Metha โพสต์ 2014-12-27 09:46

ตำนานพญานาคไทย-ลาว

ตำนานพญานาคไทย-ลาว
http://ho.files-media.com/ud/variety/imgs/1/2/5933/na1-c-490x282.jpg
ลักษณะของพญานาคตามความเชื่อในแต่ละภูมิภาคจะแตกต่างกันไป แต่พื้นฐานคือ มีลักษณะตัวเป็นงูตัวใหญ่มีหงอนสีทองและตาสีแดง เกล็ดเหมือนปลามีหลายสีแตกต่างกันไปตามบารมี บ้างก็มีสีเขียว บ้างก็มีสีดำ หรือบ้างก็มี ๗ สี และที่สำคัญคือ ตระกูลธรรมดำองค์ท่านจะมีเศียรเดียว แต่ถ้ำตระกูลที่สูงขึ้นไปนั้นจะมี ๓ เศียร ๕ เศียร ๗ เศียร และ ๙ เศียร พญานาคจำพวกนี้องค์ท่านจะสืบเชื้อสายมาจาก พญาเศษนาคราช (อนันตนาคราช) ผู้เป็นบัลลังก์ของ องค์ พระวิษณะนารายณ์ปรมนาท ณ เกษียรสมุทร อนันตนาคราช เล่ากันว่าองค์ท่านจะมีกายที่ใหญ่โตมหึมามีความยาวไม่สิ้นสุด มี ๑๐๐๐ เศียร ท่านเกิด ทั้งในน้ำและบนบก เกิดจากครรภ์และจากไข่ มีอิทธิฤทธิ์สามารถบันดาลให้เกิดคุณและโทษได้ และท่านสามารถจะแปลงร่างเป็นเทพบุตรหรือเทพธิดารูปร่างสวยงาม กล่าวว่า ทางฝั่งไทยและฝั่งลาวต่างมี กษัตริย์แห่งนาคราช หรือ นาคาธิบดี แยกปกครองดูแลฝั่งลาว คือ พญาศรีสัตตนาคราช (นาคาธิบดีสีสัตตนาคบาดาล) เป็นกษัตริย์พญานาค ฝั่งลาว มี ๗ เศียร ฝั่งไทย คือ พญาศรีสุทโธนาคราช (นาคาธิบดีสีสุทโธ) เป็นกษัตริย์พญานาค ฝั่งไทยมี ๑ เศียร พญาศรีสุทโธ ท่านชอบจำศีลบำเพ็ญเพียร และปฏิบัติธรรม มีนิสัยอ่อนโยน มีเมตตา ไม่ชอบการต่อสู้ ชอบมาปฏิบัติธรรมที่พระธาตุพนม โดยมอบหมายให้เหล่า อ ามาตย์ดูแลแทน ในระหว่างที่หลบมาจำศีลภาวนา๑. พญาจิตรนาคราช ท่านรักสวยรักงาม มีเขตแดนปกครองของตน ตั้งแต่ตาลีฟู ถึงจังหวัดหนองคาย ตามแนวแม่น้ำโขง โดยมีที่สุดแดนอยู่วัดหินหมากเป้ง๒. พญาโสมนาคราช มีเขตแดนปกครอง ตั้งแต่วัดหินหมากเป้งมาจนถึงวัดพระธาตุพนม สุดเขตแดนที่แก่งกะเบา พญาโสมนาคราชมีอุปนิสัยคล้ายพญาศรีสุทโธนาคราช คือชอบปฏิบัติธรรม จึงเป็นที่ไว้วางใจและโปรดปรานแก่พญาศรีสุทโธนาคราช๓. พญาชัยยะนาคราช มีเขตแดนจากแก่งกะเบา เรื่อยไปจนสุดแดนที่ปากแม่น้ำโขง ลงทะเลในเขมร ท่านนี้มีฤทธิ์เดชมาก ชอบการรณรงค์ ทำสงคราม คือ ชอบการต่อสู้เป็นนิสัยพญานาค เป็นราชาแห่งงู จัดเป็นเดรัจฉานด้วย เพราะมีลำตัวไปทางขวางและไม่สามารถบรรลุธรรมได้ แต่ก็จัดอยู่ฝ่ายสุคติภูมิ อยู่สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกานาคแบ่ง ออกเป็น 4 ตระกูลใหญ่ คือพญานาคเกิดได้ทั้ง 4 แบบ คือ
- เกิดแบบโอปปาติกะ เกิดแล้วโตทันที ผุดเกิดสำเร็จเป็นตัวเป็นตน เช่น พรหม เทวดา เปรต หรือสัตว์นรกทั้งปวง
- เกิดแบบสังเสทชะ เกิดในสิ่งที่หมักหมมในเปลือกในตม ในที่ชื้นแฉะหรือด้วยเหงื่อไคลโดยไม่อาศัยฟองไข่ และครรภ์ของมารดา
คือเกิดนอกครรภ์ เช่น หนอนหรือเชื้อแบคทีเรีย
- เกิดแบบชลาพุชะ เกิดจากครรภ์ อย่างสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม
- เกิดแบบอัณฑชะ เกิดจากฟองไข่พญานาคชั้นสูงเกิดแบบโอปปาติกะ เป็นชนชั้นปกครอง
ที่อยู่ของพญานาคมีตั้งแต่ในแม่น้ำหนอง คลอง บึงต่างๆ ในอากาศจนไปถึงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาด้านทิศตะวันตก เหตุที่มาเกิดเป็นพญานาคเพราะทำบุญเจือด้วยราคะหรือมีจิตผูกพันกับแม่น้ำและพญานาค หรืออธิฐานจิตขอเกิดเป็นพญานาค (ถึงแม้ทำบุญมามากแค่ไหนพอที่จะไปเกิดสวรรค์ชั้นสูง ๆ กว่านี้ได้ แต่ถ้ามีจิตผูกพัน ยึดติดกับอะไรตายไปก็จะไปตรงนั้น) ดังนั้นควรยึดถือพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งสูงสุดเพราะเป็นสรณะอันประเสริฐที่สุดเพียงหนึ่งเดียว
พวกพญานาคอยู่ ในการปกครองของท้าววิรูปักษ์ ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาด้านทิศตะวันตก เหตุที่มาเกิดเป็นพญานาคเพราะทำบุญเจือด้วยราคะ
ประเภทของพญานาค นาคแบ่งล าดับชั้นตามหน้าที่ไว้เป็น 4 พวกคือ
1.) นาคสวรรค์ มีหน้าที่เผ้าวิมานเทพ และเทวดา
2.) นาคกลางหาว มีหน้าที่ให้ลมให้ฝน
3.) นาคโลกบาล มีหน้าที่รักษาแม่น้ำลำคลอง
4.) นาครักษาขุมทรัพย์เมื่อรวมนาคทั้ง 4 พวกแล้ว จะมีพญานาคทั้งสิ้นประมาณ 512 ชนิด
และแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 2 ประเภทคือ
1.) กามรูปีพญานาค พญานาคที่เสวยกามคุณ
2.) อพามรูปีพญานาค พญานาคที่ไม่เสวยกามคุณ

Metha โพสต์ 2014-12-27 09:47

พญานาคบางพวกมีอายุสั้น บางพวกก็มีอายุยืน อาจจะมีอายุยาวนานเป็นกัลป์ก้ได้ อย่างพญานาคตัวหนึ่งชื่อพญานาคกาละ มีอายุยืนยาวมาก ตั้งแต่พระพุทธเจ้ากุสันธะจนถึงพระสมณโคตมะ และจะมีอายุไปจนถึงพระศรีอาริยะเมตไตรย์ ตามปกติพญานาคจะกลัวพญาครุฑพญานาคที่พญาครุฑไม่สามรถกินเป็นอาหารได้ มีอยู่ 7 พวกด้วยกันคือ
1.) พญานาคที่มีชาติกำเนิดที่ละเอียดกว่า และภพภูมิสูงส่งกว่าพญาครุฑ
2.) กัมพลสัตรพญานาคราช
3.) รตรัฐพญานาคราช
4.) พญานาคราชที่อาศัยอยุ่ในมหาสมุทรสีทันดรทั้งเจ็ดสมุทร
5.) พญานาคราชที่อาศัยอยู่บนพื้นดิน
6.) พญานาคราชที่อาศัยอยู่ในภูเขา
7.) พญานาคราชที่อาศัยอยู่ในวิม พญานาคที่กล่าวมานี้
เป็นพญานาคที่มีปรากฏอยู่ในชาดกทางพุทธศาสนาพิษของพญานาค
พญานาคเป็นพญางู เมื่อนึกถึงงูก็ต้องนึกถึงพิษของงู ความน่าเกรงขามของพิษพญานาคใน "คัมภีร์ปรมัตถโชติกพมหาอภิธรรม
มัตถสังหฏีกา" ปริเฉทที่ห้า จัดหมู่ของนาคไว้ตามชนิดของพิษแบ่งเป็น 4 จำพวกคือ
1.) พญานาคมีพิษชนิดหนึ่ง ถ้ากัดผู้ใดแล้วร่างกายจะแข็งไปหมดทั้งตัว อวัยวะต่างๆแม้จะยืดหรืองอ หรือเหยียดออกไป
ไม่ได้จะปวดทรมานมาก
2.) ปูติมุขพญานาคนี้มีพิษชนิดหนึ่ง ถ้ากัดผู้ใดแล้วแผลจะเน่าเปื่อยมีน้ำเหลืองไหลออกมาตลอดเวลา
3.) อัคคิมุข พญานาคนี้มีพิษชนิดหนึ่ง ถ้ากัดผู้ใดแล้วจะเกิดความร้อนไปทั้งตัวและรอยแผลที่ถูกกัดเป็นริ้วรอยคล้ายถูกไปไหม้
4.) สัตถมุข พญานาคนี้มีพิษชนิดหนึ่ง ซึ้งผู้ใดโดนกัดแล้วก็เหมือนกับถูกฟ้าผ่าพญานาคทั้งสี่ประเภทนี้ มีวิธีที่จะทำอันตรายด้วยวิธีที่แตกต่างกันดังนี้
1.)ใช้เขี้ยวพิษขบกัด แล้วพิษค่อยแผ่ซ่านไปทั้งตัว
2.) ใช้ตามองดูแล้วพ่นพิษออกมาทางตา
3.) มีพิษไปทั่วร่างกาย เพียงแต่ใช้ร่างกายกระทบเข้า ก็เป็นพิษแผ่ออกมาได้
4.) ใช้ลมหายใจพ่นเป็นพิษออกมาและพิษนั้นจะแผ่ซ่านออกไปทั่วร่างกายองค์นาคาธิบดดีทั้ง 9 พระองค์ (แต่ละเศียร) นั้นคือกษัตริย์แห่งเมืองบาดาลที่ปกครองวังนาคินทร์ต่างๆ ซึ่งแต่ละพระองค์เป็นพญานาคที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ อยู่ในศีลในธรรมแล้วทั้งสิ้น
องค์นาคาธิบดีทั้ง 9 พระองค์ (แต่ละเศียร) มีพระนามดังต่อไปนี้
1. พญาอนันตนาคราช
2. พญามุจลินท์นาคราช
3. พญาภุชงค์นาคราช
4. พญาศรีสุทโธนาคราช
5. พญาศรีสัตตนาคราช
6. พญาเพชรภัทรนาคราชหรือพญาเกล็ดแก้วนาคราช
7. พญานาคด าแสนศิริจันทรานาคราช
8. พญายัสมันนาคราช
9. พญาครรตระศรีเทวานาคราชองค์นาคาธิบดี เทียบเท่าพระเจ้าแผ่นดิน, กษัตริย์ องค์นาคาธิบดีศรีสุทโธ แต่เดิมเป็นนาคธรรมดาสังเกตุจากที่มีเศียรเดียว แต่ได้เป็นองค์นาคาธิบดี(กษัตริย์แห่งนาค)ฝั่งไทย เพราะองค์อิศวรประทานให้เนื่องจากได้ทำความดีความชอบในการค้นหาโคศุภราชขององค์อิศวร เมื่อคราโคศุภราชหนีมาเที่ยวบนโลกมนุษย์ โดยองค์นาคาธิบดีศรีสุทโธเป็นผู้ค้นพบโคศุภราช พญานาคราช พญานาคิณีเทียบเท่านายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรี นาค- นาคี เทียบเท่า ผู้ว่าราชการจังหวัด,ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นาคผู้-นาคเมีย เทียบเท่าประชาชนทั่วไปที่ถือว่าเป็นคนมีศีล เงือกผู้-เงือกเมีย เทียบเท่าประชาชนทั่วไปแต่ไม่ถือศีลใดๆ งูตัวผู้-งูตัวเมีย เทียบเท่าประชาชนทั่วไปที่ทำดีได้-ทำชั่วได้ ปกติเหล่าพญานาคเป็นผู้ที่ถือศีลแปดเคร่งครัดมาก พญานาคจะไม่ท าร้ายใคร แต่ก็มีพญานาคชั้นเลว ชอบท าร้ายมนุษย์ตามแม่น้ำ

Metha โพสต์ 2014-12-27 09:47

บั้งไฟพญานาค...ออกพรรษา
เรื่องก็มีอยู่ว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมื่อหลายพันปีก่อนสมัยพุทธกาล บนผืนแผ่นดินอันสะอาดบริสุทธิ์ของประเทศลาวในปัจจุบัน ชาวเมืองเป็นผู้มีศีลมีธรรม มีจิตใจที่งดงาม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน มีความเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้เฒ่าผู้แก่ ดูแลมารดาบิดากันเป็นปกติ พระราชาผู้ปกครอง บ้านเมืองทรงมีธรรมราชาครบถ้วน ๑๐ ประการ แล้วก็มีปุโรหิตท่านหนึ่ง
เป็นคนจิตใจงาม เป็นผู้มีปัญญามาก เวลาจะตัดสินคดีความอะไรก็บริสุทธิ์ยุติธรรม ท่านช านาญในไตรเพท มีหน้าที่ประกอบพิธีกรรมบวงสรวงพญานาค โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล เพราะมีความเชื่อว่านาค เป็นผู้ให้น้ า ท่านก็ประกอบพิธีอย่างนี้ทุกปีๆ จนกระทั่งหมดอายุขัย ด้วยใจที่ผูกพันกับพญานาคมาก กอปรกับบุญกุศลที่ท่านปุโรหิตท าในระดับที่ดีของชาวโลก ในยุคที่พระพุทธศาสนายังไม่บังเกิดขึ้น เมื่อละโลกแล้ว ท่านจึงไปเกิดเป็นพญานาค มีกายสีทองสวยงาม เป็นหัวหน้าปกครองชุมชน นาคในระดับล่าง อยู่ใต้ลำน้ าโขง ซึ่งจะเป็นภพซ้อนภพ มีอายุยืนมาก.......พญานาคมีอยู่ ๓ ระดับ คือ ระดับล่าง ระดับกลาง ระดับสูง ระดับสูงก็อยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ระดับกลางๆ ก็ลดหย่อนลงมาระดับล่างก็อยู่ในระดับพื้นมนุษย์ มีบ้านเมืองที่สวยสดงดงามพอสมควร ท่านเป็นผู้ปกครอง ชุมชนนาคในละแวกลำน้ำโขงนั้น ซึ่งกว้างขวางมาก พญานาคท่านนี้ เมื่ออยู่ในเมืองนาค ท่านจะแปลงกายเป็นกายทิพย์ ที่คล้ายๆ มนุษย์ มีเครื่องประดับงดงามแล้วท่านปรารถนาพุทธภูมิมานาน ตั้งแต่ก่อนจะมาเกิดเป็นปุโรหิต แม้มาเป็นปุโรหิต ก็มีความรู้สึกเช่นนี้อยู่ลึกๆ ในใจ .......ครั้นเวลาล่วงเลยมาถึงสมัยพุทธกาลของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมณโคดม พอใกล้ถึงวันออกพรรษา เหล่าเทวดาก็โจษกันไปทั่วว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จลงจากดาวดึงส์ จนเสียงอื้ออึงโจษขานดังไปทั่ว พร้อมๆ กับเสียงดนตรีสวรรค์ดังไปถึงนาคพิภพ ท าให้อาสนะ ของพญานาคที่เคยอ่อนนิ่มกลับแข็งกระด้างขึ้นมา สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น พญานาคและบริวาร จึงออกมาจากนาคพิภพ ขึ้นไปอยู่บนผิวน้ าของแม่น้ำโขง ในวันเทโวโรหณะออกพรรษา สายตาก็มองไปบนท้องฟ้า ตอนนั้นเมฆบนท้องฟ้าก็ยังฟูฟ่องล่องลอยอยู่เยอะแยะ แต่สักพักหนึ่งเมฆก็แวบหายไป ท้องฟ้าเริ่มเปิดออก มีลำแสงฉัพพรรณรังสีพุ่งออกมา ท้องฟ้ากลวงเข้าไป เหมือนไม่มีท้องฟ้า ในบริเวณนั้น คือท้องฟ้าเปิดจนมองเห็นสวรรค์ ในล าแสงนั้นก็จะเห็นเหล่าทวยเทพทั้งหลาย ในภพ ๓ เต็มไปหมดเลย ยกเว้นอรูปพรหม ๔ ชั้น อสัญญีสัตตาพรหม หรือพรหมรูปฟัก ที่ ไม่ได้มา นอกนั้นมาหมดเลย

Metha โพสต์ 2014-12-27 09:48

ท้าวมหาราชทั้ง ๔ คอยอารักขา นาค ครุฑ ยักษ์ คนธรรพ์ โดยเฉพาะคนธรรพ์จะร้องร าท าเพลง ประโคมดนตรีตลอดเวลา พลุสวรรค์หลากสี แต่ไม่ได้ดังตุ้มๆ เหมือนพลุในเมืองมนุษย์ แต่ดังเป็นเสียงดนตรีสวรรค์ ดอกไม้ทิพย์สวยสดงดงาม หอมฟุ้ง ตลบอบอวลไปทั่ว บริเวณสองข้าง ทางก็เต็มไปด้วยทวยเทพทุกชั้น ผู้ปกครองของสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้น เทพอัปสร เรียงกันลงมาเป็นกระบวนถัดจากนางเทพอัปสรก็จะมีเหล่าเทวดายืนเรียงรายกันเต็มไปหมดเลย มีบันไดทองค าใส บันไดแก้ว เพชร บันไดเงิน ทอดลงมาจากดาวดึงส์จนถึงพื้นโลกมนุษย์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอยู่ตรงกลางบันไดแก้วเพชรที่มีหลากสี ทั้งม่วง คราม น้ าเงิน เขียว เหลือง แสด แดง ตามหลังมาด้วยปัญจสิกขเทวบุตร และมาตุลีเทพสารถี ส่วนบันไดทองค าใสก็เป็น ของเทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่ มีท้าวสุยามา ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นยามา ถือพัดวีชนี ท้าวสักกเทวราชหรือ พระอินทร์ถือปาริฉัตกะ ถัดมาก็ท้าวสันตดุสิต ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นดุสิต ท้าวนิมมานรมิต ผู้ปกครอง สวรรค์ชั้นนิมมานรดี ถัดมาก็ท้าวปรนิมมิต ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี และตามด้วยเหล่า เทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่ทั้งหลาย
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: ตำนานพญานาคไทย-ลาว