ผู้เขียน | ศ.เกียรติคุณ ดร.สันติ เล็กสุขุม |
เผยแพร่ | วันอาทิตย์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ.2560 |
ที่ผมใช้คำว่า “เพิ่มมุม” แทนคำว่า “ย่อมุม” สืบเนื่องมาจากลายพระหัตถ์ของสมเด็จ ฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ อธิบาย คำว่า ยกมุม (หรือ เพิ่มมุม) ทั้งทรงระบุด้วยว่า ที่เรียก ย่อมุม นั้นผิด (“ย่อมุม” ที่เรียกกันโดยมีคำอธิบายว่า “แตกมุมใหญ่ให้เป็นมุมย่อย ซึ่งตรงข้ามกับการเพิ่มมุม”)
ขอเพิ่มเติมว่า ลายพระหัตถ์ของสมเด็จ ฯ มีอยู่มากกว่า 1 หรือ 2 ครั้งระบุว่า คำช่างหลายคำ เรียกกันผิด จนผิดกลายเป็นถูกไปแล้ว
ลายพระหัตถ์อธิบายการเพิ่มมุม ว่าเกิดจากการยกเป็น กระเปาะ [“ยกเก็จ” (ที่ผมเลือกใช้คำว่า “เพิ่มมุม” แทนที่จะเรียกยกเก็จ เพราะว่าหากต้องระบุจำนวนมุมที่เพิ่มด้วยจะยุ่งยาก)] ยกที่ใดที่นั่นก็เกิดมุมเพิ่มขึ้น ตัวอย่างดึงลิ้นชักโผล่จากโต๊ะ จึงทำให้เกิดกระเปาะ มุมที่เกิดจากกระเปาะ คือมุมที่เพิ่มจากสี่มุมของโต๊ะ
การเพิ่มมุมมีพัฒนาการแรกเริ่มจากอาคารในสมัยอินเดียโบราณ แพร่หลายมาสู่ดินแดนในภูมิภาคนี้ เช่นเกิดเป็นลักษณะเด่นชัดในศิลปะเขมร คือการเพิ่มมุมของปราสาทเขมร เมื่อสืบเนื่องมาเป็นเจดีย์ทรงปรางค์ในศิลปะสมัยกรุงศรีอยุธยาช่วงแรก ก็ยังสังเกตได้ชัดเจนจากกลุ่มมุมที่มีมุมประธานใหญ่กว่ามุมย่อยที่ขนาบ (ภาพแรกและภาพขยาย) เมื่อเข้าสู่ช่วงปลาย ตลอดจนในสมัยรัตนโกสินทร์ มุมทั้งหมดจึงเท่ากัน ไม่มีมุมประธานอีกต่อไป ไม่ว่าเจดีย์ทรงใด ๆ ก็ตาม (สองภาพที่เหลือ)
*สมัยที่ยังรับราชการ ผมชี้แจงที่มาของการ “เพิ่มมุม” โดยไม่ได้บังคับกะเกณฑ์ ให้นักศึกษาต้องยกเลิกเรียกคำว่า “ย่อมุม”
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.สันติ เล็กสุขุม
มุมทั้งหมดที่เท่ากัน ไม่มีมุมประธานอีกต่อไป ไม่ว่าเจดีย์ทรงใด ๆ ก็ตามมุมทั้งหมดที่เท่ากัน ไม่มีมุมประธานอีกต่อไปhttps://www.silpa-mag.com/club/miscellaneous/article_9000ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) | Powered by Discuz! X3.2 |