"ตะรังตังช้าง"
https://sites.google.com/site/tnmithikilsuyphanth/_/rsrc/1453192632408/tn-mi-thi-mi-phis/12.jpg.ต้นไม้ที่เห็นเป็นต้น...ช้างร้องหรือต้นหาญ...หรือตรังตังช้างครับ...เป็นพืชมีพิษร้ายแรงเวลาโดนผิวหนัง...จะปวดแสบปวดร้อน...คันอย่างรุ่นแรงมาก..มากว่าตำแย..และหมามุ่ย..หลายเท่าตัว
วิธีแก้พิษ...สูตรพรานป่า...ต้องใช้น้ำมันงูเหลือมหรืองูหลามครับทาตรงที่โดนครับ....ห้ามล้างน้ำก่อนนะครับ...จะยิ่งทำให้พิษรุ่นแรงมากขึ้น
"ตะรังตังช้าง"https://sites.google.com/site/tnmithikilsuyphanth/_/rsrc/1453192791716/tn-mi-thi-mi-phis/000.jpg
ชื่อเรียกว่า "กะลังตังช้าง" ท้องถิ่นเรียกว่า "รังตังช้าง" ปักษ์ใต้เรียก "ลังตังช้าง" ภาคพายัพเรียก "หานเดื่อ" ส่วนทางทหารเขียนว่า "ตะรังตังช้าง"
ลักษณะ...เป็นต้นไม้พุ่มขนาดใหญ่หรือไม้ยืนต้นขนาดเล็ก มีใบโตขนาดใบสัก เป็นขนสีขาวออกหนาตลอดต้น ไม้ชนิดนี้ ขนออกมันมีพิษ ถ้าไปถูกเข้า ขนของมันก็จะคายพิษออกมาทำให้เกิดอาการคัน ผู้ที่ถูกเข้าจะมีอาการคันและเกาจนหนังถลอกเป็นแผลเรื้อรัง อาการเจ็บปวดเป็นกำลัง น้ำเหลืองจะแตกออกเป็นแผล ซึมออกไปทำให้เป็นแผลต่อไปอีก บางทีมีอาการแสบปวดร้อน บวม และอาการแน่น ถึงตายได้ ถ้าถูกขนติดมากไป
เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ได้มีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวรีแล็กซ์ ที่จังหวัดเลย ได้ไปเที่ยวที่เชียงคาน ได้ไปเที่ยวที่ภูหลวงรู้สึกประทับใจมากเลยครับ ทั้งนี้ ก็เลยไปเก็บเอาบรรยากาศต่าง ๆ มาเพียบเลยครับ แต่ได้ไปอ่านป้ายตามเส้นทางเดินป่าที่เขียนว่า “อันตรายจากพืช” ผมสะดุดกับคำนี้มากเลยครับ ผมเลยนึกถึงพืชอันตรายชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า “ตะลังตังช้าง”
https://lh3.googleusercontent.com/-I2EUsav7ZOY/TfN140ZsT0I/AAAAAAAABR4/n1QU_xs6c7o/s288/A5571786-11.jpg
ที่จริงผมเองรู้จักกับเจ้าพืชนี้มาได้พอสมควรแล้วล่ะครับ เพราะสมัยเรียนประถม ได้อ่านบันทึก เสด็จประพาสต้น ของ ร.5 และหลังจากนั้นผมก็ลืม จนกระทั้ง ผมได้ไปพบอีกครั้งที่จังหวัด นครศรีธรรมราช แต่ในการพบครั้งนั้น ผมยังไม่มีความสามารถพอที่จะเขียนบทความแบบนี้ มาถึงตอนนี้ เลยขอนำเสนอตะลังตังช้างครับ
ที่จริงแล้วพืชที่ชื่อ “ตะลังตังช้าง”อาจมีลักษณะ ที่แตกต่าง กันไปตาม สภาพพื้นที่นะครับ แต่ถ้า ดูโดยรวมก็หมายถึงพืชมีพิษ ชนิดหนึ่ง ซึ่งที่มาของชื่อนี้ก็มาจากพิษของมันที่สามารถทำให้สัตว์ใหญ่อย่างช้างกลัวได้นั่นเองครับ แต่ที่ผมจะนำเสนอ ผมจะนำเสนอ ดังนี้ครับ
พืชชนิดที่ 1เป็นพืชที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ Laportea crenulata Wedl.ชื่อพ้อง Dendrocnide sinuate Chew.และมีชื่ออังกฤษ Devil Nettle; Elephant Nettle; Fever Nettleจัดอยู่ในวงศ์ Urtiaceae
ตะลังตังช้างเป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ใบรูปไข่ปลายใบแหลมขอบใบเรียบหรือเป็นคลื่นช่อดอกออกที่ง่ามระหว่างใบกับลำต้น เป็นช่อดอกชนิดที่ดอกตรงกลางบานก่อน เกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียแยกกันอยู่ต่างดอกบนพืชต้นเดียวกัน
ส่วนที่เป็นพิษคือ Stinging hair ซึ่งอยู่ตามลำต้น กิ่ง ใบ
ซึ่งสารพิษที่พบได้ในพืชชนิดนี้ก็คือ formic acid ซึ่งจะพบได้ในส่วน stinging hair นั่นเองครับ
ความเป็นพิษ กะลังตังช้างเป็นพืชที่มีพิษมาก ถ้าขนถูกศีรษะทำให้ผมไหม้และเกิดการเจ็บปวดเป็นเวลานานหลายวัน ความเป็นพิษของพืชนี้รุนแรงมากในขณะที่มีดอก ถ้าถูกทำให้จามนอนไม่หลับเพราะความเจ็บปวด และเป็นไข้ ในบางท้องถิ่นของประเทศมาเลเซียใช้ขนของพืชนี้ผสมกับน้ำคั้นจากต้นยางน่อง (Antiaris toxicaria (Pers.) Lesch.) อาบลูกศร
ส่วนพืชชนิดที่ 2 นี้ มีชื่อเรียกเช่นเดียวกันคือ
จะเป็นพืชที่มีชื่อทางพฤษศาสตร์.....Laportea Stimolnsและจัดอยู่ในวงศ์ Urticaceaeซึ่งมีชื่อเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า "กะลังตังช้าง" ท้องถิ่นเรียกว่า "รังตังช้าง" ปักษ์ใต้เรียก "ลังตังช้าง" ภาคพายัพเรียก "หานเดื่อ" ส่วนทางทหารเขียนว่า "ตะรังตังช้าง"
ลักษณะของพืชชนิดนี้.เป็นต้นไม้พุ่มขนาดใหญ่หรือไม้ยืนต้นขนาดเล็ก มีใบโตขนาดใบสัก เป็นขนสีขาวออกหนาตลอดต้น ไม้ชนิดนี้ ขนออกมันมีพิษ ถ้าไปถูกเข้า ขนของมันก็จะคายพิษออกมาทำให้เกิดอาการคัน ผู้ที่ถูกเข้าจะมีอาการคันและเกาจนหนังถลอกเป็นแผลเรื้อรัง อาการเจ็บปวดเป็นกำลัง น้ำเหลืองจะแตกออกเป็นแผล ซึมออกไปทำให้เป็นแผลต่อไปอีก บางทีมีอาการแสบปวดร้อน บวม และอาการแน่น ถึงตายได้ ถ้าถูกขนติดมากไป
[*]ส่วนในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน บอกว่า
ตะรังตังช้างหมายถึง... ชื่อไม้ต้นขนาดกลางชนิด Dendrocnide sinuata (Blume) Chew ในวงศ์ Urticaceae ใบใหญ่ ขอบจัก ถูกเข้าจะปวดคันและเป็นผื่นตามผิวหนัง
เอาไว้เท่านี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวว่าง ๆ จะมาเล่าให้ฟังอีก
เมื่อก่อนเคยปลูกไว้ครับ
ต่อมาหลานไปโดนเข้า
เลยตัดทิ้งหมดเลย อันตราย
หน้า:
[1]