Baan Jompra

ชื่อกระทู้: ประวัติ หลวงปู่สอ พันธุโล วัดป่าบ้านหนองแสง- หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ [สั่งพิมพ์]

โดย: oustayutt    เวลา: 2017-1-15 10:08
ชื่อกระทู้: ประวัติ หลวงปู่สอ พันธุโล วัดป่าบ้านหนองแสง- หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย oustayutt เมื่อ 2017-1-15 10:11

ประวัติหลวงปู่สอ พันธุโล

ชีวประวัติ และปฏิปทาของหลวงปู่สอ พันธุโล ( พระครูภาวนากิจโกศล ) วัดป่าบ้านหนองแสง ตำบลสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร

ชาติภูมิ
หลวงปู่สอ พันธุโล นามสกุล ขันเงิน ท่านเกิดเมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 8 ปีระกา ตรงกับวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2464 ที่บ้านทุ่งมน ตำบลทุ่งมน อำเภอลุมพุก ( คำเขื่อนแก้ว ) จังหวัดอุบลราชธานี ( ปัจจุบันคือจังหวัดยโสธร ) บิดาชื่อนายตา ขันเงิน มารดาชื่อนางขอ ขันเงิน มีพี่น้องร่วมมารดาเดียวกัน 2 คน เป็นชายทั้งหมด คนแรกคือ หลวงปู่สอ พันธุโล คนที่สองคือ นายหมอ ขันเงิน ปัจจุบันอยู่ที่บ้านเดื่อ อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย หลวงปู่สอ พันธุโล สมัยที่ท่านเป็นฆราวาสนั้นเป็นคนที่ชอบสนุกสนาน ร่าเริง เข้ากับหมู่คณะได้ทุกคน ขณะเดียวกันก็ยังเป็นคนที่ค่อนข้างจะมีความสามารถในการกล่าวกลอนสด ( ผญา ) ของคนอีสาน เป็นที่ชอบใจของผู้ฟังทำให้คนแปลกใจว่าทำไรหลวงปู่ จึงมีความสามารถมากเช่นนั้นจริงๆ ที่หลวงปู่สอ เรียนจบเพียงชั้น ป.3 แต่ถึงท่านจะชอบสนุกสนานรื่นเริง นิสัยประจำตัวอย่างหนึ่งของท่านที่มีอยู่โดยตลอด คือ ความอดทน ความขยันหมั่นเพียรซึ่งนับว่าเป็นคุณสมบัติอันสำคัญยิ่งที่ส่งผลให้การทำความเพียรของท่านในภายหลังจากอุปสมบทแล้วมีความเด็ดเดียวมั่นคงและเจริญก้าวหน้าไปโดยลำดับ

ครองฆราวาสวิสัย
เมื่อครั้งที่ใช้ชีวิตฆราวาสอยู่นั้น เมื่ออายุได้ประมาณ 20 ปีเศษ หลวงปู่ได้แต่งงานกับนางบับ ซึ่งเป็นหญิงสาวชาวบ้านเดียวกันนั่นเอง หลังจากแต่งงานมีครอบครัวแล้วความรับผิดชอบทุกอย่างก็ตกอยู่กับท่าน เพราะท่านเป็นหัวหน้าครอบครัวจะต้องตื่นแต่เช้าขยันทำการงาน หนักเอาเบาสู้โดยหวังจะให้ภรรยา และลูกๆ มีความสุข บางครั้งต้องเดินทางรอนแรมไปต่างจังหวัดเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว หลายครั้งเมื่อกลับมาถึงบ้านก็มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับภรรยาบ้าง ตามประสาของฆราวาสเหมือนลิ้นกับฟันที่ต้องกระทบกันอยู่ทุกวัน
ในช่วงมีครอบครัวนี้ ท่านมีบุตร 3 คน ดังนี้คือ

1. นางอ่าง ขันเงิน ปัจจุบันอยู่บ้านหนองแสง ตำบลสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร
2. เป็นผู้ชาย ( ไม่ทราบนาม ) ปัจจุบันได้เสียชีวิตแล้ว
3. นางนาง ขันเงิน ปัจจุบันอยู่บ้านหนองแสง ตำบลสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร

สาเหตุแห่งการออกบวช
ความคิดครั้งแรกก่อนแต่งงานท่านคิดว่าชีวิตจะมีความสุขมีความราบรื่น แต่สุดท้ายก็คิดได้ตามหลักสัจจะธรรม ว่าการมีครอบครัวเป็นการทำให้หมดอิสรภาพแทบทุกอย่าง ต้องแบกภาระมากมายจิตใจก็หมกมุ่นอยู่แต่ในเรื่องของฆราวาสวิสัยในกิจการงานจนไม่มีเวลาเป็นของตนเอง ชีวิตมีแต่ความทรมานเร่าร้อนเหมือนนั่งอยู่บนกองไฟ ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับฆราวาสโดยทั่วไปมากนัก นอกจากผู้มีบุญบารมีเก่าที่เคยสั่งสมมาในอดีตชาติเท่านั้น หลวงปู่ได้ตัดสินใจบอกความประสงค์ของท่านต่อภรรยาว่าท่านปรารถนาจะออกบวช เพราะรู้สึกเบื่อหน่ายต่อการครองเรือนแต่ภรรยาของท่านก็ไม่เห็นด้วย เนื่องจากอยู่ในระหว่างการสร้างเนื้อสร้างตัว และลูกก็เล็กอยู่ หลวงปู่ไม่ละความพยายามเมื่อมีโอกาสก็ขออนุญาตออกบวชอยู่เสมอ จนภรรยาของท่านต้องยินยอมแต่มีข้อแม้ว่าต้องออกบวชเพียง 15 วันเท่านั้น
การบวชครั้งแรก
ในปี พ.ศ.2496 ขณะอายุของหลวงปู่ได้ 32 ปี ท่านได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ เป็นครั้งแรก ณ พัทธสีมา วัดสร่างโศรก ( วัดศรีธรรมาราม ) ตำบลในเมือง อำเภอยโสธร จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีพระครูปลัดบุญสิงห์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสังฆ์รักษ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระมหาสาย เป็นอนุสาวนจารย์ ได้รับฉายาว่า พันธุโล หลวงปู่สอ พันธุโล ได้เล่าว่าท่านมีความสุขใจ และมีความพอใจมากที่ได้บวชสมความตั้งใจ ทำให้มีความปลอดโปร่ง เหมือนบุคคลที่เป็นโรคแล้วหายจากโรค เหมือนบุคคลที่ถูกขุมขังแล้วหลุดพ้นจากที่คุม ขังจิตใจมีความสงบเยือกเย็น มองเห็นชีวิตแห่งการบวชเป็นทางที่จะแสวงหาความสุขได้อย่างแท้จริง ในการบวชครั้งนี้ หลวงปู่สอ ท่านพยายามที่จะทำตามกำหนดเวลาของภรรยาคือ บวช 15วัน แต่ในขณะที่บวชอยู่นั้นมีความรู้สึกสบายกายสบายจิต คิดว่าจะบวชให้นานที่สุด และท่านก็ได้ขอผัดผ่อนภรรยาเรื่อยมา สุดท้ายเมื่อครบ 15วัน ท่านก็ไม่ได้สึกตามที่ภรรยากำหนดไว้ จึงทำให้ท่านได้อยู่ในเพศพรหมจรรย์ และปฏิบัติธรรมเพื่อความสงบสันติแห่งใจเรื่อยมาถึง 2 พรรษา ในปี พ.ศ.2496 ซึ่งเป็นพรรษาแรก หลวงปู่สอ ท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านหนองแสง ตำบลสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร ซึ่งขณะนั้นหลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ ( ปัจจุบันอยู่วัดป่าบ้านนาคูณ ) เป็นเจ้าอาวาส ท่านได้แนะนำ สั่งสอนข้อวัตรปฏิบัติ ตลอดถึงในการอบรมด้านสมาธิภาวนา


โดย: oustayutt    เวลา: 2017-1-15 10:08
เจดีย์หลวงปู่สอ พันธุโล



[size=17.3333px]หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ ณ วัดป่าโนนค้อ
[size=17.3333px]อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร
[size=17.3333px]พระอาจารย์ผดุง เจ้าอาวาสวัดป่าโนนค้อ









โดย: oustayutt    เวลา: 2017-1-15 10:10



โดย: oustayutt    เวลา: 2017-1-15 10:13
[size=17.3333px]**อัศจรรย์..."หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์" พระคู่บารมีหลวงปู่สอ พันธุโล**

..ผมเคยเห็นองค์จริงเลยครับ คือว่าวันนั้นผมไปทำบุญกับหลวงปู่สอ ที่วัดป่าบ้านหนองแสง จ.ยโสธร กับครอบครัว ไปกัน8คนครับ น่าจะหลายปีแล้ว วันนั้นรู้สึกว่ามีครอบครัวผมไปคณะเดียวครับ ปรากฏว่าหลวงปู่สอท่านพักผ่อนอยู่ในกุฏิครับ ลูกวัดบอก ผมก็ไปรอท่านสักพัก หลวงปู่สอ ก็อนุญาติให้เข้าไป ผมและครอบครับก็ไปกราบท่านครับ (ตอนนั้นผมไม่รู้จักหลวงปู่สอเลยครับ ยิ่งหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ยิ่งไม่รู้จักใหญ่เลย แต่ลุงผมบอกแต่ว่าหลวงปู่สอเป็นพระปฏิบัติดี สายหลวงตา มหาบัวครับ เลยไปทำบุญกับท่าน )
พอเข้าไปในกุฎิ ผมและครอบครับก็กราบท่านแล้วก็ทำบุญครับ แล้วก็สนทนาธรรมกับท่านไปตามประสาครับ ต่อมาอยู่ดีๆท่านก็เอ่ยออกมาว่าจะให้ดูหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ แล้วท่านก็ลุกขึ้นเดินไป ไขกุญแจเข้าไปในห้องท่านสักพัก ระหว่างที่คอยหลวงปู่สอนั้น ลูกวัดก็ได้บอกกับครอบครัวผมว่า ปกติหลวงปู่สอจะไม่ยอมให้ใครดู หลวงพ่อเจ๊ดกษัตริย์องค์จริงเลย แม้แต่ลูกวัด(คนพูด)ยังไม่เคยเห็นเลย(คราวนี้ก็ได้เห็นพร้อมกัน)...ผมได้ยินแบบนี้ผมก็ตื่นเต้นนิดหน่อยครับ เพราะผมยังไม่รู้จักหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์คืออะไร..

สักพักต่อมาหลวงปู่สอก็ออกมาพร้อมกับพระพุทธรูปสีทอง ไม่รู้ว่าขนาดเท่าไรเพราะไม่ชำนาญครับเอาเป็นว่าถ้าแบกไปไหนมาไหนด้วยก็หนักน่าดูครับ..แล้วท่านก็ให้ครอบครัวผมได้ชื่นชมบารมีหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ครับ แล้วหลวงปู่สอ ก็ให้ครอบครัวผม อธิฐานแล้ว ยกหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ขึ้นเหนือหัวครับ ถ้ายกได้ก็สำเร็จ หนักน่าดูเลย น่าจะสัก8-10กิโลได้ครับ ...ต่อมาท่านก็ยังเมตตาให้ดู พระพุทธรูปชื่อ มัทซี กัณหา และชาลีด้วยครับ ทั้ง3องค์นั้ก็เสด็จมาหาหลวงปู่สอเองเหมือนกันครับ สรุปว่าวันนั้นครอบครัวผมแจ็คพ็อคครับได้ดูพระคู่บารมีของหลวงปู่สอ หมดทุกองค์เลยครับ ขนาดลูกวัดคนสนิทคอยดูแลหลวงปู่สอยังบอกเลยว่าเขายังไม่เคยเห็นเลย...คนส่วนใหญ่จะได้เห็นหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ที่ทำเหมือนไว้เฉยๆ ที่ตั้งไว้หน้ากุฏิหลวงปู่สอ เพราะหลวงปู่สอท่านหวงแหนมากแทบไม่ให้ใครเห็นเลย องค์ที่หลวงปู่สอได้มาจริงๆท่านเก็บไว้ในกุฏิท่านอย่างมิดชิด เป็นอันว่าผมโชคดีมากๆเลยที่มีโอกาสได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดพระคู่บารมีหลวงปู่สอเช่นนี้.....(จนบัดนี้ผมก็ยังไม่ทราบว่า ทำไมหลวงปู่สอ จึงให้ครอบครัวผมได้มีโอกาสสัมผัส พระคู่บารมีของท่าน ถึงยังไงเมื่อมีโอกาสแล้ว ก็ต้องพยายาม ทำทาน ศีล ภาวนา ต่อไปเพื่อตอบแทนท่านที่เมตตาครอบครัวผม)


.....ที่มาของหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ ที่ผมได้ยินจากปากท่าน ตอนไปทำบุญกับครับครับที่วัดป่าบ้านหนองแสง จ.ยโสธร ครับ(ถ้ามีการคลาดเคลื่อนประการใดก็ขอขมาพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ด้วยครับ)คือว่าหลวงปู่สอ เล่าตอนที่ท่านเก็บหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์เข้ากุฏิแล้ว ว่าหลวงปู่สอท่านได้มาตอนอยู่วัดป่าบ้านตาด (เล่าแบบย่อนะครับ ) มีนิมิตตอนภาวนา มาบอกหลวงปู่สอ ล่วงหน้าหลายเดือนว่าจะมี ผู้นำพระพูทธรูปมาถวายให้พร้อมทั้งบอกเวลา วัน เดือน ปี ที่จะนำมาถวายให้ด้วย ซึ่งหลวงปู่สอเห็นนิมิตนี้หลายครั้งมาก ซึ่งหลวงปู่สอ ก็ได้นำนิมิตนี้ไปเล่าให้ หลวงตา มหาบัวฟัง หลวงตา มหาบัวก็บอกว่าห้ามไปเล่าให้ใครฟังนะเด๋วเขาจะว่า ท่านบ้า...หลวงปู่เล่าว่าในขณะถูกหลวงตามหาบัวดุว่าบ้านั้น ท่านเอานิ้วมือออกมานับดู ก็นับครบห้า ครบสิบอยู่ ท่านจึงบอกกับตัวท่านเองว่า “ ยังไม่บ้า ” หลวงตามหาบัวยังสั่งท่านอีกว่า ไว้ให้ได้จริงๆก่อน ซึ่งต่อมาพอถึงกำหนดเวลาตามนิมิตนั้น หลวงปู่สอก็ได้ยินเสียง(ท่านเล่าว่าเสียงดังเหมือนเครื่องบินมาจอดหน้ากุฏิท่าน แล้วก็มีชายแต่งชุดเขียวนำพระพุทธรูป(หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์)มาถวายให้ หลวงปู่สอ บอกว่าชายที่นำมาให้นั้นคือพระอินทร์) ซึ่งท่านก็ได้หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์(ดังรูป)ตามนิมิตที่ท่านเห็นจริงๆ ซึ่งวันนั้นหลวงตา มหาบัวท่านก็เดินมาที่กุฏิ เพื่อพิสูจน์นิมิตตามที่หลวงปู่สอ บอกไว้ ซึ่งหลวงตา มหาบัวท่านก็เห็น หลวงตา มหาบัวก็บอกหลวงปู่สอว่า "เอ็งเก่งกว่าพ่อมันอีก"(พ่อในที่นี้คือหลวงตาบัว ที่ท่านว่า เก่ง เพราะหลวงปู่สอ มีบารมีในด้านนี้ หลวงตาบัวเลย ชม) แล้วหลวงปู่สอก็เล่าถึงพระพุทธรูปอีก3องค์ที่เหลือว่าเสด็จมาหา หลวงปู่สอเอง อีกด้วย
(ลองศึกษาดูนะครับ "หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์" พระคู่บารมีหลวงปู่สอ พันธุโล วัดป่าบ้านหนองแสง จ.ยโสธร) http://www.baanruenthai.com





รูปขนาดเล็ก





ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2