พระอธิการบุญเรือง มหาปญฺโญ เจ้าอาวาส วัดบางปูน องค์ปัจจุบันเล่าว่า ถึงตัวท่านจะไม่ทัน หลวงพ่อพรหม เนื่องจากเกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๒ หลังท่านถึงมรณภาพแล้ว ๓ ปี แต่คนที่เกิดทันคือบิดา ซึ่งไม่เพียงเป็นศิษย์ใกล้ชิดตอนเป็นเด็กวัดเท่านั้น เพราะครั้นตอนอายุครบบวช หลวงพ่อพรหม ยังเป็นพระอุปัชฌาย์อีกต่างหาก เนื่องจากถือเป็นศิษย์ใกล้ชิดกว่าใครๆ จึงทำให้ทราบเรื่องเกี่ยวกับ หลวงพ่อพรหม หลายประการ และท่านผู้นั้นได้เล่าให้ตนฟังจนจำไม่หวาดไหว เพราะส่วนใหญ่ล้วนเป็นเรื่องเหลือเชื่อแทบทั้งนั้น เช่น เรื่องท่านมีญาณวิเศษและล่องหนหายตัวได้เป็นต้น
คนบางปูน รุ่นก่อนต่างรู้เรื่องดี ยิ่งคนที่เคยบวชอยู่กับท่านยิ่งรู้กว่าใคร ตนจำได้เฉพาะเรื่อง พระหนีเที่ยวเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น กล่าวคือ หลวงพ่อพรหม ได้สั่งกำชับพระทุกองค์ว่า ถ้าองค์ไหนมีธุระออกนอกวัดต้องมาลาท่าน แม้จนชั้นไปเยี่ยมเยียนญาติโยมที่บ้านก็ต้องลา หากแต่ว่ามีพระหนุ่มอยู่กลุ่มหนึ่งที่ชอบหนีไปเที่ยวบ้านสาวๆ เป็นประจำ แต่ท่านทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และไม่เคยตำหนิติติงอะไรให้สำนึกตระหนักกัน ครั้นอยู่มาคืนหนึ่งขณะที่พระกลุ่มนี้กำลังเดินไปบ้านสีกา ปรากฏว่า หลวงพ่อพรหม โผล่ออกมาดักพร้อมกับถามว่าพวกคุณจะไปไหนกัน ทำให้พระเหล่านั้นหันหลังเดินกลับวัด เพราะนึกละอายแก่ใจและไม่กล้าสู้หน้า แต่เมื่อกลับถึงวัดกลับเห็น หลวงพ่อพรหม ท่านนั่งฉันน้ำชาอยู่หน้ากุฏิของท่าน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นท่านเดินตามหลังกลุ่มพระหนุ่มมาติดๆ ห่างไม่เกิน ๒ วา สรุปว่านับแต่บัดนั้นไม่มีการหนีเที่ยว ทั้งยังขยันหมั่นท่องสวดมนต์อีกต่างหาก นอกจากคำบอกเล่าของ พระอธิการบุญเรือง ดังกล่าวข้างต้น ที่ยืนยันว่า หลวงพ่อพรหม วัดบางปูน ไม่ใช่ พระครูเทพโลกอุดร หรือ หลวงปู่เทพอุดร ตามที่มีผู้เข้าใจคลาดเคลื่อน
ยังมีคนบอกเล่าให้ผู้เขียนฟังอีกรายหนึ่งซึ่งได้แก่ นายสมพงษ์ สีภา (ซึ่งปัจจุบันอายุ ๗๐ ปี) ชาวบางปูน คนนี้บอกเล่าแบบยืดยาวพอสมควรว่า แต่เดิมนั้นท่านบวชอยู่กับ หลวงพ่อใย หลายพรรษา ต่อมาภายหลังอาจารย์ผู้นั้นได้ส่งท่านมาเป็นเจ้าอาวาส วัดบางปูน และดำรงตำแหน่งเจ้าคณะหมวดชีน้ำร้ายในขณะเดียวกัน ท่านเป็นพระกรรมฐานและมักออกธุดงค์เป็นประจำทุกปี สถานที่ที่ท่านชอบไปบำเพ็ญภาวนาได้แก่ดงป่า และเถื่อนถ้ำแถวบ้านช่องแค ซึ่งขึ้นกับอำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ เพราะแต่ก่อนนั้นละแวกที่ว่ายังเป็นป่ารกชัฏ และมีถ้ำตามภูเขาอยู่หลายถ้ำ
ตามความเข้าใจของตนค่อนข้างเชื่อว่า เวลาที่ออกเดินธุดงค์ท่านคงจะนำภาพถ่ายติดตัวไปจำนวนหนึ่ง ฉะนั้นจึงเป็นที่แพร่หลายในหมู่ชาวบ้านแถวนั้น ครั้นต่อมาคนรุ่นหลังๆ ไม่ทราบว่าเป็นภาพถ่ายของใคร จึงตั้งชื่อให้ใหม่เป็น พระครูเทพโลกอุดร หรือ หลวงปู่เทพอุดร เพราะเห็นว่าหน้าตาท่าทางท่าน เหมาะแก่การอุปโลกน์ ด้วยดูขรึมขลังอย่างมาก และหากจะว่าไปแล้ว ท่านก็เป็นพระที่มีคุณวิเศษหลายประการ เช่น มีญาณวิเศษ มีหูทิพย์ ตาทิพย์ อย่างที่เรียกกันว่าได้อภิญญาหรืออะไรทำนองนั้น แต่ท่านไม่ได้ทำวัตถุมงคลแจกจ่าย มีเพียงภาพถ่ายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ที่สำคัญท่านผู้นี้ ยังมีฐานะเป็นคู่สวดและอาจารย์ของ หลวงพ่อเจ๊ก วัดระนาม พระเกจิเมืองสิงห์อีกองค์หนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี นายสมพงษ์กล่าวปิดท้าย
( ที่มา : ลานโพธิ์ ฉบับที่ 1115 เดือนเมษายน 2556 : หลวงพ่อพรหม วัดบางปูน อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี พระที่คนรู้จักกันในชื่อ พระครูเทพโลกอุดร ภาพและเรื่องโดย ประพนธ์ พรอุตสาห์ )
http://www.dd-pra.com/forum/detail/101731/
{:6_196:}{:6_196:}{:6_196:} ขอบคุณครับ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2019-7-8 07:03
http://img-196.uamulet.com/uauctions/AU317/2018/2/19/6365464817937180002.jpg
{:6_208:}{:6_208:}{:6_208:}
{:6_208:}{:6_208:}{:6_208:}
https://3.bp.blogspot.com/-uZS1xD8AZms/V2KxeEY2njI/AAAAAAAADZA/InTN45JnBF4O_tZGtpOGfvZGoNE4vUTewCKgB/s320/1115p12-2.jpg
{:6_204:}{:6_204:}{:6_204:}
หน้า:
1
[2]