจากลำน้ำโขงมาล้างหน้า แต่ตกน้ำตายอีกคน” นับว่าเป็นเรื่องราวน่ากลัวชวนสยองไม่น้อย เพียงเริ่มต้นสร้างสะพานไม่นาน


โดย: oustayutt    เวลา: 2017-11-29 20:59
ภาพแม่น้ำโชง
แต่ความหลอนกลับไม่หมดเพียงเท่านั้น เมื่อจู่ๆเหตุการณ์แปลกๆผิดสังเกตระหว่างการก่อสร้าง จนทำให้คนงานเริ่มเกิดความกลัว “เมื่อการสร้างเสาเข็มต้นที่ 11 ของสะพาน” ที่อยู่บริเวณกลางลำน้ำโขงมีปัญหามากกว่าจุดอื่น คือ “ตั้งแต่เริ่มทำการตอกเสาเข็มต้นนี้ ตอกยังไงก็ตอกไม่ลง” แม้ใช้สว่านนำร่องขุดเจาะก็เจาะไม่ลง จนทำให้วิศวกรกุมขมับต้องใช้ความพยายามทุกรูปแบบ เพื่อดันทุรังเจาะต่อให้ได้ จนหัวสว่านหัก วิศวกรจึงตัดสินไปจ้างนักประดาน้ำให้ดำลงไปดูเพื่อจะเอาหัวเจาะขึ้นมา

แต่ “นักประดาน้ำ” ที่ลงไปเอาหัวเจาะขึ้นมานั้นต้องตกใจสุดชีวิต ระหว่างที่เค้าได้ดำน้ำลงไปได้พบกับ “สิ่งสยอง” ที่เค้าไม่มีวันลืมเพราะเค้าได้ “เห็นดวงตาแดงก่ำเป็นคู่ๆอยู่เต็มใต้น้ำไปหมด ซึ่งกำลังจ้องเขม็งมาที่เค้า พอมองต่อไปก็เห็นลำตัวสีเขียวยาวลอยอยู่รอบๆบริเวณนั้น ” เค้าได้เห็นอย่างนั้นจึงรีบว่ายหนีขึ้นมาอย่างไม่คิดชีวิต พอขึ้นบกได้ ก็เก็บข้าวของกลับบ้านไปเลย เงินค่าจ้างก็ไม่ยอมรับเลยสักบาท
แต่ทางด้านของ “วิศวกรญี่ปุ่น” ไม่ได้สนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงสั่งให้คนงานเอาปูนเทลงไปที่ตอม่อของเสาต้นนี้เลยเจาะได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น และความประหลาดก็เกิดขึ้น เมื่อเทปูนลงไปนั้นก็ตกใจอีกครั้ง “เมื่อเทปูนลงไปเท่าไหร่ก็เทไม่เต็มสักที ทำให้เสาต้นนี้ใช้ปูนเป็นจำนวนมากกว่าทุกต้น” จนในที่สุดก็เทเต็มจนได้
แต่การสร้างสะพานยังคงดำเนินไปท่ามกลางอุปสรรคและความสับสนของเหตุการณ์ประหลาด จนกระทั่งถึงวัน วิสาขะบูชา ปี2548 ยามที่เฝ้าไซท์ก่อสร้างนี้ได้ฝันว่า มีคนใส่ชุดขาวมาบอกว่า “ในวันพรุ่งนี้เป็นวันเข้าพรรษา ให้ยามช่วยไปบอกหัวหน้าด้วยว่าขอให้หยุดงานก่อน 1 วัน เพราะพวกเขาจะอธิษฐานเข้าพรรษากัน” แต่วิศวกรญี่ปุ่นไม่ยอมหยุดตามที่ขอ เพราะเห็นเป็นเรื่องไร้สาระ และในวันที่ 22 กรกฎาคม 2548 วันเข้าพรรษานี่เอง “วิศวกรชาวญี่ปุ่น 3 คน” ได้ลงเรือไปดูงานการวางคานของสะพานด้วยตัวเอง ทั้งๆที่ไม่เคยลองนั่งเรือออกไปดูเลยตั้งแต่เริ่มสร้างมา และทันใดนั้นเองขณะคนงานกดสวิทช์ เครนก็ได้ยกแท่นปูนเพื่อนำไปวางบนหัวเสาต้นที่ 11 ต้นที่มีปัญหามากที่สุดแต่ยังไม่ทันวางถึงหัวเสาเลย เหตุการณ์อันเลวร้ายอย่างไม่มีใครคาดฝันก็ได้เกิดขึ้น “เครนได้พังถล่มหักออกเป็น 3 ท่อน คานยกแท่นปูนและ Sling ได้เหวี่ยงฟาดตัดร่างวิศวกรคุมงานชาวญี่ปุ่นวัย 45 ปี ขาดออกเป็น 2 ท่อนตายทันที และเครนที่หักตกลงกลางสายน้ำนั้นได้ตกลงกระแทกทับวิศวกรบนเรือ 3 คน จมดิ่งสาบสูญไปในลำน้ำทันที ”


โดย: oustayutt    เวลา: 2017-11-29 20:59


จากเหตุการณ์ครั้งนี้มีคนจมลงไปในน้ำแล้วหาศพไม่พบรวมทั้งหมด 8 คน เป็นวิศวกรใหญ่ชาวญี่ปุ่น 3 คนที่นั่งเรือออกมาดูงานดังกล่าว เป็นชาวฟิลิปปินส์ 1 คน และคนงานไทยอีก 4 คน นอกนั้นบาดเจ็บเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลอีก 7 คน ซึ่งเรื่องนี้ได้กลายเป็นข่าวดังหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับในช่วงวันเข้าพรรษา 22-23 กรกฎาคม พ.ศ.2548 หลังจากนั้นบริษัทผู้รับเหมาทุกบริษัทที่เข้ารับงานสร้างสะพาน พากันหยุดงานเพื่อทำบุญ ” แต่ไม่นานต่อมาในวันที่ 19 สิงหาคม 2548 เวลาประมาณบ่าย4-5 โมงเย็น ได้มีการบวชกันแบบเงียบๆ โดยคนงาน 8-9 คน พากันบวชแก้บนกัน 7 วัน ”
นอกจากนั้นยังเรื่องราวชวนขนหัวลุกอีกเรื่อง คือ “มีชาวบ้าน มองเห็นเรือพายธรรมดาๆลำเล็กๆ ลอยอยู่ไม่ห่างจากริมฝั่งเท่าไหร่นัก เป็นเรือร้างที่ไม่มีคนอยู่ เลยคิดอยากได้เอาไว้ใช้งาน จึงได้ชวนญาติพายเรือออกไปเอา แต่เมื่อพายเข้าไปใกล้ๆ เหลืออีกเพียง 10 เมตรจะถึงตัวเรือแล้ว ทันใดนั้น ทุกคนที่มาในเรือ ต่างตกตะลึงแทบช็อค เพราะอยู่ๆ เรือลำดังกล่าว ได้ขยายใหญ่ สูงขึ้นกว่าเดิมไม่รู้กี่เท่า จึงได้แต่ตาลีตาเหลือกรีบกลับลำแจวเรือหนีขึ้นฝั่งอย่างไม่คิดชีวิต”


โดย: oustayutt    เวลา: 2017-11-29 21:00
Loading...     



และยังเรื่องเล่ากันว่า “ตรงบริเวณใกล้กับบริเวณที่กำลังสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 นี้ เคยมีคนเห็นตัวอะไรไม่ทราบ ว่ายข้ามลำน้ำ โดยโผล่ส่วนที่พ้นน้ำมีลักษณะคล้ายครีบหลังของปลาว่ายลอยทวนกระแสน้ำ โดยเริ่มต้นว่ายทวนกระแสน้ำจากฝั่งลาวมายังฝั่งไทย ว่ายมายังปากน้ำห้วย หรือบริเวณที่เรียกว่า ห้วยบ้านทราย พอวิ่ง เข้าไปดูใกล้ๆ ปรากฏว่าว่ายหายไป”
จากเหตุการณ์อาถรรพ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มมีการสร้างสะพานแห่งนี้นั้น ” ได้สังเวยชีวิตของคนงานที่นี่ไปทั้งหมด 17 ชีวิตแล้ว” จึงทำให้คนงานที่เป็นคนไทยอีสานและคนงานลาว พาหยุดงานไม่ยอมสร้างสะพานต่อกันเลยเพราะกลัวตาย แต่ก็เหลือคนงานชาวต่างชาติและคนที่ไม่เชื่อยังทำการก่อสร้าง ทำให้การก่อสร้างยังพอขับเคลื่อนไปได้ แต่ถึงกระนั้นเสาเข็มต้นที่ 11 นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่มีใครไปแตะต้อง หรือทำการสร้างต่อเลย ได้แต่ดำเนินการสร้างส่วนอื่นไปก่อน

หลังจากนั้นข่าวนี้ได้ทำให้ชาวบ้านบางกลุ่ม ได้ไปหาเจ้าหน้าที่อากรจังหวัด ซึ่งท่านก็ได้ไปหาร่างทรง ร่างทรงบอกว่าให้ “ตั้งศาลพญานาค” ใกล้บริเวณที่ก่อสร้าง เพื่อจะได้อัญเชิญพญานาคขึ้นมา แล้วจะได้ทำการสร้างสะพานต่อได้ แล้วร่างทรงยังบอกต่ออีกว่า “พญานาคท่านจะให้พระสุกขึ้นมาด้วย” พระสุก ที่เป็นพระพุทธรูปประจำตัวของธิดาพญานาคที่เก็บรักษาไว้ใต้บาดาล และเรื่องราวนี้ได้มาประจวบเหมาะกับเหตุการณ์ที่ “ชาวประมงคนหนึ่งในย่านนั้นได้ออกเรือหาปลา แล้วลากที่ดักปลาขึ้นมาเจอพระพุทธรูปทองสำริด” ขนาดหน้าตัก 35 เซนติเมตร สูง 70 เซนติเมตร เป็นศิลปะแบบเวียงจันทน์ ซึ่งต่างสันนิฐานว่าคือ “พระสุก” และขณะนี้ก็กำลังทำการพิสูจน์อยู่ว่าจริงหรือไม่?
จากนั้นข่าวการที่จะสร้างศาลพญานาคนี้ได้แพร่สะพัดออกไป ทำให้ก็มีชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการสร้างศาลนี้ เพราะไม่รู้ว่าพญานาคจะพอใจหรือไม่ ซึ่งหากพญานาคไม่พอใจพวกเขาอาจจะต้องมีอันเป็นไป จึงคิดต่อต้านการสร้างศาลแห่งนี้ แต่พิธีอัญเชิญเทพาอารักษ์ เทพนาคา เทพนาคี ผู้รักษาแม่น้ำโขง เพื่อรับเครื่องสังเวย ณ บริเวณศาลพญานาค ใต้สะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 มุกดาหาร-สะหวันนะเขต เกิดขึ้นเมื่อวันที่ วันที่ 9 มิถุนายน 2553 ตามความเชื่อ

จากเรื่องราวความสยองตั้งแต่เริ่มต้นการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว2นี้ กลายเป็นเรื่องเล่าขานกันจนมาถึงปัจจุบัน และจากเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเชื่อว่าเป็น “เพราะสร้างสะพานทับถ้ำของพญานาค ” จึงทำให้เกิดอาถรรพ์อาเพสมากมาย แต่เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน หรืออาจจะเป็นเพียงการผิดพลาดทางธรรมชาติรวมไปถึงวิศวกรอาจจะคาดเดา แต่ก็อยากที่เชื่อได้ว่าหลายเรื่องที่เกิดขึ้นมันเหนือธรรมชาติมากไป ถ้าไม่ใช่ “สิ่งเร้นลับ” ก็ไม่น่าจะทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ได้ภาพศาลพญานาคบริเวณใต้สะพานมิตรภาพไทย..
ขอบคุณข้อมูลจาก : baanjompra , kaijeaw (เรียบเรียงโดย Cr.Monday)






ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2