Baan Jompra
ชื่อกระทู้: ชวนดู! “รูปปั้นหมอชีวกโกมารภัจจ์” ที่เหมือนจริงที่สุด! เพราะสร้างจากการสื่อญาณของ"หลวงพ่อบ๋าวเอิง" ที่แสดงให้ช่างปั้นเห็นด้วยญาณทิพย์ [สั่งพิมพ์]
โดย: oustayutt เวลา: 2016-12-20 18:58
ชื่อกระทู้: ชวนดู! “รูปปั้นหมอชีวกโกมารภัจจ์” ที่เหมือนจริงที่สุด! เพราะสร้างจากการสื่อญาณของ"หลวงพ่อบ๋าวเอิง" ที่แสดงให้ช่างปั้นเห็นด้วยญาณทิพย์
เมื่อประมาณ ๗๐ ปีก่อน ชื่อของ “องสรภาณมธุรส (หลวงพ่อบ๋าวเอิง)” อดีตเจ้าอาวาส “วัดสมณานัมบริหาร” หรือ“วัดญวน สะพานขาว” เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในฐานะที่ท่านเป็นพระสงฆ์ญวน สังกัดอนัมนิกาย ที่มีการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบตามหลักของพุทธศาสนา นอกจากการให้ความช่วยเหลือและสงเคราะห์ช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ด้วยความเมตตาแล้ว สิ่งที่ทำให้ท่านเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในยุคสมัยนั้นคือ “การอัญเชิญวิญญาณ” และ “การติดต่อสื่อสารกับสิ่งเร้นลับ” เช่น เทพ เทวดา วิญญาณของนักบวชที่ล่วงลับไปแล้ว ฯลฯ..... ซึ่งวันนี้ทางเราขอนำเสนอเรื่องราวที่ท่านสื่อวิญญาณกับ "บรมคุรุแพทย์ ชีวกโกมารภัต" โดยหลวงพ่อบ๋าวเอิงได้บันทึกไว้ ดังนี้ ...
เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๗ ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะเมีย อาตมาภาพขณะนั้นมีสมณศักดิ์เป็นที่ อง พจนสุนทร (ต่อมาได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นที่ อง สุตบทบวร และบัดนี้เป็นที่ อง สรภาณมธุรส) ได้กระทำพิธีเชิญวิญญาณคุณพูนเพ็ญ จำรูญจันทร์ ภรรยา ร.ต.อ. ทวี จำรูญจันทร์ (ขณะนี้มียศเป็น พ.ต.ต.) ซึ่งได้ถึงแก่กรรมไปนานแล้ว มาประทับร่างทรงบนกุฎีของอาตมา ต่อหน้าสานุศิษย์ ๒ - ๓ คน
เมื่อครั้งคุณพูนเพ็ญยังมีชีวิตอยู่ได้ถวายตัวเป็นศิษย์ของอาตมาภาพ และเป็นพุทธมามกะที่ดีในพระบวรพุทธศาสนา อาตมาภาพได้รับไว้ด้วยความเต็มใจ เพื่อสนองความตั้งใจของคุณพูนเพ็ญ จากนั้นไม่นาน คุณพูนเพ็ญได้ถึงแก่กรรม หลังจากได้ฌาปนกิจศพแล้ว ร.ต.อ. ทวี จำรูญจันทร์ได้นำกระดูกของภรรยามาบรรจุไว้ในเจดีย์เล็ก ซึ่งทำไว้ที่ชานชั้นบนกุฎีของอาตมาภาพ ตามความประสงค์ของคุณพูนเพ็ญ ซึ่งได้สั่งไว้ก่อนที่จะถึงแก่กรรม แต่นั้นมาวิญญาณคุณพูนเพ็ญก็ได้วนเวียนอยู่ใกล้กับอาตมาภาพตลอดมา
วิญญาณคุณพูนเพ็ญมาประทับทรงในร่างของ ร.ต.อ ทวี จำรูญจันทร์ เมื่อเวลา ๒๑.๓๐ น ได้กล่าวกับอาตมาภาพตอนหนึ่งว่า “ที่หนูมานี่น่ะ หนูจะมาบอกหลวงพ่อว่า หลวงพ่อเป็นหมอรักษาโรคต่าง ๆ แต่หนูลืมบอกให้หลวงพ่อทูลเชิญท่านชีวกโกมารภัตมาประสิทธิ์ประสาทความรู้ในการรักษาโรค ให้หลวงพ่อถวายตัวเป็นศิษย์ท่านเสีย”
วิญญาณคุณพูนเพ็ญได้อธิบายแก่อาตมาภาพว่า “ท่านชีวกโกมารภัตเมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ เป็นนายแพทย์ที่ได้ถวายการรักษาแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อคราวประชวรที่พระชงฆ์ และถวายพระโอสถเป็นประจำพระองค์เลยทีเดียว” อาตมาภาพมีความสนใจทันทีและได้ถามต่อไปว่า “จะเชิญท่านมาวันไหนจึงจะเหมาะ ส่วนเครื่องสักการบูชานั้น จะจัดทำเช่นไร จึงจะถูกความประสงค์ของท่าน”
วิญญาณคุณพูนเพ็ญตอบว่า “ให้หลวงพ่อทูลเชิญท่านในวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวง ส่วนเครื่องสักการบูชานั้นจัดเป็นขันธ์ ๕ ถวายแก่องค์ท่าน”
คุณวิทย์ ศิวะดิตถ์ เจ้าของห้างเสรีวัฒน์ สะพานหัน พระนคร ซึ่งนั่งอยู่ในที่นั้นด้วย เป็นผู้ทราบเรื่องขันธ์ ๕ ดี รับจะจัดการให้
ครั้นวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ ๒๔๙๗ ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะเมีย เวลา ๒๒.๑๐ น คุณวิทย์ ศิวะดิตถ์ ได้จัดขันธ์ ๕ มาให้ตามที่ได้รับปากไว้ อาตมาภาพได้นำเครื่องสักการบูชาขันธ์ ๕ ตั้งบนโต๊ะ ซึ่งได้จัดไว้ที่ระเบียงด้านหน้าชั้นบนกุฎี อาตมาภาพได้ทำพิธีสวดสดุดีและอัญเชิญวิญญาณของบรมคุรุแพทย์ ชีวกโกมารภัต ให้รับทราบว่า อาตมาภาพขอฝากฝังตัวเป็นศิษย์ของท่านในทางรักษาโรค พร้อมกับขอสักการบูชาด้วยขันธ์ ๕ เป็นการแนะนำตัวเองให้ท่านได้รับทราบไว้
ต่อมา เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๗ ตรงกับวันอาทิตย์ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะเมีย เวลา ๑๒.๑๕ น ขณะที่อาตมาภาพกำลังปรารภอยากจะหาช่างมาปั้นพระพักตร์ของบรมคุรุแพทย์ ชีวกโกมารภัต ซึ่งอาตมาภาพจะได้อัญเชิญให้มาปรากฏที่หัวแม่มือ เพื่อจะได้นำมาเป็นแบบปั้นรูป และหล่อไว้เป็นที่เคารพบูชาต่อไป คุณโชติ สโมสร (ได้ถึงแก่กรรมแล้ว) ซึ่งมีความสามารถในการปั้นรูป ได้มาหาอาตมาภาพ อาตมาภาพจึงได้นำคุณโชติขึ้นบนกุฎิชั้นบน เพื่อปั้นรูปที่อาตมาภาพจะได้อัญเชิญให้มาปรากฏที่หัวแม่มือ คุณโชติไม่เชื่อว่าอาตมาภาพจะอัญเชิญภาพให้มาปรากฏได้ อาตมาภาพจึงได้บอกกับคุณโชติว่าจะทำให้ประจักษ์
อาตมาภาพได้ทำพิธีอัญเชิญบรมคุรุแพทย์ ชีวกโกมารภัต ให้ปรากฏภาพพระพักตร์ เพื่อให้คุณโชติปั้นไว้เป็นแบบ เมื่อภาพได้มาปรากฏที่หัวแม่มืออาตมาภาพ คุณโชติมีความแปลกใจถึงกับอุทานว่า “ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตนเองแล้ว จะไม่เชื่อเลย”
คุณโชติทำการปั้นรูปพระพักตร์บรมคุรุแพทย์ ชีวกโกมารภัต ตามที่ได้เห็นที่หัวแม่มือของอาตมาภาพทันที เวลาล่วงไป ๒ ชั่วโมง การปั้นรูปพระพักตร์ของบรมคุรุแพทย์ ชีวกโกมารภัต ก็ได้สำเร็จอย่างเรียบร้อย ท่ามกลางความแปลกประหลาดใจของคุณโชติผู้ปั้น และเพื่อนฝูงของเขาเป็นอันมาก ที่ได้มาพบเห็นปรากฏการณ์ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ภายในโลกนี้ จากการทำพิธีอัญเชิญของอาตมาภาพ
กับศิษย์คนหนึ่งของอาตมาภาพ คุณโชติ สโมสร ได้เปิดเผยความในใจ หลังจากได้เห็นพิธีที่อาตมาภาพได้อัญเชิญภาพพระพักตร์บรมคุรุแพทย์ ชีวกโกมารภัตให้มาปรากฏที่หัวแม่มือ และได้ปั้นรูปพระพักตร์ขององค์ท่านเสร็จแล้วว่า :-
“เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาวัดนี้ (วัดสมณานัมบริหาร) ด้วยอารมณ์อันเลื่อนลอยที่เกิดขึ้นภายในตัวของผมเอง เพราะงานที่ผมทำให้กับอาจารย์ชุม ไชยคีรี ยังค้างอยู่บ้าง ผมมาดูงานปั้นรูปอาจารย์คง ซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ
เมื่อผมเดินเข้าไปในวัด ก็เลยไปที่ศาลาร่วมบุญ ผมได้พบท่าน อง พจนสุนทร กำลังทำการเสกเป่าคนไข้อยู่ ขณะนั้นผมก็เกิดศรัทธาในองค์ท่านขึ้นมาทันที ซึ่งผมเรียกท่านว่า หลวงพ่อ ผมเลยนั่งดูท่านทำการรักษาคนไข้อยู่พักหนึ่ง หลวงพ่อได้หันมาถามผมว่า
โดย: oustayutt เวลา: 2016-12-20 18:59
“คุณปั้นรูปได้ใช่ไหม ?”
ผมตอบท่านว่า “พอจะปั้นได้ครับ ถ้ามีแบบให้ผมดู หลวงพ่อจะให้ผมปั้นรูปอะไรครับ ?”
หลวงพ่อได้พูดตอบผมว่า “อาตมาภาพอยากจะให้คุณปั้นรูปของท่านชีวกโกมารภัต”
เมื่อผมได้ยินหลวงพ่อพูดเช่นนั้น ก็รู้สึกงงเป็นกำลัง เพราะไม่ทราบว่าท่านชีวกโกมารภัตเป็นใคร เมื่อหลวงพ่อเห็นผมมีสีหน้าแสดงความงงเช่นนั้น หลวงพ่อจึงได้อธิบายให้ฟังว่า
“ท่านชีวกโกมารภัต คือ นายแพทย์ที่ทำการรักษาพระพุทธองค์และประจำตัวของพระองค์ อาตมาภาพจะอัญเชิญภาพของท่านให้มาปรากฏที่หัวแม่มือเป็นแบบให้คุณปั้น”
พอผมได้ฟังหลวงพ่ออธิบาย ก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองเคยได้รู้เรื่องนี้มาก่อนแต่ลืมไป รู้สึกขันขึ้นมาทันทีและไม่เชื่อเลยว่า หลวงพ่อจะอัญเชิญให้มาปรากฏที่หัวแม่มือได้
ขณะนั้น ท่านอาจารย์ประสาน เปรมปรีชา ผู้มีความชำนาญทางเข้าฌาน ดูทางใน ได้เพ่งมองมายังผม แล้วก็หันไปพูดกับหลวงพ่อว่า
“คนนี้ทำได้แน่”
ผมได้ยินดังนั้น รู้สึกไม่ตื่นเต้น และไม่เชื่อเอาทีเดียว จากนั้นสักครู่หนึ่งผมก็ได้กราบลาหลวงพ่อกลับไป โดยไม่มีเรื่องนี้อยู่ในความสนใจของผมตามไปด้วยเลย ผมจำได้ว่าวันนี้วันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๗
คืนวันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ ๒๔๙๗ ผมได้มาเที่ยวที่วัดนี้อีก เมื่อประมาณ ๑๖.๐๐ น ผมได้พบกับหลวงพ่อ หลวงพ่อถามผมว่า
“พรุ่งนี้คุณว่างไหม ? อาตมาภาพจะอัญเชิญท่านชีวกโกมารภัตให้มาปรากฏที่หัวแม่มือให้คุณดูเป็นแบบปั้น”
ผมรีบบอกท่านว่า “ว่างครับ” แล้วผมก็รับคำหลวงพ่อที่บอกให้ผมปั้นรูปท่านชีวกโกมารภัต
ผมไปธุระที่อื่นอีกและกลับถึงบ้านเวลาประมาณ ๒๔.๐๐ น เมื่อเข้าไปในบ้านนั่งพักผ่อนอยู่สักครู่หนึ่ง ผมรู้สึกว่าเจตสิกของผมเริ่มมือาการพิกล ผมได้เดินไปหยิบดินน้ำมันในสำนักงานออกมาคลำเล่น พร้อมกับนึกว่า รูปท่านชีวกโกมารภัตที่หลวงพ่อจะให้ปั้นนั้น คงจะมีรูปลักษณะไปทางคนจีน ผมจึงเริ่มปั้นเป็นเค้าคนจีนเพราะเชื่อแน่ว่าหลวงพ่อคงถนัดทางจีนมากกว่า ขณะนั้นฝนเริ่มโปรยลงมาตลอดเวลา ผมปั้นรูปนั้นเสร็จประมาณตีหนึ่งเศษ
รุ่งเช้าผมได้ชวนคุณเฉลิม และ คุณจุไรรัตน์ ซึ่งเป็นนิสิตของมหาวิทยาลัยศิลปากรมาด้วยเพื่อพิสูจน์ความจริง มาถึงวัดเวลาประมาณ ๑๒.๐๐ น เมื่อผมได้พบหลวงพ่อแล้ว ผมก็เอารูปปั้นเป็นแบบจีนออกมาถวายให้ดู หลวงพ่อก็บอกว่า
“ไม่ใช่ รูปร่างที่แท้จริงของท่านเป็นแขกพราหมณ์ ไม่ใช่จีน”
หลวงพ่อได้บอกให้ผมขึ้นไปบนกุฏิพร้อมกัน
หลวงพ่อได้ทำพิธีอัญเชิญ ผมได้สนใจเฝ้าดูหลวงพ่อตลอดเวลาทุกอิริยาบถและรู้สึกว่าการทำพิธีอัญเชิญนั้นง่ายเหลือเกิน และแปลกเกินกว่าความคาดหมายของผม หลวงพ่อได้จุดธูป และปักตามที่บูชาต่าง ๆ ในกุฎี และได้ว่าคาถาเป็นภาษาญวนปนไปกับภาษาบาลี ซึ่งผมเองก็ฟังไม่รู้เรื่อง จิตใจของผมในขณะนั้นอยากจะเห็นภาพและทำการปั้น เพื่อพิสูจน์ความจริง คุณเฉลิม และ คุณจุไรรัตน์ ได้ขึ้นมานั่งดูอยู่ด้วย
หลวงพ่อได้นั่งบนอาสนะ มือถือธูปที่จุด แล้วกำมือและหัวแม่มือชูขึ้น สายตาของผมจ้องจับอยู่ที่หัวแม่มือของหลวงพ่อ ในไม่ช้า ก็ปรากฏเห็นเป็นจุดขาว และจุดขาวนั้นได้ขยายตัวโตขึ้น.ๆ จนเห็นเป็นภาพ แต่ไม่ชัด ผมตอนนั้นจิตใจรู้สึกตื่นเต้นเพราะได้ประจักษ์สิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
หลวงพ่อได้เปลี่ยนที่นั่งใหม่ ซึ่งมีแสงสว่างน้อย คราวนี้ภาพที่หัวแม่มือของหลวงพ่อได้ปรากฏแจ่มชัด ผมเริ่มปั้นตามภาพใบหน้าที่เห็นในภาพนั้นทันที ใจผมเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็ได้ปั้นตามภาพที่ปรากฏให้เห็นนั้น ผมใช้เวลาถึง ๒ ชั่วโมงจึงปั้นเสร็จเรียบร้อย ขณะที่ปั้นอยู่นั้น ผมชักสนุกและรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะบ้าไปทุกขณะ มานั่งปั้นรูปโดยไม่มีเหตุผล
คุณเฉลิม และ คุณจุไรรัตน์ ที่ผมชวนมาด้วย ก็เห็นภาพนั้นเช่นเดียวกับผมและยืนยันว่า ภาพที่ปรากฏที่หัวแม่มือหลวงพ่อเหมือนกับรูปที่ผมปั้นทุกประการ เมื่อผมปั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมพร้อมด้วยคุณเฉลิม และ คุณจุไรรัตนได้กราบลาหลวงพ่อกลับ แต่ผมไม่กล้าเอารูปที่ผมปั้นกลับไปบ้านด้วย.
วันรุ่งขึ้น ผมได้ไปที่บ้านท่านอธิบดีกรมเจ้าท่า คือ คุณพระพิจารณ์ชลกิจ ขณะที่นั่งคุยอยู่นั้น ผมได้จับหัวแม่มือของผมลูบคลำอยู่ไปมา อัศจรรย์นักเมื่อผมมองดูที่หัวแม่มือของผมเอง เริ่มเห็นปรากฏเป็นภาพของท่านชีวกโกมารภัต เหมือนกับที่ผมได้เห็นที่หัวแม่มือของหลวงพ่อ เสร็จธุระแล้วผมก็ได้กลับจากบ้านท่านอธิบดีกรมเจ้าท่า
ผมได้ไปที่วัดสมณานัมบริหารทันที เมื่อเข้าไปในโบสถ์ ผมพบหลวงพ่ออยู่ในโบสถ์แล้ว ผมได้เอาหัวแม่มือให้หมออินเทวดา (ยศ ร.ต.ต. ตำรวจน้ำ) ดู แล้วถามว่า “ในนี้มีอะไรหรือเปล่า?”
หมออินเทวดาดูสักพักหนึ่งก็บอกว่า “มี เห็นหน้าคนมีหนวดคางแพะ” และเห็นเด่นชัดขึ้นประมาณ ๒ นาที ผมทราบได้ทันทีว่าเป็นรูปของท่านชีวกโกมารภัต
โดย: oustayutt เวลา: 2016-12-20 19:00
หลวงพ่อนั่งหัวเราะเมื่อหมออินเทวดาพูดดังนั้น แล้วชวนผมกับหมออินเทวดาไปที่กุฏิ หลวงพ่อหยิบรูปที่ผมปั้นมาให้หมออินเทวดาดู หมออินเทวดาเห็นรูปปั้นก็ร้องเสียงดังว่า “ใช่แล้ว ๆ ” แล้วก้มลงกราบรูปนั้นทันที ผมเห็นดังนั้นชักงง และเริ่มเชื่อว่า เท่าที่ได้เห็นภาพ และปั้นรูปจนสำเร็จนั้นเป็นความจริง ผมก้มลงกราบรูปปั้นของท่านที่ผมได้ปั้นไว้ด้วยคารวะอันสูง
บัดนี้ผมได้พบกับความมหัศจรรย์ และหลักไสยศาสตร์อันยิ่งใหญ่พร้อมกับหมออินเทวดาเข้าให้แล้ว หมออินเทวดาก็ได้ถวายตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อทันทีพร้อมกับกล่าวว่า
“ผมมาที่นี่ด้วยจิตใจเลื่อนลอย หรือด้วยอำนาจอะไรผมก็บอกไม่ถูก แต่ตามความจริงใจแล้ว ผมไม่ต้องการมา เมื่อผมได้มาแล้ว เห็นแล้ว ผมก็ภูมิใจ”
ยังอีกครับ ยังไม่เชื่อถนัดนัก วันรุ่งขึ้น เวลาประมาณ ๑๒.๐๐ น ผมได้มาที่วัดสมณานัมบริหารอีก ผมให้คนงานที่กำลังแต่งรูปอาจารย์คงอยู่ มาดูที่หัวแม่มือของผม เขาว่าผมชักจะบ้าเสียแล้ว แต่เมื่อนั่งดูอยู่ประมาณ ๕ นาทีก็ปรากฏเป็นภาพท่านชีวกโกมารภัตขึ้นมา เขาไม่เชื่อ และปกปิดผมด้วย แต่ผมได้มารู้ทีหลัง
เมื่อผมเห็นเขาไม่เชื่อ ผมก็เจ็บใจ ให้เขาจับหัวแม่มือของเขาดูเอง คราวนี้ด้วยอำนาจของความศักดิ์สิทธิ์ เขาได้เห็นภาพปรากฏขึ้นที่หัวแม่มือของเขา แต่เห็นด้านข้าง ผมถามเขาว่า เห็นเป็นรูปร่างลักษณะอย่างไร และให้เขาสเก็ตภาพคร่าว ๆ ให้ดู แล้วผมก็หยิบกระดาษข้าง ๆ ตัว นำมาตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยม เพื่อนำมาเขียนภาพที่ปรากฏในหัวแม่มือของคุณอำไพ นักเรียนเตรียมศิลปากร ผมได้เขียนภาพที่ปรากฏนั้นประมาณ ๑๐ นาทีก็ได้ภาพของท่านชีวกโกมารภัต ด้านข้าง ขณะที่ผมกำลังเขียนภาพอยู่นั้น ร.ต. ประมวล นั่งอยู่ด้วย ได้กล่าวว่าผมเป็นบ้าไปแล้ว แต่ผมไม่ถือเพราะผมเห็นเช่นนั้น
“คืนวันนั้น ผมได้นำภาพที่ผมเขียนขึ้นไปถวายให้หลวงพ่อดูที่วัด ภาพนั้นเหมือนรูปที่ผมปั้นทุกประการ ผมขอรับรองว่า ภาพท่านชีวกโกมารภัตนี้ สูงเกินกว่าจะมีศิลปินผู้ใดจะมีมโนภาพเห็นได้ขนาดนี้ และยากที่จะทำได้เช่นนี้ถ้าขาดอำนาจศักดิ์สิทธิ์มาดลจิตใจให้เกิดกำลังความคิด และฝีมือที่ปั้น
ส่วนกระดาษที่ผมนำมาตัดเขียนภาพนั้น เมื่อมาถึงวัด ผมสังเกตเห็นอักษรภาษาฝรั่งท้ายภาพนั้น เป็นคำว่า ‘SERVICE MEDICAL’ ผมได้ไปเปิดปทานุกรมภาษาอังกฤษดู ก็ทราบคำแปลเป็นภาษาไทยว่า ‘สถานบริการทางการแพทย์’ ผมรับรองว่า ไม่ได้จงใจให้เหลือคำดังกล่าวนั้นเลย จะเป็นด้วยความบังเอิญหรือเหตุใดผมไม่ทราบ
ตั้งแต่นั้นมา ผมก็เชื่อทันทีว่า วิญญาณนั้นมีจริง และสิงสถิตอยู่ตามขั้นบุญและบาป ที่บุคคลนั้น ๆ ได้กระทำไว้ ที่ผมเชื่อเพราะผมได้เห็นประจักษ์กับตาของตนเองทีเดียว เป็นข้อพิสูจน์ที่มีค่าเกินกว่าข้อพิสูจน์ใด ๆ ทั้งสิ้นในโลก”
คืนวันที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ ๒๔๙๗ ตรงกับวันอังคาร ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะเมีย เวลากลางคืน ได้มีศิษย์และผู้รู้จักมักคุ้นหลายคนมาสนทนากับอาตมาภาพที่กุฎี
จนกระทั่งเวลา ๒๒.๐๐ น คุณนายสมาน พงษ์สุวรรณ ได้ปรารภกับอาตมาภาพว่า อยากจะให้อาตมาภาพอัญเชิญเทพยเจ้าท้าวใจภักดิ์ อันเป็นที่เคารพนับถือมาประทับร่างทรง ด้วยต้องการจะถามกิจการบางอย่าง อาตมาภาพก็รับจะอัญเชิญให้
ทั้งหมดได้ลงมายังศาลาร่วมบุญ อาตมาภาพให้คุณชอุ่ม วัฒนแจ้ง หลานของคุณนายนั่งเป็นร่างประทับทรง อาตมาภาพได้ประกอบพิธีอัญเชิญ สักครู่หนึ่งเทพยเจ้าท้าวใจภักดิ์ก็เริ่มเข้าประทับทรงในร่างของคุณชอุ่ม แต่ไม่เข้าประทับทรงเต็มที่ ทำให้คุณชอุ่มเหนื่อยอ่อนไปทีเดียว
ขณะนั้น คุณประทุม จันทรสมบูรณ์ ศิษย์หญิงคนหนึ่งของอาตมาภาพ กลัวว่าคุณชอุ่มจะเหนื่อยมาก จึงบอกกับอาตมาภาพขอเป็นผู้นั่งเป็นร่างประทับทรงแทน ถ้ามิฉะนั้นแล้วเทพยเจ้าท้าวใจภักดิ์จะไม่ยอมออกจากร่างคุณชอุ่มแน่ เมื่อคุณประทุมนั่งเป็นร่างประทับทรงแทนแล้ว สักครู่เทพยเจ้าท้าวใจภักดิ์ก็เข้าประทับทรงในร่างคุณประทุมทันที คุณชอุ่มก็เป็นปกติ
เมื่อคุณนายสมาน ได้ถามเรื่องราวพอสมควรแล้ว อาตมาภาพถามเทพยเจ้าท้าวใจภักดิ์ว่า
“อาตมาภาพมีความประสงค์จะอัญเชิญท่านชีวกโกมารภัตมาประทับร่างทรงบ้าง จะต้องปฏิบัติเช่นไร และท่านประสงค์เข้าประทับทรงในร่างของผู้ใด”
เทพยเจ้าท้าวใจภักดิ์ในร่างประทับทรงบอกว่า
“จะอัญเชิญท่านชีวกโกมารภัตมาประทับร่างทรงนั้น อัญเชิญได้ แต่ต้องให้ท่านนั่งบนผ้าขาวสะอาด เพราะเป็นเทพยเจ้าชั้นสูง”
แล้วชี้มือไปยัง ร.ต.อ. ทวี จำรูญจันทร์ ( บัดนี้เป็น พ.ต.ต. ) ให้เป็นผู้นั่งเป็นร่างประทับทรง เพราะเป็นคนสะอาดพอ
แต่ ร.ต.อ ทวี ได้หนีออกไปจากศาลาร่วมบุญเสียแล้ว อาตมาภาพจึงให้คุณชอุ่ม วัฒนแจ้ง คุณเกษม สวาวสุ และ พ.อ. อร่าม เมนะคงคา แห่งกองพันที่ ๑ ทหารปืนใหญ่รักษาพระองค์ เป็นผู้นั่งเป็นร่างประทับทรง แล้วอาตมาภาพก็ทำพิธีอัญเชิญท่านชีวกโกมารภัต ทันที
ขณะที่อาตมาภาพกำลังทำพิธีอัญเชิญอยู่นั้น ร.ต.อ ทวี ได้กลับเข้ามาในศาลาอีก แล้วนั่งซึมอยู่ทางอีกด้านหนึ่งเพียงคนเดียว ชั่วครู่หนึ่ง ร.ต.อ ทวี ก็มีอาการผิดปรกติ เอามือตบเตียงดังฉาดใหญ่ จุดสนใจของคนทั้งหมดที่อยู่ในศาลา ก็หันไปทางเดียวกันเหมือนนัดหมาย ท่านชีวกโกมารภัตได้เข้าประทับทรงในร่าง ร.ตอ ทวี แล้ว หนีไม่พ้นเหมือนคำเทพยเจ้าท้าวใจภักดิ์บอกทุกประการ
เมื่อท่านชีวกโกมารภัตได้เข้าประทับทรงเต็มที่แล้ว อาตมาภาพได้อัญเชิญให้ท่านนั่งบนอาสนะผ้าขาว ซึ่งได้จัดเตรียมไว้แล้ว อาตมาภาพได้กล่าวฝากฝังตัวเองเป็นศิษย์ ศึกษาวิธีรักษาโรคกับท่าน ท่านก็ได้รับไว้ด้วยความเต็มใจ อาตมาภาพก็ได้ถามถึงประวัติของท่าน และเรื่องอื่น ๆ สักครู่ แล้วท่านก็ได้ออกจากร่างประทับทรงไป นับเป็นครั้งแรกที่อาตมาภาพได้พบกับท่านชีวกโกมารภัต ในร่างประทับทรง และได้พูดจากับท่าน
ต่อมา เมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ ๒๔๙๗ วันอาทิตย์ แรม ๖ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะเมีย เวลา ๒๓.๒๐ น. อาตมาภาพได้ประกอบพิธีอัญเชิญท่านชีวกโกมารภัตเข้าประทับทรงในร่างของ ร.ต.อ ทวี จำรูญจันทร์ ในพระอุโบสถวัดสมณานัมบริหาร อาตมาภาพได้ขออนุญาตหล่อรูปของท่านเท่าตัวคนจริง ๑ รูป และรูปเล็กขนาดหน้าตัก ๓ นิ้วอีก ๑๐๘ รูป เพื่อทำการสักการบูชา และให้ผู้ที่มีความเคารพนับถือไว้บูชา โดยนำรูปปั้นที่คุณโชติ สโมสร ปั้นไว้ให้ท่านดู
โดย: oustayutt เวลา: 2016-12-20 19:01
ท่านชีวกโกมารภัตได้พูดว่า “เรื่องนี้จะไม่ใหญ่โตไปหรือ? แต่ถ้าเป็นความประสงค์ของท่านและลูกหลาน ก็อนุญาต” และท่านชีวกโกมารภัตได้ประสิทธิ์ประสาทคาถารักษาโรคให้ว่า
“นะอะนะวะ โรคาพยาธิ วินาสสันติ”
เมื่อได้รับอนุญาตจากท่านชีวกโกมารภัตดังกล่าวแล้ว อาตมาภาพได้ให้นายชิ้น ชื่นประสิทธิ์ ปั้นรูปของท่านขนาดองค์จริง ๆ ๑ รูป และรูปเล็กขนาดหน้าตัก ๓ นิ้ว ๑๐๘ รูป การปั้นหุ่นจำลองรูปของท่านชีวกโกมารภัตได้ทำขึ้นด้วยความยากลำบาก และความอุตสาหะ ความยากของเรื่องได้เกิดขึ้นเนื่องจากอาตมาภาพต้องการให้ได้รูปหุ่นที่ปั้นเหมือนท่าน ครั้งเมื่อมีชีวิตอยู่จริง ๆ นายชิ้นได้ปั้นหุ่นอยู่ถึง ๒ ปี จึงสำเร็จ พร้อมที่จะทำการหล่อด้วยโลหะได้
มีความมหัศจรรย์อย่างยิ่ง ที่แทบไม่น่าเชื่อถือได้เลย คือ เมื่อนายชิ้นปั้นหุ่นรูปของท่านชีวกโกมารภัตเสร็จแล้ว อาตมาภาพได้ไปที่โรงงานของนายชิ้น พร้อมด้วยคุณประทุม จันทรสมบูรณ์ อาตมาภาพได้ทำพิธีอัญเชิญเทพยเจ้าท้าวใจภักดิ์เทพยราชเลขาธิการ ผู้ชำนาญในการปั้นมาประทับร่างทรง เพื่อให้ตรวจดูความถูกต้องของรูปที่นายชิ้นได้ปั้นเสร็จแล้วนั้น วิญญาณเทพยเจ้าท้าวใจภักดิ์ ซึ่งมาประทับร่างทรงแล้ว ได้บอกเลยทันทีว่าแขนซ้ายและแขนขวา ซึ่งช่างได้ปั้นเสร็จแล้วนั้น ไม่เท่ากัน ทั้งนี้ไม่มีใครรู้มาก่อนเลย แม้แต่ช่างที่ปั้น เมื่อได้รับคำบอกกล่าวเช่นนั้น ช่างได้ทำการแก้ไข
นอกจากนี้แล้วเทพยเจ้าท้าวใจภักดิ์ยังได้บอกให้แก้ไขส่วนต่าง ๆ ที่ยังไม่ถูกต้องหลายแห่ง บางครั้งก็ลงมือแก้ไขเสียเอง ทั้ง ๆ ที่คนที่ท่านประทับทรงหลับตาอยู่ อาตมาภาพใจหายใจคว่ำด้วยเกรงว่ารูปที่ช่างได้ปั้นเสร็จแล้วจะชำรุดเสียหาย แต่แล้วอาตมาภาพกลับปลื้มปีติเป็นอย่างยิ่งที่ได้รูปหุ่นที่งามสง่าสมส่วน ถูกต้องตามลักษณะที่แท้จริง และเพศของท่านทุกประการ ด้วยการปั้นที่มิใช่มาจากมโนภาพ ภาพประดิษฐ์ หรือแบบจากที่ใด แต่ได้มาจากอัญเชิญภาพให้ปรากฏที่หัวแม่มืออาตมาภาพ นายชิ้นช่างที่ทำการปั้น ก็ได้ให้คำรับรองว่าถูกต้อง และงดงาม เหมือนมนุษย์มีชีวิตอย่างแท้จริง
เมื่อรูปหุ่นที่ช่างได้ปั้นเสร็จแล้ว พร้อมที่จะทำพิธีหล่อ อาตมาภาพได้ทำพิธีพุทธาภิเษกหล่อรูปท่านชีวกโกมารภัต พร้อมด้วยรูปขนาดเล็กมี ๑๐๘ องค์ ในวันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ ๒๔๙๙ วันอังคาร ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๖.ปีวอก เวลา ๕.๐๐ น เมื่อหล่อเสร็จแล้ว ช่างได้ทำการตกแต่งรูปของท่านแล้วรมด้วยสีดำ อาตมาภาพได้อัญเชิญท่านชีวกโกมารภัตมาทำพิธีประจุฤทธิ์รูปหล่อขนาดเท่าองค์จริง ๑ รูป และรูปหล่อขนาดเล็กอีก ๑๐๘ รูป เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ ๒๕๐๐ ตรงกับวันอังคาร ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๖ ปีระกา เวลา ๒๑.๐๐ น อีกครั้งหนึ่ง เป็นอันว่าอาตมาภาพได้รูปหล่อที่มีลักษณะเหมือนท่านครั้งมีชีวิตอยู่ไว้สักการบูชาตามที่ได้ปรารถนาไว้ และอาตมาภาพได้ขนานนามรูปหล่อท่านชีวกโกมารภัตว่า “บรมคุรุแพทย์ ชีวกโกมารภัต”
รูปหล่อของบรมคุรุแพทย์ ชีวกโกมารภัตต์ได้ประดิษฐานไว้สักการบูชาทางด้านซ้ายมือของพระประธานในพระอุโบสถวัดสมณานัมบริหาร
องสรภาณมธุรส (บ๋าวเอิง)
เจ้าอาวาสวัดสมณานัมบริหาร
๒๕ ธันวาคม ๒๕๐๑
จินต์จุฑา สำนักข่าวทีนิวส์ รายงาน
http://panyayan.tnews.co.th/contents/k/217484/
โดย: ธี เวลา: 2016-12-23 09:51
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) |
Powered by Discuz! X3.2 |