ประวัติ ที่พอจะสืบค้นได้คือ หลวงปู่จันทร์ ท่านเกิดในปี พ.ศ. 2422 พออายุท่านครบ 20 ปีบริบูรณ์ ท่านจึงได้อุปสมบทและจำพรรษาอยู่ที่วัดข่อยใต้ ท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัย จนแตกฉานแล้วจึงออกธุดงค์ไปในสถานที่ต่างๆ และได้ศึกษาวิทยาคมกับหลวงพ่อนิ่ม วัดบ้านป่า อำเภอไชโย ซึ่งในสมัยนั้นโด่งดังมาก เมื่อท่านศึกษาจน แตกฉานแล้ว ก็ออกธุดงค์ต่อทุกปี ไปจน ถึงประเทศลาว เขมร พม่า และได้พบกับ
พระเกจิอาจารย์มากมาย ได้แลกเปลี่ยนวิชากัน
ต่อมาท่านก็ได้เป็นเจ้าอาวาส วัดข่อยใต้ ระหว่างที่เป็นเจ้าอาวาสอยู่นั้นท่านก็ได้ทำนุบำรุงวัดมาโดยตลอด ท่านเป็นพระสันโดษไม่สะสมทรัพย์สินใดๆ เมื่อมีผู้คนมาบริจาคท่านก็ซ่อมแซมกุฏิสงฆ์ สร้างศาลาการ เปรียญ หอระฆัง ปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ ศาลาท่าน้ำ เป็นต้น ไม่ว่าท่านสร้างอะไรก็ตาม จะมีชาวบ้านมาช่วยกันสร้างและบริจาคจนสำเร็จทุกๆ เรื่องด้วยลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านเคารพเลื่อมใสในตัวท่านเป็นอย่างมากนั่น เองครับ
หลวงปู่จันทร์ เป็นผู้มีวาจาสิทธิ์ พูดอย่างไรจะเป็นอย่างนั้น จนมีเรื่องเล่าขานกันต่อๆ มาเช่นที่วัดมีเรืออยู่ลำหนึ่ง ซึ่งหลวงปู่ก็ใช้ออกบิณฑบาตและใช้เป็นพาหนะ อยู่ๆ วันหนึ่ง เรือลำนี้เกิดหายไปเฉยๆ อย่างไร้ร่องรอย ไม่รู้ว่าใครเอาไป ลูกศิษย์ก็ไปบอกหลวงปู่ว่าเรือหาย หลวงปู่ก็บอกว่า "ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็กลับมา" แล้วก็เป็นจริง อยู่ๆ เรือลำนี้ก็กลับมาผูกไว้ที่ท่าน้ำตามเดิม เป็นที่สนเท่ห์ของลูกศิษย์เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องวาจาสิทธิ์อีกมาก
หลวงปู่จันทร์ ท่านสร้าง
วัตถุมงคลอยู่หลายอย่าง เช่น
ตะกรุด เสื้อยันต์ รูปถ่ายกรอบกระจก ผ้าขอด เชือกคาดเอว ธงค้าขาย และเหรียญรุ่นแรกและรุ่นเดียวของท่าน ปัจจุบันเครื่องรางของขลังของท่านหายากพอสมควรครับ ไม่ค่อยได้พบเห็นกันนัก เหรียญของท่านก็ไม่ค่อยได้เห็นกันเลย ใครมีต่างก็หวงไม่ยอมให้ใครดู
เนื่องจากประสบการณ์ต่างๆ ของท่านมีมากมาย เชือกคาดเอวกันงูของหลวงปู่ขนาดมีชาวบ้านใช้เชือกคาดเอวอยู่ เกิดเดินไปเหยียบงูเห่าเข้าเต็มๆ งูกลับอ้าปากไม่ขึ้น ดิ้นอยู่พักหนึ่งแล้วก็เลื้อยหนีไป เป็นที่โจษขานกันไปทั่วครับ ส่วนธงของหลวงปู่จันทร์นั้น หลังจากที่ท่านมรณภาพแล้ว เจ้าอาวาสรูปต่อมา จัดงานทอดผ้าป่าของวัด พอถึงวันงานฟ้าฝนก็ครึ้มดำมืด ทำท่าจะตกลงมา เจ้าอาวาสรูปนั้นท่านจึงจุดธูปบอกหลวงปู่ แล้วนำธงของหลวงปู่จันทร์มากวัดแกว่งไปมา ฟ้าฝนที่ดำมืดอยู่ก็คล้ายหายไปหมด เป็นที่อัศจรรย์ ส่วนธงค้าขายก็ร่ำรวยกันไปหลายราย เหรียญของท่านก็มีประสบการณ์มากเช่นกัน
ขอยกตัวอย่างซักเรื่องหนึ่ง มีชาวบ้านแถววัดข่อยใต้(เขาขอสงวนนาม) เมื่อปี พ.ศ. 2518 เขาห้อยเหรียญหลวงปู่จันทร์เพียงเหรียญเดียว ตอนนั้นเป็นเวลาพลบค่ำ เขาถูกคู่อริซุ่มยิง เขาจำได้เพียงว่าได้ยินเสียงปืนดังหลายนัดแล้วก็สลบไป จนมาฟื้นเอาที่บ้าน ลูกน้องบอกว่าลูกพี่ถูกยิงหลายนัด เป็นรอยเต็มตัวไปหมด ทั้งลูกซองและ 9 ม.ม. แต่ไม่เข้าเลยซักนัดเดียวที่หัวก็มีแต่รอยบวมปูดเท่านั้น และนัดนั้นก็เป็นนัดที่ทำให้เขาสลบไปนั่นเอง
http://www.itti-patihan.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%95%E0%B9%89.html