Baan Jompra

ชื่อกระทู้: "เดือดร้อนอะไรให้บอกกูนะ กูชื่อสรวง" อิทธิเหนือโลก พาศิษย์ดู..เหล็กไหลใต้แม่น้ำโขง เหาะบนอากาศให้ถ่ายรูป "หลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน"... [สั่งพิมพ์]

โดย: oustayutt    เวลา: 2017-7-13 21:08
ชื่อกระทู้: "เดือดร้อนอะไรให้บอกกูนะ กูชื่อสรวง" อิทธิเหนือโลก พาศิษย์ดู..เหล็กไหลใต้แม่น้ำโขง เหาะบนอากาศให้ถ่ายรูป "หลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน"...
http://clip.tnews.co.th/clip_1499850170_6818.mp4

"เดือดร้อนอะไรให้บอกกูนะ กูชื่อสรวง"




ขอรายงานตัวอีกหนึ่งศิษย์ลป.สรวงครับ....ตัวผมเริ่มรู้เรื่องลป.สรวงก็เมื่อประมาณ 10 ปีเห็นจะได้ เพราะไปเห็นรูปถ่ายในกระเป๋าตังค์ของรุ่นพี่ท่านหนึ่ง ก็เลยถามว่าเป็นใคร พี่เค้าก็บอกว่า ชื่อลป.สรวง แล้วเค้าก็เล่าความเป็นมาของรูปนี้ให้ฟังว่า....


....ประมาณปี 35 พี่เค้าเป็นผู้ช่วยผู้ตรวจการธนาคารอะไรซักแห่งที่สกลนครครับ ซึ่งตอนนั้นเค้าเป็นคริสเตียนอยู่ แล้ววันหนึ่งพี่เค้าก็เดินทางโดยรถของธนาคารไปธุระต่างจังหวัด ขับๆมาเลียบน้ำโขง จนมาถึงระยะหนึ่งพี่เค้าก็ปวดห้องน้ำมากๆ(เบาครับ) ก็เลยขอลงข้างทางพอเรียบร้อย


นึกยังไงไม่รู้ว่าขออยู่ข้างน้ำโขงนี้ก่อน ให้รถเข้าเมืองไปก่อนแล้วค่อยกลับมารับ(ซึ่งเค้าก็ไม่รู้ว่าทำไม) พี่เค้าบอกว่าก็อยากเดินๆดูอะไรข้างน้ำโขงนี้แหละ สักพักพอจะเดินกลับหันหลังก็ตกใจ มีพระแก่ๆนุ่งผ้าไม่เรียบร้อยสะพายย่าม มายืนอยู่ ตัวแกซึ่งตอนนั้นเป็นคริสก็ถามไปว่า"หลวงตามายังไงเนี๊ยะ" ลป.สรวงก็บอกว่า "ก็มารอมึงไง"(ท่านพูดภาษาไทยครับ)


พี่เค้าก็เลยถามว่า "รอทำไม" ลป.สรวงว่า "ก็ไม่ได้เจอกันนาน" พี่เค้าก็คุยๆไปเรื่อยเปื่อยถามนั่นถามนี่ไปเรื่อย


จนหลวงปู่ตัดบทว่า ไม่เจอกันนานอยากได้ของดีอะไรไหม "พี่เค้าก็ว่าไม่รู้จะเอาอะไร"ลป.สรวงถามขึ้นมาว่า


เอาเหล็กไหลไหม(ซึ่งตอนนั้นพี่เค้าก็ไม่รู้จักว่าเหล็กไหลคืออะไร) ก็เลยถามว่า"มันเป็นยังไงเหล็กไหล


"ลป.สรวงจึงถามว่าอยากเห็นหรือเปล่า" พี่เค้าจึงบอกว่า"มีเหรอหลวงตา ขอดูหน่อย"


หลวงปู่สรวงจึงกวักมือให้เดินตามไป จนถึงริมน้ำโขง ลป.สรวงก็นั่งลงพนมมือบนหัว


พี่เค้าบอกว่าอยู่ดีๆก็มีเทียนเล่มเล็กๆที่มีไฟติด โผล่มาอยู่ในมือของลป.สรวง


(พี่เค้ายังคิดว่าพระนี่เล่นกลเก่งแฮะ เพราะไม่เห็น ลป.สรวงจุดเทียนหรือควักของในย่ามเลย)


สักครู่พี่เค้าก็บอกว่าได้ยินเสียง ครืดๆๆๆๆๆในดิน ลป.สรวงก็ลุกขึ้นกวักมือเรียกให้เดินตาม


ปรากฏว่า ข้างน้ำโขงมีถ้ำเป็นเวิ้งและมีทางเดินลงไปด้วยพี่เค้าจึงเดินตาม ลป.สรวงไป








โดย: oustayutt    เวลา: 2017-7-13 21:08
สักครู่ลป.ก็สวดอะไรสักอย่าง พี่เค้าว่าน่าจะเป็นภาษาเขมรแต่ที่พอรู้ก็มีคำไทยที่ปนอยู่ก็คือ ตัวผู้-ตัวเมีย พอท่านสวดจบ ที่ผนังถ้ำก็มี ของเหลวดำๆไหลออกมาพอถึงหน้าลป.ก็ไหลย้อยออกมาประมาณ 1 ศอก 2 อัน ลป.ก็เลยบอกว่านี่ไงเหล็กไหลไม่อยากได้เหรอพี่เค้าว่าตกใจมากๆ สักครู่ ลป.สรวงก็บอกว่าจับดู พอจับด็ต้องดึงมือกลับเพราะว่าเย็นมากๆนุ่มๆแต่สากๆเหมือนงวงช้างพี่เค้าว่างั้นนะครับ)ลป.สรวงก็ถามครั้งที่ 3 ว่า"ไม่อยากได้เหรอ" พี่เค้าด้วยความไม่รู้และกลัวก็เลยบอกว่า "กลัวไม่อยากได้"


ลป.สรวงก็เลยพอเดินขึ้นตลิ่ง พอถึงริมตลิ่งพี่เค้าก็หันกลับไปดูที่ถ้ำอีกที ก็ปรากฎว่าถ้ำหาย และบริเวณนั้นก็กลายเป็นน้ำโขงหมด


พี่เค้าถึงกับบอกลป.สรวง ว่า "หลวงตาเล่นกลอะไรอีกละเนี๊ยะ แถมเล่นเก่งอีกต่างหาก"


ลป.สรวงหันกลับมาถามว่าแล้วอยากได้อะไร (ตอนนั้นพี่เค้าเคยได้ยินเพื่อนพูดว่ากาฝากไม้รัก/มะยม/มะรุม/ไม้มะขามเป็นของดี)


จึงบอกลป.สรวงไปว่าอยากได้ไม้กาฝากทั้ง 4 ลป.จึงบอกว่าอีก 4 ปีมึงจะได้ครบ


(และก็ได้จริงๆพิเศษคือไม้กาฝากทุกอัน จะมีเหมือนน้ำมันหอมเคลือบเองโดยพี่เค้าไม่ได้ทาเลย และหากวันไหนกลิ่นหอมแรงขึ้นก็จะมีโชคครับ)


แล้วลป.สรวงก็บอกกับพี่เค้าว่า "กูกับมึงไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ถ่ายรูปกูไว้ซะ"


ที่แปลกก็คือพี่เค้าพกกล้องถ่ายรูปมาด้วยซึ่งปกติไม่เคยพก จึงนำกล้องมาถ่ายภาพ ลป.ไว้


พี่เค้าบอกว่าลป.ท่านเล่นกล(แสดงปาฏิหาริย์อีกรอบ) โดยนั่งลงไปในอากาศแต่อยู่ๆก็มีหินไปรองรับก้นท่าน และมีต้นไม้ประหลาดๆออกมาด้านหลังตรงที่ท่านนั่ง....


ที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ท่านพี่ท่านนี้จำหลวงปู่ได้ดีก็คือแผลเป็นรูตรงเอ็นร้อยหวาย พี่เค้าได้ถามว่าไปโดนอะไรมา ท่านตอบว่า "โจรมันจับกูเจาะ" ก่อนลป.จะไปก็บอกพี่คนนี้ว่า "เดือดร้อนอะไรให้บอกกูนะ กูชื่อสรวง" พอดีกับรถของธนาคารกลับมาใกล้ถึง(พี่เค้าเห็น) ก็หันไปมองหันกลับมา อ้าวลป.สรวงหายไปอย่างไร้ร่องรอย พี่เค้าว่าตกใจมากๆรีบวิ่งไปที่ถนนทันทีครับเพื่อรอรถ พอรถมาถึงจึงได้ถามคนขับว่าเห็นพระแก่ๆไหม คนรถก็บอกว่า"ไม่เห็น"








...รุ่งขึ้นจึงเอาฟิล์มไปล้าง ปรากฎว่ารูปถ่ายดีรูปหลวงปู่รูปเดียว ภาพอื่นหายหมด พี่เค้าจึงล้างไว้ 4 ใบ ใบใหญ่ 1 เล็กอีก 3 ใบ พอจะล้างเพิ่มภาพจางหายไปหมดเลยครับ


...ผมกับเพื่อนอีก 3 คนก็ฟังๆพี่เค้าเล่าในใจก็คิดว่าโม้มากกว่า ไอ้เพื่อนคนหนึ่งจึงขอรูปใบเล็กๆนั้นไปแสกน แสกนเท่าไหร่ก็ไม่ติดก็ชักเอ็ดใจจึงจุดธูปบอกกล่าว 3 ดอกก็แล้ว 9 ดอกก็แล้ว 36 ดอกก็แล้วยังไม่ติดจนต้องจุดถึง108 ดอกถึงสแกนติด ที่นี้เริ่มเชื่อครับ


...ที่ทำให้ผมเชื่อสนิทใจที่สุดก็คือ ไฟใหม้พานพลาสติกในห้องพระครับรีบดับไป ปรากฎว่าไหม้เรียบวุดครับพระ และของในพาน แต่ถึงกับขนลุกเพราะภาพหลวงปู่สรวงซึ่งเป็นแค่กระดาษ เอ4เคลือบพลาสติกไฟไม่ยอมไหม้ครับ ผมรีบเก็บมาใส่หัวเลยที่เดียวตั้งแต่นั้นมา จึงเชื่อหลวงปู่ และให้หลวงปู่เป็นผู้ที่ผมเคารพสูงสุดในชีวิตอีกคนหนึ่งครับ


...ทั้งหมดที่เล่านี้เป็นเรื่องจริงที่อยู่ในความทรงจำของผมมาตลอด 10 ปี.....และเมื่อมีปัญหาผมมักจะบอลป.เสมอและก็จะมีทางออกทุกครั้งไป..


....ลป.สรวงผู้เป็นดังประทีปในดวงใจของผมเสมอ และตลอดไป.....


...ตฤณ...




ขอขอบคุณท่านเจ้าของภาพ และที่มาเนื้อหาข้อมูล http://forum.ampoljane.com/index.php


ศิษย์มีครู



เรียบเรียงโดย


ศักดิ์ศรี บุญรังศรี : สำนักข่าวทีนิวส์






ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2