Baan Jompra

ชื่อกระทู้: ยืนยัน!! นิพพานแล้วไม่สูญ เมื่อ"หลวงปู่ชอบ"พบ"พระอรหันต์เถระสมัยพุทธกาล" [สั่งพิมพ์]

โดย: oustayutt    เวลา: 2017-1-19 14:45
ชื่อกระทู้: ยืนยัน!! นิพพานแล้วไม่สูญ เมื่อ"หลวงปู่ชอบ"พบ"พระอรหันต์เถระสมัยพุทธกาล"
หลังจากพ้นพรรษาที่ถ้ำดอกคำ หลวงปู่ชอบมีความตั้งใจว่าจะธุดงค์เข้าพม่าให้จงได้ แม้จะทราบว่า เส้นทางป่าเขาฝั่งพม่าเต็มไปด้วยความยากลำบาก และถูกทัดทานจากสหธรรมิกหลายรูปก็ตาม  ท้ายที่สุด หลวงปู่ชอบจึงเดินธุดงค์เข้าเขตป่าพม่านานถึง ๓ ปี  ท่านเล่าว่า
“เมืองพม่านั้นมีมนต์เพรียกให้ไปเยี่ยมให้ได้ ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรขวางกั้นก็ต้องไปให้ได้”
ซึ่งเสียงเพรียกที่เรียกนี้ก็มาจากส่วนหนึ่งในอดีตชาติของท่านที่เคยอยู่ในพม่านั่นเอง
หลวงปู่ชอบเดินธุดงค์ตามแนวป่าเขาในเขตแดนพม่า  ตลอดเส้นทางแทบจะไม่พบเจอผู้คนเท่าใดนัก  ส่วนใหญ่ก็จะมีแต่เทวดาที่มาฟังธรรมในยามค่ำคืน  คราวใดที่ท่านปฏิบัติธรรม ไม่ว่าจะเดินจงกรม ทำสมาธิภาวนา หรือเจริญพระพุทธมนต์ กระแสแห่งธรรมเหล่านี้ก็จะแผ่กระจายสะเทือนไปทั่วทั้งไตรภูมิ รับรู้ได้ถึงสวรรค์ชั้นฟ้า
ในดินแดนที่เต็มไปด้วยมนต์ขลังแห่งนี้เองได้บังเกิด “บทเพลงอรหันต์” อันเป็น “ธรรมสากัจฉา” คือ “ปุจฉา-วิสัชนา” อันลือลั่น ระหว่างหลวงปู่ชอบกับพระพากุลเถระและพระมหากัสสปเถระ สองพระอรหันต์ในสมัยพุทธกาล  บทเพลงเสวนาธรรมในนิมิตนั้นเป็นบทจารึกธรรมที่ถูกบันทึกถ่ายทอดให้ลูกหลานชาวพุทธเข้าใจหลักธรรมได้กระจ่างชัดอีกครั้ง




บทสนทนาธรรมแห่งอรหันต์เริ่มต้นขึ้น เมื่อหลวงปู่ชอบได้เดินธุดงค์มาพักอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง และได้ทำบริขารชิ้นหนึ่งหายไปในช่วงกลางวัน  ตามหาเท่าไรก็ไม่เจอ จนเลิกล้มการค้นหา  พอพลบค่ำ ท่านนั่งสมาธิเจริญภาวนา กระทั่งยามดึกสงัดก็ปรากฏนิมิตแจ่มกระจ่างขณะที่ดำรงในองค์ภาวนา  ในนิมิตมีพระอรหันต์เถระท่านหนึ่งแสดงปาฏิหาริย์ลอยเหาะตรงมายังถ้ำแล้วหยุดอยู่ที่หน้าหลวงปู่ชอบ ทราบได้ทันทีว่ามีนามว่า “พระพากุละ” รูปร่างสูงขาว สวยงาม




โดย: oustayutt    เวลา: 2017-1-19 14:49
พระอรหันต์เข้ามาสอบถามว่า
“ท่านกำลังมองหาบริขารที่หายไปในช่วงกลางวันใช่หรือไม่”  (พลางชี้มือไปแล้วบอกว่า) “อยู่ที่นั่น มิได้หาย ... ท่านลืมไว้ต่างหาก”
เช้าวันรุ่งขึ้น หลวงปู่ชอบเดินไปดูยังตำแหน่งที่พระพากุละบอก ซึ่งก็เห็นบริขารอยู่ตรงนั้นจริงๆ  สร้างความแปลกใจเป็นอย่างมาก
ในคืนวันนั้นเอง ทันทีที่หลวงปู่ชอบเข้าสมาธิก็เกิดนิมิตกระจ่างใสดังจันทร์เพ็ญ  ในนิมิตเห็นพระพากุละเหาะมาเยี่ยมท่านเหมือนคืนที่ผ่านมา  พระอรหันต์ได้สรรเสริญว่า ท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ สมเป็นพุทธทายาทของอริยวงศ์  จากนั้นจึงได้แสดงธรรมแก่ท่านโดยเน้นข้อ “ธุดงควัตร” โดยมีความดังนี้
“จงพยายามรักษาธุดงค์ไว้ให้มั่นคงต่อไป อย่าให้เสื่อมร่วงโรยไปเสีย  ธุดงควัตรเสื่อมเท่ากับศาสนาเสื่อม  แม้คัมภีร์ธรรมทั้งหลายยังมีอยู่ก็ไม่อาจทรงคุณค่าแก่ผู้สนใจเท่าที่ควร  ธุดงควัตรเป็นธรรมขั้นสูงมาก  ผู้รักษาธุดงค์ได้ต้องเป็นผู้มีจิตใจสูง
ท่านควรทราบว่า  พระอริยเจ้าทุกประเภทไปจากธุดงควัตรนี้ทั้งนั้น เพราะธุดงค์เป็นธรรมเครื่องทำลายกิเลสได้ทุกประเภท  ธุดงควัตรจึงเป็นทางเดินเพื่ออริยธรรม อริยบุคคล  คนไม่มีธุดงควัตรคือคนวัตรร้าง เช่นเดียวกับบ้านร้าง เมืองร้าง  อะไรก็ตาม ถ้าลงได้ร้างแล้วไม่เป็นสิ่งที่พึงปรารถนาเลย


โดย: oustayutt    เวลา: 2017-1-19 14:50
ท่านจงรักษาธุดงควัตรอันเป็นเครื่องทำลายกิเลสไว้ให้ดีและมั่นคง  อย่าให้เป็นพระวัตรร้าง เพราะจะเป็นทางรั่วไหลแตกซึมแห่งมรรคผลนิพพานที่ควรจะได้จะถึง  พระพุทธเจ้าและสาวกทั้งหลายบรรดาที่เลิศแล้วล้วนแต่รักษาธุดงควัตรกันทั้งนั้น  ใครประมาทธุดงค์ว่าไม่สำคัญ ผู้นั้นคือผู้หมดสาระสำคัญในตัวเอง  ท่านจงรักษาความสำคัญของตนไว้ด้วยธุดงควัตร
ผู้ที่มีธุดงควัตรเป็นผู้มีอำนาจทั้งภายนอกภายในอย่างลึกลับจับใจที่บอกใครไม่ได้ เป็นผู้เด่นในวงทวยเทพชาวไตรภพทั้งหลาย  มนุษย์และเทวดาทุกชั้นภูมิเคารพรักผู้มีธุดงควัตรประจำตัวอยู่  และไปที่ไหนไม่เป็นภัยแก่ตัวเองและผู้อื่น  มีแต่ความเย็นฉ่ำภายในทั้งกลางวันและกลางคืน
ธุดงควัตรเป็นธรรมลึกลับ ยากที่จะมองเห็นความสำคัญ ทั้งที่ธุดงควัตรเป็นธรรมสำคัญในศาสนามาดั้งเดิม  ธุดงควัตรเป็นหลักใหญ่แห่งพระศาสนา  ผู้ที่มีธุดงค์ประจำตัวคือผู้รู้ความสำคัญของตัวและรักษาถูกจุดแห่งความสำคัญได้ดี เป็นที่น่าชมเชยอย่างถึงใจ  ผู้ที่มีธุดงควัตรดีเป็นผู้มีจิตใจเมตตาอ่อนโยนในสัตว์ทั้งหลาย  ถ้ายังมีผู้ปฏิบัติธุดงควัตรอยู่ตราบใด ศาสนาก็ยังทรงออกทรงผลอยู่ตราบนั้น  เพราะธุดงค์เป็นทางที่ไหลมาแห่งมรรคและผลทุกชั้น  ไม่มีสถานที่ กาลเวลา หรือสิ่งใดๆ มาเป็นอุปสรรคกีดขวางทางเดินเพื่อมรรคผลนิพพานได้ ถ้าธุดงควัตรยังเป็นไปอยู่กับผู้ปฏิบัติทั้งหลาย
ท่านจงจดจำให้ถึงจิต คิดไตร่ตรองให้ถึงธรรม ถือธุดงควัตรดังกล่าวมา  อยู่ที่ใดไปที่ใดจะชุ่มเย็นอยู่กับตัวท่านเอง  ธุดงควัตรนี่แลคือบ่อเกิดแห่งธรรมทั้งหลายดังนี้”
ในนิมิตนั้น หลังจากพระพากุละแสดงธรรมเทศนาเป็นที่เรียบร้อยก็ได้จากไป  แต่ถึงแม้พระอรหันตเถระจะจากไปแล้ว ข้อธรรมที่ท่านได้แสดงไว้ก็ยังจารึกอยู่ในใจไม่รู้ลืม  หลวงปู่ชอบนำข้อธรรมที่เต็มไปด้วยความลุ่มลึกนั้นมาพิจารณาและรู้สึกว่า
“การดำเนินของเราคงไม่เป็นโมฆะในวงพระศาสนา  มิฉะนั้น พระอรหันต์องค์วิเศษคงไม่เหาะมาโปรดเมตตาให้เสียเวลา”
คิดได้ดังนี้ก็รู้สึกมีกำลังใจ เร่งความเพียรภาวนาอย่างเต็มที่

[ เพิ่มเติม ]


เรียบเรียงโดยเธียรนันท์ จากหนังสือ วินาทีบรรลุธรรม อรหันต์มีจริง 1

http://panyayan.tnews.co.th/contents/198617/


โดย: Sornpraram    เวลา: 2017-2-17 06:31

โดย: majoy    เวลา: 2017-2-20 07:57
กราบ กราบ กราบ
โดย: Nujeab    เวลา: 2017-2-20 16:31
สาธุ สาธุ สาธุ




ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2