ประวัติหลวงพ่อแดง วัดโทตรี จ.นครศรีธรรมราช หลวงพ่อแดง จนฺทสโร วัดโทตรี จ.นครศรีธรรมราช ประวัติพ่อท่านอาจารย์แดง วัดโทตรี อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช เรียบเรียงโดยคุณเปี๊ยก ลิกอร์ พระอธิการแดง จันทสโร เดิมชื่อ ไข่แดง คงพันธุ์ เกิดเมื่อวัน ๑ฯ๒ ๑๒ ค่ำ ปีกุน วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๔๔๒ ที่บ้านโคกหว้า หมู่ที่๒ ตำบลไทยบุรี อำเภอท่าศาลา นครศรีธรรมราช เป็นบุตรของนายหนู นางซัง มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน ๕ คน คือ ๑.พระอธิการแดง จันทสโร เป็นบุตรคนโต ถัดไปน้องๆเป็นผู้หญิงลำดับกันดังนี้ ๒.นางสาวนิ่ม คงพันธุ์ ๓.นางส้มทับ สมหมาย ๔.นางวุ้น บุญสว่าง ๕.นางพร้อม การะนัด เด็กชายไข่แดงเมื่อคลอดจากครรภ์มารดาแล้ว บังเอิญน้ำนมมารดาไม่ออก ถึงแม้ว่าหมอตำแยจะนวดเคล้าคลุกปลุกปล้ำสักเท่าไรๆก็ยังไม่ออกอยู่นั้นเอง เลยจนปัญญาของหมอตำแย และมารดาที่จะเลี้ยงและหาน้ำนมเลี้ยงลูกได้ในสมัยนั้น จึงได้ตกลงใจยกเด็กชายไข่แดงให้เป็นบุตรบุญธรรมแก่นางทองดำหมอตำแยไปเลี้ยงไว้ ตั้งแต่แรกคลอกได้ ๖-๗ วัน นางทองดำก็ยินดีรับไปเลี้ยงไว้ที่ประตูช้าง หมู่ที่๓ ตำบลไทยบุรี โดยให้กินนมของนางจอก ซึ่งเป็นบุตรีของนางทองดำ ได้กินนมร่วมกับเด็กหญิงมุมและกินนมบุตรนางทุ่มบุตรของนางทองดำอีกคนหนึ่ง ซึ่งได้กินร่วมกันกับเด็กชายบึ้ง ภายหลังนางหนูและนางซัง ได้ไปเยี่ยมเยียนนางทองดำและบุตรของแกอยู่เสมอ เห็นว่านางทองดำเอาใจใส่ต่อเด็กชายไข่แดง บุตรของแกเป็นอย่างดี นายหนูจึงได้มอบนาหน้าบ้านประตูช้าง จำนวน ๑๐ กระบิ้งพร้อมกับควายไถนาคู่หนึ่ง เพื่อให้นางทองดำทำกินไปชั่วคราวพร้อมกับได้เลี้ยงเด็กชายไข่แดงไปด้วย กว่าเด็กชายไข่แดงได้บรรลุนิติภาวะต่อไป การศึกษา เมื่ออายุย่างเข้าเขตการศึกษา ในสมัยนั้นนางทองดำมิได้นิ่งนอนใจ ได้นำเด็กชายไข่แดงไปมอบไว้กับอาจารย์เฉย เจ้าอาวาสวัดท่าสูงในสมัยนั้น ท่านอาจารย์ก็ได้รับไว้ให้ฝึกหัดอ่าน นโม ฯ ก ข ฯ ต่อมาจนเวลาล่วงเลยมาหลายปี เด็กชายไข่แดงก็ยังเขียนไม่ได้ และอ่านไม่ออกอยู่นั่นเอง จนสุดที่อาจารย์จะฝึกให้รู้ได้ อยู่วัดมาประมาณ ๗-๘ ปี ก็พอเขียนได้บ้างบางตัว ที่ได้เห็นแบบแต่อ่านไม่ออก หรือ บางทีก็อ่านว่าปากเปล่าได้บ้าง แต่เขียนตัวไม่ถูกอยู่ทำนองนั้น เมื่ออายุประมาณ ๑๗-๑๘ ปีแล้ว วันหนึ่งนางทองดำไปทำบุญที่วัด แล้วเลยถามถึงนายไข่แดงถึงการเรียนว่าเป็นอย่างไรบ้าง ลูกอ่านออกแล้วบ้างหรือ นายไข่แดงก็ได้ว่าให้ฟัง ๒,๓ คำ คือ ก ข เท่านั้น นางทองดำว่าแกมาทุกครั้งคราว ถามแล้วก็ได้แต่ ก ข เท่านั้น แกคิดจนใจมาก จนไปถามอาจารย์ว่า เป็นอย่างไรบ้างท่านสมภารพระวัดนี้รู้จักแต่ ก ข เท่านั้นหรือ เห็นลูกฉันมาอยู่นานแล้วได้แต่ ก ข เท่านั้น อาจารย์เฉยตอบว่า ไม่ใช่เช่นนั้นโยม พระ เณร ตลอดจนเด็กอื่นๆทุกคน เขาอ่านออกเขียนไปได้แล้วทั้งนั้น แต่นายไข่แดง ลูกแกมันโง่เอง ฉันสุดปัญญาเสียแล้ว เมื่อนางทองดำได้รับคำตอบจากสมภารเช่นนั้น ก็คิดน้อยใจว่าลูกเรามันโง่เอาจริงๆ มาอยู่วัดตั้ง ๗ – ๘ ปีแล้ว ก็เขียนไม่ได้อ่านไม่ออก เห็นท่าจะไม่ไหวเสียแล้ว จึงให้กราบท่านอาจารย์กลับไปอยู่บ้านกับแกอีกต่อไป การบรรพชาอุปสมบท เมื่ออายุครบเข้าเขตบรรพชาอุปสมบทในปี พ.ศ.๒๔๖๓ นางทองดำ ก็ได้นำนายไข่แดงไปฝากอาจารย์เฉยที่วัดท่าสูงอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้เรียนบวชตามความตั้งใจของแกที่มีความปรารถนาเป็นหนักเป็นหนาแล้วว่า อุตส่าห์ เอามาล้ำเลี้ยงรักษาไว้ตั้งแต่ยังแดงๆ เมื่อรอดเหยี่ยวรอดกาแล้วจะได้พลอยพยุงชายจีวรกับเขาสักครั้งก็แล้วกัน และ แกได้มอบกำชับกับท่านสมภารว่า ขอให้แกกรุณาช่วยเอาใจใส่ ให้พอบวชได้สักแต่วันสองวันก็ไม่ว่า ท่านสมภารก็รับปากจะช่วยสอนดูต่อไป ส่วนนายไข่แดงเมื่อกลับมาอยู่วัดครั้งนี้ก็ตั้งใจทำความจำทางหูเพียงอย่างเดียว คือในชั้นแรกท่านสอนให้ว่าตาม ขึ้นต้นด้วยคำว่า “ยะถาปัจยัง” เป็นต้น ภายในไม่กี่จบนายไข่แดงก็จำได้ดี ครั้นต่อมานายไข่แดงก็ไม่ต้องมาหาท่านอาจารย์นำให้ว่าอีกคือ เขานอนฟังเพื่อนๆที่กำลังเรียนจะเป็นข้อไหนบทไหนนายไข่แดงก็จำได้เช่นเดียวกัน และกลับจำได้เสียก่อนตัวผู้เรียนเสียอีก ความทรงจำของนายไข่แดงที่เป็นไปได้เช่นนี้ เป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก ทำให้พวกเพื่อนๆงวยงงไปตามๆกัน บางวันก็กลับมากินข้าวในตอนเย็นถูกนางทองดำถามอยู่เสมอว่า อย่างไรลูกจะได้บวชกับเขาด้วยหรือเปล่า แกก็ได้รับคำตอบจากนายไข่แดงว่า แล้วปรือจะไม่ได้บวช ตอบอยู่อย่างนี้เสมอมา นางทองดำก็มีความยินดีเป็นอย่างมากด้วยคิดว่าสิ่งที่แกปรารถนาคงไม่ผิดหวังแน่แล้ว ต่อมาจนถึงวันกำหนดจะบวช ท่านอาจารย์ก็ได้นิมนต์ พระครูวิสุทธิจารี เจ้าอาวาสวัดจันพอ มาเป็นพระอุปัชฌายะ และ บอกกับเจ้านาคทุกคนให้ไปบอกทางบ้านเพื่อตระเตรียมตัวจัดเครื่องบริขารให้ครบถ้วน ตามกำหนดไว้ตามพระวินัย เจ้านาคไข่แดงก็ได้กลับไปยังบ้าน บอกนางทองดำ ว่า แม่..ท่านอาจารย์ได้ไปนิมนต์พระอุปัชฌายะมาบวชแล้ว ให้แม่ไปถามท่านอาจารย์ดูว่าท่านจะกำหนดวันไหนเป็นวันบวชก็ไม่รู้ นางทองดำเมื่อได้ฟังนั้นก็มีความยินดีเป็นอันมาก รีบออกจากบ้านลุกลันมุ่งหน้าไปสู่วัดท่าสูงทันที ถึงวัดแล้วตรงเข้าหาท่านสมภารนั่งพับเพียบเรียบร้อยยกมือไหว้กราบลงสามครั้ง ท่านสมภารจึงเอ่ยขึ้นว่าโยมมาธุระอะไรหรือ นางทองดำจึงตอบว่า ฉันมาธุระเรื่องการบวชนาค ไหนว่าท่านสมภารได้ไปนิมนต์ท่านพระอุปัชฌาย์มาแล้ว กำหนดวันไหนเป็นวันบวชไม่ทราบ ท่านอาจารย์เฉยตอบว่า ฉันกำหนดวันบวชในวันพฤหัสบดี ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๖ นี้เอง ให้โยมรีบตระเตรียมข้าวของเครื่องบริขารสำหรับนาคไข่แดงด้วย เขาจำได้แม่นยำดีแล้ว แปลกมากนาคคนนี้ ฉันคิดว่ามันคงจะไม่ได้บวชมากกว่า แต่แล้วมันกลับทรงจำ ได้ดีกว่าคนอื่นๆที่เขาอ่านหนังสือออกเสียอีก นางทองดำเมื่อได้รับทราบจากท่านสมภารเช่นนั้น ก็ยิ่งมีความปิติยินดีเป็นอันมาก รีบกลับมาบอกญาติพี่น้อง พร้อมทั้งนายหนูและนางซังผู้เป็นมารดาเดิมของเจ้านาคไข่แดงด้วย ฝ่ายนายหนูกับนางซังเมื่อได้ทราบข่าวกำหนดวันบวชของบุตรชาย ต่างก็ดีอกดีใจเป็นอันมาก รีบบอกญาติพี่น้องให้ไปร่วมบุญพร้อมกัน ตามวันเวลาที่ท่านสมภารได้กำหนดมา บรรดาญาติพี่น้องทุกคนต่างก็มีความยินดี และแปลกใจไปตามๆกัน บางคนถึงกับพูดออกปากว่า ช่างเป็นบุญแท้ๆซึ่งไม่มีใครเคยคิดเลยว่าจะได้บวช เพราะหนังสือก็อ่านไม่ออกสักตัว ครั้นถึงวันกำหนดการบรรพชาอุปสมบท บรรดาพวกญาติโยมก็ได้พร้อมพรั่งที่วัดท่าสูง เพื่อร่วมบุญในการบรรพชาอุปสมบทแก่เจ้านาคไข่แดง |
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) | Powered by Discuz! X3.2 |