Baan Jompra
ชื่อกระทู้: หลวงพ่อฟื้น วัดโพธิ์เผือก อยุธยา [สั่งพิมพ์]
โดย: Sornpraram เวลา: 2017-8-15 06:49
ชื่อกระทู้: หลวงพ่อฟื้น วัดโพธิ์เผือก อยุธยา
หลวงพ่อฟื้น วัดโพธิ์เผือก อยุธยา
ศิษย์รุ่นสุดท้ายของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
ยุคเดียวกับหลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง และหลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่าน พุ
ทธคุณสุดยอดมากๆ แคล้วคลาด มหาอุด ค้าขาย โชคลาภ..เป็นสุดยอด
หลวงพ่อฟื้น วัดโพธิ์เผือก ทุ่งมะขามหย่อง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่อายุยืนอีกองค์หนึ่ง มรณภาพอายุประมาณ 94 ปีครับ เป็นศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกับหลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง
วัตถุมงคลที่ท่านสร้างไว้เป็นเอกลักษณ์ คือ ลูกอม ประสบการณ์มากมายลือลั่น ชาวบ้านนิยมไปขอจากท่าน โดยหลวงพ่อฟื้นท่านจะสร้างจากน้ำตาเทียนที่ท่านจุดบูชาพระ โดยท่านจะเลือกวันพระใหญ่พระจันทร์เต็มดวง ท่านจะนำเทียนมาปั้นแล้วภาวนา เป็นลูกอมขนาดเล็ก ถ้าเก็บไม่ดีก็ละลาย ปัจจุบันของเหมือนของ ปลอมง่าย ถ้าไม่ได้รับจากมือ คงจะบูชายากครับ
ท่านเป็นพระที่เก่งมากองค์หนึ่ง แต่ไม่ยอมเปิดเผยตัว มีครั้งหนึ่งพระในวัดจะไปบูชาตะกรุดที่วัดแห่งหนึ่ง ตามธรรมเนียมปฎิบัติของพระภิกษุ เวลาจะออกจากวัดต้องบอกลา เมื่อแจ้งความประสงค์กับท่าน หลวงพ่อฟื้นท่านบอกว่า ไม่ต้องไปถึงโน่นหรอก เราก็ทำได้ ท่านจึงบอกว่า ไปหาแผ่นโลหะมาซิ เอากระป๋องโอวัลตินนี่ก็ได้ เราจะทำให้ จึงเป็นที่มาของตะกรุดโทนลายโอวัลติน ปัจจุบันยังหาชมได้ยาก เพราะท่านสรางไว้ไม่กี่ดอก ก็เลิกทำ คือเหมือนบอกให้รู้ว่าเราก็ทำได้ แต่ไม่อยากทำ
หลวงพ่อฟื้นท่านบอกเองว่า พระเราไม่มีวันเสื่อม ลอดราวผ้า ลอดตะพานหัวเดียว ไม่มีปัญหา แม้พกเข้าที่อโคจร ............ขนาดศิษย์ไปเที่ยวซ่อง กำลังปฏิบัติกิจ ห้อยพระกริ่งของท่านเพียงองค์เดียว โดนอริบุกยิง กระสุนยังด้าน เลยครับพี่น้อง..
ท่านเก่งขนาดหลวงพ่อหน่าย เรียกพี่ครับ ไม่เชื่อไปถามคนอยุธยาดูสิครับ..
แม้แต่หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราชฯ ยังชมว่าเก่งจัด...วัตถุมงคลของท่าน เป็นที่นิยม ของซุ้มมือปืนเป็นอย่างยิ่ง..ในอยุธยา ถ้ามีพระของท่านห้อยคอ ถือว่าอุ่นใจได้ ไปได้ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ..
ประสบการณ์ และเรื่องเล่า มีอยู่เรื่องนึงมีหนุ่มคนหนึ่งไปสักมาแล้วถูกยิงตาย
เมื่อก่อนนี้หลวงปู่หน่ายท่านดังมากในเรื่องสักยันต์ใครๆต่างก็ไปสักกันและ ก็นายคนนี้ด้วยครับ(ไม่ขอบอกชื่อ) แต่นายคนนี้ชอบกินเล่า เมาแล้วชอบด่าไม่เว้นจนเป็นนิสัย และก็เป็นเรื่องจนได้
และมีอยูครั้งหนึ่งไปด่าไม่รู้จักที่เลยโดนดักตีมาทีนึงแล้วก็ไม่เป็นอะไร แต่ก็คงจะถึงที่ละไปด่าใครเขาเข้าไม่รู้เลยโดนดักยิงข้างหลังขณะเวลายืนฉี่ อยู่จนตกน้ำตาย (อย่าลืมนะครับว่าเวลาสักมาแล้วหลวงปู่สั่งห้ามอะไรบ้าง) และทางบ้านเขาเลยจัดงานที่วัดโพธิ์เผือกจนถึงวันเผา
เนื่องจากเป็นคนที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ วัดจึงได้อาราธนาหลวงพ่อฟื้นขึ้นทอดผ้าเป็นองค์แรก หลวงพ่อบังสกุลเสร็จก็พูดว่า "ของกูมึงก็ได้กันไปของดีๆของกูมึงก็ขอกันไป ของกูดีๆมึงก็ไม่ใช้กัน มึงเอาไปเก็บ ของกูทำไว้ให้ใช้ ไม่ได้ให้มึงเอาไปเก็บ ถ้ามึงใช้ของกูมึงคงไม่ต้องนอนแบบนี้หลอก"
นี่คือคำพูดก็ที่หลวงพ่อพูด ก่อนจะลงจากเมรุ แต่คำพูดนี้มีคนได้ยินเพราะยืนอยู่ข้างหลังหลวงพ่อ แล้วก็เอามาเล่าสู่กันฟังจนเป็นที่เรื่องลือกันไปทั่ว นี่คือความจริงจากคนได้ยินบอกเล่ากันมา
มีเรื่องเล่ากัน ถึงการสร้างเหรียญรุ่นแรกของท่านว่า ที่มาของเหรียญรุ่นแรกนี้ ในช่วงเพลวันหนึ่ง พระกำลังล้อมวงฉันข้าวอยู่นั้น พระลูกวัดองค์หนึ่งพูดขึ้นว่า หลวงพ่อครับ ผมอยากจะให้หลวงพ่อสร้างเหรียญขึ้นมาสักรุ่นหนึ่ง เพื่อหารายได้มาก่อสร้างกำแพงโบสถ์ที่ยังค้างอยู่ แต่หลวงพ่อฟื้นท่านไม่ได้พูดอะไร พอถึงเวลาพระฉันข้าวพร้อมกันทีไร พระองค์นั้นพูดขอหลวงพ่ออยู่อย่างนั้น จนวันหนึ่ง หลวงพ่อฟื้นท่านก็พูดขึ้นว่า แล้วจะสร้างกี่เหรียญ ให้ทำบุญเหรียญละเท่าไหร่ จึงจะพอสร้างกำแพง พระองค์นั้นตอบว่า สร้างประมาณ ห้าพันเหรียญและให้บูชาเหรียญละห้าสิบบาทก็คงจะพอครับ หลวงพ่อฟื้นจึงบอกว่า งั้นไปทำมา
เมื่อได้เหรียญมาแล้ว นำเหรียญมาให้ท่านปลุกเสก หลวงพ่อฟื้นบอกว่า ให้กองไว้ที่หน้ากุฏิท่านแล้วนั่นแหละ เดี๋ยวจะเสกให้ สักพัก หลวงพ่อฟื้นท่านก็ลุกขึ้นห่มจีวร แล้วนำจีวรของท่านผืนหนึ่งไปคลุมวัตถุมงคลไว้ทั้งหมด แล้วท่านก็มุดเข้าไปในจีวร นั่งสมาธิปลุกเสก ในระหว่างนั้นมีพระอีกรูปหนึ่งเดินไปด้อมๆมองๆ อาจจะด้วยความสงสัยว่าท่านทำอะไรอยู่ในจีวรที่คลุมปิดมิดอย่างนั้น หรือด้วยคิดปรามาสท่านอย่างไรก็ไม่ทราบได้ อยู่ๆหลวงพ่อฟื้นท่านพูดออกมาจากข้างในจีวรว่า ไม่เคยเห็นหรือไง มองอยู่ได้ พระองค์นั้นจะด้วยความละอายใจหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ รีบเก็บข้าวของแล้วออกจากวัดไปในวันรุ่งขึ้นเลยครับ
สำหรับวัตถุมงคลของท่าน มีประสบการณ์กันมากมายทั้งด้านคุ้มครองแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี ที่โด่งดังสุดๆก็เรื่องคงกระพันชาตรีนี่ล่ะครับ เจอกันมามากมาย จนวัตถุมงคลของท่านเป็นที่เสาะหากัน
ในบรรดาวัตถุมงคลประเภทเหรียญคณาจารย์ที่ผมเคยเห็นว่าปืนนั้นยิงไม่ออกจริงๆนอกจากหลวงพ่อมหาอาคมแล้ว เห็นจะมีก็เฉพาะเหรียญหลวงพ่อฟื้นวัดโพธิ์เผือกเท่านั้น ที่ยอมรับว่า ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ และคนที่ยิงเหรียญหลวงพ่อฟื้นก็คือคุณพ่อของผมเอง ซึ่งท่านได้ทำการทดสอบพุทธานุภาพด้วยปืน .38 รีวอลเวอร์ ของสมิทฯ ปีที่ลองคือ ปลายปี 2530 สาเหตุที่นำเหรียญหลวงพ่อฟื้นมาลองเพราะ ลูกน้องคุณพ่อเป็นศิษย์หลวงพ่อฟื้น และได้นำเหรียญรุ่นแรกมาให้กับผู้บังคับบัญชา นั้นคือคุณพ่อผม จำนวน 1 เหรียญ แล้วบอกว่าเป็นเหรียญรุ่นแรกของท่าน เพิ่งออกเป็นครั้งแรก และมีคนลองความขลังด้วยปืนกันมาหลายเจ้าแล้ว ส่วนใหญ่จะยิงไม่ออก มีบ้างที่ยิงออกแต่ไม่โดน ระยะที่ยิงคือระยะประชิดเลยครับเรียกว่าแบบจ่อยิงก็ว่าได้ครับ ซึ่งเมื่อฟังเช่นนั้นคุณพ่อของผมเลยเกิดอยากจะลองดูสิว่าขลังตามที่ลูกน้องมันบอกหรือเปล่า เลยมีการนำมาลองกันให้เห็นกันไปเลยครับ ผลการทดสอบความขลังก็เป็นไปตามคำร่ำลือ คือ ปืนจำนวน 3 กระบอก ไม่มีกระบอกไหนยิงออกสักนัด........
[img][/img]
สาเหตุที่ผมเขียนและนำวัตถุมงคลของหลวงพ่อฟื้นมาให้ชมกันนั้น เพียงเพื่ออยากให้ พี่ๆน้องๆที่ชอบพระแบบมหาอุดหยุดปืนได้มีของดีราคาถูกไว้ใช้กันครับ และที่สำคัญ นักการเมืองไม่ว่าระดับท้องถิ่นยันระดับชาติบางท่าน ยังห้อยเหรียญหลวงพ่อฟื้นวัดโพธิ์เผือก รุ่นแรกกันทั้งนั้นครับ อันนี้คือเรื่องจริงที่อยากจะแนะนำให้ท่านๆได้รับทราบกันครับ เผื่อมีโอกาสพบเจอเหรียญท่านที่ไหนจะได้รีบเช่าหาไว้บูชากันครับ ของท่านทุกรุ่นดีเยี่ยมพทธคุณสูงล้ำทุกอย่างครับ โดยเฉพาะเหรียญรุ่นแรกของท่านนั้นเป็นสุดยอดแห่งประสบการณ์ครับ แต่มีด้วยกัน 2 แบบครับ คือแบบบล็อคนิยม สร้างครั้งแรก 3000 เหรียญ เป็นทองแดงรมดำ
เมื่อปี 2530 ครั้งที่สอง ใช้บล็อคเดิม สร้าง 5000 เหรียญ เป็นทองแดงผิวไฟ เหรียญจะบางกว่าบล็อคแรก มีทั้งแบบตอกโค๊ตและไม่ตอกโค๊ตครับ
โดย: Sornpraram เวลา: 2017-8-15 06:49
มีอยู่ครั้งนึงหลวงพ่อได้รับกิจนิมนต์ไปพุทธาภิเษกที่กรุงเทพฯก็จะมีพระอยุธยาที่รับนิมนต์ไปด้วยคือ หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา หลวงพ่อทิม วัดพระขาว ต่างก็นั่งกันไปในรถตู้ที่วัดเจ้าภาพได้จัดรถมารับ และรวมพระที่ติดตามอีกวัดละ2-3 องค์ เพื่อนคนขับอีก 1 พระลูกวัดก็คุยกันไปตามภาษาพระที่จะไปงานใหญ่ก็จะไปขอของดีพระองค์นั้นองค์นี้
หลวงพ่อเมี้ยนก็พูดว่า "..ของๆท่านดี มีดหมอของท่านได้ไป สิงคโปร์ "
เนื่องจากหลวงพ่อเมี้ยนท่านดังมาก่อน ท่านเลยคุยว่ามีคนที่สิงคโปร์มานิมนต์ไป ท่านได้พกมีดหมอของท่านไปด้วยและผ่านเครื่องตรวจจับโลหะไปได้ เพราะหลวงพ่ออธิษฐานก่อนผ่านเครื่องตรวจจับ จึงทำให้หลวงพ่อคุยใหญ่เลย
แต่คงเป็นเพราะความรำคาญของหลวงพ่อฟื้น เพราะท่านเป็นพระที่ไม่ค่อยพูด แต่พอหลวงพ่อเมี้ยนพูดว่ามีดของท่านผ่านเครื่องตรวจจับได้
จนหลวงพ่อฟื้น ต้องพูดขึ้นมาบ้าง "..เดียวเครื่องรถคันนี้จะดับ.."
พอสิ้นคำหลวงพ่อฟื้นพูดจบปุ๊บ รถตู้คันที่นั่งอยู่เครื่องดับทันที...! ทั้งคนขับ ทั้งพระในรถงงกันเป็นไก่ตาแตก เจ้าของรถบอกไม่น่าเชื่อ
หลวงพ่อฟื้นพูดคำเดียว หลวงพ่อเมี้ยนเลยไม่พูดอะไรอีกเลย แล้วสักพักรถก็ติดขึ้นตามปกติไปได้ต่อ หลวงพ่อทิมท่านก็ไม่พูดอะไรอยู่แล้วท่านนั่งของท่านนิ่งๆ เอาเป็นว่างงกันทั้งรถ
นี่และคงเป็นความหมายของผู้ใหญ่ตะหวาดเด็กแทนคำดุ...หลังจากนั้นมาหลวงพ่อเมี้ยนก็เรียก"หลวงพี่ฟื้น" มาตลอด...นี่ละครับเสือซ่อนเล็บ
ชาติภูมิของหลวงพ่อฟื้น ปุญญสิริ
หลวงพ่อฟื้นเกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๔๕ ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่อายุยืนอีกองค์หนึ่ง ท่านมรณภาพในราวปี ๒๕๓๙ ศิริอายุประมาณ ๙๔ ปีครับ
โยมบิดา ชื่อนายหนึ่งซึ่งมีเชื้อสายจีนมาจากดินแดนโพ้นทะเลแล้วมาตั้งรกรากในประเทศไทย มารดาชื่อ นางพลอย นามสกุลตาจันทร์เป็นชาวตำบลบ้านใหม่ มีพี่น้อง3คน
1. หลวงพ่อฟื้น ปุญญสิริ(ตาจันทร์)
2. นายฮวด ตาจันทร์ รับราชการ
3. นางกิมไล้ พานทอง
ชีวิตในเยาวัยของหลวงพ่อฟื้นเป็นเด็กที่มีร่างกายอ่อนแอ เป็นโลกเลี้ยงยากบิดามารดาจึงได้แก้เคล็ดโดยให้ชื่อใหม่ว่าฟื้น และก็ได้ถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูเป็นอย่างดี และก็ปรากฏว่าหลวงพ่อฟื้นได้กลายเป็นเด็กเลี้ยงง่าย ไม่ค่อยเป็นโรคเหมือนแต่ก่อน ครั้นเมื่อโตจนได้วัยของการศึกษาหาความรู้บิดามารดาจึงได้นำไปฝากที่วัดเกตุ และได้บวชเป็นสามเณรศึกษาหาความรู้ทั้งภาษาไทยและขอมจนอ่านออกเขียนได้จากอาจารน์หน่ายวัดเกตุ(ไม่ใช่อาจารน์หน่ายบ้านแจ้งนะครับ)
และยังได้เรียนวิชาควบคู้ไปด้าย(สมัยก่อนวัดเกตุแห่งนี้เป็นที่เรียน ที่สอนสัพพะวิชาอาถรรพ์ วิชาต่างๆดั่งเช่นวัดตูมครับและเป็นที่แวะพักของหลวงพ่อวัดมะขามเฒ่าในสมัยนั้น ก่อนจะล่องเข้ากรุงเทพฯ )และความซุกซนในวัยเด็กขณะที่เป็นเณรก็ใด้ยังตามสามเณรเชยไปอยู่ที่วัดนิเวศน์ธรรม หลวงพ่อฟื้นก็ยังได้ศึกษาหนังสือขอมกับวิชาอาคมเพิ่มเติมบ้าง ครั้งสามเณรเชยเข้าไปศึกษาต่อที่กรุงเทพฯหลวงพ่อก็ยังได้ติดตามไปด้วยและยังได้เรียนรู้เพิ่มอีกเป็นปี ครั้งหนึ่งมีญาติหลวงพ่อไปหาที่วัดบอกว่าจะกลับอยุธยาจะไปไหว้หลวงพ่อโตวัดพนัญเชิง หลวงพ่อจึงได้กลับอยุธาอีกวระหนึ่ง และยังได้กลับมาเรียนเพิ่มเติมที่วัดเกตุอีกครั้ง อย่างจริงจังเพราะว่าโตขึ้นมาก และยังได้เจอกลับหลวงปู่ศุข อีกหลายครั้งและหลวงปู่ศุขยังได้สอนเคล็ดลับวิชาบางอย่างให้อีกด้วย และในขณะที่หลวงปู่ศุขไม่ได้ ล่องเข้ากรุงเทพฯก็จะศึกษากับอาจารน์หน่าย จนได้อายุ 20 ก็ได้ถูกเกณฑ์เข้าเป็นทหารอยู่ 2 ปี โดยเข้าสังกัดกรมทหารราบที่ 3 ท่าช้างวังหลวง
โดย: Sornpraram เวลา: 2020-8-23 07:15
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) |
Powered by Discuz! X3.2 |