Baan Jompra
ชื่อกระทู้: อานุภาพบารมีแห่งพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร: ปราสาทบันทายฉมาร์ [สั่งพิมพ์]
โดย: AUD เวลา: 2017-1-4 20:42
ชื่อกระทู้: อานุภาพบารมีแห่งพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร: ปราสาทบันทายฉมาร์
อานุภาพบารมีแห่งพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร: ปราสาทบันทายฉมาร์
รูปสลักนูนต่ำสำคัญบริเวณผนังระเบียงคดชั้นนอกทิศตะวันตกเฉียงของปราสาทบันทายฉมาร์ แสดงให้เห็นคติ “วัชรยาน” หรือผู้บูชาพระโลเกศวร ผู้ทรงอานุภาพเหนือโลกและจักรวาล ที่มีเหล่า“ยิดัม” คติแห่ง “ตันตระยาน” เหล่าผู้ปกป้องพระศาสนาผู้เหี้ยมหาญชาญชัยเหนืออวิชชาและเทพเจ้าฮินดู
พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร มีความหมายว่า “พระโพธิสัตว์ที่ยิ่งใหญ่ ผู้เพ่งมองโลก” เป็นกายที่แบ่งภาคออกมาจากพระธยานิพุทธเจ้าอมิตาภะ อันเป็นพระพุทธเจ้าในโลกปัจจับันตามความเชื่อแบบมหายาน
พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระมหาธยานิโพธิสัตว์แห่งความเมตตากรุณา ในวัฒนธรรมพุทธศาสนาแบบเนวาร์ของเนปาล เรียกพระนามพระองค์ว่า “พระโลเกศวร” - พระผู้เป็นใหญ่แห่งโลก หรือ “มหากรุณิกา” (พระผู้ทรงพระมหากรุณา) ทรงปรากฏพระองค์ได้ถึง 108 ปาง
ตามตำนานที่เล่าขานกันสืบมา ครั้งหนึ่ง พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ทรงตั้งพระมหาปณิธานอันยิ่งใหญ่ที่จะนำสรรพสัตว์ทั้งหลายให้พ้นจากสังสารวัฏทุกข์ก่อนที่พระองค์เองจะบรรลุความตรัสรู้ แต่เมื่อทรงแลเห็นว่าสรรพสัตว์ที่พระองค์ทรงช่วยไว้ได้นั้น ช่างน้อยแสนน้อยเหลือเกินเมื่อเทียบกับสรรพสัตว์ที่ยังคงหลงเวียนว่ายในความทุกข์ ความโทมนัสนั้นทำให้พระเศียรและพระวรกายของพระองค์แตกทำลายเป็นเสี่ยงๆ พระอมิตาภะพุทธเจ้าทอดพระเนตรเห็นเช่นนั้น จึงได้เสด็จมาสู่พระผู้ช่วยของพระองค์ ทรงเนรมิตพระวรกายที่แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ นั้นกลับขึ้นใหม่ ให้เป็นพระวรกายอันทรงพละกำลังมากยิ่งกว่าเดิม มีสิบเอ็ดพระเศียรและหนึ่งพันพระกร เพื่อจะได้ทอดพระเนตรอันเปี่ยมด้วยกรุณาแลดูสรรพสัตว์ทั้งหลายได้ทั่วทุกทิศ และสามารถช่วยเหลือสรรพสัตว์เหล่านั้นได้ทันท่วงทีด้วยพระกรทั้งพันนั้น
ตำนานหนึ่งเล่าว่า น้ำพระเนตรแห่งความโทมนัสของพระโลเกศวรจะไหลรวมเป็นทะเลสาบสองแห่ง แล้วพระโพธิสัตว์ตาราเขียวและพระโพธิสัตว์ตาราขาวก็ทรงถือกำเนิดจากดอกบัวอันผุดขึ้นจากทะเลสาบทั้งสองนั้น
[attach]14074[/attach]
โดย: AUD เวลา: 2017-1-4 20:44
ผนังกำแพงของอาคารระเบียงคดที่มีหลังคาหินพังที่ถล่มลงมาทั้งหมด เป็นภาพปกรณัมของ “พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งอานุภาพ” ในปางมหาอานุภาพบารมีต่าง ๆ จากทั้งหมด 8 รูป ปัจจุบันเหลือเพียง 2 รูป หายไป 4 รูป (สองรูปจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พนมเปญ) อีก 2 รูปด้านทิศใต้สุดอาจฝังจมอยู่ใต้กองกำแพงที่พังถล่มทับถมอยู่ (?) ซึ่งในปัจจุบันยังไม่เคยมีการพบรูปสลักพระโลกเกศวรผู้ทรงอานุภาพในคติวัชรยานตันตระที่มีเด่นชัดเช่นนี้ในปราสาทหลังอื่น ๆ นอกจากที่ปราสาทบันทายฉมาร์แห่งนี้เท่านั้นครับ
รูปแสดง “อานุภาพ” ของพระโลเกศวร ทั้ง 8 ภาพ เป็นการแสดง “อานุภาพบารมี” ออกมาในลักษณะที่แตกต่างกันไปตามการจัดวางองค์ประกอบของภาพ ที่สอดรับกับรายละเอียดทางความเชื่อจากคัมภีร์ปุราณะต่าง ๆ ของฝ่ายวัชรยานตันตระ
รูปสลักด้านขวาของประตูเล็ก ฝั่งเดียวกับโคปุระ เป็นภาพของ "พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร 22 กร" ในความหมายของผู้เป็นศูนย์กลางแห่งจักรวาลสากลหรือผู้ให้กำเนิดแก่เหล่าเทพเจ้าและดวงดาว “คัมภีร์การันฑวยูหสูตร” กล่าวว่ามีเทพเจ้า 12 องค์ออกมาจากพระองค์ ทั้งพระพรหม (พระพาหา) พระนารายณ์ พระมหาเทพ พระอินทร์ (รากพระเกศา) พระวรุณ (พระอุทร) พระพาย (โอษฐ์) พระยม พระอาทิตย์ พระจันทร์(พระเนตร) พระปฤถิวี (พระบาท) พระสุรัสวดี (พระทนต์) พระลักษมี (พระชานุทั้งสอง) รูปสลักแทนด้วยวงกลม 11 วง รายล้อมรอบพระองค์
[attach]14075[/attach]
ภาพสลักที่หนึ่ง อานุภาพบารมีแห่งพระมหาโพธิสัตว์อวโลิเตศวร ผู้ให้กำเนิดเทพเจ้าและดวงดาว
โดย: AUD เวลา: 2017-1-4 21:07
“คัมภีร์อมิตายุสพุทธานุสัมฤติสูตร” ของฝ่ายมหายานกล่าวว่า พระองค์ประทับอยู่เบื้องขวาของพระพุทธเจ้าอมิตาภะพุทธะ โดยมีพระโพธิสัตว์มหาสถามปราปตะอยู่เบื้องซ้าย คัมภีร์นี้ยังกล่าวถึงพระนามพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรว่าหมายถึง “แสงสว่างอันไม่มีที่สิ้นสุด” เปรียบเสมือนปัญญาส่องทางแก่สรรพสัตว์ให้รอดพ้นจากนรกภูมิทั้งหลาย
[attach]14076[/attach]
ปัจจุบันรูปสลักรูปแรก ยังคงอยู่ที่ปราสาท ไม่ถูกขโมย ไม่พังทลาย
โดย: AUD เวลา: 2017-1-4 21:09
“...พระองค์มีลักษณะเป็นเจ้าแห่งจักรวาล พระเกศาของพระองค์เป็นที่สถิตของพระพุทธเจ้าซึ่งมีขนาดสูงถึง 25 โยชน์ ทุกส่วนของพระองค์คือจักรวาล 1จักรวาล พระนลาฏเป็นที่บังเกิดของพระมเหศวร พระเนตรคือพระอาทิตย์และพระจันทร์ พระอังสาเป็นที่กำเนิดพระพรหม พระหทัยเป็นที่กำเนิดพระวิษณุ พระอุทรเป็นที่กำเนิดพระวรุณ พระโอษฐ์เป็นที่กำเนิดพระพาย พระทนต์เป็นที่กำเนิดพระสรัสวดี และแผ่นดินคือพระบาท...”
[attach]14077[/attach]
ภาพสลักที่สอง อานุภาพบารมีแห่งพระมหาโพธิสัตว์อวโลิเตศวร ผู้เป็นใหญ่แห่งสรวงสวรรค์
โดย: AUD เวลา: 2017-1-4 21:10
รูปสลักนูนต่ำลำดับที่สองเรียงไปทางใต้ เป็นภาพของ "พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร 32 กร" ในความหมายของผู้เป็นใหญ่หรือราชาของเหล่าพระโพธิสัตว์ ในพระหัตถ์ขวาด้านหน้าสุดมีพระโพธิสัตว์ประทับ พระหัตถ์ซ้ายด้านหน้าถือหม้อน้ำอมฤต แสดงมุทราแห่งอำนาจ โดยมีเหล่าพระโพธิสัตว์ประทับอยู่ในแต่ละชั้นพุทธเกษตร ที่กำลังถวายนมัสการ
[attach]14078[/attach]
รูปสลักที่สอง ยังคงเหลือรอดอยู่ที่ตัวปราสาทในปัจจุบัน
โดย: AUD เวลา: 2017-1-4 21:11
ถัดไปรูปที่สามเป็นภาพแสดงอานุภาพบารมี ในฐานะแห่งโพธิสัตว์ผู้ปกป้องและเป็นที่พึ่งแห่งมวลมนุษย์ ปรากฏเป็นรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร 10 กร ทั้งสามโลกต่างกำลังถวายการเคารพบูชา “คัมภีร์สัทธรรมปุณฑริก” กล่าวสรรเสริญพระองค์ในฐานะผู้พิทักษ์ภัยอันตรายให้สรรพสัตว์ โดยมีภาวะอยู่ทุกหนแห่ง มีอานุภาพบันดาลให้ประสบผลสำเร็จในกิจกรรมต่าง ๆ เชื่อกันว่าเพียงแค่เอ่ยพระนามของพระองค์ “โอม มณีปัทเม หูม” ก็จะได้บุญกุศลเท่ากับการถวายความเคารพบรรดาพระพุทธเจ้าซึ่งมีจำนวนหกสิบสองเท่าของเม็ดทรายในแม่น้ำคงคา พระองค์ยังสามารถเนรมิตให้มีพระเศียรและพระกรจำนวนมากเพื่อให้ช่วยเหลือสรรพสัตว์ได้มากขึ้น “....พระองค์เป็นประหนึ่งวิญญาณของจักรวาลที่ได้เปล่งประกายสารัตถะแห่งการช่วยเหลือสัตว์โลกให้หลุดพ้นจากภาวะทั้งปวง และความรอบรู้ชั้นสูงสุดยอดที่จะเผยแผ่ให้คงอยู่ได้ยาวนานตลอดไปด้วยจำนวนมากมายที่มีอยู่ของบรรดาพระพุทธองค์ทั้งหลายอันอยู่รอบพระวรกาย...”
[attach]14079[/attach][attach]14080[/attach]
ภาพสลักที่สาม อานุภาพบารมีแห่งพระมหาโพธิสัตว์อวโลิเตศวร ผู้ทรงโปรดเมตตาทั้งสามโลก"จงเอ่ยพระนามเรา"ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกรุงพนมเปญ.
โดย: AUD เวลา: 2017-1-4 21:13
ภาพที่สี่ เป็นภาพการแสดงอานุภาพบารมีของการให้กำเนิดขององค์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร 6 กร หรือมุทรา“เปล่งรัศมี” แสดงความยิ่งใหญ่ ใน “คัมภีร์การันฑวยูหสูตร” กล่าวไว้ว่า “....ด้วยเพียงพระโลมา 1 เส้นของพระองค์ก็มีอานุภาพมากกว่าพระพุทธเจ้า 62 เท่าของจำนวนเม็ดทรายในแม่น้ำคงคา นอกจากนั้นในขุมพระโลมาแต่ละขุมของพระองค์ ยังมีคนธรรพ์อยู่เป็นจำนวนพัน อีกขุมหนึ่งมีฤๅษีอยู่เป็นจำนวนล้าน ผู้ที่ออกมาจากพระโพธิสัตว์เปล่งรัศมีจึงมีทั้งเทวดา คนธรรพ์ ฤๅษี และพระพุทธเจ้าอีกมากมาย...” ทางด้านซ้ายเป็นภาพพระวัชริน (เหวัชระ) ทางขวาเป็นภาพ เทวีปรัชญาปารมิตา ศักติของพระอวโลกิเตศวร และไตรโลกยวิชัย ยิดัมหรือเทพผู้พิทักษ์พุทธศาสนาวัชรยานตันตระ มีหน้าที่ในการปราบภูตผีปิศาจสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ไม่ให้ทำอันตรายมนุษย์ รูปอัปสราและเหล่านางฟ้าบนสรวงสวรรค์กำลังถวายความเคารพ
[attach]14081[/attach][attach]14082[/attach]
ภาพสลักที่สี่ อานุภาพบารมีแห่งพระมหาโพธิสัตว์อวโลิเตศวร ผู้ให้กำเนิดเหล่าพระโพธิสัตว์ ฤๅษีและมานุษิพุทธเจ้า
ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกรุงพนมเปญ
โดย: AUD เวลา: 2017-1-4 21:15
ภาพสลักที่ห้า เป็นภาพสลักพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร 8 กร แห่ง “เมตตาบารมีอันยิ่งใหญ่” “คัมภีร์อมิตายูรธยานสูตร” กล่าวว่า ประภามณฑลที่ล้อมรอบพระเศียรพระโพธิสัตว์โลเกศวรประกอบด้วย พระพุทธเจ้า 500 พระองค์ แต่ละองค์แวล้อมด้วยพระโพธิสัตว์ 500 พระองค์ และพระโพธิสัตว์แต่ละองค์ก็ยังแวดล้อมด้วยเหล่าเทวดาอีกเป็นจำนวนมาก
[attach]14083[/attach]
ภาพสลักที่ห้า อานุภาพบารมีแห่งพระมหาโพธิสัตว์อวโลิเตศวร ผู้ทรงโปรดเมตตามวลมนุษย์
โดย: AUD เวลา: 2017-1-4 21:16
ภาพสลักที่หก เป็นภาพพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร 8 กร ถือ วัชระ อังกุศ หนังสือ สังข์ จักร ลูกประคำ หม้อน้ำอมฤต และดาบ ในฐานะที่ทรงมีอานุภาพเหนือพระมหาเทพศิวะและพระนางปารวตี รวมทั้งเทพเจ้าทั้งหลายของลัทธิฮินดูในสรวงสวรรค์
[attach]14084[/attach]
ภาพสลักที่หก อานุภาพบารมีแห่งพระมหาโพธิสัตว์อวโลิเตศวร เหนือเทพเจ้าและจักรวาลแห่งฮินดู
โดย: AUD เวลา: 2017-1-4 21:17
ภาพสลักที่เจ็ดและแปดที่ปลายของผนัง อยู่ในสภาพพังทลาย ถล่มลงเป็นกองหินจากสงคราม หรืออาจถูกลักลอบขนเอาออกไปหมดแล้ว (ภาพถ่ายเก่าของสำนักฝรั่งเศสปลายบุรพทิศ (EFEO)) ภาพที่เจ็ดเป็นการแสดงอานุภาพบารมีแห่งการ“บริบาล” ความทุกข์และโรคร้าย ทั้งทางกายและจิตใจให้แก่โลกและมวลมนุษย์ เป็นภาพของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร 4 กร พระหัตถ์ถือ ดอกบัวปัทมะ (Padma) คัมภีร์ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร ลูกปะคำของนักบวช (Rudraksha Mala) และอมฤตกุมภ์ (กมัลฑลุ) (Amritakumbha) มีภาพของนางโยคินี (Yogini) ธิดาแห่งเหวัชระ กำลังร่ายรำในท่า “อรรถปรยังกะ” (ความยินดีในชัยชนะเหนืออวิชชาและความชั่วร้าย) และการเฉลิมฉลองของผู้คนด้วยความสุขและยินดี
[attach]14085[/attach]
ภาพสลักที่เจ็ด อานุภาพบารมีแห่งพระมหาโพธิสัตว์อวโลิเตศวร ผู้เพ่งมองมวลมนุษย์และบริบาลช่วยเหลือ
โดย: AUD เวลา: 2017-1-4 21:19
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย AUD เมื่อ 2017-1-4 21:22
ภาพสุดท้าย เป็นภาพการแสดงอานุภาพ ราชาแห่งโลกและสรวงสวรรค์ เป็นภาพ "พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร 16 กร 11 พระพักตร์ (?)" ในท่ามกลางเหล่าเทพเจ้าและกษัตริย์ ประนมหัตถ์นมัสการแซ่ซ้องสาธุการ ด้านบนเป็นพระอาทิตย์และพระจันทร์ เหล่านางฟ้าแห่งสรวงสวรรค์กำลังเหาะเหิน โปรยปรายเครื่องหอมและบุปผามาลัยถวายการบูชา
[attach]14086[/attach]
ภาพสลักที่แปด อานุภาพบารมีแห่งพระมหาโพธิสัตว์อวโลิเตศวร ราชาเหนือโลกและสวรรค์
...จงเอ่ยพระนามแห่งเรา “โอม มณีปัทเม หูม” เพื่อให้เราได้เพ่งมองเห็น และจักบริบาลเจ้าด้วยเมตตา...
ที่มา : วรณัย พงศาชลากร
http://oknation.nationtv.tv/blog/voranai/2016/11/16/entry-1
โดย: Nujeab เวลา: 2017-1-5 15:54
ขอบคุณครับ
โดย: Sornpraram เวลา: 2017-3-27 06:39
โดย: Sornpraram เวลา: 2017-4-10 06:33
โดย: Sornpraram เวลา: 2017-5-1 06:29
โดย: Sornpraram เวลา: 2018-5-20 08:24
โดย: Sornpraram เวลา: 2019-6-1 06:22
โดย: รามเทพ เวลา: 2020-5-23 19:47
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) |
Powered by Discuz! X3.2 |