ท้าวนาคพันธ์ปริวัตรนาคราช
ฺBy - LightGuardianท้าวนาคพันธ์ปริวัตรนาคราช
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า ที่ตั้งกระทู้แยกออกมานี่เพื่อต้องการให้เกียรติพญานาคท่านนะครับ และเพื่อให้สะดวกต่อการอ่าน โดยเนื้อหาแล้วทั้งกระทู้พญานาคพันธ์และปราสาทของท่านไม่มีอะไรขัดแย้งกันครับ
พญานาคเป็นเผ่าพันธ์ที่อยู่คู่พระพุทธศาสนา เป็นเผ่าพันธ์ที่อาสาและถูกเลือกให้ทำงานรับใช้พระพุทธศาสนาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและต่อไปในอนาคตโดยพญานาคแต่ละองค์ที่ทำงานเพื่อพระพุทธศาสนามีหน้าที่ที่แตกต่างกัน
อย่างเช่น
ท้าวนาคพันธ์ปริวัตรนาคราช ทำหน้าที่พิทักษ์รักษาดินแดนศักดิ์สิทธ์แห่งทุ่งกุลา (ขอบเขตแห่งนครหริหราลัย)
ท้าวศรีสุพรรณนาคราช ทำหน้าที่รักษาดวงประทีปแห่งพระพุทธศาสนา
องค์กีรนารฏะนาคราช แห่งวังหน้า ทำหน้าที่อารักขาวังในทั้งหมดของเมืองบาดาล
ท้าวศรีไพรศิรินาคราช ธิดาองค์โตขององค์มุจลินทร์ ผู้ลงจากนาคานครในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกามาจุติในโลกมนุษย์ เพื่อทำหน้าที่ในพระพุทธศาสนา โดยพระนางเปรียบเป็นดั่งมือขวาขององค์มุจลินทร์
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย AUD เมื่อ 2013-4-16 21:35
องค์พระศิวะ กับพระนารายณ์(ปางฮะริฮะรา)
ชาติกำเนิด
ท้าวนาคพันธ์ปริวัตรนาคราช กำเนิดแบบโอปปาติกะ โดยเกิดจากฤทธิ์บันดาลขององค์พระหริหระ(ภาครวมของพระศิวะและพระนารายณ์) โดยมีเสี้ยวจิตแบ่งเป็นพลังตั้งต้น ดังนั้นองค์นาคพันธ์จึงเป็นพญานาคที่สืบสายมาจากพระศิวะและพระนารายณ์โดยตรง เป็นดั่งจิตตเทวะของพระหริหระในภพภูมิพญานาค ที่ถูกแบ่งจิตมาเพื่อทำงานรับใช้พระพุทธศาสนา และสั่งสมบารมีให้แก่จิตกำเนิดขององค์นาคพันธ์ที่จะต้องไปทำหน้าที่สำคัญในยุคของพระศรีอาริยเมตไตรยด้วยเช่นกัน
ลักษณะของพญานาคพันธ์
องค์นาคพันธ์ขณะกายเป็นพญานาค องค์ท่านมีกายสีทอง มีเกล็ดสีทองดำคือสีทองกึ่งหนึ่งสีดำกึ่งหนึ่ง มีเขี้ยวเป็นเพชร มีหงอนเป็นทองคำ
องค์นาคพันธ์ขณะจำแลงกายเป็นมนุษย์ กายท่านมีสีดั่งน้ำผึ้งเคล้าละอองทอง
องค์นาคพันธ์เป็นเทพาสุระนาคราช คือเป็นพญานาคที่เป็นเทพอสูร คือครึ่งเทพครึ่งอสูร แต่ครึ่งที่เป็นอสูรนั้นเป็นอสูรฝั่งธรรมะที่ดูแลพลังขั้วลบ
เหตุเพราะด้วยองค์นาคพันธ์เกิดจากฤทธิ์แห่งพระหริหระ ด้วยพลังแห่งพระศิวะนาฏราช ซึ่งเป็นพลังแห่งการหมุนวนของกระแสสองกระแสที่ตรงกันข้าม..แต่สมดุลย์ซึ่งกันและกัน พลังแห่งการสรรสร้างและทำลายล้าง ดั่งเช่นการเกิด และการดับ ที่ตรงกันข้ามแต่ก็สมดุลย์ซึ่งกันและกัน มีเกิดแล้วมีดับ มีดับแล้วมีเกิด หมุนวนเป็นพลังแห่งวัฏฏสงสารที่ตรงกันข้ามแต่สมดุลย์ ผลแห่งการสรรสร้างด้วยวงแหวนแห่งศิวะนาฏราชจึงแสดงออกมาในเทพาสุระขององค์นาคพันธ์
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย AUD เมื่อ 2013-4-16 21:47
องค์นาคพันธ์ กำเนิดมาเพราะหน้าที่ในพระพุทธศาสนาที่จักต้องพิทักษ์ดินแดนศักดิ์...สิทธิ์แห่งทุ่งกุลา และรักษาผลบุญของผู้แสวงธรรมในทุ่งกุลา ด้วยภาระหน้าที่นี้องค์นาคพันธ์จึงเป็นเทวนาคราช แห่งหอเทพกษัตริย์นาคา องค์เดียวที่มิได้พำนักอยู่ภายในหอเทพกษัตริย์นาคา (สถานที่ประดิษฐานรักษาสังขารของพระโพธิสัตว์ภูริทัตตนาคราช)
ชาติภพแห่งองค์นาคพันธ์นั้นเคยกำเนิดเป็นภิกษุในศาสนาของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า และได้บำเพ็ญบารมีมาเพื่อจักไปจุติเป็น 1 ในพระอสีติมหาสาวกแห่งพระศรีอริยเมตไตรย
ท้าวนาคพันธ์ปริวัตร เป็นพญานาคในวรรณะนาคราช ผู้ครองนครหริหราลัย ในภูมิทิพย์ ซึ่งเป็นภพภูมิที่ซ้อนอยู่ทีเมืองหริหราลัยซึ่งเป็นเมืองหลวงแห่งอาณาจักรเจนละที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 เป็นผู้สร้างขึ้น ซึ่งนั่นก็หมายความว่าองค์นาคพันธ์มีอายุมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 จนถึงปัจจุบันท้าวนาคพันธ์ปริวัตรนาคราช กำเนิดแบบโอปปาติกะ โดยเกิดจากฤทธิ์บันดาลขององค์พระฮะริฮะรา(ภาครวมของพระศิวะและพระนารายณ์) โดยมีเสี้ยวจิตแบ่งเป็นพลังตั้งต้น ดังนั้นองค์นาคพันธ์จึงเป็นพญานาคที่สืบสายมาจากพระศิวะและพระนารายณ์โดยตรง เป็นดั่งจิตตเทวะของพระฮะริฮะราในภพภูมิพญานาค ที่ถูกแบ่งจิตมาเพื่อทำงานรับใช้พระพุทธศาสนา และสั่งสมบารมีให้แก่จิตกำเนิดขององค์นาคพันธ์ที่จะต้องไปทำหน้าที่สำคัญในยุคของพระศรีอาริยเมตไตรยด้วยเช่นกัน
องค์นาคพันธ์เกิดจากพลังแห่งวงแหวนศิวะนาฏราช ซึ่งเป็นวงของพลังแห่งการสร้างสรรค์และการทำลายล้าง เป็นวงแหวนแห่งการหมุนวนของกระแสสองกระแสที่ตรงกันข้าม..แต่สมดุลย์ เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ด้วยการเกิดจากวงแหวนแห่งพลังการสรรค์สร้างและการทำลายล้างนี้ องค์นาคพันธ์จึงมีสังขารเป็นเทพอสูรย์ คือครึ่งเทพ ครึ่งอสูรย์ หรือที่ในเผ่าพันธุ์พญานาคเรียกกันว่า “เทพสุรนาคราช” (เท-พะ-สุ-ระ-นาค-คะ-ราช)
ด้วยเหตุที่องค์นาคพันธ์กำเนิดจากฤทธิ์แห่งพระศิวะและพระนารายณ์ องค์นาคพันธ์จึงมีตรีศูลที่แบ่งเสี้ยวมาจากตรีศูลแห่งพระศิวะ และจักรที่แบ่งเสี้ยวมาจากจักรแห่งพระนารายณ์เป็นเทพาวุธที่คอยคุ้มครององค์นาคพันธ์ ส่วนเทพาวุธประจำตัวองค์นาคพันธ์ เป็นเทพานาคาวุธ คืออาวุธแห่งเทพสายพญานาค คือ พระแสงศร (ยังไม่ปรากฏชื่อของพระแสงศร) โดยพระแสงศรนี้มีลักษณะหัวคันศรเป็นรูปพญานาค 7 เศียร และหางคันศรเป็นรูปหางพญานาค โดยมีเกล็ดเป็นเพชร ดวงตาพญานาคเป็นเพชรเพทายสีแดงก่ำ ส่วนลูกศรนั้นเป็นวัชระที่ปลายหัวลูกศร
พระเจ้าชัยวรมันที่๒ - นรคหริหราลัย - เทือกเขาพนมกุเลน
นครหริหราลัยแห่งภพภูมิมนุษย์เป็นเมืองหลวง 1 ใน 3 เมืองหลวงแห่งอาณาจักรเจนละที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 สร้างขึ้น โดยเป็นนครที่บูชาองค์พระหริหระซึ่งเป็นเทพองค์เดียวกับที่สร้างองค์นาคพันธ์ พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ทรงโปรดให้สร้าง "นครหริหราลัย" ขึ้นด้วยต้องการย้ายราชธานีจาก "อมเรนทรปุระ" มาที่ นครหริหราลัย หากหลังจากสร้างนครหริหราลัยได้ไม่นาน พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ก็ทรงสร้างราชธานีแห่งใหม่ขึ้นอีก ด้วยที่พระองค์ทรงเป็นวงศ์แห่งพระอาทิตย์ที่สืบเชื้อสายโดยตรงมาจากอาณาจักรฟูนัน พระองค์จึงทรงโปรดให้สร้างราชธานีใหม่ขึ้นมาบนเทือกเขาพนมกุเลนที่เปรียบเสมือนเขาไกรลาศแห่งพระอิศวรเพื่อสถาปนาพระองค์เองเป็นเทวราชาตามลัทธิไศวนิกาย โดยทรงโปรดให้สร้างเทวะสถาน และราชธานีแห่งใหม่ตามอย่างบรรพกษัตริย์ แล้วพระราชทานนามเขากุเลนว่า “มเหนทรบรรพต” และขนานนามราชธานีใหม่ว่า “มเหนทราปารวัตตา” หรือ “มเหนทรปุระ” หากแต่หลังจากสร้างราชธานีทั้ง 3 แล้วพระองค์กลับเลือกที่จะกลับมาประทับอยู่ที่ราชธานีแรกคือ "นครหริหราลัย" จนสิ้นพระองค์
หากเปรียบเทียบพื้นที่ของอาณาจักรเจนละในอดีตที่มี "นครหริหราลัย" เป็นราชธานีกับพื้นที่ในปัจจุบัน อาณาจักรเจนละที่บูชาองค์พระหริหระนั้นกินอาณาเขตมาถึงภาคอีสาณของประเทศไทยในปัจจุบัน หรือผืนดินศักดิ์สิทธิ์จะกินอาณาเขตเช่นเดียวกับพื้นที่ของอาณาจักรเจนละในอดีต
พญานาคพันธ์กับนครหริหราลัย
หริหราลัย ในภพภูมิทิพย์เป็นนครที่ซ้อนอยู่กับภพภูมิมนุษย์โดยเหลื่อมลอยอยู่เหนือผืนดิน 1 ศอก ครอบคลุมอาณาเขตผืนดินตามอาณาเขตพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระศาสนา ซึ่งอาณาเขตนี้กินพื้นที่บางส่วนของประเทศไทย
นครทิพย์นี้นั้นเกิดขึ้นมาตั้งแต่ก่อนสมัยอาณาจักรฟูนัน โดยผู้ครอบครองนครทิพย์นี้คือท้าวนาคพันธ์ปริวัตร 1 ใน 8 มหานาคราชแห่งมรกตนคร และเป็นมหานาคราชแห่งมรกตนครองค์เดียวที่ประทับอยู่นอกหอเทพกษัตริย์นาคา นครทิพย์แห่งนี้แตกต่างจากนครทิพย์อื่นๆ ที่ปรกติผู้ครองนครจะมีข้าราชบริพารบริวารและจิตทิพย์อื่น ๆ อยู่ในนครมากมายหลายดวงจิต หากแต่หริหราลัยทิพยนครนี้มีแต่เพียงท้าวนาคพันธ์ปริวัตรนาคราชและนาคราชอีก 3 องค์ประทับอยู่ในนครศักดิ์สิทธิ์นี้เท่านั้น
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย AUD เมื่อ 2013-4-16 21:37
ปราสาทนาคพันธ์
ลูกของพญานาคพันธ์มี ๒ องค์ องค์หนึ่งมีฤทธิ์อย่างมากเป็นอาวุธ ส่วนอีกองค์หนึ่งมีปัญญาอย่างมากเป็นศาสตรา ซึ่งในจารึกประวัติของปราสาทนาคพันบางฉบับ ก็ปรากฏชื่อของพญานาคสององค์ที่พันอยู่รอบปรางค์ปราสาทประธานของปราสาทนาคพันว่าองค์หนึ่งชื่อ ท้าวนันทะนาคราช และอีกองค์หนึ่งชื่อท้าวอุปานันทะนาคราช หากแต่ยังไม่ทราบว่าองค์นันทะ หรือองค์อุปาปะ องค์ไหนที่ใช้ฤทธิ์ องค์ไหนที่ใช้ปัญญา
พิษของนาคกับปราสาทนาคพันธ์
ในพระไตรปิฏกได้กล่าวถึงพิษของพญานาคไว้ 4 ประเภทด้วยกัน
กฏฐ์มุข พิษซึ่งทำให้แข็งไปหมดทั้วตัว ยุติการทำงานทั้งปวง
ปูติมุข พิษซึ่งทำให้ธาตุน้ำกำเริบ เน่าบวมเสื่อมสลาย
อัคคิมุข พิษซึ่งทำให้ธาตุไฟกำเริบ เกิดอาการเร่าร้อน แผลเป็นริ้วดั่งไฟ
สัตถมุข พิษรวดเร็วรุนแดงดั่งต้องอสนีบาต อธิบายได้ว่าเหมือนโดนฟ้าผ่า
ลักษณะของพิษนาคทั้ง 4 ประการนี้มีปรากฏในพระอภิธรรมมัตถสังคหฏีกา ปริเฉทที่ 5 ซึ่งจัดหมวดหมู่พญานาคตามลักษณะพิษที่แสดงผล
ซึ่งตามความเชื่อบางตำนาน องค์นาคพันธ์ นั้นสามารถพ่นพิษได้ทั้ง 4 ชนิด และใช้พิษนั้นในการรักษาขอบเขต และควบคุมธาตุทั้ง 4 ในอาณาเขตด้วยฤทธิ์แห่งพิษนั้น
อาจเป็นด้วยเหตุแห่งองค์นาคพันธ์เป็นผู้คุมพิษนาคแห่งธาตุทั้ง 4 ที่มีอำนาจในการรักษาและถอนอาถรรพ์ ปราสาทนาคพันธ์แห่งพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 จึงมีทางน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ล้นจากปราสาทปรางค์ประธานออกมาในทิศทั้ง 4 โดยน้ำที่ไหลออกมาในแต่ละทิศนั้นใช้สำหรับรักษาโรคตามธาตุของผู้ป่วย
โดยน้ำที่ไหลออกทางช่องน้ำรูปหัวช้างทางทิศเหนือใช้รักษาผู้ป่วยธาตุน้ำ น้ำที่ไหลออกทางช่องน้ำรูปหัวสิงห์ทางทิศใต้ใช้รักษาผู้ป่วยธาตุไฟ น้ำที่ไหลออกทางช่องน้ำรูปหัวม้าทางทิศตะวันออกใช้รักษาผู้ป่วยธาตุลม และน้ำที่ไหลออกทางช่องน้ำรูปหัวมนุษย์ทางทิศตะวันตกใช้รักษาผู้ป่วยธาตุดิน
http://www.g-pra.com/webboard/showimage.php?table=data&No=238942&date=2011-02-12&data=front
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ ขอบคุณค่ะสำหรับข้อมูล ณ ขณะนี้พระวรกายสีขาวแล้ว aaaay1215 ตอบกลับเมื่อ 2017-7-28 20:38
ณ ขณะนี้พระวรกายสีขาวแล้ว
ทราบได้อย่างไรครับ Guinanga ตอบกลับเมื่อ 2017-7-28 21:50
ทราบได้อย่างไรครับ
^_^
หากจะตอบเรื่องนี้ ไม่สามารถบอกได้โดยทั้งหมด
บอกได้เพียงท่านให้รู้
เหมือนพ่อรู้ ลูกหน้าตาเป็นอย่างไร
คำตอบก็เป็นเช่นนั้นค่ะ
หน้า:
[1]
2